“ อืม…แค่ดูภาพลวกๆก็วาดแปลนได้ขนาดนี้ สงสัยถ้าสร้างมาจริงๆคง เออ… ”
ในบ้าน บนยอดเขาสูงสุดของยูโทเปีย บ้านไม้ที่แสนอบอุ่น เจ้าของบ้าน เจ้าของเกราะ หรือก็คือมาร์ เขากำลังทำงานประจำวันของเขานั้นก็คือการตรวจรายงานไปเรื่อยๆแล้วก็เซ็นอนุมัติ
ติ๊ด ติ๊ด
“ มาแล้วสินะบันทึกอะไรที่ว่านั้น ไหน ไหน… ”
ทว่านอกจากงานรายงานตามปกติแล้ว เขายังต้องคอยดูบางอย่างประกอบกับแผนที่ที่ฉายบนจอขนาดใหญ่บนเพดานห้อง ภาพ 48 จอ จากดาวเทียมจำนวน 48 ดวง ที่ทยอยยิงขึ้นสู่ทองฟ้าตลอด 5 วันที่ผ่านมา
“ ภาพขยายชัดดีทุกทีเลยนะเนี้ย แบบนี้มันยิ่งกว่าเครื่องบินบินสำรวจอีก ”
โดยทุกดวงมีหน้าที่หลัก 2 ประการ คือ 1 ถ่ายภาพของโลกทั้งใบจากมุมสูง และ 2 เพื่อการทำงานทางการทหาร อาทิเช่น ปัจจุบันในจอจอหนึ่ง จอที่มาร์กำลังมองดูอยู่ มันคือการบันทึกการทำงานที่ส่งเข้ามารายงานให้กับเขา
“ เอ็กซิ เดคกะ เอาอีกแล้วนะ ตอนแรกบอกจะสร้างรุ่นต้นแบบตามคำขอ แต่นี้เล่นอืม 4 ชุด ชุดล่ะสิบล้าน…สงสัยต้องเรียกมาคุยอีกแล้วมั้งเนี้ย ไม่เข็ด ไม่หลาบ ไม่จำกันเลยน้า ”
ในจอนั้นกำลังมี คน 4 คน ในชุดอำพรางรูปแบบใหม่ที่ทุ่มเงินไปอีกเช่นเคย แม้จะไม่มากแต่ในตอนนี้ก็สำคัญมากเพราะเขาต้องเก็บเงินเข้าคลังเอาไว้เพื่อเหตุการณ์อะไรตามคำแนะนำของทิเรีย
ชุดอำพรางที่ว่านั้นคือสิ่งใหม่ที่เอ็กซิและเดคกะ ส่งมาเป็นคำขอตามที่มาร์พูดออกมา คำขอที่มีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาชุดเกราะให้กับหน่วยพิเศษในหน่วยพิเศษ หน่วยที่เรียกว่า MAR's Secret Service หรือชื่อย่อ MSS หน่วยปฏิบัติการณ์ภายใต้เป้าหมายเดียวคือ อำนวยความสะดวกให้แก่มาร์
ทว่าไอชุดนี้มันก็เกินบรรยายไปมาก นิยามของมันคือ ฟูลอามเมอร์ หมวกเหล็กที่มีกล้อง 4 อันและระบบประมวลผลแยก ระบบจอแยก มองกลางคืน อินฟาเรท และตัวเกราะเองนั้น ก็ทำมาเป็นอย่างดี เสริมเกราะ เสริมความเร็ว และพรางตัวได้เกือบ 99 เปอร์เซ็นต์ โดยใช้พลังงานจากมานาแพ็ครุ่นใหม่ที่กลั่นพลังงานจากรอบๆได้เอง
เห็นแค่นี้อาจจะว่าเยอะแล้ว แต่นั้นก็แค่ชุดไม่ใช่ ไม่รวมเกราะด้านนอกที่ถูกทาเป็นสีเขียว ความสามารถมันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า การป้องกันระดับ mithril แร่ธรรมชาติที่แข็งเป็นอันดับต้นๆของโลกใบนี้ ทว่าด้วยคุณภาพนั้นเองก็ทำให้ทุนสูงขึ้นไปอีก
เกราะต้นแบบที่ว่า
และตอนนี้ทั้ง 4 คนนั้นกำลังเข้าล้อม ชายหญิงกลุ่มหนึ่งบนทวีปยูโทเปีย โดยสาเหตุก็เป็นเพราะชายหญิงกลุ่มนี้นั้นทำตัวลับๆล่อๆมาแล้วสักพักใหญ่ๆ
“ ออบิท ถึง เล็กซอล ตอนนี้เป้าหมายทั้ง 4 เข้าสู่พื้นที่แดงแล้ว อนุมัติแผนการณ์ เทคดาวน์ ”
“ รับทราบ เอาล่ะ เริ่ม เทคดาวน์!! ”
[ ตามรายงาน พวก 4 คนนี้ชอบเดินเข้าใกล้พื้นที่ที่จำกัดการเข้าถึงแบบเฉียดๆสินะ และตามบันทึก วันนี้เองสินะ ที่พวกนั้นเริ่มลงมือกันในเวลากลางคืน คิดจะลักลอบเข้าเขต [04] เลยเหรอเนี้ย? แบบนี้พอพวกหน่วยข่าวกรองรู้เรื่องก็แจ้งเรื่องให้หน่วยพิเศษจัดการต่อ… เลย? เกินไป เกินไป แบบนี้มันเกินไปนะ เอาปืนไปยิงแมลงเนี้ย ]
มาร์นั้นอ่านรายงานไปพร้อมกับดูวีดีโอไปด้วย แน่นอนว่าการดูนั้นเขาไม่ได้แค่มอง แต่ก็คิดตามไปด้วยในเวลาเดียวกัน อย่างไรเสียเจ้าตัวก็ดูจะไม่พอใจเล็กน้อยเพราะสำหรับมาร์การจับกุมคนแค่ 4 คนไม่จำต้องใช้อะไรอย่างหน่วยพิเศษเลย
แซค แซค แซค แซค
“ เสียงอะไรน่ะ?? ”
“ ไม่รู้สิ ลมมั้ง? ”
“ ชู่!! เงียบๆแล้วตามมา ไอพวกเด็กใหม่ ”
วีดีโอนั้นเปลี่ยนไปจากภาพมุมสูงมาเป็นภาพจากกล้อง บนหน้ากากของหนึ่งในทีมพิเศษ ภาพของเป้าหมายที่ยืนอยู่โดยไม่ได้รู้เลยว่าตอนนี้พวกเขากำลังถูกจับตามองอยู่ใกล้ๆเพียง 1 เมตร
“ เอาเลย ”
ฉึก ฉึก ฉึก ฉึก ฉัวะ
สิ้นเสียงให้สัญญาณของหัวหน้าทีม หน่วยพิเศษก็เริ่มลงมือทันที พวกเขาปรากฎตัวออกมาอย่างว่องไว พร้อมกับใช้มีดสีดำแทงเข้าหัวเข่า มือ ก่อนจะทุ่มลงมพื้นจนเป้าหมายไม่อาจจะตอบโต้ได้ และจึงรีบฉีดยาสลบใส่ที่คอของเป้าหมาย ก่อนจะลากตัวออกจากบริเวณ
“ หลังจากนั้นก็เอาไปส่งให้พวกกองสอบสวนสินะ อืม อืม จริงๆ ทำได้ขนาดนั้นก็ไม่น่าจะต้องพึ่งชุดก็ได้มั้ง ”
พูดจบมาร์ก็ปิดวีดีโอนั้นก่อนจะลุกขึ้นไปหยิบเอกสารที่ทิ้งไว้ที่โต๊ะ เอกสารข้อมูลของกองสอบสวน หน่วยที่จะนำกลุ่มคนเหล่านี้เข้าไปในพื้นที่พิเศษซึ่งกักกั้นไม่ให้มานาไหลออกมาได้ สถานที่ที่จะทำให้อุปกรณ์ที่พึ่งมานาเป็นตัวนำทั้งหมดไร้ประโยชน์ ทั้งการระบุตำแหน่ง การส่งข้อมูลใดๆไปกลับ มิอาจเป็นไปได้ และมันก็ตั้งอยู่ลึกใต้เขาลูกนี้เนี้ยแหล่ะ
“ จะว่าไปในชีวิตที่แล้วคงไม่มีโอกาสได้เห็นอะไรแบบนี้มั้ง ดาวเทียมเอย โคตรเกราะเอย ตอนนั้นมากสุดก็คงเป็นเสียงวิทยุแจ้งจากเครื่องบินลาดตระเวน ไม่ก็การรายงานตรงหน้าเลย ดีจริงๆเลยน้าเทคโนโลยีเนี้ย ”
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
“ ทิเรีย? ”
ทว่าระหว่างที่กำลังเหม่อๆ อยู่นั้นก็มีเสียงแจ้งเตือนเข้ามา มาร์ก็เลยกดดูผ่านปุ่มบนโต๊ะของเขา แล้วก็ปรากฎเป็นรูปจดหมายที่มีรูปภาพของทิเรียประทับอยู่
“ จดห… ข้อความ? ”
[ เรียนนายท่าน ตอนนี้ดิชั้นกำลังพบปัญหาเกี่ยวกับหลักสูตรโรงเรียนของยูโทเปียหากท่านสะดวกได้โปรดให้คำแนะนำด้วยเจ้าค่ะ ]
และทันทีที่เปิดก็เจอข้อความเช่นนั้น ข้อความจากทิเรียที่กำลังเจอปัญหาอยู่ สำหรับมาร์แล้วมันค่อนข้างแปลกเพราะปกติทิเรียสามารถจัดการงานอะไรได้ด้วยตัวเองอย่างไม่ยากเย็น ซึ่งพอลองคิดเช่นนี้ก็ทำให้เขาตัดสินใจกดโทรไปทันที
… … …
“ สวัสดีเจ้าค่ะนายท่าน ”
“ อ่า มีปัญหาเรื่องหลักสูตรสินะทิเรีย ”
“ เจ้าค่ะนายท่าน ตอนนี้ดิชั้นยังคิดไม่ได้เลยว่าจะจัดการอย่างไรดีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่จะทำให้การเรียนของยูโทเปียโดดเด่นกว่าที่อื่นเจ้าค่ะ ”
“ ขอคิดแปปนึงนะทิเรีย ”
“ เจ้าค่ะนายท่าน ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นมาร์ก็เงียบไป เขาเดินไปยังหน้าต่างของห้อง มองลงไปยังเมืองที่เขาอยู่พร้อมกับคิดถึงวัยเรียนในชาติก่อนของเขา วัยเรียนที่เป็นเอกลักษณ์และไม่มีทางได้พบที่ไหนในโลกได้ง่ายๆ การเรียนที่มีเพียงเขาที่เจอ เขานำสิ่งที่อยู่ในหัวตอนนั้นมาผสมกับสิ่งที่เขาอยากให้เป็น
“ เอางี้นะทิเรีย ขั้นแรกแยกหลักสูตรไปเลยไม่เหมือนที่อื่น โดย ปี 1 ถึง 2 ให้เลือกเรียนตามใจไม่มีวัดผลอะไร พอปี 3 ถึง 6 ก็ให้เลือกว่าจะเข้าสายไหนแบบจริงจัง ”
“ เจ้าค่ะนายท่าน แต่ว่าสายที่ว่านี้?? ”
“ นี้ล่ะจุดสำคัญเลย ตั้งใจฟังล่ะ สายหลักที่คิดไว้ก็จะแยกออกเป็น 4 สาย โดยแยกไปตามความถนัด เริ่มจากสิ่งที่คิดว่าคนของเราจะถนัดน้อยที่สุดอย่างสายวิชาการก่อนเลยก็แล้วกัน สายนี้จะเน้นไปที่การวิจัยเรื่องของวิทยาศาสตร์ การพัฒนาเรื่องทางวิชาการ และค้นหาคำตอบในสิ่งที่เรายังไม่รู้ ว่าง่ายๆ ก็คือเน้นหลักวิทยศาสตร์ผสมเวทย์มนต์ไปให้ได้มากที่สุด ”
แค่เปิดสายแรกมา คนที่ฟังอยู่อย่างทิเรียก็ต้องเงียบไป เธอรู้จักคำว่าวิทยาศาสตร์ แต่ก็เป็นการรู้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ผิดกับคนที่สอนให้เธอรู้จักมันอย่างนายท่านของเธอ
คำคำนี้ที่โลกใบนี้แทบจะไม่ปรากฎอยู่เลยและก็ไม่มีทีท่าว่าจะปรากฎขึ้นชัดเจนด้วย จนกระทั่งวันที่ปล่อยจรวดขึ้นสู่ฟ้า วันที่มาร์พิสูจน์ให้ทุกคนรู้ว่าโลกมันกลม…เธอก็น้อมยอมรับทันทีว่า วิทยาศาสตร์อาจจะก้าวข้ามเวทย์มนต์ได้หากศึกษาพัฒนาดีๆ และเพราะแบบนี้พอนายท่านบอกว่าจะให้สอนเรื่องดังกล่าวก็ทำให้เธอได้แต่ยืนประหลาดใจอยู่ที่ปลายสาย
“ อ่า จริงด้วยไหนๆก็เป็นเรื่องที่ต้องใช้สมองมากๆอยู่แล้ว งั้นก็ใส่เรื่อง การรักษา การผ่าตัด ไอนั้นน่ะ เอ่อ วิชาแพทย์!! เข้าไปด้วยเลยละกันนะ ไม่สิ เอาเรื่องวิศวกรรมเข้าไปด้วยเลยก็ดี แต่ว่า…ไม่ดีกว่า ”
“ เจ้าคะนายท่าน?!? ”
“ นั้นสินะ ทิเรีย!! สายที่สองเป็นสายด้าน วิศวกรรมโดยตรง เน้นออกแบบ สร้าง พัฒนา สนับสนุน ถ้าจะให้เห็นภาพก็… ศึกษาในเรื่องแบบเดียวกับที่ เอ็กซิ เดคกะ อัลฟ่า ทำนั้นแหล่ะนะ พอจะนึกภาพตามออกหรือเปล่า? ”
“ เจ้าค่ะนายท่าน ดิชั้นเข้าใจภาพดีเลยเจ้าค่ะ เช่นนี้ก็หมายความว่าพวกนักเรียน นักศึกษาในหลักสูตรนี้ก็จะเน้นไปที่การศึกษาและพัฒนาเพื่อการสร้างสิ่งต่างๆ ใช่หรือเปล่าเจ้าคะ แต่ว่าถ้าแบบนั้นเรื่องอาวุธกับเทคโนโลยีของพวกเรา… ”
ทิเรียที่ได้ฟังตอนแรกเธอก็เห็นด้วยทว่า พอพูดแล้วคิดตามไป ก็ทำให้เธอสงสัยขึ้นมาถึงเรื่องอาวุธกับเทคโนโลยีของยูโทเปีย สิ่งที่ล้ำหน้าจนกล่าวได้ว่าตลอดชีวิตของเธอนั้น ไม่สิ ต่อให้นับจากนี้ไปอีก 1000 ปีก็ไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้แน่ๆ นั้นทำให้เธอกังวลถ้าเรื่องพวกนี้หลุดออกไปก็จะมีปัญหากับยูโทเปียได้
“ ส่วนนั้นไม่ต้องปล่อยออกไปมากหรอกทิเรีย ”
“ ปล่อยออกไปมาก? ส่วนตรงนี้หมายความว่าอย่างไรอย่างงั้นเหรอเจ้าคะนายท่าน?? ”
“ ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่ปล่อยไอเรื่องอาวุธกับเทคโนโลยีออกไปนิดหน่อยแค่พื้นฐานการสร้าง อะไรพวกนั้น ถ้าเทียบก็เหมือนสอนสิ่งที่เรามีกันตอนเริ่มต้นน่ะนะ อย่างปืนดินดำคัดปลอกรุ่นทดลอง รถยนต์ไอน้ำรุ่นต้นแบบแรก อะไรพวกนั้นน่ะ ”
“ แบบนั้นเองสินะเจ้าคะ เข้าใจแล้วเจ้าค่ะนายท่าน ”
พอได้ยินเช่นนั้นทิเรียก็สบายใจขึ้นมาทันที เพราะสิ่งที่นายท่านของเธอได้กำหนดให้เป็นลิมิตไว้นั้น ในสายตาของเธอมันคือของจำพวกไร้ประโยชน์ และก็เป็นเธอนี้แหล่ะที่คอยโต้แย้งเอ็กซิกับเดคกะไม่ให้สร้างพวกมันออกมาเป็นจำนวนมาก จนกระทั่งเข้าสู่ยุคกระสุนปืนที่ใช้สู้ได้จริงกับรถยนต์พลังงานมานา นั้นแหล่ะ
“ สายถัดไปนะทิเรีย ตามตรงผมคิดว่ามันคงยากพอๆกับสายแรกเลยล่ะนะ สายที่เรียกว่า ระบบสังคม สายนี้ปัญหาของมันเลยก็คือการศึกษาสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง สิ่งสมมุติที่ดันทำให้ยูโทเปียเป็นยูโทเปีย ไม่พังทลายไปซะก่อน อาทิเช่นกฎหมาย เป็นต้น ”
“ หมายความว่าสายนี้จะให้ศึกษากฎหมายของพวกเราอย่างนั้นสินะเจ้าคะ แต่ว่าแบบนี้พวกนักเรียนจบไปแล้วจะได้อะไรอย่างงั้นแหรอเจ้าคะนายท่าน เพราะถ้าไม่มีเป้าหมายให้ คนก็จะไม่ลงเรียนเอาได้นะเจ้าคะ ”
กฎหมาย สำหรับโลกใบนี้มันเป็นอะไรที่พื้นๆ กฎมีไม่มากและมีชัดเจน เช่น กฎห้ามใช้เวทย์มนต์อันตรายในเขตเมืองเอย กฎห้ามนู้นนี้นั้น แล้วแต่ประเทศ แล้วแต่รัฐ แล้วแต่ทวีปไป โดยทำผิดพวกทหาร อัศวินก็จะจัดการเองเป็นไปตามกฎนั้น ดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นต้องศึกษาอะไรขนาดนั้นเลย ทว่ามาร์นั้นเห็นต่างกว่ามาก
“ ก็เยอะแยะนิโดยเฉพาะในอนาคตของยูโทเปียนี้แหล่ะ คิดตามนะทิเรีย ยิ่งคนเยอะการดูแลของเราจะมากขึ้นใช่หรือเปล่า อีกทั้งพวกเราก็ไม่ได้มีขุนนางมาคอยตัดสินชี้ขาดในกรณีพิเศษเหมือนที่อื่น ดังนั้นเราก็เลยต้องมีสิ่งที่เรียกว่าศาลกับผู้พิพากษาในอนาคตล่ะนะ ส่วนถ้าจะให้อธิบายในสาขานี้มันจะนานเกินไป ยังไงหลังจากนี้จะส่งแนวหลักสูตรไปให้ก็แล้วกัน ”
“ เจ้าค่ะนายท่าน… ”
ทิเรียนั้นรู้ว่าศาลคืออะไร แต่ผู้พิพากษานั้นเธอไม่รู้จักสิ่งนี้เลย เพราะปกติคนตัดสินในศาลจะเป็นขุนนางเสมอ ขุนนางชั้นสูงที่ทำหน้าที่วิเคราะห์หาความเป็นธรรม
“ สายสุดท้ายเรียกว่า สายอิสระ ก็แล้วกัน ง่ายๆ อยากเรียนอะไรก็เรียน อาหาร กีฬา ศิลปะ ออกแบบพื้นฐาน สถาปัตยกรรม ทุกอย่างตามสะดวกเลย คิดวิชาอะไรได้มาเพิ่มก็เอามาลงให้พวกนักเรียนที่อยากเรียนได้เรียน แต่ว่านะสายนี้จะแตกต่างกับสายอื่นออกไปนิดหน่อย ที่ผมน่ะอยากให้พวกนักเรียนในสายอิสระสามารถไปร่วมเรียนกับสายอื่นได้ด้วยโดยเรียนแค่ในส่วนพื้นฐานพอรู้ก็พอ ”
“ แต่ว่าถ้าแบบนั้น มันจะไม่ทำให้สายอื่นมาลงสายนี้หมดอย่างงั้นหรอกเหรอเจ้าคะนายท่าน ”
“ ไม่หรอกทิเรีย ผมน่ะไม่ให้สายอิสระเรียนเยอะและลึกลงไปเฉพาะทางเหมือนสายอื่นๆหรอกนะ เพราะยังไงก็กะไว้แล้วว่าคนที่มาสายนี้ คงไม่ชอบอะไรเป็นพิเศษ แต่ก็มีสิ่งที่ตัวเองถนัดเป็นพิเศษ เช่นชอบร้องเพลง แต่ก็อยากศึกษาการสร้างสิ่งของ ทว่าก็ไม่ได้อยากจะรู้ลึกเกินจำเป็น ก็จะได้มาอยู่สายนี้ไปและเรียนอย่างมีความสุข ราวๆนี้ล่ะมั้ง ”
“ เจ้าคะ?!? ”
คำพูดของมาร์นั้นทำเอาทิเรียสับสน เธอไม่เข้าใจเป้าหมายของสายอิสระที่ว่าเลย แต่ว่าเธอก็ไม่คิดที่จะเอามันออกไป เพราะว่าในใจลึกเธอก็รู้สึกได้ว่าสายนี้จะกลายมาเป็นจุดเด่นได้แน่ๆ แต่ไอความคิดนั้นไม่นานมันจะถูกกลบไปด้วยคำแนะนำส่วนสุดท้ายจากนายท่านของเธอ
“ อ๋อใช่ ใช่ เรื่องที่ทำให้เป็นจุดเด่นกว่าที่อื่นอีกอย่างก็ นี้ละกัน ที่ยูโทเปียปืนของพวกเราถือว่าเป็นของที่โดดเด่นใช่หรือเปล่า? ”
“ เจ้าค่ะนายท่าน ตอนนี้จากการสำรวจทั้งโลก พบว่ายูโทเปียเป็นที่เดียวที่มีปืนทรงพลังพอจะหักล้างเวทย์มนต์ได้เจ้าค่ะ ”
“ งั้นก็เอางี้เลยละกัน ในทุกชั้นปีมันจะต้องมีสอบใช่หรือเปล่า ก็เพิ่มกฎของการเลื่อนชั้นของพวกเราขึ้นไปว่า นอกจากวิชาที่ลงเรียนไว้แล้ว ยังต้องสอบทักษะการยิงปืน ประเภท ปืนพกสั้น จำนวน 50 นัด ที่ระยะ 25 เมตร โดยต้องเข้าเป้าจุดตายเกินกว่า 30 นัด ”
“ เข้าใจแล้วเจ้า… ”
“ อ่า ยังไม่หมดนะทิเรีย ”
ทว่าทิเรียที่คิดว่าการสอบที่เพิ่มมามีเพียงเท่านั้น ก็ทำให้เธอกำลังจะพูดรับทราบขานรับตามปกติ ทว่ามาร์ก็แย้งขึ้นมาก่อน ทำไมน่ะเหรอ ก็เพราะว่าเขามีแผนไว้มากกว่านั้น…
“ อันนั้นน่ะของทุกชั้นปีเท่านั้นนะทิเรีย มีไว้วัดว่ายังมีพื้นฐานหรือเปล่า ดังนั้นพอปี 3 ถึง 6 ที่มีสายเมื่อไหร่ก็ต้องเพิ่มเข้าไปอีก โดยจะไม่ได้เป็นหลักว่าผ่านไม่ผ่าน แต่เป็นหลักว่าเหมาะจะเข้าทำงานในยูโทเปียหรือเปล่า… ”
หลังจากนั้นมาร์ก็ร่ายยาวถึงสิ่งที่อยู่ในหัวของเขา สิ่งที่เรียกว่า หลักสูตรพิเศษเฉพาะ โดยมันเป็นการแบ่งไปตามสายหลักทั้ง 4 โดยเป้าหมายเพื่อให้นักเรียนในสายเหล่านั้นมีค่ามากพอจะเข้าทำงานในยูโทเปียทั้งบู้และบุ๋น
สายวิชาการ ถูกกำหนดว่า จะต้องจบหลักสูตรปืนพกสั้น ปืนกลมือ ระดับชำนาญ และยังต้องผ่านหลักสูตรการปะทะในพื้นที่แคบ การปะทะในเขตเมือง
สายวิศวกรรม ง่ายๆ จะต้องจบหลักสูตร ปืนพกสั้น ปืนกลมือ ปืนลูกซอง ปืนกลหนัก ระดับชำนาญ และต้องผ่านหลักสูตร Sapper ผนวกคู่กับ EOD ด้วย
สายระบบสังคม มาร์ได้วางไว้ว่าจะต้องจบหลักสูตร ปืนพกสั้น ปืนลูกซอง ระดับชำนาญพิเศษ รวมทั้งต้องจบหลักสูตรการป้องกันตัวด้วยปืน ประกอบกับการรักษาพยาบาลขั้นกลางด้วย
สายสุดท้ายอิสระ ตามชื่อ มาร์ไม่ได้บอกว่าอะไร แต่เขากำหนดง่ายๆมาเลยว่า ต้องจบอย่างน้อย หลักสูตรเกี่ยวกับปืน 6 อย่าง ประกอบกับหลักสูตรทักษะอีกอย่างน้อย 2 หลักสูตร
โดยทั้งหมดนี้เมื่อเรียนไปแล้วทุกๆ 2 ปีจะต้องวัดมาตราฐานเสมอ จนกว่าจะจบการเรียนในโรงเรียนของยูโทเปีย ซึ่งมาร์ได้กำหนดด้วยว่าการเรียนหลักสูตรเพิ่มกับค่ากระสุนนั้น
“ ทั้งหมด ฟรี!! ไม่ต้องไปเก็บตังนักเรียนนะ ใครอยากก็ให้เรียนฟรีไปเลย กระสุนก็ด้วย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะให้ยิงเรื่อยเปื่อยนา มันต้องมีมีลิมิตอย่างวันนึง 25 นัดอะไรทำนองนี้ ”
“ เข้าใจแล้วเจ้าค่ะนายท่าน ถ้าเช่นนั้นเพื่อให้เป็นไปได้อย่างรวดเร็ว ดิชั้นขอตัวไปดำเนินการก่อนนะเจ้าคะ ”
“ อื้ม ฝากด้วยล่ะ ”
ติ๊ดดดด
“ ทีนี้ก็กลับไปตรวจเอกสารต่อสินะ แล้วก็พรุ่งนี้ก็ต้อง… อ่า… นั้นสินะ ”
ทิเรียได้วางสายไป ส่วนมาร์เองก็กลับมาทำงานอันแสนน่าเบื่อของเขาตามปกติ ทว่าระหว่างที่ทำเขาก็มองไปยังซองเอกสารที่วางไว้ที่ใต้โต๊ะของเขา วางไว้ในมุมมืดที่แสงส่องไม่ถึง
“ เห? สั่งไปเมื่อวาน ก็มีรายงานส่งกลับมาแล้วงั้นเหรอเนี้ย ไหน ขอดูหน่อยนะเพนเท ”
เจ้าตัวหยิบเอาซองเอกสารนั้นขึ้นมาพร้อมกับตรวจดูของด้านใน ภาพของคน 4 คน และข้อความที่ระบุทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่สกิล ทักษะ ส่วนสูง ขนาดร่างกาย สภาพจิตใจ ทั้งหมดคือผลลัพธ์การสอดแนมของเพนเท ทว่ายิ่งดู สีหน้าของมาร์ก็เปลี่ยนไป จากยิ้มแย้มก็กลายมาเป็นเงียบสงบ เขานั่งลงก่อนจะเขียนบางอย่างลงกระดาษแล้วสอดมันลงไปใต้โต๊ะ ไปยังมุมมืดนั้น ก่อนไที่ไม่นานมันจะหายไป
“ ทีนี้ก็รอสินะ… อ๊ะ? จะว่าไปพวกกองทัพจอมมารนั้นเราจะเอายังไงดีหว่า? ”
……
MANGA DISCUSSION