ฉัวะ ฉึก
“ แฮก แฮก แฮก เป็นยังไงบ้างครับอาจารย์… ”
“ เมื่อกี้ใช้ไม่ได้ ตวัดดาบลงมาดื้อๆแบบนั้นมันเสียแรงเกินไป บอกแล้วไปแล้วนะคอนเซนเทล ”
ท่ามกลางทางเดินยาวที่มองไม่เห็นปลายทางนั้น มันถูกล้อมรอบไปด้วยป่าสนต้นใหญ่ทั้งซ้ายและขวา ซึ่งในตอนนี้เองบนทางนั้นก็มีชาย 2 หญิง 1 กำลังเดินอยู่ พวกเขาคือปาร์ตี้ Pathfinder ที่คนเดินนำหน้าสุดก็ไม่ใช่ใครอื่น อัศวินหนุ่มนามว่าคอนเซนเทลกำลังต่อสู้กับมอนสเตอร์ชนิดหนึ่งที่กระโดดไปมาอยู่ในป่า และที่ตามมาติดๆก็คือ อคโตกับมาร์ที่คอยดูเขาอยู่
ฟุบ ฟุบ
“ ห่ะ!! แฮก แฮก ทำไมเราถึงฟันโดนมันยากขนาดนี้เนี่ย!! ”
“ คำตอบก็อยู่ในวิธีดาบแล้วไม่ใช่หรืออย่างไรกันคอนเซนเทล วิธีดาบที่ยังไม่ได้รับการขัดเกลาจริงๆจังๆน่ะ ”
“ เห!! แต่ทักษะดาบของผมก็อยู่ในระดับสูงแล้วนะครับอาจารย์!! ไหนผมจะขัดเกลาวิธีดาบอัศวินไอริชจนถึงระดับผู้ฝึกสอนเลยนะครับ!! ”
ซึ่งก็อย่างที่ได้เห็นในตอนนี้ อคโตเธอกำลังเดินกำกับอยู่ที่ด้านหลังของคอนเซนเทลอยู่ ทั้งหมดเป็นเพราะตั้งแต่ผ่านชั้นที่ 5 มาได้ มาร์ก็มีคำสั่งให้เธอไปสอนคอนเซนเทลในทักษะดาบ ซึ่งคอนเซนเทลเองก็ยินดีที่จะเป็นลูกศิษย์ของอคโต กระนั้นก็ตามนับแต่การลงมาและลุยมาเรื่อยๆนี้ ไม่มีครั้งไหนเลยที่อคโตจะไม่ได้บ่นการใช้ดาบของอัศวินหนุ่มนี้ ส่วนคอนเซนเทลพอโดนบ่นไปแบบนั้นก็รีบตอบกลับอาจารย์ของเขาในทันที
“ จะบอกให้ฟังเป็นครั้งที่ 22 นะคอนเซนเทล ทักษะในหน้ากระดานสเตตัสของตัวคุณน่ะ มันไม่ได้มีความหมายเลยหากเทียบกับคนที่ฝึกมาเพื่อสังหารแบบจริงๆจังๆ อ่า…แล้วไอการซ้อมของอัศวินที่อวดไว้น่ะ จำไว้ด้วยนะว่ามันก็มีดีแค่ในการต่อสู้ที่คู่ต่อสู้อ่อนแอกว่า…พอเจอศัตรูที่ไม่เคยเจอก็เป็นยังไงล่ะตอนนี้? ”
“ อึก… ”
อคโตตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ไร้อารมณ์ใดๆ ทำเอาคอนเซนเทลต้องเบือนหน้าหนีและก็ต้องยอมรับเป็นครั้งที่ 22 ว่าคำพูดของเธอนั้นมันจริง เพราะทักษะกับวิธีดาบของเขานั้น มันฝึกกับคู่ต่อสู้ที่เป็นคนมาโดยตลอดหรือไม่ก็สู้กับมอนสเตอร์ที่พวกเขาจะรุมเข้าไปจัดการ พอเจอตัวต่อตัวแบบนี้ทักษะกับวิธีดาบนั้นก็ไร้ประโยชน์
[ นั้นสินะ อคโตเองถึงจะพูดแรงไปหน่อยก็เถอะ แต่…ไอการฟันไปอย่างกับออกคำสั่งโจมตีเนี่ย… อืม… อ่า… กระจอกจริงๆนั้นแหล่ะ ]
มาร์เองถึงแม้จะเดินตามเงียบๆแต่ในหัวก็เห็นด้วยกับอคโต ภาพที่เขาเห็นมาตลอดนั้นคือการโจมตีตรงๆไม่มีเล่ห์เหลี่ยมใดๆเลย ยังไงก็ตามท่วงท่าเองก็อยู่ในระดับที่หากมองเผินๆอาจจะดูชำนาญ ทว่าจริงๆแล้วมันคือการโจมตีที่ไร้ประสิทธิภาพชัดๆแทงหรือฟันแบบไม่มีการหลอกหรือลวงเลย อ่านง่ายตั้งแต่ก่อนที่จะโจมตีเสียอีก
[ นี้ขนาดมีบัฟนะเนี่ย ยังฟันวืดติดกันรัวๆแบบนี้ เห้อ…ถ้าอคโตไม่ช่วยสอนมีหวังตั้งแต่ชั้นที่ 25 ถ้าเราไม่ช่วยดูแลก็คงไม่รอดแหงๆ ดีนะว่าตอนนี้พึ่งมาถึงชั้น 16 …ดีจริงๆ อ๊ะ ไม่สิ สกิลบัฟ…จะหมดแล้วนี้หว่า ฮะ ฮะ แย่จัง ]
แม้จะลงมาจนถึงชั้นที่ 16 แล้วก็ตามบัฟที่มาร์ใส่ไว้ก็ยังคงมีผลอยู่อย่างต่อเนื่อง ทว่าก็อย่างที่เจ้าตัวก็รู้ดีว่าสกิลของเขามันใกล้จะหมดผลแล้วและนั้นก็คงเป็นอีกเหตุผลนึงที่ทำไมตอนนี้การเคลื่อนไหวของคอนเซนเทลเริ่มจะช้าลงอย่างมาก
“ อคโต! ”
“ คะ? มีอะไรหรือเปล่าคะมาร์? ”
มาร์นั้นตะโกนเรียกหาอคโตที่อยู่ห่างออกไปราวๆ 3 เมตร นั้นทำให้เธอที่ได้ยินรีบหันหน้ามามองก่อนจะวิ่งตรงเข้ามาโดยไม่สนใจลูกศิษย์ของตัวเองที่กำลังสู้กับมอนสเตอร์ลึกลับที่ยังคงกระโดดไปมาในป่าอยู่
“ ก็…หาที่พักกันเถอะ ”
“ คะ? ”
อคโตสงสัยในคำสั่งนั้นทันที เธอไม่คิดว่าตอนนี้จำเป็นจะต้องพักแม้แต่น้อยโดยประเมิณได้จากตัวของเธอที่แทบจะไม่เหนื่อยเลยสักนิด ยิ่งนายท่านที่อยู่ตรงหน้า เขาอยู่ในระดับที่ไม่รู้สึกว่าเหนื่อย ไม่สิ ไม่รู้สึกอะไรเลยต่างหาก เพราะแบบนั้นอคโตจึงมองไปทางคอนเซนเทลที่กำลังตั้งรับมอนสเตอร์อยู่
“ นั้นสินะคะ สาเหตุ ”
“ อ่าหะ นั้นแหล่ะสาเหตุล่ะ ”
ผัวะ พลัค
“ อึก… แก!! ”
แอ๊!!
ทว่าในระหว่างที่ทั้งสองคนนั้นกำลังพูดคุยกันอยู่ คอนเซนเทลก็ต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์ประจำชั้นนี้แบบเต็มๆผ่านการที่มันกระโดดเข้ามาชนใส่โล่ของเขาจนตัวอัศวินหนุ่มถึงกับเสไปด้านหลังเลยทีเดียว มอนสเตอร์สี่ขาที่สูงใหญ่เกือบๆ เมตรครึ่ง มันมีเขาขนาดเล็กและดวงตาที่กลมโตใส อย่างไรเสียบนตัวของมันก็เต็มไปด้วยบาดแผลปะปนไปกับขนสีน้ำตาล
“ คืนนี้กวางสินะ ”
“ นั้นสินะคะ ”
ฉัวะ!!
“ ตายซะ!! ไอ้อสูรร้าย!! ”
สิ่งที่เห็นนั้นก็อย่างที่มาร์พูด กวาง โง่ๆที่ถ้าเป็นเขาคงหักคอมันด้วยมือเปล่าไปแล้ว ทว่าคอนเซนเทลกลับต้องใช้ดาบฟันไปที่มันหลายต่อหลายครั้ง และด้วยทักษะดาบของเขาบวกกระบวนดาบนั้นทำให้บาดแผลที่ก่อบนตัวของกวางมันไม่ลึกพอจะสังหารมันได้ นั้นเองจึงเป็นผลให้บนตัวของมันตอนนี้มีแต่บาดแผลเต็มไปหมด
แอ๊!!! ตุบ…
“ สำเร็จ!! ในที่สุดก็ฆ่าได้สักที!! ”
“ ขอโทษนะคะคอนเซนเทล อย่ามัวแต่มาดีใจแบบนี้แล้วรีบๆไปต่อได้หรือเปล่าคะ? ”
“ ข…ข ข ขอโทษครับอาจารย์ ”
คอนเซนเทลสังหารกวางตัวนี้ลงได้พร้อมกับชูดาบขึ้นให้กับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ครั้งนี้ แต่ก็เชยชมกับชัยชนะได้ไม่นานก็ต้องถูกอาจารย์จำเป็นดุเข้าให้ด้วยเสียงเรียบๆแต่เยือกเย็นสุดๆ นั้นทำให้เขาต้องก้มหัวรู้สึกผิดไปเลย
“ เอาน่าๆ อย่าไปดุคอนเซนเทลเยอะเลยนะอคโต ”
“ ท ท ท่านมาร์!! ”
“ ไม่ได้ค่ะ ถ้าไม่เคร่งครัดเดี๋ยว ศิษย์จะนิสัยเสียเอาได้นะคะ… ”
อย่างไรก็ตามมาร์ก็ได้เดินเข้ามาห้ามไม่ให้อคโตดุคอนเซนเทลต่อด้วยท่าทางกับการพูดที่แสนจะอบอุ่นเป็นอย่างมาก ทำเอาคอนเซนเทลถึงกับหลุดปากเรียกมาร์ว่าท่านแทนที่จะเป็นคุณเลยทีเดียว แต่ก็นะอคโตก็ไม่ได้จะอ่อนตามคำพูดนั้นเธอหันไปมองคอนเซนเทลอย่างช้าๆ โดยที่อัศวินหนุ่มไม่อาจจะเดาอารมณ์ในตอนนี้ของอาจารย์ได้ เพราะเธอสวมแว่นบางอย่างปิดบังเอาไว้ ยิ่งคำพูดเองก็เย็นชาอยู่ตลอดเลยยิ่งเดาไม่ได้ว่าตอนนี้เธอกำลังโกรธอยู่หรือไม่
“ เห้อออ บางครั้งเราก็ควรจะให้เขาได้พักบ้าง นี้ตั้งแต่เราลงมาก็ปาไปเกือบวันแล้วนะ ถ้ายังฝืนต่อจะแย่เอา โอ้!! จริงด้วยๆพอพูดถึงเรื่องพักแล้ว ตอนนี้ก็เริ่มจะมืดพอดีเลยถ้างั้นหาที่พักแรมคืนนี้กันดีกว่าเนอะ? ”
“ ค ค ค่ะ… ”
มาร์ยิ้มออกมาอีกครั้งราวกับกำลังคิดอะไรอยู่ เช่นกันอคโตก็แอบยิ้มมุมปากออกมาเล็กน้อยก่อนจะหลบหน้านายท่านของเธอด้วยการมองไปยังทางอื่น คอนเซนเทลเองก็ได้แต่ยืนงงว่ามันเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดีเพราะตัวเองในตอนนี้ขืนพูดอะไรไม่เข้าท่ามีหวังโดนอาจารย์สวดอีกแน่
“ ถ้าไม่มีอะไรแย้งงั้นวันนี้ก็พักตรงนั้นกันเถอะ หลบมุมไม่มีร่องรอยมอนสเตอร์ด้วย ”
ซึ่งพอไม่มีใครจะแย้ง มาร์ก็ชี้นิ้วไปยังลานดินที่หนึ่งซึ่งล้อมไปด้วยต้นส้นกับพุ่มหญ้ามากมายก่อนที่ไม่นานเขาจะเดินนำทุกคนไปยังบริเวณที่ว่าอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าอคโตก็ต้องตามไปในทันที ทว่าคอนเซนเทลกลับก้มลงเก็บไอเทมที่ดรอปจากมอนสเตอร์ซึ่งไม่รู้ว่าโชคดีหรือร้ายเพราะสิ่งที่มันดรอปมามีเพียงเขาขนาดเล็กของมันเท่านั้น
“ ทีนี้ก็จัดการเรื่องที่พักของตัวเองได้เลยนะทุกคน ”
มาร์ให้สัญญาณก่อนที่จะเดินไปยังต้นสนใกล้ๆแล้วก็เอากิ่งไม้แถวๆนั้นยกขึ้นมาแทงเอาหยากไย่บนต้นสนออกก่อนจะยืนมองดูราวกับสำรวจอะไรบางอย่าง ทางด้านอคโต เธอนั้นเดินไปยังลานดินที่อยู่ใกล้ๆกันต้นสนที่มาร์อยู่แล้วก็ก้มตัวลงวางมือไว้บนพื้นก่อนที่ผืนดินจะเริ่มแปลเปลี่ยนกลายเป็นทางลงไปยังใต้ดินที่ด้านในนั้นคือห้องพักพร้อมอ่างอาบน้ำหรูหรา ทว่าคนสุดท้ายอย่างคอนเซนเทลนั้น…เขากลับหยิบเอาผ้าปูออกมาแล้วก็เอาเศษใบไม้รองไว้ด้านใต้ก่อนจะปูมันไว้ข้างบน
“ เอาล่ะทีนี้ใครจะกินอะไรก็ไปล่ามาเนอะ เดี๋ยวผมจะเตรียมกองไฟเอาไว้ให้ ”
“ รบกวนด้วยนะคะมาร์ ”
“ งั้นเดี๋ยวผมจะรีบกลับมานะครับ!! ”
เมื่อจัดที่นอนของตัวเองจนเสร็จก็ได้เวลาหาของกินกัน แน่นอนว่ามาร์น่ะมีของกินเตรียมมาเองอยู่แล้วแต่เขาก็ไม่อยากจะเอาออกมาให้เสียบรรยากาศตอนนี้ แถมถ้าเขาจะออกไปล่าก็คงใช้เวลาไม่ถึงนาทีแน่ๆ ดังนั้นให้ทั้งสองออกไปโดยที่ตัวเองทำเป็นจุดไฟจะดีกว่าเพราะตามปกติงานจุดไฟก็เป็นของพวกนักเวทย์อยู่แล้วด้วย ซึ่งคนแรกที่เดินออกไปก็คือคอนเซนเทล ส่วนอคโตที่กำลังจะเดินออกไปนั้นก็ถูกหยุดไว้ด้วยเสียงที่แสนเบาจากด้านหลัง
“ อคโตยังไงเดี๋ยวคืนนี้… ”
“ รับทราบค่ะ…นายท่าน ”
… … …
“ …หมดนี่น่าจะเยอะพอสำหรับสองวันเลยนะคะ ”
“ แฮก แฮก แฮก…น น นี้ครับ ”
[ อืม… ไม่เกินคาดแหะ ]
เวลาผ่านไปได้เกือบชั่วโมง ทั้งสองก็กลับมาพร้อมกับของกินสำหรับคืนนี้และมันก็เป็นไปตามที่มาร์คิดเอาไว้ อคโตล่ามาได้เยอะจนเธอต้องเอาใส่ถุงตะข่ายเอาไว้ ถุงที่มีขนาดพอๆกับเธอ ส่วนคอนเซนเทลเขาได้มาเพียงนิดเดียวถ้าเทียบก็เป็นเนื้อชิ้นขนาดราวๆ 2 ฝ่ามือ
ฟู่… ฟู่… ช่าาา…
“ อืมม หอมดีแหะ ดีนะที่พกเกลือกัยพริกไทยเอาไว้ ”
“ อึก… ถ้าผมล่าได้มากกว่านี้ล่ะก็… ”
“ งั้นเหรอคะคอนเซนเทล? วันหลังตอนออกไปล่าก็พยายามให้มากกว่านี้สิคะ จะได้ไม่ต้องมี “ถ้า” อีกน่ะ ”
“ ค…ครับ อาจารย์ ”
“ เอ้านี้…ของคอนเซนเทล ”
“ ขอบคุณครับ ”
มาร์ที่ได้วัตถุดิบมาแล้วก็ลงมือปรุงในทันที โดยระหว่างที่ทำไปนั้นคอนเซนเทลเองก็เอาแต่เสียดายที่ล่ามาได้น้อย ยังไงก็ตามพอบ่นออกมาแบบนั้นก็โดนอคโตแซะกลับในทันทีทำเอาอัศวินก้มหน้ารู้สึกผิดไปเลย มาร์ที่เห็นก็แทรกเข้ามาด้วยการเอาเนื้อที่ย่างเสร็จแล้วมาให้กับคอนเซนเทล
“ ไหนๆก็ไหน ระหว่างกินข้าวไป ผมจะคุยเรื่องคืนนี้แล้วก็ต่อจากนี้เลยเนอะ เรื่องสำคัญก่อนเลยก็เรื่องเข้ากะเฝ้ากลางคืน ผมจะทำให้เองทั้งสองคนนอนไปก่อนได้เลยไว้เกือบเช้าผมจะปลุกมาแทน ส่วนอีกเรื่องก็คือต่อจากนี้ผมตั้งเป้าว่าทุกๆ 24 ชั่วโมงเราจะพักกัน แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆค่อยคุยกันอีกทีเนอะ ”
“ ค ค คือว่า ”
“ ครับ? เชิญเลยคอนเซนเทล ”
ในระหว่างที่แต่ละคนกำลังกินข้าวกันอยู่ มาร์ก็ได้พูดถึงเรื่องที่เขาคิดเอาไว้เรื่องการเฝ้าเวรกลางคืนซึ่งเป็นอะไรที่สำคัญมากๆในการนอนพักแรมนอกเมือง เพราะ 1.ด้านนอกเต็มไปด้วยมอนสเตอร์อันตราย ตอนกลางคืนหากนอนโดยไม่มีคนเฝ้าก็อาจจะโดนพวกมันบุกมาโดยที่ไม่สามารถตอบกลับอะไรได้เลย 2.พวกโจร หรือภัยอันตรายอื่น แม้ว่าการตั้งแคมป์ในป่าจะมีต้นไม้คอยอำพรางไว้ให้ ทว่าไฟที่ใช้จุดเพื่อไล่มอนสเตอร์กับไว้สร้างความอบอุ่นก็กลายมาเป็นตัวเปิดตำแหน่งให้พวกโจร ดังนั้นไม่ว่าจะยังไงก็ตามการนอนแคมป์ด้านนอกจึงจำเป็นที่จะต้องมีคนเฝ้ายามเสมอ
ทว่าในตอนที่มาร์พูดจบแล้วนั้น คอนเซนเทลก็ได้ยกมือขึ้นมาเพื่อจะพูดอะไรบางอย่าง สีหน้าของเขานั้นเห็นได้เลยว่างานเฝ้านี้เขาอยากจะทำมัน ซึ่งมาร์ที่เห็นก็รู้ว่าคอนเซนน่ะคิดอะไรแต่เขาก็ไม่ได้พูดขัดขึ้นมากลับกัน เขายังเชิญให้คอนเซนเทลได้พูดต่อด้วย
“ ขอบคุณครับ คือว่าเรื่องเฝ้ายามตอนกลางคืนให้ผมเป็นคนทำได้หรือเปล่าครับ? ”
“ อืมม…ถ้าแบบนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลล่ะนะ ”
อย่างที่มาร์คาดเอาไว้ คอนเซนเทลอยากจะเข้าเวรเฝ้ากลางคืน แน่นอนว่าไอการที่ยกมือบอกมาแบบนั้นก็ทำให้อคโตหันมามองอย่างช้าๆโดยที่ไม่พูดอะไร ยังไงก็ตามมาร์ก็ไม่ได้จะตอบตกลงยกหน้าที่นี้ให้เพราะตัวของมาร์เองก็มีเหตุผลของเขาเช่นกัน
“ ครับผม เนื่องจากผมเป็นอัศวินมีหน้าที่ต้องปกป้อ… ”
“ คัท!! ไม่อนุญาตครับ ”
“ อ อ๊ะ?!? จริงๆแล้วผมเป็นคนไม่ต้องนอนเยอะถ้าให้มาเฝ้าแทน… ”
“ ไม่เกี่ยวกับนอนไม่นอน มันเกี่ยวว่าวันนี้คอนเซนเทลใช้แรงมาทั้งวันแล้ว ดังนั้นไปพักเถอะ ”
“ แต่ว่า!! ”
“ คอนเซนเทล… ”
“ อึก… ”
คอนเซนเทลนั้นไม่ลดละความพยายามลงเลยแม้แต่น้อย แต่ไม่ว่าจะเหตุผลใดที่ยกมาตัวหัวหน้าอย่างมาร์ก็ปัดตกหมดเพราะมันดูไม่มีเหตุผลพอเลยสักนิด และเมื่อไม่มีทีท่าว่าจะหยุดมันก็ทำให้อคโตต้องพูดชื่อของอัศวินหนุ่มออกมาอย่างช้าๆ คำพูดที่ทำเอาเขาเงียบในทันที
“ ฟังนะ ที่ผมเฝ้าในคืนนี้ก็เพราะว่าผมน่ะไม่ได้เหนื่อบอะไรเลย เอาแต่อยู่แนวหลังดังนั้นทั้งสองคนน่ะไปนอนได้แล้ว นี้ไงท้องฟ้าก็เริ่มจะมืดแล้วด้วย ไหนควันไฟก็เริ่มจะมีให้เห็นอีก เอาล่ะ เอาล่ะ ไปนอน ไปนอน ”
“ แต่ว่าบัฟที่คุณมาร์ร่ายเอาไว้ให้ตั้งแต่ตอนลงมา ตอนนี้ผมเลยไม่เหนื่อยสักนิดเลยล่ะครับ แบบนี้ผมก็เฝ้า… ”
“ ยังไม่หยุดอีกเหรอคะ? ”
“ ค ครับ…ถ้างั้นรบกวนด้ยนะครับ ”
“ คร้าบๆ ฝันดีนะทุกคน ”
ยังไงก็ตามคอนเซนเทลอยากจะเฝ้ากลางคืนเพราะเขาค่อนข้างจะเกรงใจมาร์ที่แรงก์สูงแถมยังคอยร่ายบัฟให้ตลอด ทว่าอคโตก็ห้ามไว้ก่อนที่เธอจะเดินลงไปยังที่พักของตนโดยไม่หันกลับมามองเขาด้วย แน่นอนเจ้าตัวเองก็ไม่กล้าจะพูดต่อเพราะกลัวว่าจะไปบาดหมางกับอาจารย์ของตนนั้นทำให้เขาตัดสินใจเอนตัวลงนอนบนที่ที่ตัวเองเตรียมเอาไว้
[ ทีนี้ก็ไปประจำตำแหน่งของเราเลยละกัน ]
มาร์ที่เห็นว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วก็ปีนขึ้นต้นสนที่เป็นที่พักของตนในทันที ก่อนจะปล่อยให้เวลาไหลไปเรื่อยๆจนท้องฟ้านั้นเต็มไปด้วยดาวและคอนเซนเทลก็หลับไปในที่สุด
ตึก ตึก ตึก
“ ขออนุญาตค่ะนายท่าน ”
“ โอ้ มาแล้วสินะ! ”
และเมื่อรอบๆปกคลุมไปด้วยความมืดมิด ที่เดียวที่พอจะมีแสงไฟก็คือกองเพลิงที่จุดอยู่ตรงข้างๆที่ที่คอนเซนเทลนอนพัก ด้วยความมืดนี้ อคโตก็ได้เดินขึ้นมาจากที่พักของตน พร้อมกับคุกเข่าลงกล่าวรายงานอย่างสุภาพต่อหน้านายท่านที่ยังคงนั่งเล่นอยู่บนต้นสน
“ ถ้างั้นต่อจากนี้ผมฝากเฝ้าแทนด้วยล่ะ ”
“ น้อมรับบัญชาเจ้าค่ะนายท่าน…อ่า… ไปดีมาดีนะคะ ”
มาร์กล่าวสั้นๆเท่านั้นกับอคโต ซึ่งเธอพอได้รับคำสั่งก็โค้งหัวลงเคารพก่อนจะเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ ทว่าทันทีที่เงยหน้าขึ้นมาหวังจะได้เห็นนายท่านของตน สิ่งที่เธอได้เห็นก็คือตัวของเขาที่ค่อยๆจางหายไปกับความมืด
ฟุบ ฟุบ ฟุบ
เสียงของบางสิ่งกำลังพุ่งไปมาบนต้นไม้ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทว่าเสียงของมันก็ไม่ได้จะดังมากไปกว่าเสียงของสายลมที่พัดใบไม้เลย นั้นทำให้ไม่มีใครรับรู้ได้ถึงตัวตนของสิ่งที่นั้น มาร์ ที่สวมชุดตาข่ายสีดำกระโดดไปมาบนต้นไม้
[ อืม แคมป์ที่แล้วไม่เห็นมีอะไรโดดเด่นเลยแหะ แต่ก็…นะ ยังไงพวกนั้นก็ผ่านบอสชั้นที่ 5 มาได้ถึงตรงนี้ก็คงไม่ธรรมดาแหล่ะ อ๊ะ…พวกนั้นมัน? ]
ในคืนนี้นั้นมาร์ได้ออกเที่ยวไปยังแคมป์อื่นๆของเหล่าปาร์ตี้นักพจญภัยโดยอาศัยควันไฟเป็นตัวนำทาง ซึ่งด้วยเวลาสั้นๆนี้มาร์ก็ได้เห็นอะไรหลายอย่าง ทั้งบางแคมป์ที่มีแต่คนนอนแล้วอาศัยอุปกรณ์ตรวจจับคนเป็นเครื่องเตือนภัย บางแคมป์ก็กังวลกันจนเต็มไปด้วยคนเฝ้ายาม บางที่ก็ดูจะชิลเกินไปชายหญิงต่างมีอะไรกันราวกับที่นี้ไม่ใช่ดันเจี้ยน แต่ว่าระหว่างที่ไปก็ได้พบกับแคมป์นึงที่ทำให้มาร์ต้องหยุดดู
[ อ่า…ไอพวกนี้มัน เห้ออ ขนาดในหอคอยก็ยังมีสินะ ]
สิ่งที่มาร์ได้เห็นนั้น คือปาร์ตี้ชายหญิงรวมกัน 8 คนที่ไม่ว่าจะมองยังไงก็หาความเป็นนักพจญภัยไม่ได้เลยสักนิด พวกนั้นสวมผ้าปิดใบหน้าครึ่งล่างเอาไว้แถมยังอำพรางตัวเองด้วยผ้าคลุมสีดำอีกต่างหาก ซึ่งมาร์ก็รู้ได้ทันทีว่าพวกนั้นไม่ใช่นักพจญภัยเฉยๆ แต่ยังเป็นกลุ่มโจรประเภทหนึ่งที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มของนักพจญภัยและพวกมันก็เกิดมาจากการที่กิลล์มีอุปกรณ์ช่วยเหลือออกมาให้ใช้
อุปกรณ์ช่วยเหลือนั้น 1 ในความสามารถของมันก็คือระบุว่าตายแล้วหรือไม่ มันยังระบุได้ว่าตายเพราะอะไรหรือใครได้ด้วย นั้นเองทำให้นักพจญภัยบางกลุ่มที่เจอช่องว่างก็จะใช้ประโยชน์จากจุดนี้ในการออกขโมยในยามกลางคืน ในช่วงเวลาที่การป้องกันน้อยที่สุดและง่ายที่สุดในการเข้าจับกุม โดยที่พวกนั้นจะเอาของไปโดยไม่ฆ่า แต่จะอุดปากของเหยื่อเพื่อไม่ให้ใช้คำสั่งเทเลพอร์ตกลับก่อนจะปล่อยให้มอนสเตอร์ในแต่ละชั้นเป็นคนสังหารต่อเอง
[ ไอเดียดีนะ แต่ก็…ไม่เกี่ยวกับเรานี่น่า ]
ก็นะ… มาร์ไม่ใช่คนดีขนาดนั้น เขาไม่ได้จะกระโดดลงไปแล้วชี้หน้าก่อนจะจัดการกับคนเลวทั้งหมด เจ้าตัวนั่งอยู่บนต้นไม้นั้นแล้วมองดูพวกมันเคลื่อนกันออกไปจนในแคมป์ที่ตั้งอยู่เหลือคนเฝ้าเพียง 2 คน
[ ดูจากสภาพแล้วคงไม่มีอะไรที่มีค่ามากๆหรอกมั้ง เห้ออ ไปที่อื่นดีกว่า ]
และแม้จะมีช่องว่างให้เขาลงไปเอาของที่พวกนั้นเก็บเอาไว้ในแคมป์ แต่มาร์ก็ไม่ได้จะสนใจอยู่ดีเพราะเขาไม่ได้ต้องการอะไรพวกนั้นอยู่แล้ว จากการที่เขาในตอนนี้มีแทบทุกอย่างที่ต้องการนั้นทำให้มาร์ค่อยๆลุกขึ้นก่อนจะมองไปยังควันไฟของแคมป์อื่นซึ่งเป็นทางเดียวกันกับที่พวกโจรนี้เดินออกไป
[ พวกนั้นมุ่งหน้าไปทางนั้นสินะ งั้นเราไปอีกทางดีกว่า ]
เขาหันหลังกลับแล้วก็มุ่งหน้าไปยังแคมป์ตรงกันข้ามในทันที โดยก็เพียงไม่นานนักหลังจากกระโดดไปมาบนต้นไม้เขาก็ได้มาถึงยังแคมป์ที่ว่า แล้วก็พบว่ามันต่างกับแคมป์อื่นๆอย่างมาก เช่นปกติแคมป์ทั่วไปจะจุดไฟไว้กลางแคมป์ แต่แคมป์นี้ดันจุดไฟห่างจากจุดพักไปหลายสิบเมตร ไหนจะตัวที่พักเองที่ไม่ได้เป็นผ้าเต็นท์ แต่เป็นการขุดพื้นลงไปซ่อนอยู่ใต้ดินพร้อมกับเอาใบไม้แถวนั้นมาพรางทางเข้าไว้
[ วิธีแบบนี้คนคิดต้องถนัดเรื่องพรางตัวสุดๆเลยล่ะสินะ… ]
แครก แครก
“ เอ้า!! ได้เวลาเปลี่ยนกะลาดตระเวนแล้วนะเห้ย ”
“ ค่าา หัวหน้า เข้าใจแล้วค่าา ”
[ โอ…ไม่เฝ้ายามแต่เป็นการลาดตระเวน แถมยัง… ]
ทว่าในระหว่างที่มาร์กำลังจับตามองอยู่นั้น ทางเข้าที่ถูกอำพรางไว้ก็ถูกเปิดออกอย่างช้าๆพร้อมกับการมาของเสียงพูดคุยที่เขารับรู้ได้ว่ามันเป็นของผู้หญิง และหลังจากการมาของเสียงก็คือคนคนหนึ่งที่ปรากฎตัวขึ้นจากทางเข้าที่ว่าโดยมาร์ไม่อาจจะมองเห็นหน้าตาของได้เพราะจุดที่อยู่มันอยู่สูงกว่าแล้วคนคนนั้นก็ดันคลุมตัวเองไว้ด้วยผ้าคลุมสีดำ ยังไงก็ตามเจ้าชุดคลุมนั้น…มีบางสิ่งที่ทำให้มาร์สนใจขึ้นไป
“ ปืน? แถมยังเป็นรุ่นลิมิตเต็ดเมื่อปีที่แล้วอีก… ”
……
MANGA DISCUSSION