ฟุบ ฟุบ ฟุบ ฟุบ ครึก ครืนนนน
เวลานั้นผ่านมาแล้วหลายชั่วโมงและในที่สุด บอริสที่คืนร่างกลายเป็นมาร์ก็ได้มาถึงยังสนามบินหลักในยูโทเปีย สนามบินทางการทหารขนาดใหญ่ที่ไม่รู้ทำไมเหล่าทหารต่างพากันย้ายเครื่องบินหลายสิบลำกลับเข้าโรงเก็บ ทั้งๆที่ปกติจะจอดเครื่องเอาไว้ด้านนอกเพื่อให้ไวต่อการนำเครื่องขึ้นแท้ๆ
“ ค่อยๆนะจุส ค่อยๆจอด อย่าดับเครื่องในทีเดียว นั้นแหล่ะ นั้นแหล่ะ เอ้า กำคันบังคับเอาไว้อย่าส่าย อืมม อย่าา เห้ยยย!! ”
“ ค ค ค่ะ! ”
ทว่าหากมองขึ้นไปเพียงเล็กน้อยจากที่ลานบินนั้นก็จะพบกับสาเหตุของเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น เครื่องที่บอริสกำลังโดยสารอยู่นั้นมันไม่ได้ลงจอดดีๆแบบที่ชาวบ้านเขาทำกัน ทั้งบินไปซ้ายที ขวาที โยกไปมาอย่างกับลูกตุ้มที่แกว่งไปเรื่อยเดาทิศเดาทางไม่ได้ ยังดีที่ว่าภายในนั้นคนขับไม่ได้มีเพียงแค่จุส มาร์ที่ควรจะนั่งพักเฉยๆตอนนี้เขาก็ได้ลุกมานั่งข้างๆคนขับแล้วก็คอยประคองเครื่องช่วย
ครืนนนน กึง
“ เห้ออออออ เกือบไปแล้วไหมล่ะ ดีนะที่พวกข้างล่างไหวตัวทันไม่งั้นมีชนเละเทะแน่ ”
“ นั้นสินะคะ ฮ่าห์ เหนื่อยจริงๆเลย ”
“ พูดได้นะเราน่ะ? ไอที่เกือบจะเละนี้ก็เพราะใครล่ะ หืมม? ”
“ แหะ แหะ ขอโทษค้าาา! ”
และเมื่อล้อแตะถึงพื้น มาร์ก็ได้เอนหลังลงพิงกับเบาะด้วยความเหนื่อยจากการที่ต้องมาแก้ปัญหาฉุกเฉินเช่นนี้ ทว่าตัวของจุสที่เป็นต้นเหตุกลับนั่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจ นั้นทำให้เธอโดนมาร์ดุไปทีนึงจนต้องไปนั่งก้มกอดเข่าหน้าหงอยอยู่บนที่นั่งของตนเอง
ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ แกร็ก
“ ฮัลโหล? ค่ะ… อ๊ะ! เข้าใจแล้วค่ะ! นายท่านคะ ท่านทิเรียติดต่อเข้ามาน่ะค่ะ ”
“ อืม ขอบใจ ”
ทว่าระหว่างที่จุสกำลังนั่งหงอยอยู่นี้เอง เสียงของการติดต่อเข้ามาก็ดังขึ้นทำให้เธอหยิบอุปกรณ์สื่อสารขึ้นมาก่อนจะยื่นมันให้กับมาร์ที่มองดูอยู่ เพื่อที่เขาจะได้คุยกับเมดผู้มากไปด้วยปัญญา ทิเรีย
“ มีอะไรหรือเปล่าทิเรีย? ”
“ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษหรอกเจ้าค่ะนายท่าน… เพียงแต่ ดิชั้นอยากจะได้ยินเสียงท่านก่อนใครก็เท่านั้นเองเจ้าค่ะ ”
ในตอนนี้เองที่คำพูดของทิเรียต่างไปจากปกติ เธอที่มักจะพูดด้วยเสียงเรียบๆ ไม่ก็เสียงที่จริงจังๆ จู่ๆเสียงนั้นก็แผ่วเบาลงจนเหมือนกับว่าเธอกำลังพูดโดยไม่ให้ใครได้ยิน ส่วนมาร์เองที่ตั้งใจฟังก็รู้สึกได้ว่าเสียงนั้นเบาลงแต่ไม่ได้เอะใจอะไรนัก
“ หืม…งั้นเหรอ? เอ แต่เดี๋ยวก็ได้เจอกันแล้วนิ? ”
“ เดี๋ยว เดียว มันก็นานนะเจ้าคะ อ่า…จริงด้วย จะว่าไปแล้วดิชั้นขอเรียนให้ทราบว่าอีกไม่นานยานพหนะที่จะรับนายท่านกลับมายังบ้านกำลังจะถึงแล้วเจ้าค่ะ ”
“ เข้าใจละ เออ แต่ว่าทิเรีย ระหว่างผมเดินทางกลับ ยังไงรบกวนช่วยเตรียมข้อมูลสถานการณ์ของหอคอยในเมืองทั้ง 8 ให้ทีนะ ”
“ เจ้าค่ะนายท่าน ดิชั้นจะเตรียมไว้ให้เจ้าค่ะ ”
“ ขอบใจนะ ”
และเมื่อสิ้นคำพูดของมาร์ เขาก็วางสายก่อนจะลุกขึ้นเดินไปยังทางลงของเครื่อง พร้อมกับฟัง ฟังเสียงที่ใกล้เข้ามาและเสียงของบางอย่างที่กำลังเดินไปมาอยู่ด้านนอกมากมายนับไม่ถ้วน เขายิ้มก่อนจะหยิบหน้ากากของตนขึ้นมาใส่แล้วก็เปิดประตูออกไป
ครืดดดดดดดดด กึง
“ ยินดีต้อนรับกลับเจ้าค่ะนายท่าน!! ”
เสียงกล่าวต้อนรับนั้นดังขึ้นที่ปลายของบันไดทางลง และภาพที่มาร์ได้เห็นก็คือหญิงสาวผมสีเทาในเครื่องแบบทหารสีเขียวกำลังคุกเข่าก้มหัวลงต่อหน้าของเขา ใบหน้าของเธอนั้นเห็นได้เพียงแค่ปากอันเล็กๆเท่านั้นเพราะส่วนครึ่งบนของใบหน้านั้นถูกปิดไว้ด้วยที่คาดตาสีดำ
พรึบ
อย่างไรก็ดีนอกจากเธอผู้นี้แล้ว สองข้างทางกระหนาบยาวไปจนถึงรถยนต์หรูคันสีดำนั้นคือเหล่าโกเล็มสงครามที่มีรูปลักษณ์ภายนอกเป็นหญิงสาวมากมาย จนเหมือนกับตุ๊กตาหินอ่อน พวกเธอนั้นต่างใส่ชุดเครื่องแบบทหารพร้อมกับโบกสะบัดธงที่มีตรากะโหลกผีอยู่ตรงกลาง ธงอันเป็นสัญลักษณ์ของ ลารวม ผู้นำของ ผี
“ อืม! ขอบใจที่มารับนะอคโต เอาล่ะรีบไปกันเถอะ ”
“ น้อมรับบัญชาเจ้าค่ะนายท่าน! ”
ทันใดนั้นเองมาร์ก็ได้เดินต่อไปยังรถโดยที่อคโตคอยเดินนำ เช่นกันเหล่าโกเล็มมากมายที่ยืนกระหนาบอยู่สองข้างนั้นก็ตั้งธงขึ้นก่อนจะเดินตามหลังเขาไป และทันทีที่ตัวของนายท่านผู้นี้ได้ขึ้นไปบนรถแล้ว เหล่าโกเล็มก็วิ่งไปขึ้นยังรถบรรทุกทหารด้านหลังในทันที
บรืนนนนนนนนนนนน
“ สมกับเป็นอคโตเลยนะ ไม่พึ่งใครเลยจริงๆ ”
“ ขอบพระคุณสำหรับคำชมเจ้าค่ะนายท่าน ”
และด้านในรถหรูนี้เองก็ด้วย มันไม่มีคนขับเป็นมนุษย์แต่เป็นโกเล็มสาวอีกตน เธอนั้นไม่ได้หันมามองแต่อย่างใดนอกจากมองตรงไปข้างหน้าแล้วทำหน้าที่ของตนนั้นคือการพามาร์ไปยังบ้านที่ภูเขาใจกลางเกาะนี้ มาร์ที่ได้เห็นก็ต้องเอ่ยปากชม ส่วนอคโตเธอก็น้อมรับมันไว้ด้วยรอยยิ้มแล้วก็คำขอบคุณที่แสนอ่อนโยน
… …
บรื้นนนนน บรืนนน ครืดดด ครึก
หลังจากนั้นราวๆ 30 นาทีรถก็ได้มาถึงยังที่หมาย ภูเขาลูกใหญ่ที่มีบ้านไม้ตั้งอยู่ด้านบนซึ่งทางด้านของมาร์พอลงจากรถก็ได้เดินเข้าไปในบ้านของตนเองโดยมีอคโตตามมาเพียงคนเดียว ส่วนเหล่าโกเล็มนั้นต่างออกเดินลาดตระเวนรอบเขากันในทันที
ก็อก ก็อก
“ ยินดีต้อนรับกลับมานะเจ้าคะนายท่าน แล้วก็ขอบคุณที่เหนื่อยเพื่อพวกเราเจ้าค่ะ ”
“ อืม อืม เอาล่ะเข้าเรื่องรายงานเลยดีกว่านะทิเรีย ”
“ เจ้าค่ะ! ”
ส่วนสถานที่ที่ทั้งสองคนนั้นเดินมาถึง มันไม่ใช่ห้องใดเลยนอกจากห้องทำงานของมาร์เอง ที่ด้านในนั้นเต็มไปด้วยโมเดลของหอคอยทั้ง 8 และที่ตรงกลางในตอนนี้ก็คือโต๊ะประชุมขนาดใหญ่ที่มีเจ้าตัวนั้นแหล่ะนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ และทิเรียกับอคโตก็ยืนอยู่ที่ข้างๆของเขา
วืนนนน
“ อ่า… เรียงแผนที่เรียบร้อยแล้วสินะเนี้ย ”
มาร์พูดออกมาเช่นนั้นด้วยความรู้สึกประทับใจไม่ใช่น้อย เพราะภาพโฮโลแกรมที่ฉายอยู่ตรงหน้าคือภาพของเมืองทั้ง 8 ที่ละเอียดจนเห็นได้ว่าอาคารไหนเป็นอาคารไหน มีหน้าต่างเท่าไหร่หรือทำจากอะไร อย่างไรก็ตามทุกที่นั้นมีสิ่งที่เหมือนๆกันคือ แท่งบางอย่างที่ฝังลงไปลึกใต้ดิน
“ ใช่แล้วเจ้าค่ะนายท่าน ตอนนี้ทางดิชั้นได้ทำการปรับแผนที่ใหม่เรียบร้อยทุกอย่างแล้วเจ้าค่ะ แต่ว่าในประเด็นสถานการณ์ของหอคอยทั้ง 8 ที่นายท่านต้องการทราบนั้นดิชั้นจะขอรายงานเป็นภาพรวมดังนี้นะเจ้าคะ ”
“ อืม อืม ”
ภาพแผนที่ทั้งหมดนั้นหายไป แล้วเปลี่ยนเป็นแท่งสีแดง แท่งหอคอยทั้ง 8 ที่เรียงจากซ้ายไปขวาคือ 1 ไป 8 โดยที่เห็นได้ชัดเลยว่ายิ่งไปลำดับหลังมากเท่าไหร่ หอคอยนั้นยิ่งสูงกว่าเดิมหลายต่อหลายเท่า ถ้าให้เทียบชัดๆนั้น หอคอยที่ 1 นั้นมีขนาดเล็กกว่าหอคอยที่ 8 ราวๆ 6 ถึง 7 เท่าเห็นจะได้ ทว่าในหอคอยที่ 1 นั้นกลับมีสีเขียวกินพื้นที่ไปแค่ 3 ใน 4 ของมัน
“ อย่างที่ได้เห็นนะเจ้าคะนายท่าน ปัจจุบันหอคอยแรก หอคอย 100 ชั้น ที่ถูกตั้งไว้ว่าง่ายขนาดที่พนักงานของยูโทเปียจำนวน 100 คน สามารถพิชิตได้ แต่นักพจญภัยที่มากันนั้นกลับไปได้ไกลสุดที่ชั้น 76 เจ้าค่ะ ”
ทิเรียอธิบายอย่างช้าๆประกอบกับภาพขยายของหอคอยที่ 1 ซึ่งคำอธิบายนั้นถึงกับทำให้มาร์ต้องกุมขมับในทันที หอคอยแรกที่เขาใช้เกณฑ์ง่ายๆ ซึ่งได้ผ่านการตรวจแล้วตรวจอีกจากเหล่าเมดนั้นกลับไม่มีนักพจญภัยหรือใครสามารถพิชิตมันได้เลย แม้เวลาจะผ่านไปเป็นปีแล้วก็ตาม
“ จริงจังไหมเนี้ย ทั้งๆที่ออกแบบห้องพัก ห้องอะไรไว้ให้ในชั้นแต่ก็ยังไปได้ไกลแค่ชั้น 76 เห้อออ อุตส่าห์วางแผนกับตั้งความหวังซะสูงไหงเงี้ยล่ะ ฮ่าห์ เอาเถอะ แล้วหอคอยอื่นๆล่ะทิเรีย? ”
เขาบ่นออกมาพร้อมกันกับถอดหายใจอีกหลายครั้ง ทำเอาทิเรียกับอคโตต้องหันมามองด้วยสายตาที่เป็นห่วง ทว่าเจ้าตัวก็ไม่ได้เป็นอะไร เขาถามทิเรียแบบนั้นทำให้ทิเรียเปิดภาพของหอคอยทั้ง 8 ที่คราวนี้มีเลขกำกับจำนวนชั้นเอาไว้ที่ด้านล่างของพวกมัน
“ หอคอยที่ 1 ปัจจุบันผู้ที่ไปได้ไกลสุดคือ ชั้นที่ 76 จาก 100 ถัดมาหอคอยที่ 2 60 จาก 120 , หอคอยที่ 3 ไปได้ที่ 43 จาก 160 , อืม… หอคอยที่ 4 ปัจจุบันคือ 50 จาก 220 , หอคอยที่ 5 อยู่ที่ 41 จาก 300 กับ หอคอยที่ 6 คือ 41 จาก 400 , ส่วนหอคอยที่ 7 นั้น ไปได้ไกลสุดที่ชั้น 32 จาก 520 และ หอคอยที่ 8 … สถิติดีสุดคือ ชั้นที่ 13 จาก ทั้งหมด 660 ชั้นเจ้าค่ะ ”
“ อึก…สร้างไว้คัดสรรคนเพื่อตามหาผู้คู่ควรแก่รางวัล แต่ดั๊นไม่มีเลยนี้ยังไงกัน?? ”
“ นั้นสินะเจ้าคะนายท่าน เพราะแบบนี้รางวัลที่เตรียมไว้เพื่อระบายเงินในคลังก็เลยยังค้างอยู่เช่นนี้ หรือว่าเราควรจะทำการปรับปรุงแก้ไขดีเจ้าคะ อย่าง ระบบจุดเซฟไว้เคลื่อนย้ายลงมา แล้วก็ยกเลิกระบบ 1 คน พิชิตได้ 1 ครั้ง ต่อ 1 หอคอยดีล่ะเจ้าคะ? ”
“ นั้นสิน้า… ”
หลังจากที่ได้ฟังผู้เป็นนายบ่นเช่นนี้ทิเรียก็รีบหาวิธีแก้พร้อมกับเสนอให้เขาได้ทราบในทันที ซึ่งตามตรงนั้นสิ่งที่ว่ามา มาร์ก็เคยอยากจะทำแต่ว่าเขารู้สึกว่ามันจะทำให้ทุกอย่างง่ายเกินไป จนเซฟที่วาร์ปมาจากชั้นบนสุดได้เอย การยกเลิกระบบที่จะทำให้ไม่สามารถป้องกันการเฟ้อของรางวัลเอย แต่พอมาเจอสถานการณ์แบบนี้เขาก็เลยเริ่มจะเห็นด้วยถึงการเปลี่ยนแปลง
“ รางวัลที่เตรียมไว้ให้ผู้พิชิตเองก็มีตั้งมากมายซะด้วย ทั้งปืน ทั้งไอเทมแปลกๆ แต่ขืนยังไม่มีใครพิชิตแบบนี้ต่อไป… ”
“ เจ้าค่ะนายท่าน ถ้ายังไม่มีใครมาทำได้ สิ่งที่วางแผนกันเอาไว้คงไม่สำเร็จแน่เลยเจ้าค่ะ การเชื้อเชิญนักพจญภัยทั้งโลกให้มาที่นี้ด้วยรางวัลพิเศษจากการพิชิตหอคอย แล้วเปลี่ยนยูโทเปียให้เป็นมหาอำนาจที่กุมนักพจญภัยเอาไว้ได้ ”
“ วางไว้ซะดิบดีแต่ไม่มีแววจะสำเร็จเล้ย… แต่อย่างน้อยก็ไม่ใช่ความผิดเราล่ะนะ ”
มาร์เอนหลังลงอิงกับเก้าอี้ก่อนจะหลับตาเพื่อใช้ความคิดของเขา ส่วนทางด้านทิเรียกับอคโตก็หันมามองกันก่อนจะเปลี่ยนสายตาไปจับจ้องนายท่านของพวกเธอโดยไม่แม้แต่จะกระพริบ ทั้งคู่จ้องมองดูอยู่อย่างนั้นสักพักก่อนที่มาร์จะค่อยๆลืมตาขึ้นมาด้วยสีหน้าที่นึกสนุกกับความคิดที่ว่า [ ไหนๆ ก็กะจะกลับมาทดสอบทั้งที งั้น…หึหึหึ ใช่!! ]
“ ดีล่ะ ถ้าไม่มีใครมาก็ไม่เห็นยากนิ เราก็แค่เอาตัวตน มาร์ เนี่ยแหล่ะไปพิชิตซะก็สิ้นเรื่อง สัก 4 หอคอยกำลังดี แล้วก็เพื่อจะได้สร้างชื่อเสียงให้กับเราในฐานะนักพจญภัยเองอีกขั้น งั้น…ทิเรีย อคโต ”
“ เจ้าค่ะนายท่าน ”
“ พร้อมรับบัญชาเจ้าค่ะ! ”
ทั้งสองคนนั้นพอได้เห็นท่าทีที่ตื่นเต้นของนายท่านของพวกเธอ ทิเรียและอคโตก็คุกเข่าลงไปพร้อมกับก้มหัวลงรอรับคำสั่งในทันที ส่วนมาร์เองก็ยืนขึ้นพร้อมกับวางมือขวาลงบนโต๊ะอย่างช้าๆ เขามองไปที่ภาพของหอคอยนั้นก่อนจะหันกลับมามองยังทั้งสอง
“ อคโต! เธอไปสมัครกิลล์พจญภัย แล้วก็ใช้เส้นสายกับวัลคีย์จัดการให้เข้าปาร์ตี้กับเราให้ได้! ”
“ เจ้าค่ะนายท่าน!! ดิชั้นรับทราบแล้วเจ้าค่ะ! ”
“ ทิเรีย! จัดหารนักพจญภัยหน้าใหม่มาสักคน เอาที่ไม่มีอคติมานะ เพราะเราจะเอานักพจญภัยคนนี้ตามเราไปในการสำรวจนี้ด้วย แล้ว นี้แหล่ะจะเป็นการแพร่กระจายวิธีของมาร์และเรื่องราวของมาร์เองด้วย ”
“ ยินดีเจ้าค่ะนายท่าน ดิชั้นจะรีบคัดสรรให้โดยเร็วเจ้าค่ะ ”
“ เอ้า ไปได้!! ”
มาร์เมื่อมอบคำสั่งเสร็จก็ได้ให้ทั้งสองแยกย้ายกันออกไปทำตามคำสั่งของเขา ส่วนตัวของมาร์เองก็นั่งลงบนเก้าอี้อีกครั้งก่อนจะหยิบกระดาษขึ้นมาเขียนอะไรบางอย่างลงไปอย่างแข็งขันพร้อมกับรอยยิ้ม
“ คราวที่แล้วเราเป็นแนวหน้าสินะ งั้นคราวนี้ให้ อืมมม แล้วก็อคโต หึ ฮะ ฮะ ฮ่า ฮ่า ฮ่าๆ ทำไมกันน้า…ไอความรู้อย่างกับว่าได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้งแบบนี้ ไอความรู้สึกตื่นเต้นแบบนี้ ”
……
MANGA DISCUSSION