… …
ความเงียบอันไร้ที่สิ้นสุดนี้มันคืออะไรกัน นั้นคงเป็นสิ่งที่คอนเซนเทลกำลังคิด เขาเดินไปข้างหน้าตามอยู่ห่างๆเด็กชายผู้เป็นหัวหน้าปาร์ตี้ที่จู่ๆท่าทีก็เปลี่ยนไป จากตอนแรก เขาเป็นคนร่าเริงคอยจับตาดูทุกคนทั้งยังทำหน้าที่ซัพพอร์ตอยู่ตลอด ตอนนี้กลายเป็นว่า เด็กชายคนนั้นเดินนำทุกคนโดยไม่พูดไม่จาทั้งสายตาของเขาก็ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ
และความแปลกก็ไม่ได้จบเพียงเท่านั้น สภาพแวดล้อมนับตั้งแต่ชั้นที่ถูกมอนสเตอร์รูปร่างคล้ายคนรุมกระทืบ มันก็คล้ายกับว่าตอนนี้ตัวของคอนเซนเทลอยู่ในพื้นที่ที่ไม่อาจจะอธิบายความรู้สึกได้ง่ายนัก มันเหมือนกับว่าเขากำลังเดินอยู่ในป่าทั่วๆไป แต่ป่านั้นกลับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความตายโดยรอบ
“ นี้ชั้นที่เท่าไหร่แล้วนะอคโต… ”
“ ค่ะ!! ตอนนี้เราอยู่ที่ชั้นที่ 99 แล้วค่ะคุณมาร์!! ”
“ อืม เร็วดีนะ แต่บางทีมันก็เร็วไป ”
เด็กหนุ่มผู้นั้นพูดออกมาด้วยเสียงที่เบาและเย็นชา น้ำเสียงของเขาทำให้คอนเซนเทลสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจอะไรบางอย่าง โดยแท้จริงแล้วสิ่งที่เขากำลังสับสนกลับมีคำตอบอันน่าผิดหวังอย่างสุดๆ คำตอบที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในหัวของเด็กหนุ่มผู้นั้น ความคิดที่รู้สึกผิดพลาดของเขา
[ เห้อ… พวกมอนสเตอร์ลิงนี้แม่งน่าผิดหวังเกินไปละ ทั้งๆที่ตอนออกแบบเราก็คิดมาดีทุกอย่างแล้วว่ามันจะเป็นศัตรูที่ยากจะต่อกร ไม่ว่าจะการที่พวกมันมีแบบแผนความคิด มีการทำงานเป็นระบบ ประดิษฐ์และขโมบอาวุธมาใช้ได้ แต่ใครจะไปนึกละว่าการที่พวกมันมีความคิดมากไป จะกลายเป็นการขาดสัญชาตญาณที่จะรับรู้อันตรายที่มองไม่เห็นขนาดนี้…อันตรายจากสกิล!! ดูท่ายังไงก็ต้องแก้ แก้ แล้วก็แก้!! ]
นั้นคือความจริงที่อยู่ในหัวของมาร์ที่กำลังเดินนำหน้าทุกคนอยู่ตอนนี้ เขาวางแผนมาเป็นอย่างดีถึงมาตราการของมอนสเตอร์ในชั้นที่ 90 เป็นต้นมาว่าพวกมอนสเตอร์จำพวกลิง จะสามารถสู้กับศัตรูได้ด้วยการเรียนรู้จากศัตรูทั้งการใช้อาวุธ การใช้อะไรต่างๆ ทว่าปัจจุบันก็ยังไม่มีใครมาถึง มิหนำซ้ำกลุ่มแรกที่มาก็คือกลุ่มของมาร์ที่เขากำลังใช้สกิลที่ไม่อาจจะเรียนรู้ได้เลย
ซึ่งถ้าว่ากันตามจริงแล้ว พวกมอนสเตอร์นั้นไม่ได้อ่อนแออย่างที่มาร์คิด หากแต่เป็นตัวของเขาต่างหากที่แข็งแกร่งเกินไป การใช้สกิลต่างๆไม่มีร่องรอยให้ได้เห็น ไม่มีเวลาให้ต้องร่าย สิ่งเดียวที่สัมผัสคือความตายที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่กว่าจะรู้ตัวก็คือช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตไปเสียแล้ว ไม่มีเวลาได้ถ่ายทอดหรือบอกต่อเลยด้วยซ้ำ
“ คอนเซนเทลถึงตอนนี้จะเงียบๆ ยังไงก็อย่าลดการป้องกันลงเด็ดขาด เข้าใจหรือเปล่าคะ? ”
“ ข ข เข้าใจแล้วครับอาจารย์ แต่ว่าเงียบๆแบบนี้มันเกิดจากอะไรกันอย่างงั้นเหรอครับ?!? หรือว่ามอนสเตอร์พวกนั้นกำลังล้อมพวกเร… ”
อย่างไรเสีย ทางด้านอัศวินนั้นด้วยความที่เขาเริ่มจะมองดูรอบๆพร้อมกับลดการป้องกันลง ก็ทำให้อาจารย์อย่างอคโต ต้องหันไปเตือนด้วยท่าทีที่ไร้ความรู้สึกใดๆเช่นเคย แต่ก็นะในสถานการณ์ที่เงียบติดต่อกันมาหลายต่อหลายชั้น มันก็ทำให้อัศวินหนุ่มได้แต่สงสัยจนต้องถามออกมา
“ ชู่… เงียบๆหน่อยสิคะ คอนเซนเทล เรื่องแบบนั้นไม่มีทางเกิดขึ้นได้หรอกค่ะ ถ้าคุณมาร์เขายังเดินนำหน้าเราแบบนี้น่ะนะ ”
ทว่าแทนที่เขาจะได้พูดจนจบ อคโตก็ได้ใช้ซองดาบของเธอกดเข้าไปที่ปากของอัศวินหนุ่มอย่างรวดเร็วจนทำให้ตัวของคอนเซนเทลต้องหยุดพูดลง กระนั้นก็ตามการหยุดพูดของเขาก็ทำให้เขาได้เห็นด้านนึงที่เขาไม่เคยได้เห็นจากอคโตผู้เป็นอาจารย์ เธอนั้นกำลังพูดโดยที่มีรอยยิ้มอยู่บนหน้าที่ปกติจะนิ่งเฉยไร้ความรู้สึก
“ ม ม ม หมายความว่าอะไรน่ะครับอาจารย์?!? การที่ท่านมาร์เป็นนักเวทย์ไปนำหน้าแบบนั้น?!? ”
“ นายก็เห็นไม่ใช่เหรอ คอนเซนเทลก่อนหน้านี้ตอนที่…มอนสเตอร์ในชั้นจู่ๆก็นอนหมดสติกันไปน่ะ ”
“ ครับ?!? ”
ตามคำพูดของอคโต มันก็ทำให้คอนเซนเทลนึกภาพเหตุการณ์ก่อนหน้า ภาพของมอนสเตอร์มากมายที่จู่ๆก็ล้มลงไปนอนหมดสภาพกันเสียหมด โดยที่ตัวของมาร์นั้นไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากยืนอยู่เฉยๆท่ามกลางพวกมัน แต่ไม่ว่า้ขาจะคิดเท่าไหร่มันก็ไม่มีคำตอบให้กับเขาเลย
“ ทำหน้าแบบนั้นแสดงว่ายังไม่เข้าใจสินะคะ… อืม ก็ไม่แปลกหรอกค่ะ ที่นายจะเป็นแบบนั้นเพราะแม้แต่ตัวของดิชั้นเอง ก็ไม่อาจจะเข้าใจได้นอกไปจากว่า ทั้งหมดนั้นเป็นฝีมือของเขา ”
อคโตหันไปมองมาร์ที่ยังคงเดินนำต่อไปด้วยรอยยิ้มนั้น รอยยิ้มที่ตอนแรกแสดงถึงความสุขได้แปรเปลี่ยนไปเป็นรอยยิ้มของหญิงที่ลุ่มหลงในบางสิ่ง นี้ถ้าเขาได้เห็นว่าดวงตาที่อยู่ภายใต้หน้ากากด้วยละก็ คอนเซนเทลคงต้องล้มลงไปนั่งกับพื้นเพราะความตกใจแน่ๆ เพราะตอนนี้ดวงตาของอคโตกลายเป็นสีทองเปร่งประกายพร้อมทั้งเต็มไปด้วยความรู้สึกต้องการอย่างร้อนแรง จนใบหน้าของเธอที่ควรจะเป็นดั่งตุ๊กตาก็เริ่มจะแดงออกมาให้ได้เห็น
แซก แซก
“ โอ… ดูท่าจะมีบางตัวที่ไม่เป็นอะไรสินะ ก็สมแล้วที่เป็นชั้นที่ 99 ”
แต่แล้ว โอกาส 1 ใน 100 ก็กำเนิดขึ้น เสียงบางอย่างแทรกผ่านพุ่มไม้และเจ้าของเสียงก็ค่อยๆก้าวเดินออกผ่านพุ่มไม้นั้นออกมาโดยมาร์ก็มองดูอยู่ตลอด สิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับมนุษย์อีกครา ทว่ามันเต็มไปด้วยขนสีดำสนิทแถมบนร่างกายก็ยังมีการเอาอะไรบางอย่างสีขาวมาทาไว้บนร่างกายเป็นเหมือนกับโครงกระดูกอีกต่างหาก ไหนในมือของมันยังจะถืออาวุธที่ถือว่าเป็นของเด่นของยูโทเปียอีก… ปืน
แกรก…แกรก
[ เดี๋ยวนะ…? ทำไมจู่ๆ ]
และทันทีที่มันออกมาได้มันก็ยกปืนขึ้นมาเล็งใส่มาร์ในทันที ทว่าแทนที่มันจะเล็งแล้วเหนี่ยวไกล มันกลับค่อยๆลดปืนลงอย่างช้าๆ พร้อมกับชูขึ้นราวกับยอมแพ้ การกระทำนั้นทำให้มาร์นั้นถึงกับต้องประหลาดใจ เช่นกันอคโตกับคอนเซนเทลที่พร้อมจะปะทะก็ได้แต่ยืนถืออาวุธของตนเอาไว้ แต่นั้นก็ไม่ใช่ที่สุดของความน่าประหลาดใจเพราะว่าจู่ๆมันก็อ้าปากแล้วก็…
“ ไม่เอาล่ะ… 3 ต่อ 1 แถมคนนึงยังเป็นนักเวทย์ที่ทรงพลังขนาดนั้นอีก ข้า ขอ ยอมแพ้ละกัน ฮ่าๆๆ ”
[ หมายความว่ายังไงกัน?!? ทำไมมอนสเตอร์จู่ๆถึงพูด… แถมยังยอมแพ้?!? ห๊ะ?!? อึก…เท่าคนเลยไหมล่ะนั้น ]
มาร์ที่ได้สติกลับมาก็รีบเปิดดูสเตตัสของมันในทันทีแล้วก็พบว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติไปจากมอนสเตอร์ทั่วๆไป ตามหลักนั้นมอนสเตอร์จะมีค่าสเตตัสนึงที่น้อยมากๆคือ WISDOM อยู่ที่ประมาณ 10 ถึง 20 เท่านั้น กล่าวคือขาดเชาวน์ในการแก้ปัญหาหรือวางแผน ทำให้พวกมอนสเตอร์ส่วนใหญ่จะรู้แค่ว่าไม่บุกก็จะถอยและทำตามสัญชาติญาณเป็นหลัก แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นต่างออกไปมันมี WISDOM สูงถึง 66 มากกว่ามนุษย์ทั่วๆไปเลยทีเดียว แถมยังรู้ภาษากลางอีกด้วย
“ อะไรนะ นี้มอนสเตอร์อย่างแกยอม?!? ไม่มีทาง!! ”
คอนเซนเทลนั้นเดินขึ้นหน้ามาพร้อมกับใช้ดาบชี้ไปที่มันแล้วก็ถามด้วยท่าทีที่ยังไม่ไว้ใจกับการยอมแพ้ของมัน ทว่าเจ้ามอนสเตอร์ตรงหน้านั้นกลับคุกเข่าลงอย่างช้าๆแล้วก็เอามือรวบไว้ข้างหลังหัวของตน
“ แบบนี้ พวกนายจะเชื่อได้หรือยังล่ะ เห้อ… ยังไงอย่าฆ่าข้าก็พอนะ อ๊ะ!! อย่าทรมานด้วยได้ก็ดี ”
“ นั้นสินะ… อคโตจับกุมไว้ที ”
“ ค่ะ!! ”
สิ้นคำสั่งของมาร์ อคโตก็รีบเดินเข้าไปพร้อมกับใช้กุญแจมือเหล็กที่หยิบออกมาจากในกระเป๋าล็อคมือทั้งสองของมอนสเตอร์ประหลาดนี้ไว้ข้างหลังของมันเอง ก่อนที่มาร์จะค่อยๆเดินเข้ามายืนอยู่ข้างหน้าแล้วก็ก้มลงมาดูใกล้ๆ พร้อมกับหยิบเอาปืนที่เป็นอาวุธของมันขึ้นมาดู
[ อืม…รูปลักษณ์ ลิงชีแปนซี ขนาดใหญ่กว่าปกติ 1.5 เท่า ร่างกายมีขนหนาและดวงตากับปากมีการพัฒนาการให้สามารถพูดได้ชัด แต่ว่าไอปืนนี้… ]
ทว่าพอมาถึงในส่วนอาวุธ มาร์นั้นก็ยิ่งมองและตรวจสอบมากเป็นพิเศษ เพราะว่ามันมีการลงรหัสในตัวปืนที่แตกต่างจากปืนที่ขายอยู่ข้างบน ทำให้มั่นใจได้หนึ่งอย่างว่าปืนนี้ไม่ได้มาจากการตายของนักพจญภัย แต่ว่าการที่มันไม่มีตัวรหัสนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีตัวรหัสอื่นให้ได้เห็น
[ เดี๋ยว… นี้มัน อยากบอกนะว่าเจ้าพวกนี้ ]
“ นายน่ะ…ไปได้เจ้าสิ่งนี้มาจากไหนเหรอ? ”
มาร์นั้นสังเกตุอะไรได้แล้วนั้นก็ทำให้เขาถามออกไปในทันที และนั้นก็ทำให้ผู้ถูกถามอย่างมอนสเตอร์ที่ถูกพันธนาการตรงหน้าต้องเงยหน้าขึ้นมามองก่อนจะค่อยๆเอ่ยปากพูดด้วยน้ำเสียงที่สุภาพมากๆ จนบางทีก็น่าสงสัยว่ามอนสเตอร์นี้ไปเรียนรู้มารยาทขนาดนี้มาจากไหน
“ อ่า… ครับ ก็ได้มาจากตอนออกไปล่าพวกคนเถื่อนในชั้นบนก่อนหน้านี้น่ะครับ นานๆทีก็มีพวกมันดรอปของพวกนี้มาบ้างน่ะครับ ”
“ นั้นสินะ… ”
ด้วยคำตอบนั้นมาร์ก็ยืนยันได้ในสิ่งที่เขาคาดการณ์ไว้ เช่นกันอคโตก็ทำหน้าเหมือนกับว่าเธอเองเข้าใจแล้ว แต่อัศซินหนุ่มนั้นไม่ใช่ เขายังคงสับสนแล้วเอาแต่ยืนงง ทว่าก็ไม่อาจจะถามหรือทำอะไรได้เพราะเขาไม่กล้าที่จะเข้าไปขัดมาร์ในตอนนี้
[ อย่างที่คิดเลยแหะ ปืนพวกนี้เป็นของดรอปในหอคอย หมายความว่า เจ้าพวกนี้…ปฏิเสธกฎตามปกติที่มอนสเตอร์จะไม่ล่ากันสินะ แถมยังเดินทางไปมาระหว่างชั้นอีก อืมม ลิงที่อคโตออกแบบไม่แน่บางทีอาจจะมีอะไรมากกว่าที่คิดก็ได้นะเนี่ย นั้นสินะ หมายความว่าชั้นถัดไปคงไม่ได้จะมีห้องบอสอย่างเดียวที่เราออกแบบให้มีแน่ๆ… อืมม น่าสนใจ น่าสนใจ ]
มาร์ยืนนิ่งไปชั่วครู่ ส่วนอคโตก็คอยจับตาดูเจ้ามอนสเตอร์นี้เอาไว้เช่นกัน แต่ว่ามอนสเตอร์ถูกจับไว้ก็ก้มหน้าลงราวกับว่าตัวเองหมดหวังอะไรสักอย่างซึ่งก็ไม่นานนักที่มาร์จะเดินเข้าไปหาเจ้ามอนสเตอร์นี้แล้วก็ก้มตัวลงเพื่อกระซิบเข้าที่ข้างๆหูของมันอย่างช้าๆ คำพูดที่อัดแน่นไปด้วยมานา
“ นำทางเราไปยังที่ที่นายมา… ”
“ ครับท่าน ”
……
MANGA DISCUSSION