ซึ่งกลุ่มพวกนี้นั้นมีเป้าหมายก็คือสำรวจยูโทเปียและรายงานจุดอ่อน จุดแข็งรวมไปถึงข้อมูลสำคัญกลับไปให้กับฝ่ายที่ตนอยู่ และปัจจุบันนั้นก็มีกลุ่มสปาย กลุ่มหนึ่งที่หลุดรอดเข้ามาเยอะขึ้นเป็นอย่างมาก จนดูจะกลายเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ไปแล้วนั้นก็คือ กลุ่มของรินรินเท กลุ่มที่อยู่ภายใต้การควบคุมของจอมมาร และในตอนนี้นั้นหัวหน้ากลุ่มก็กำลังนั่งอยู่ในจุดรับรองของกิลล์นักพจญภัยประเมืองนี้อีกต่างหาก เธอกำลังเดินไปหยิบเอาหนังสือเล่มหนึ่งจากชั้นวาง
“ เงินก็จ่ายไปแล้วแถมจ่ายไปเยอะซะด้วยสิตั้งหลายแสนเครดิต แต่ว่าจู่ๆก็อนุญาตให้ใช้เงินเยอะขนาดนี้ แสดงว่าใกล้แล้วสินะ? ”
หญิงสาวในรูปลักษณ์ของหนุ่มรูปงามผมสีดำที่มีหูแมวและสวมชุดคล้ายพ่อบ้านนั้น ตอนแรกเธอคงไม่ได้มาที่นี้จากการที่เก็บเงินได้ยังไม่ถึงเป้าหมาย แต่ด้วยเหตุการณ์ผู้คนต่างแห่กันเข้ามานี้เองทำให้การเข้ามาของสปายนั้นมากขึ้น และกลุ่มของเธอก็ได้ทยอยเอาเงินมาส่งตรงให้กับเธอ ทำให้รินรินเทเริ่มลงมือจะลงหอคอยที่ 1 แล้วนั้นเอง
ตึก ตึก ตึก ฟุบ
“ เอาล่ะ… ไหนดูสิ คำเล่าจากปากนักพจญภัยพวกนั้นจะตรงกับในหนังสือนี้หรือเปล่า ”
โดยพอเจอหนังสือที่เธอต้องการ รินรินเทก็เดินกลับไปนั่งที่โซฟาซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่มากนักเพื่ออ่านมันรอในระหว่างที่พนักงานประจำกิลล์จะติดต่อหานักพจญภัยมาคุ้มกันตามเงินที่เธอได้จ่ายไปเสร็จ ซึ่งระหว่างที่รอการดำเนินการเธอก็ได้เลือกหนังสือนี้มาอ่าน หนังสือที่มีเฉพาะในกิลล์นักพจญภัย มันคือ “บันทึกเรื่องราวการสำรวจหอคอยแห่งการทดสอบที่ 1 ของปาร์ตี้ผู้ตามหาทาง” เขียนโดยอัศวินดาบคู่ ทั้งหมดก็เพื่อจะนำเรื่องในนั้นส่งให้กับนายหญิงของเธอ
“ หึ แค่ภาพรองหน้าปกก็วาดซะเหมือนนิยาย แบบนี้ทั้งเล่มก็คงเป็นแค่เรื่องแต่งของชายช่างฝันที่ไม่ได้ลงไปข้างล่ะมั้ง ”
อย่างไรก็ตามตอนแรกก่อนที่เธอจะได้อ่านมัน รินรินเทก็ได้ฟังคำพูดจากนักพจญภัยมาบ้าง ซึ่งแน่นอนล่ะว่า เธอคิดว่าทั้งหมดเป็นเรื่องแต่ง จากการที่ทุกอย่างนั้นเกินจากสามัญสำนึกไปมาก เพราะนักพจญภัยต่างบอกเหมือนกันเลยว่า ปาร์ตี้นี้แข็งแกร่งจนจัดการทุกอย่างโดยง่ายราวกับ มอนสเตอร์แสนอันตรายพวกนี้นั้นเป็นเพียงสัตว์ป่าธรรมดา ทว่าพอเธอพลิกไปได้เพียงไม่กี่หน้า สีหน้าของเธอซีดลงอย่างเห็นได้ชัด
“ม ม มันอยู่ที่นี้…อึก ถ้ามีไอเจ้าสัตว์ประหลาดนี้อยู่ล่ะก็… ”
รินรินเทนั้นเปลี่ยนความคิดก่อนหน้านี้ในทันที เธอหลุดปากพูดออกมาด้วยเสียงที่สั่นเทาเมื่อได้เห็นรูปลักษณ์ในภาพวาดเสมือนพร้อมชื่อประกอบของสมาชิกที่มีอยู่ของปาร์ตี้ผู้ตามหาทาง หนึ่งในนั้นคือคนที่เธอไม่อาจจะลืมลงได้ [ มาร์ ซันเบิร์น ] เป้าหมายที่เธอไม่อาจฆ่าได้เขาอยู่ในตำแหน่งของซัพพอร์ตเตอร์และหัวหน้าปาร์ตี้จากการที่มีแรงค์สูงที่สุด คือ S และนี้จึงทำให้เธอตั้งใจอ่านกว่าเดิมเป็นอย่างมาก เพราะทุกอย่างในนี้ล้วนหน้าเชื่อถือทันทีที่มีชายคนนั้นปรากฎอยู่
[ นี้สินะ… หอคอยที่ 1 ]
โดยเธอยิ่งอ่านก็ยิ่งประหลาดใจ เพราะตอนต้นนั้นทุกอย่างมันน่าตื่นเต้นไปหมด ทั้งการมุ่งผ่านไม่เน้นหาของทั้งยังทิ้งสมบัติพวกนั้นไว้แบบไม่ใยดีใดๆซึ่งก็ตามคาดนี้เป็นการตัดสินของหัวหน้าปาร์ตี้อย่างมาร์ ที่เขาคนนี้เลือกที่จะฝ่าไปเพื่อไปให้ลึกที่สุดมากกว่ารางวัลที่จะได้ แต่ยังไงก็ตามความน่ากลัวที่ทำให้รินรินเทถึงกับสะดุ้งก็เกิดขึ้น เมื่อเธออ่านถึงส่วนของการเจอผู้เฝ้าชั้น
“ อึก… กรอด… สุดท้าย สัตว์ประหลาด ก ก ก็คือสัตว์ประหลาดสินะ ”
รินรินเทไม่ได้กลัว เจ้าผู้เฝ้าชั้นนั้นเลยแม้แต่น้อย ทว่าเป็นตัวของเด็กชายในบันทึกนั้นต่างหาก ภาพปรากฎที่ประกอบอยู่นั้นคือเขาใช้มือเพียงข้างเดียวฆ่ามัน ฆ่าสิ่งมีชีวิตที่ดูอันตรายนั้น สำหรับคนอื่นนี้มันเป็นเรื่องโกหกไม่ก็สีสันในบันทึกเท่านั้น ทว่ารินรินเทรู้ดีว่ามันไม่ใช่ มันไม่ใช่เลย นั้นน่ะเป็นความจริงแน่ๆ ภาพในอดีตตอนที่เธอเกือบตายมันรื้อฟื้นกลับมา ภาพกับดัก ภาพรอยยิ้มจางๆของเด็กคนนั้นที่ยังหวนกลับมาหลอกหลอนในความฝันของเธอเป็นครั้งครา
“ ท่านรินรินเทครับ ท่านรินรินเท? ”
“ อ่ะ ค่… ครับ??? ”
“ ตอนนี้ทางเราได้รับการติดต่อจากนักพจญภัยที่สนใจมาเรียบร้อยแล้วนะครับ ยังไงเรียนเชิญรอนักพจญภัยที่ห้องรับแขกของพวกเราก่อนดีกว่านะครับ ”
“ งั้นเหรอครับ รบกวนด้วยนะครับคุณพนักงาน ”
ยังไงก็ตามระหว่างที่เธอกำลังตกอยู่ในความกลัวนี้ เสียงของพนักงานก็ได้เรียกสติเธอกลับมา เธอหันไปยิ้มให้ก่อนจะเก็บหนังสือแล้วลุกขึ้นเดินตามคำเชิญนั้น เพื่อไปยังห้องรับแขกพิเศษซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียงเล็กน้อย ซึ่งพอมาถึงรินรินเทก็นั่งลงยังที่นั่งรับรองพร้อมกับมีพนักงานสาวคนนึงก่อนได้นำเครื่องดื่มมาเสิร์ฟให้ รินรินเทไม่ได้พูดอะไรกับพนักงานคนนี้นอกจากยิ้มให้ ซึ่งพนักงานเองพอได้รับรอยยิ้มจากหนุ่มหล่อ(?) เธอก็เคลิ้มไปชั่วครู่ก่อนจะขอตัวออกไป
… … ก็อก ก็อก
“ ขออนุญาตนะครับท่านรินรินเท ”
แอ๊ดดดด
[ คนแรกก็ดูไว้ใจได้เลยนะ วอร์บีสต์สายกำลังแบบนั้น ]
โดยเวลาก็ผ่านไปไม่นานนัก พนักงานคนเดิมที่เชิญรินรินเทจะเปิดประตูพร้อมกับเชิญกลุ่มคนเข้ามาในห้องอีกครั้ง ซึ่งนั้นก็คือกลุ่มนักพจญภัยตามเข้ามาทีละคน โดยไล่เรียงจากที่เห็นคือ คนแรกเป็นชายผิวเข้มกล้ามโตผู้มีหูหมีที่และสวมเสื้อกล้ามสีขาวกางเกงสีดำ
[ เอล์ฟ? กับ เห…อิมพ์? ไม่สิ เขาเล็กๆนั้น ปีศาจชั้นบารอน? แล้วก็ อีกคนก็ชาโดว์ลิ่งสินะ ]
คนที่สองเป็นชายเผ่าเอล์ฟผมหยิกสีฟ้า สวมเสื้อผ้าธรรมดาที่ดูไม่น่าจดจำอะไรนอกจากรอยยิ้มที่สบายๆนั้น คนที่สามกับสี่เป็นชายหญิงที่เหมือนจะเป็นนักเวทย์จากคฑาที่ทั้งคู่ถือ โดยทางด้านของผู้หญิงนั้น เธอเป็นเพียงหญิงสาวตัวเล็กๆที่มีเขาสีดำสนิทคู่หนึ่ง เธอนั้นตัวเล็กเกือบจะเท่าเด็กประถมทว่าเธอนั้นมีผมยาวสีชมพูที่มีปลายผมด้านหน้าสีขาวสองข้างและใบหน้าที่งดงาม แต่ชุดที่เธอสวมใส่นั้นก็แสนจะเปิดเผยผิวอันอ่อนวัยสุดๆ ไม่ว่าจะชุดผ้าบางลายลูกไม้ รองเท้ายาวที่รัดยาวจนถึงต้นขาทำให้เห็นขาอ่อนได้อย่างง่ายดาย ยังไงก็ตามผู้หญิงคนนี้นั้นเธอดูจะสนใจรินรินเทอย่างประหลาดผ่านสายตาที่มองผ่านแว่นกลมสีดำ
ส่วนฝั่งผู้ชายเองก็เป็นเผ่าปีศาจที่มีหูยาวและผมดำทักเปียยาวโดยผมที่ถูกทักไว้นั้นล้วนแล้วแต่กลายเป็นสีน้ำตาล เขาสวมชุดสีเทากับผ้าคลุมไหล่สีน้ำเงินขอบสีเหลืองอ่อน โดยใบหน้านั้นดูอ่อนวัยมาก ทว่าพอมองดูดีๆจะเห็นว่าเขาไม่ได้มาคนเดียว เพราะบนไหล่ บนหัวและบนมือนั้นกำลังมีสิ่งมีชีวิตเป็นเงาสีดำวิ่งเล่นอยู่ พวกมันมีหูยาวคล้ายกระต่ายแต่รูปร่างเหมือนตุ๊กตาเสียมากกว่า
“ อ๊ะ!!! เธอ?!?! ”
ทว่าพอมาถึงคนสุดท้ายนั้นก็ทำให้รินรินเทถึงกับกระพริบตามองดูแล้วมองดูอีก เธอจำหน้านั้นกับท่าทางที่ดูมั่นใจในตัวเองสุดๆได้ หญิงสาวผิวสีช็อกโกแลตตัวสูงไม่มากราว 165 เซนติเมตร ตาเธอนั้นช่างฟ้าเปร่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาว โดยตัวของหญิงสาวผู้แสนงดงามนี้นั้นมีผมสีทองบลอนซ์ปลายสีชมพูไฮไลต์สีขาวไว้ทรงไซด์เทลที่ดูฟูฟ่อง เธอนั้นแต่งหน้าอย่างพอดี ขอบตาอายชาโดว์สีดำที่ทำให้ตาขมสวย ลิปสติกสีแดงที่ทำให้ปากเธอนั้นอิ่มเอมสุดๆ ไหนจะบลัชอ่อนๆที่ทำให้แก้มนั้นดูอิ่มเอม พร้อมกับชุดเสื้อเชิร์ตสีขาวหรูหราและกระโปรงเอี้ยมสั้นๆสีดำที่ดันหน้าอกอันแสนจะพอดีของเธอเอาไว้ ถุงเท้ายาวสีดำและรองเท้าบู๊ทหนังสีเดียวกับถุงเท้าแต่ว่าเชือกที่ใช้ทักนั้นเป็นข้างละสี ซ้ายแดง ขวาชมพู
นอกจากนี้แล้วเธอยังสวมเครื่องประดับมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสายรัดคอสีดำที่มีกางเขนเหล็กห้อยไว้ ต่างหูโซ่ที่เจาะไล่จากติ่งหูขึ้นไปถึงบนสุด และเด่นไม่แพ้กันคือเขาสีดำของเธอที่มีการลงลายวาดสวยงามด้วยสีชมพูเรืองแสง เธอที่เห็นรินรินเทก็หันหน้ามามองพร้อมกับโบกมือและส่งรอยยิ้มสุดแสนจะงดงามให้ก่อนจะกล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะจนนักพจญภัยก่อนหน้าหันมามอง
“ โอ้! พี่ชายที่ทำงานร้านนั่งดริ๊งค์นี้ เอ? หรือจะเรียกว่าร้่านโฮสดีล่ะ ฮ่าๆๆ เจอกันอีกแล้วนะคะ ”
คำพูดกับท่าทางนั้น ขนาดผู้หญิงอย่างรินรินเทก็เกือบจะหลุดอาการหลงตามเลยทีเดียว ยังไงก็ตามพนักงานที่ตามเข้ามานั้นก็ปิดประตูแล้วเริ่มเดินผ่านทุกคนที่กำลังเหม่อเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าของรินรินเท พร้อมกับโค้งคำนับและกล่าวแนะนำตัวทุกคนให้กับรินรินเทโดยไล่ไปตามลำดับของคนที่เดินเข้ามา
“ ท่านรินรินเทครับ ต่อจากนี้ผมจะขออนุญาตแนะนำสมาชิกนะครับ ท่านแรก วอร์บีสต์ นามว่า ฟูฟุน เป็นนักดาบใหญ่แนวหน้าสายปะทะ และเป็นนักพจญภัยระดับ B ที่มีประสบการณ์ลงดันเจี้ยนนี้ไม่น้อยกว่า 20 ครั้งครับ ”
“ อ่า ข้า ฟูฟุน ยินดีที่ได้รู้จัก ”
ชายร่างกำยำนั้น ทักทายด้วยเสียงที่เข้มและทุ้มต่ำจนทำเอาตอนที่พูดนั้นพื้นถึงกับสั่นสะเทิือนเลยทีเดียว ยังไงก็ตามเขาก็ไม่ได้แสดงท่าทีเป็นภัยหรือกร่าง หรือดูอันตรายแต่อย่างใด กลับกันสายตาของเขาดูให้ความรู้สึกปลอดภัยสุดๆเลยก็ว่าได้
“ ท่านถัดไปนะครับ มีนามว่า เคนโต เป็นนักธนูทลายปราการ ที่ขึ้นชื่อเรื่องการกำจัดมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ผ่านลูกธนูอันทรงพลังของเขา ซึ่งคุณเคนโตเป็นนักพจญระดับ A- หน้าใหม่และมีประสบการณ์ลงดันเจี้ยนที่นี้รวม 10 ครั้ง ครับ ”
“ โอ้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคุณผู้ว่าจ้าง ”
คราวนี้เอล์ฟหนุ่มก็ได้กล่าวทักทาย รินรินเทด้วยท่าทางสบายๆตามบรรยากาศรอบตัวของเขา แต่ว่านะไม่รู้ทำไมเขาถึงจ้องมองมาที่หน้าอกของรินรินเท ก่อนจะเงยหน้ามองของเธอแล้วทำท่าทีสับสนก่อนจะหลับตาลงส่ายหน้าแล้วหันกลับไปมองหน้าต่างข้างหลังเธอแทน หน้าต่างที่สะท้อนให้เห็นภาพคนในห้องนี้…และสายตาของชายคนนี้ก็ไปจบลงที่หญิงสาวคนสุดท้าย
“ ส่วนคนถัดมาที่จะมารับหน้าที่คอยซัพพอร์ตก็คือ คุณ ฟิโอเน่ เป็นปีศาจชั้นบารอน ผู้มีอาชีพหายากอย่าง นักเวทย์ทำนาย ที่สามารถคาดการณ์ในอนาคตอันใกล้ล่วงหน้าได้ครับ เธอเป็นนักพจญภัยระดับ A- ประวัติการลงดันเจี้ยนนี้ก็รวมๆ 15 ครั้ง แต่ว่าสามารถไปได้ลึกถึงชั้นที่ 40 เลยล่ะครับ ”
“ เหะๆ ไม่เอาน่า ไม่เอาน่า ชั้น 40 นั้นไม่น่าภูมิใจหรอกเนอะ คุณรินรินเท ”
ปีศาจชั้นบารอนผู้นี้ เบือนหน้าหนีรินรินเท ก่อนจะแสยะยิ้มและมองด้วยหางตากลับมาที่ตัวของเธอ โดยท่าทีนั้นไม่อาจจะบอกได้ว่า เขินอายหรืออะไร แต่ที่แน่ๆ รินรินเทรู้สึกได้เลยว่าผู้หญิงคนนี้มีเป้าหมายอื่นนอกจากการคุ้มกันเธอ
“ ส่วนชายผู้นี้ก็เป็นสมาชิกและคู่หูของคุณฟิโอเน่ เขามีชื่อว่า ลังก้า และเป็นนักเวทย์สายจู่โจมกับสร้างดีบัฟ มีนามว่าลังก้าครับผม และแน่นอนว่าเขาเองก็เป็นนักพจญภัยระดับ A- ที่มีประสบการณ์การลงดันเจี้ยนนี้แบบเดียวกับคุณฟิโอเน่ครับท่านรินรินเท ”
“ อื้ม! ยินดีที่ได้รู้จักนะฮะ ยังไงก็มาพยายามไปด้วยกันนะ ”
ลังก้านั้นหยุดเล่นกับเหล่าตุ๊กตาเงาของเขา ก่อนจะหันมาทักทายรินรินเทด้วยการโบกมือและยิ้มจางๆให้ ทำให้รู้สึกได้เลยว่าบรรยากาศรอบๆตัวชายคนนี้นั้นช่างจางและผ่อนคลายเสียเหลือเกินจนขนาดที่ถ้าเผลอตัวก็คงหลับได้เลยทีเดียว
“ คนสุดท้ายเธอมีชื่อว่า มาเร่ เป็นนักเรียนสายภาคสนาม ชั้นปีที่ 4 จากโรงเรียนหลวงประจำยูโทเปีย แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในส่วนที่ทางท่านรินรินเทได้ชำระมา แต่ทางเราก็ได้บรรจุเธอลงปาร์ตี้เนื่องจากโครงการฝึกงานที่ทางกิลล์ได้ทำไว้ แน่นอนว่าเพื่อความปลอดภัยพวกเราได้ทำการสอบวัดเธอเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ คุณมาเร่นั้นมีระดับเทียบเท่ากับนักพจญภัยแรงค์ B และยังเป็นผู้ใช้ปืนอีกด้วย ดังนั้นมั่นใจได้ว่าเธอจะเป็นประโยชน์ได้แน่นอนครับ ”
“ เห่ะ เหะ!! มาเร่เองค๊า!! ยินดีที่ได้รู้จักทุกคนนะคะ แล้วก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะรุ่นพี่ แล้วก็คุณรินรินเท!! ”
“ โอ้! เช่นกันเช่นกัน! ”
“ แหมๆๆ สาวสวยมาขอจับมือแบบนี้่ผมก็เขินนะครับเนี่ย ฮ่าๆๆ ยินดีครับยินดี ”
“ หึ…แค่เป็นพิธีนะยะ อ่า แล้วก็อย่ามาเป็นภาระตอนลงไปข้างล่างล่ะ ”
“ นั้นสินะครับ ขอโทษแทนฟิโอเน่ด้วยน้า ถึงเธอจะพูดแบบนั้นแต่จริงๆก็เป็นห่วงแหล่ะ ”
“ เดี๋ยวเถอะ!! ลังก้า!! ”
“ มาเร่สินะครับ ยินดีที่ได้รู้จักนะ ต่อจากนี้ก็สู้ๆล่ะ อ๋อ แล้วถ้าฟิโอเน่แกล้งก็มาบอกผมได้เลยนา ”
เธอคนนี้นั้นต่างออกไปเพราะพอเธอกล่าวทักทายอย่างเป็นการเองสุดๆเสร็จ แล้วก็ไล่เดินจับมือกับทุกคนตั้งแต่ฟูฟุน ไปจนถึงลังก้า โดยแต่ละคนก็แสดงท่าทีต่างออกไป ฟูฟุนนั้นยิ้มให้อย่างอบอุ่นพร้อมกับจับมืออย่างเต็มใจ เคนโตหมอนี้ก็ยิ้มแบบเอ่อ…หื่นๆพร้อมกับจับมือไปด้วย ส่วนฟิโอเน่นั้นเธอยังคงเบินหน้าไม่มองตรงๆแล้วยื่นมือมาให้มาเร่ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่ดุ ทว่าคนข้างๆกันอย่างลังก้าก็พูดขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มจางๆประจำตัว คำพูดนั้นทำให้ฟิโอเน่หน้าแดงและรีบดึงมือกลับไป ส่วนลังก้านั้นก็เดินเข้ามาพร้อมกับเช็คแฮนด์กับมาเร่ด้วยท่าทีเป็นมิตรสุดๆ
“ รบกวนอีกแล้วนะคะเนี้่ย แหะๆ ”
“ อ๊ะ?!? ค่ะ… ครับ!! ”
โดยทางมาเร่นั้นพอจับมือกับทุกคนเสร็จแล้ว เธอก๋็มายืนอยู่ตรงหน้าของรินรินเท พร้อมยื่นมือเข้ามาหาเธอพร้อมกับจับมือเช็กแฮนด์ด้วยรอยยิ้มที่สดใส ทำเอารินรินเทถึงกับหน้าแดงจนลืมปล่อยมือมาเร่เลยทีเดียว และมาเร่ที่เห็นแบบนั้นก็พูดออกมาด้วยเสียงที่เบาเหมือนกับกระซิบ คำพูดที่ไม่มีใครรับรู้ได้นอกจากมาเร่
“ แหมๆ ยืนเหม่อแบบนี้ไม่ดีเลยน้าา แต่ไม่เป็นไรยืนต่อไปก่อนก็ได้เพราะไม่นานหรอก…ก็จะไม่มีเวลาให้มายืนแบบนี้แล้วล่ะ ก็นะต้องเตรียมวิ่ง…หนีจากเรานี่น่า ”
…….
MANGA DISCUSSION