“ อ่า…จะเอายังไงดีนะทีนี้ ”
หน้าทางออกของบันไดประจำชั้น 100 ชั้นสุดท้ายของหอคอยนี้ ปาร์ตี้ Pathfinder กำลังยืนมองดูภาพเมืองอันห่างออกไปหลายกิโลเมตรตรงหน้า แน่นอนแต่ละคนก็มีท่าทีต่างกันออกไป อคโตยืนดูอย่างเงียบสงบข้างๆนายท่านของเธอที่ตอนนี้กำลังใช้มือกุมคางของตนราวกับว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ส่วนคอนเซนเทลน่ะเหรอ หมอนั้นน่ะนั่งลงหมดแรงไปกับพื้นจากการที่ได้เห็นเมืองนั้น
“ พ พ พวกมอนสเตอร์นั้นมันอยู่เต็มไปหมดแบบนั้น อึก ”
“ เอาน่า อย่าพึ่งรีบตกใจไปเลยคอนเซนเทล ยังไงวันนี้ผมก็คงไม่บุกเข้าไปหรอกเพราะว่าอีกฝั่งเล่นเป็นเมืองแบบนี้นี่เนอะ งั้นก็ อคโตฝากไปหาที่ตั้ง FOB ให้ที อ๋อ แล้วก็พาคอนเซนเทลไปด้วยนะ เดี๋ยวผมจะออกไปตรวจสอบอะไรนิดหน่อยน่ะนะ ”
“ รับทราบค่ะ แต่ว่า FOB ที่จะให้สร้างนี้คุณมาร์ปรารถนาให้เป็นแบบใดอย่างงั้นเหรอคะ ”
อคโตนั้นเข้าใจในสิ่งที่มาร์ได้สั่ง มันคือการบอกให้เธอไปสร้างฐานปฏิบัติการแนวหน้า หรือก็คือ FOB [forward operating base ] แต่ว่าเธอก็ต้องถามกลับไปด้วยความสงสัย เพราะว่าในสถานการณ์นี้เธอไม่มั่นใจว่านายท่านของเธอจะให้สร้างแบบไหน แบบปกติที่เธอคอยสร้างให้ หรือแบบอื่น
“ อ่า เอาแบบพรางล่ะกัน ก็นะ กำลังพลมีแค่ 3 จะไปเปิดฐานบนดินตามปกติก็คงจะไม่ใช่เรื่องล่ะเนอะ ”
“ ค่ะ เข้าใจแล้วค่ะ จะดำเนินการให้นะคะ … ”
เมื่อยืนยันได้แล้วอคโตก็โค้งคำนับลงก่อนจะเริ่มเดินตรงไปทางคอนเซนเทล ที่ตอนนี้กำลังตกอยู่ในความสับสน เพราะว่าสิ่งที่มาร์กับอคโตพูดนั้นคืออะไร แต่ก็นะ เขาไม่มีโอกาสจะได้ถามเลยด้วยซ้ำ เพราะทันทีที่อคโตเดินมาถึง เธอก็ลากคอเขาออกไปจากพื้นที่ดังกล่าวอย่างรวดเร็ว
“ ทีนี้ก็เหลือแค่เราแล้วแหะ ฮึบบ ”
และเพียงไม่นานหลังจากที่อคโตกับคอนเซนเทลได้เดินออกไปแล้ว มาร์ก็ค่อยเดินไปซ่อนข้างต้นไม้ต้นหนึ่งที่ห่างออกไปราวๆ ร้อยเมตรจากจุดที่เดินลงมา โดยเมื่อมาถึงเจ้าตัวก็เริ่มหมอบลงไปกับพื้นก่อนจะคลานต่อไปอย่างช้าๆอีกเกือบๆ 200 ร้อยเมตรจากจุดนั้นผ่านหญ้าและพุ่มไม้อีกมากมาย
แซก แซก แซก
[ อันดัยแรกก็ [พื้นที่มิติ] แล้วก็ค่อยๆคลาน คลานไปเรื่อยๆ โฮ่ มืดจังแหะ…ก็นะยังไม่เปิดใช้งานนี่หว่า ]
ซึ่งในระหว่างที่มาร์กำลังคลานไปนั้น เงาสีดำก็ค่อยๆห่อหุ้มร่างของเขาอย่างช้าๆ ก่อนจะเปลี่ยนให้ชุดคลุมกลายมาเป็นชุดพรางตาข่ายที่กลมกลืนไปกับพื้นที่รอบๆ อีกทั้งที่ใบหน้าเองก็มีหน้ากากที่ครึ่งบนที่บริเวณดวงตานั้นคือแผ่นเกราะบางที่ปิดบังการมองเห็นของมาร์เอาไว้ ซึ่งตอนแรกสิ่งที่มาร์เห็นก็มืดสนิท
กริ๊ก
[ เค…ระบบทำงานปกติดี ]
ทว่าพอเปิดการทำงานของมันก็ทำให้เขาเห็นภาพตรงหน้าตามปกติดั่งที่ตาของคนทั่วไปจะเห็น เพิ่มเติมคือด้านบนนั้นมีตัวบอกทิศเหนือทิศใต้ ทั้งยังมีบอกว่าชีพจรกับพื้นที่รอบๆนั้นเป็นอย่างไร และนอกจากนี้ในมือของมาร์ในตอนนี้เองก็มีกล่องสีดำบางอย่างอยู่อีกด้วย
แซก แซก
“ เอาล่ะทีนี้ก็ประกอบไอเจ้านี้แล้วก็หยิบสายจากในนั้นมาต่อกับหน้ากากอันนี้ แล้วก็…กดอะไรหว่า ”
มาร์นั้นพอมาถึงยังจุดหมาย คือพื้นที่ที่อุดมไปด้วยพุ่มไม้หนามากมาย มาร์ก็จัดการเอากล่องดำนั้นมาตั้งไว้ตรงหน้าผ่านการประกอบมันเข้ากับขาตั้งกล้องลายพราง ก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆเคลื่อนตัวจากการคลานมาเป็นนั่งขัดสมาธิ แล้วหยิบเอาสายไฟบางอย่างออกมาต่อเข้ากับแผ่นเกราะตรงตานั้นออกมา
แกรก
“ โอ้…ไม่ต้องเปิดระบบเลยแหะ ง่ายดีแท้ แต่ว่า อุ๊…เปลี่ยนภาพดื้อๆแบบนี้…จะอ้วก ”
ซึ่งทันทีที่มาร์ทำแบบนั้น ภาพที่มาร์เห็นก็เปลี่ยนไป จากตอนแรกที่เป็นมุมมองปกติ ก็กลายมาภาพขยายที่เล็งเข้าไปยังจุดที่เมืองต้นไม้นั้นตั้งอยู่ อย่างไรก็ดีด้วยความที่ภาพมันเปลี่ยนเลยในแบบที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัวมันก็ทำให้มาร์เวียนหัวอยู่ไม่ใช่น้อย แต่ก็เวียนหัวได้ไม่นานนักเพราะร่างกายของเขาเริ่มจะปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว
“ อึก ฮ่าห์…ทีนี้ก็แตะที่ด้านขวาของแว่นเพื่อเปลี่ยนโหมด อืม… ”
ชิบ
“ โฮ่!! ปวดตาชิบหายย!! ”
มาร์ก็ใช้มือของตนขึ้นมาแตะกับบริเวณข้างขวาของเกราะที่ตานั้น และภาพที่เห็นก็เริ่มจะเปลี่ยนอีกครั้ง จากภาพสีสดใส 4K ก็กลายมาเป็นภาพขาวดำที่จุดสีดำนับร้อย นับพันกำลังขยับไปมา ใช้มันคือการมองแบบ Thermal แต่ว่าด้วยจำนวนกับกำลังขยายนั้นทำให้ภาพที่เห็นสว่างจนแสบตาสุดๆ
“ เอาก็เอาวะ!! ทนหน่อยนะเว้ยมาร์!! รีบๆบันทึกแล้วรีบกลับ!! ปิ๊บ อ๊ากกกก!! ตากูวววว!! ”
… …
แซก แซก
กร็อบ
“ คอนเซนเทล เวลาเดินน่ะหัดมองพื้นหน่อยเหยียบไม้ตลอดแบบนี้ ถ้ามีพวกมอนสเตอร์อยู่ใกล้ๆเราก็โดนระบุตำแหน่งได้เลยนะคะ ”
“ ค ค ครับอาจารย์ ผมจะระมัดระวังครับ.. ”
“ แล้วก็ตอนเดินผ่านพุ่มหญ้าสูง อย่าลืมเอากิ่งไม้ที่ให้ถือมากวาดด้านหน้าก่อนล่ะ จะได้ไม่สร้างร่องรอยตอนเดินเข้าไป ”
“ รับทราบครับผม ”
ส่วนทางด้านของอคโตเธอก็ลากคอคอนเซนเทลออกไปทางซ้ายของทางลงทันที ก่อนจะเดินหาที่ตั้งฐานไว้เพื่อรอการกลับมาของนายท่าน แน่นอนว่าระหว่างไปนั้นอคโตที่อยู่กับคอนเซนเทลแค่สองคน เธอก็ได้สอนอัศวินหนุ่มอะไรหลายๆอย่าง ที่เหมือนว่าคอนเซนเทลจะไม่รู้เลย ไม่ว่าจะการปกปิดร่องรอยของตนเอง การใช้ไม้กวาดหญ้าก่อนจะเดินไปเพื่อไม่ให้หญ้าทิ้งร่องรอยชัดเจน
[ หญ้าหนาขนาดนี้ ถ้าเรากวาดไม่ดีก็ไม่ต่างกับทิ้งร่อยรอยเลยนี่หว่า… อึก ยาก ชะมัด ]
“ สติหน่อยคอนเซนเทล กวาดน้อยไปมากไปแบบนั้นมันไม่ได้ช่วยอะไรหรอกนะคะ ”
“ ค ครับผม ”
“ อย่าพูดแต่ครับผม นู้นครับผมนี้ แล้วตั้งใจทำซักทีสิคะ ”
“ อึก… ”
คอนเซนเทลเองก็พยายามจะเรียนรู้การสอนของอาจารย์ แต่ว่ามันก็ไม่ได้ง่ายเลยเพราะเขาไม่เคยทำอะไรแบบนี้ มันจึงใหม่มากๆสำหรับตัวของเขาเอง ยังไงก็ตามเมื่อทำได้ไม่ดีนักก็เป็นเหตุให้เขาโดนอคโตดุอยู่ตลอด แม้ว่าการดุนั้นจะเห็นได้ว่าเธอไม่ได้ตะโกนว่าด้วยความโกรธ แต่เป็นการพูดออกมาด้วยเสียงที่เย็นชาเป็นส่วนใหญ่
แซก แซก … แซก
[ ข้างหน้า … ]
พลัค
“ !!! ”
“ เงียบๆ แล้วก็อยู่นิ่งๆไปก่อนนะคะ ”
ทั้งนี้เมื่อทั้งสองเดินมาได้ราวๆ 15 นาที อคโตก็สัมผัสถึงอะไรได้และนั้นก็ทำให้เธอพลักให้คอนเซนเทลล้มลงเข้าไปอยู่ในพุ่มหญ้า ก่อนจะจัดการโยนผ้าคลุมลายพรางลงบนร่างของเขาแล้วก็บอกให้เงียบ ส่วนตัวของเธอเองก็หมอบลงก่อนจะค่อยๆมองไปบนต้นไม้ต้นหนึ่ง ที่ห่างไปไกลพอตัว
[ 2 ตัวสินะ ]
โดยที่ที่เธอมองไปนั้นเองก็กำลังมีลิงสองตัวยืนมองไปรอบๆอยู่ พวกมันนั้นเหมือนกับลิงก่อนหน้านี้คือพวกมันนั้นล้วนถือปืนกันทั้งคู่ เช่นกันคอนเซนเทลเองก็แอบมองดูพวกมันด้วยแต่ว่าเขาก็ไม่คิดจะขยับเขยื้อนตัวแม้แต่น้อยตามคำสั่งของอาจารย์ของเขา
…
[ 20 นาทีแล้วยังไม่ไปไหน แบบนี้พวกมันคงอยู่ที่นี้จนกว่าจะมีการเปลี่ยนกะสินะ ถ้าแบบนี้ คงต้อง… ]
อยู่สักพักแล้วก็พบว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านไปเท่าไหน พวกมันก็ไม่คิดจะเดินหรือเคลื่อนย้ายไปเลย นั้นเองทำให้เธอตัดสินใจหยิบเอาปืนพกที่มีท่อเก็บเสียง ปืนพกของเธอขึ้นมาแล้วก็ทำการโหลดกระสุนบางอย่างลงไป กระสุนที่ปลายหัวนั้นมีสีแดงแปลกประหลาด เธอเล็งไปยัง 1 ในนั้นก่อนจะเหนี่ยวไก
ฟุ
[ เท่านี้ก็รออีกสักพัก ]
เสียงปืนนั้นไม่ได้ดังมาก ไม่สิเรียกว่าเบาสุดๆเลยจะดีกว่า แต่ว่าทันทีที่กระสุนกระทบเข้ากับเป้าหมาย มันก็ไม่ได้จะล้มลงแต่อย่างใด มันยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ยืนอยู่ด้วยท่าทีที่ไม่รู้สึกถึงอะไรเลย…เป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนที่ผลลัพธ์ของกระสุนนั้นจะปรากฎให้ได้เห็น
กี๊!!!
ลิงนั้นจู่ๆมันก็อ้วกออกมาทำให้ ลิงอีกตัวที่อยู่ใกล้ๆหันไปมองด้วยความแตกตื่นซึ่งในทันทีทันใดนั้นเอง ลิงที่กำลังอ้วกเองก็ล้มลงไปพร้อมกับใบหน้าที่ดูอ่อนล้าอย่างถึงที่สุด ทำเอาลิงที่ยังยืนอยู่รีบอุ้มเพื่อนของมันแล้วปีนลงจากต้นไม้พร้อมกับมุ่งตรงออกไปจากจุดดังกล่าว เปิดทางให้คอนเซนเทลกับอคโตได้เริ่มเดินต่อ
“ อาจารย์ครับ เมื่อกี้นี้มัน?!? กระสุนอาบยาพิษอย่างงั้นเหรอครับ?!? ”
โดยคอนเซนเทลที่ได้เห็นผลลัพธ์ของการกระทำจของอาจารย์นั้น เขาก็ได้ถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นด้วยความสงสัยตามปกติ ซึ่งอคโตพอได้ยินเช่นนั้นก็พูดตอบด้วยเสียงที่ไร้ความรู้สึกว่า
“ ยาพิษ? ถ้าคุณถือว่าอาการเมารุนแรงเป็นยาพิษก็คงจะเป็นยาพิษล่ะนะคะ ”
คำตอบของเธอนั้นมันแสนจะกำกวม ทำเอาคอนเซนเทลที่ฟังอยู่ได้แต่สับสนว่านั้นหมายความว่ายังไงกันแน่ ยาพิษหรือไม่ใช่ยาพิษ แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเขาก็ยังคงเดินตามอาจารย์ต่อไปอีกหลายสิบนาที โดยในหัวก็ยังคงคิดหากคำตอบของคำพูดของอาจารย์อยู่ตลอด จนกระทั่ง…
“ ตรงนั้น ”
ทั้งสองเดินมาจนถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ที่นี้เป็นพื้นที่ที่มีป่ารกทึบ จนขนาดที่ถ้าแค่หมอบลงก็ไม่มีทางจะถูกเห็นได้แน่ๆ และที่สำคัญรอบๆยังมีก้อนหินขนาดใหญ่มากมายที่วางพาดกันไปพาดกันมาอีก แต่การวางพาดกันไปกันมาแบบนี้ก็ทำให้ด้านล่างของหินพวกนั้นมีถ้ำขนาดเล็กๆพอให้คนเข้าไปหลบอยู่ได้
“ คอนเซนเทล รบกวนช่วยไปหากิ่งไม้กับใบไม้มาเยอะๆทีนะคะ ”
“ ได้เลยครับอาจารย์ งั้นเดี๋ยวผมมานะครับ ”
“ ค่ะ แต่ยังไงอย่าลืมลบร่องรอยตัวเองด้วยนะคะ ”
หลังจากให้คอนเซนเทลออกไปหาของที่เธอต้องการแล้ว อคโตก็ได้เริ่มลงมือสร้างฐานใต้ดินในถ้ำที่อยู่ใต้ก้อนหินขนาดใหญ๋ ที่ทางเข้านั้นต้องแทรกตัวเข้ามา โดยสร้างผ่านสกิลประจำตัวของเธอ สกิลที่สามารถแปรเปลี่ยนรูปลักษณ์อนินทรีย์ของสิ่งที่เธอสัมผัสให้กลายเป็นสิ่งที่เธอต้องการได้ ตราบใดที่สิ่งนั้นเธอเคยใช้และเข้าใจในสิ่งนั้น ด้วยพลังนี้เอง
ครึก ครึก ครึก
โดยการสร้างนี้นั้น เธอเริ่มจากขุดลงข้างล่างแล้วจึงปรับเปลี่ยนห้องใต้ดินนี้ให้เหมาะสมกับการเป็นฐาน ไม่ว่าจะย้ายที่นอน อ่างอาบน้ำ หรือห้องประชุม ซึ่งอคโตก็ทำมันได้เป็นอย่างดีแต่ก็ใช่ว่าเธอจะทำได้ตลอดเพราะหลังจากที่สร้างเตียงออกมาได้ 2 เตียงแล้วเธอก็วางมือลงพร้อมกับนั่งพักโดยที่ใบหน้านั้นเริ่มมีเหงื่อไหลออกมา
“ โฮ่ เหนื่อยแล้วเหรออคโต? ”
“ คะ!! นายท่าน!! ”
ทว่าเธอก็ไม่รู้ตัวเลยว่า ระหว่างที่ตนกำลังวุ่นอยู่กับการสร้างฐานทัพขนาดย่อมๆนี้อยู่นั้น ที่มุมห้องนั้นมีพุ่มหญ้าประหลาดกำลังยืนมองดูอยู่ มาร์ เขาทักอคโตด้วยท่าทีสบายๆ โดยตอนนี้เจ้าตัวไม่ได้ใส่หน้ากากแล้วและด้วยการที่ไม่ใส่หน้ากากนี้แหล่ะ ก็ทำให้เห็นได้ว่ามาร์กำลังหลับตาอยู่พร้อมกับมีน้ำตาไหลออกมาเล็กน้อย
“ ว่าแต่ถึงไหนแล้วล่ะตอนนี้? ”
“ ค่ะนายท่าน ตอนนี้ดิชั้นได้ใช้ให้คอนเซนเทลออกไปหาวัตถุดิบมาใช้สำหรับอำพรางทางเข้าอยู่ค่ะ ส่วนด้านในตอนนี้ก็เหลือพวกเฟอร์นิเจอร์ทั่วๆไปกับห้องพิเศษต่างๆค่ะนายท่าน แต่ว่าดิชั้นขอถามได้หรือเปล่าคะ? ท่านทราบได้อย่างไรกันว่าดิชั้นสร้างฐานอยู่ที่นี้น่ะค่ะ? ”
“ งั้นเหรอ ก็เดินตามรอยมาน่ะ ทำไมเหรอ? ”
“ ไม่หรอกค่ะ ไม่มีอะไร… ”
[ คอนเซนเทล… บอกให้ลบร่องรอยแล้วแท้ๆนะคะ ดูท่าคืนนี้คงต้องสั่งซ่อมสักหน่อยแล้วล่ะนะ เอาเป็นฟันลมจนกว่าพระอาทิตย์จะขึ้นก็แล้วกัน ]
ทั้งสองเริ่มคุยกันอย่างสบายๆ ไปเรื่อยๆ โดยระหว่างคุยเองพออคโตมีอาการดีขึ้นก็เริ่มลงมือจัดการปรับแต่งภายในฐานต่อ ส่วนมาร์ก็เริ่มจะเปลี่ยนชุดไปใส่ชุดเดิมที่เขาใช้ตอนลงมาในหอคอยนี้
“ โอ้! อคโตจำภาพวาดในทางเดินลงมาได้หรือเปล่า? ”
“ จำได้ค่ะนายท่าน มีอะไรอย่างงั้นเหรอคะ? ”
อคโตนั้นหยุดมือลงก่อนจะหันมามองมาร์ที่นั่งเอนหลังพิงกับกำแพงห้อง โดยมาร์นั้นก็ค่อยๆลุกขึ้นทันทีที่เธอหันมาพร้อมกับเดินเข้าไปหาอย่างช้าๆ ทีละก้าว ทีละก้าว ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงที่เบา
“ ก็จะถามว่ารอยพวกนั้นตอนออกแบบมันไม่มีอยู่ใช่มะ แบบนั้นแสดงว่าพวกลิงคงเป็นฝ่ายที่ลงมือวาดแน่ๆ แต่ยังไงดีล่ะ อคโตตั้งแต่อยู่มาบนโลกนี้เธอเคยเห็นมอนสเตอร์สร้างงานศิลปะหรือเปล่าล่ะ? แบบนี้แสดงว่ามอนสเตอร์ที่เราสร้างมีความคิดอย่างงั้นน่ะเหรอ? หรือยังไงล่ะ ไม่สิ ต้องถามว่ามันเป็นไปได้ยังไงล่ะนั้น?!? ”
สิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นเรื่องของภาพวาดในทางเดินลงมา ซึ่งมาร์เกิดความข้อสงสัยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้อาจจะเป็นสิ่งที่โลกนี้ไม่เคยเจอก็ได้ เพราะการวาดรูปพวกนั้นคือเรื่องยืนยันว่า ลิงพวกนี้คือเผ่าพันธ์ุที่มีปัญญา แต่ว่าการเกิดนี้ไม่ใช่การเกิดแบบธรรมชาติแต่อย่างใดแน่ๆ และแม้ว่าจะพยายามหาในคลังปัญญาของจอมเวทย์ปฐมภูมิแล้วก็ตาม มาร์ก็ไม่เจออะไรเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้เลย แต่สำหรับอคโตที่ได้ฟังนั้น เธอก็เกิดความมั่นใจบางอย่างขึ้นมาว่า
[ ส ส สมกับเป็นนายท่านของพวกเรา ทั้งๆที่ตนเองพึ่งจะทำสิ่งที่เล่าขานกันมาในตำนานไปแท้ๆ แต่กลับไม่รู้สึกอะไรมากไปกว่าสงสัย นี้ถ้าเป็นคนอื่นคงป่าวประกาศไปทั่วแล้วแน่ๆ ]
สำหรับอคโตในตอนนี้ เธอรับรู้ได้เลยว่ามาร์นั้นได้ทำอะไรบางอย่างที่ตามความคิดพื้นฐานของโลกนี้ ตามตำนานของบางพื้นที่ สิ่งนั้นมันเป็นสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เลย เพราะการกระทำที่ว่าคือการสร้างเผ่าพันธุ์ใหม่ที่มีปัญญา เป็นสิ่งเดียวที่ผู้อยู่บนจุดสูงสุดเท่านั้นที่จะทำได้ นั้นคือมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นที่ทำได้
“ นั้นสินะคะนายท่าน…ถ้าตามความคิดพื้นฐานแล้วมันเป็นเรื่องที่แปลกมากๆเลยค่ะ ถ้าจะทำได้ก็คงมีเพียงพระเจ้าเท่านั้นค่ะที่มีความสามารถมากพอ ”
“ ฮ่าๆๆ พระเจ้าเลยเหรอเนี่ย เปรียบเทียบได้ดีเลยนี่อคโต เห้อ…ถึงจะน่าเสียดายที่ยังหาคำตอบไม่ได้ ตอนนี้คงจะตัดใจเรื่องสรุปออกไปก่อนเนอะ เพราะข้อมูลเรื่องพวกลิงนั้นยังมีน้อยอยู่ ไว้พรุ่งนี้ค่อยออกไปจัดการเองดีกว่า ยังไงวันนี้ก็บันทึกเก็บไว้ก่อนก็แล้วกัน อ้อ! ฝากบันทึกให้ทีนะอคโต แบบว่าตอนนี้ผมน่ะ ปวดตาจนลืมจะไม่ขึ้นละเนี่ย ที่เป็นแบบนี้คงต้องขอบคุณเดคกะที่ปรับแสงสว่างไว้ตั้ง 120 เปอร์เซ็นต์แหน่ะ กว่าจะรู้ว่ามันปรับได้ก็เอาตอนเลิกใช้ ฮ่าๆๆ ”
พูดจบมาร์ก็เดินไปยังมุมห้องก่อนจะหยิบเอาแผ่นผ้ายางสีเขียวออกมาจากเงาดำแล้วปูมันลงนอนในทันที ส่วนอคโตเองก็โค้งคำนับรับทราบในคำสั่งนั้น ทว่ามาร์เองแทนที่จะนอนหลับ เขากลับลุกขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนกับอคโตว่า
“ ฝันดีนะอคโต ยังไงสร้างเสร็จแล้วก็อย่าลืมพักผ่อนบ้างล่ะ ผมเองก็เป็นห่วงเหมือนกันนา สุขภาพของเราน่ะ ”
“ คะ?!? ”
คำพูดนั้นทำเอาอคโตที่กำลังจะหันกลับไปจัดของ ก็ต้องหันมามองดูอย่างรวดเร็ว แต่ก็ช้าไปเสียแล้วมาร์นั้นเองตัวลงนอนหลับไปเป็นที่เรียบร้อยจากนิสัยที่แค่หัวแตะหมอนก็วูบของเขา
[ นายท่านเนี่ยน้า… ]
กระนั้นก็ดีเธอก็ใช่ว่าจะกลับไปทำงานต่อ สิ่งที่อคโตนั้นตัดสินใจทำคือการถอดหน้ากากออกเผยให้ได้เห็นใบหน้าและร้อยยิ้มที่เปี่ยมสุข เธอนั้นเอนตัวเข้าหามาร์พร้อมกับหยิบเอาผ้าห่มมาคลุมนายท่านของเธอ ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงที่เบาและรอยยิ้มที่แสนจะอบอุ่น
“ ขอบคุณที่เหนื่อยนะคะพระเจ้าของพวกเรา หุหุ ฝันดีนะคะ ”
………
MANGA DISCUSSION