ณ ทางตอนเหนือของโลกใบนี้นั้นมีทวีปทวีปหนึ่งซึ่งถูกห้อมล้อมจากด้านนอกไว้ด้วยภูเขา หุบเขา เหว มากมายนับหมื่น นับแสน และที่ตรงกลางของหุบเขาพวกนั้นก็เป็นเมืองขนาดใหญ่เมืองเดียวและดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ไม่ว่าจะปลูกอะไรก็จะโตและได้ผลผลิตที่ดีเสมอ ยิ่งด้วยความหนาวเย็นในดินแดนนี้แมลงก็ไม่ชอบที่จะอาศัยอยู่อีกต่างหาก
เพราะด้วยเหตุผลที่แสนดีเหล่านี้เลยทำให้ที่นี้ โซลิทาน เป็นที่หมายแรกของกองทัพต่างๆที่ต้องการครอบครองเขตตอนเหนือ ไม่ว่าจะจากโจร หรือประเทศอื่นใด รวมไปถึงปัจจุบันตอนนี้ศัตรูที่ประกาศก้องชัดกับพวกเขา กองทัพของจอมมาร
กองทัพที่ว่านั้น แตกต่างจากกองทหาร หรืออัศวิน หรือศัตรูอื่นใดที่ประเทศนี้เคยเจอ มันเป็นกองทัพที่อุดมไปด้วยสิ่งมีชีวิตที่แตกต่าง ที่ถูกตราว่าเป็นมอนสเตอร์และพวกที่ว่านั้นก็ทรงพลังทั้งด้านมานา ด้านกายา ด้านสติปัญญา
มันจึงเกินกว่าปกติไปมาก พวกมันนั้นกำจัดยาก ยากยิ่งกว่าจัดการพวกกบฎหรือกองโจร และยิ่งยากกว่าเดิมเมื่อพวกมันขยายใหญ่ขึ้น แกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องจนโซลิทานเองก็เริ่มจะคุมไม่ได้แล้ว
ทว่าเพื่อแก้ปัญหานี้โซลิทานก็ได้ลงทุนทำพิธีกรรมโบราณ ที่ต้องสังเวยมานาของคนนับพันเพื่อความหวังใหม่ ความหวังที่มาปรากฎอยู่ในใจกลางพิธีในวันนี้
และตอนนี้เหล่าความหวังที่ว่าก็ได้มาถึงสถานที่ที่เรียกว่า วังหลวง เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ในนี้นั้นสวยงาไปด้วยงานแกะสลักหินอ่อน ต้นไม้ ดอกไม้สีขาวมากมาย และที่สำคัญที่นี้ก็เต็มไปด้วยทหารในเกราะหนาหลายร้อยคน เหล่าผู้คนที่สวมเครื่องแบบทางศาสนาอีกนับพันและที่ด้านในสุดก็คือสถานที่ ที่หญิงสาวผู้หนึ่งกำลังลอยอยู่ในผลึกใส
“ ยินดียิ่งที่ได้พบกับพวกเจ้า ตัวเราคือราชินีเพียงหนึ่งเดียวแห่งโซลิทาน นามว่า เลวิทาน… ”
เธอพูดกล่าวด้วยสายตาที่มองลงมา หญิงสาวผู้นี้เลวิทานเธอมีผมสีเทาออกเงินทรี่ยาวสลวย ซึ่งทุกครั้งที่ผมของเธอนั้นเคลื่อนที่ไปมา ดอกไม้มากมายก็ร่วงโรยลงสู่พื้นพร้อมกับก่อให้เกิดแสงสีฟ้าที่พื้น ใบหน้าของเธอนั้นงดงามจนมิอาจพรรณนาออกมาได้ ความงามอันเป็นนิรันดรนั้นเป็นยิ่งกว่ารูปภาพ รูปวาด รูปปั้นใดๆ
ผิวของเธอนั้นขาวละมุนยิ่งกว่าหินอ่อน ทว่าผิวนั้นก็เรียบเนียนจนดูเปราะบางน่าทะนุทนอม ดวงตาของเธอช่างไร้ความรู้สึกหากมองเพียงผ่านๆ แต่เมื่อใดที่ได้จับจ้องแล้วมันคือมิติที่ทำให้ผู้มองไม่อาจละสายตาไปได้ราวกับตกอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบสงบ ร่างกายของเธอนั้นไม่ได้สูง ไม่ได้เตี้ย ไม่ได้ผอม และไม่ได้อ้วนเลย ทุกส่วนนั้นช่างพอดีเสียเหลือเกิน
อย่างไรเสียทุกอย่างที่กล่าวมานั้นมันยิ่งทวีคูณขึ้นไปอีกเมื่อเธอผู้นี้อยู่ในชุดเดรสยาวสีขาวที่ประดับด้วยดอกกุหลาบขาว มงกุฎสีเงิน และที่สำคัญร่างกายที่ลอยอยู่กลางอากาศเด่นเหนือผู้ใด
“ … ก่อนอื่นตัวเราต้องขอโทษพวกเจ้าที่เชิญมาโดยไม่ได้กล่าวแจ้งล่วงหน้า เพราะว่าบัดนี้อาณาจักรของเรานั้นกำลังอยู่ในภัยอันตรายยิ่งจากกองทัพของจอมมารที่เริ่มจะมุ่งเล็งมาที่โซลิทาน นั้นทำให้ตัวเราจำเป็นต้องใช้ พิธีกรรมโบราณ อัญเชิญ ผู้ทรงพลังมาจากต่างแดน ซึ่งสิ่งที่พวกเราได้ก็คือพวกเจ้าทั้ง 4 คน พวกเจ้า? ”
คนแรก ชายหนุ่มสมส่วนผู้ใส่แว่น ผมสั้นดำ เขาเป็นคนที่ดูเงียบๆ แต่ว่าทันทีที่ได้ยินเรื่องที่พวกเขาถูกอัญเชิญมา เขากลับดูเป็นคนที่หวาดกลัวและสับสนน้อยที่สุด มิหนำซ้ำเขายังยิ้มออกมาอีกต่างหากชายผู้นี้คุกเข่าและก้มหัวลงอย่างติดๆขัดๆ
“ ผมยูดะครับ ท่านราชินี ”
“ อ่า เราจะฮิน ”
คนที่สอง ชายกำยำตัวสูงใหญ่ยืนนิ่งไม่ไหวติงใดๆ ไว้ผมจัดทรงด้านหลัง ใบหน้า สายตาของเขาดูดุดันเข้มแข็ง เช่นเดียวกับท่าทางและน้ำเสียงที่เขาแสดงออก คนที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นคนที่น่าเกรงขามที่สุดใน 4 คนนี้เลยก็ได้
“ ค ค ค่ะ? นานาค่ะ… ”
คนที่สาม ผู้หญิงผมยาวสีดำออกไปทางน้ำเงิน เธอเป็นคนตัวเตี้ยและผอมบาง แต่กลับมีใบหน้าที่งดงาม ดวงตาทั้งสองของเธอก็ใส และทั้งดวงตาคู่นั้นก็จ้องมองไปยังองค์ราชินีด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“ อ อ โอ้!! อาโอะเอง เอ๋?!? ว่าแต่ถ้าเราพูดแบบนี้เขาจะเข้าใจเหรอ? ”
“ ข้าได้ยินพวกเจ้าทั้งหมดแล้ว ยูดะ จะฮิน นานา แล้วก็เจ้าอาโอะ ”
สุดท้าย คนที่ตอนแรกก็กลัวๆแต่ตอนนี้กลับตื่นเต้นกว่าใครเพื่อน เธอดูดี๊ด๊าเป็นพิเศษ สายตาของเธอกวาดไปทั่ว ผู้หญิงสวมแว่นกลมโต ผมดำยาวมัดไว้อย่างเรียบร้อย เธอมีร่างกายสมส่วนในทุกด้าน หน้าอก เอว สะโพก รวมถึงสูงตามอุดมคติ ทว่าคำพูดของเธอทำให้เลวิทานต้องมองเธอและตอบอย่างช้าๆ
[ นี้แหล่ะ!! โอกาสหนีจากชีวิตที่น่าเบื่อนั้น!! หึหึหึ!! ]
ยูดะนั้นตอนนี้เขาไม่ได้ไม่พอใจอะไรกลับกันเขากำลังยิ้มอย่างมีความสุขแปลกๆอยู่ ส่วนจะฮินที่ยืนอยู่ข้างหลังเขานั้นก็ดูเหมือนจะเซ็งๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร และนานากับอาโอะ ทั้งคู่ก็ไม่ได้จะขัดอะไร เพราะทั้งสองนั้นสนใจกับโลกใหม่นี้มากๆ
“ ยูดะ จะฮิน นานา และ อาโอะ พวกเจ้าทั้ง 4 จะให้ความช่วยเหลือในการกำจัดจอมมารได้หรือไม่ ซึ่งถ้าพวกเจ้าทำได้ พวกเจ้าก็จะได้อยู่ในโลกที่ปลอดภัยไปเรื่อยๆจนกว่าพวกเจ้าอยากจะกลับ แต่ว่าเมื่อนั้นก็จะมาถึงเมื่อมานาของผู้ทำพิธีจะกลับมาพร้อมเพื่อส่งพวกเขากลับไปอีกครั้ง ”
เลวิทานถามอีกครั้งด้วยท่าทีที่เงียบสงบเช่นเคย ทว่าคำถามนั้นก็ไปกระตุกให้ใครบางคนรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย จะฮิน เขาเดินนำหน้าทุกคนออกมาพร้อมกับมองสวนกลับไปยังเลวิทาน
“ ถ้า ไม่ล่ะ? ”
คำถามสั้นๆด้วยน้ำเสียงห้วนๆ นั้นทำให้พวกอัศวินกับข้ารับใช้ต่างไม่พอใจกันเป็นอย่างมาก แต่ว่าเลวิทานก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่สิเธอไม่รู้สึกอะไรด้วยซ้ำราวกับว่าคำพูดนั้นไม่ได้มีค่าสำหรับเธอสักเท่าไหร่ แต่เธอก็ใช่จะเงียบไม่ตอบอะไร
“ พวกเจ้าก็จะได้รับสิทธิให้ใช้ชีวิตได้อย่างอิสระไม่เกินกว่ากฎของที่นี้ พร้อมกับเงินตั้งตัวคนละ 50 โกลล์ ”
“ แบบนั้นสินะ งั้นก็… ”
“ เอ่อ…? อ่าห๊ะ? อืมๆๆ ”
“ ชั้นก็ว่า… แบบนี้น่าจะ… ”
“ เอ.. อือ… เค้าล่ะ … ฮัลโหล… ”
ทั้ง 4 เลยรวมหัวกันคิดว่าจะทำยังไงดี ตัวพวกเขานั้นสุมหัวกันอยู่สักพัก โดยที่คนที่ดูจะเป็นประโยชน์มากที่สุดก็คือยูดะเขาทำให้การประชุมดำเนินไปได้อย่างรวดเร็ว และก็ไม่นานเลยที่จะได้ข้อสรุปขั้นแรกของพวกเขา
“ ท่านราชินีผู้เลอโฉม พวกกระผมนั้นยังมิอาจตอบได้ว่าจะช่วยท่านใดหรือไม่อย่างใด ตราบใดที่พวกกระผมยังไม่รู้ขีดความสามารถของตนเองในตอนนี้ เช่นนั้นแล้วเพื่อให้การตัดสินใจเป็นไปได้โดยดี ท่านพอจะหยิบยื้นโอกาสในการตรวจสอบตัวเองได้หรือไม่ ”
“ นั้นสินะ… งั้นเจ้าไปเอาลูกแก้วนั้นมาให้ทั้ง 4 คนหน่อยก็แล้วกัน ”
“ เพคะท่านเลวิทาน ”
ข้ารับใช้คนหนึ่งของเธอเดินออกจากโถงนี้ไปสักพัก ก่อนจะกลับมาพร้อมกับลูกแก้วใสขนาดเท่าลูกฟุตบอล เธอเดินตรงไปยังกลุ่มคนทั้ง 4 คนนั้นก่อนจะให้พวกเขาวางมือลงบนลูกแก้วทีละคน ก่อนจะเริ่มพูดผลลัพธ์ที่ได้ออกมาให้แต่ละคนฟัง
“ เจ้า… ยูดะ มีพลังโดดเด่นไปในเรื่องความเร็ว ความแม่นยำ แม้กายาเจ้าจะไม่ได้แข็งแกร่งแต่ก็แลกมาซึ่งสกิลพิเศษ อีก 3 อย่างที่เหมาะสม สกิลแรกทำให้เจ้าอำพรางตัวในเงามืดใดๆได้อย่างมิดชิด และสกิลที่สองโจมตีจากความมืดได้อย่างมีประสิทธิภาพ สุดท้ายในยามค่ำคืนหรือเงามืดเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้น ”
“ โอ…. แอสซาซินสินะ เรา อืมม ก็ดี ก็ดี ”
ยูดะที่รู้ว่าตัวเองมีความถนัดด้านไหน เขาก็พยักหน้าตอบรับคำอธิบายนั้น ส่วนคนถัดมานั้น ด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรเท่าไหร่ทำให้ข้ารับใช้ค่อนข้างจะสั่นกลัวเล็กน้อย
“ จะฮิน เจ้านั้นมีกายาที่แข็งแกร่ง และทรงพลัง เจ้ากินขาดอัศวินอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งสกิลพิเศษที่เจ้าได้รับมาก็ทำให้เจ้าา เสริมกำลังตนได้อย่างอิสระ ต้านทานเวทย์ทั้ง 1 ธาตุ และฟื้นฟูตัวเองได้ไวกว่าคนทั่วไปนัก ”
“ เหอะ ”
เจ้าตัวที่ฟังก็ไม่ได้จะสนใจอะไรแล้วก็หันไปมองยูดะ เพื่อนของเขาที่กำลังทำความเข้าใจกับตัวเองและวิธีที่จะใช้พลังอยู่ ทว่าภาพที่เห็นมันก็เหมือนกับว่ายูดะกำลังทำพิธีกรรมเต้นรำอะไรสักอย่าง
“ เจ้า…นานา เจ้านั้นอ่อนแอในด้านกายภาพมากที่สุด มากพอๆกับเด็กน้อยเผ่ามังกร ทว่าเจ้ากลับแฝงพลังที่เข้ามาทดแทนส่วนนี้ พลังที่อ่อนโยน สกิลรักษาระดับสูง สกิลบัฟเสริมสถานะต่างๆเท่าที่โลกจะมี และ สกิลที่ฝืนผิดธรรมชาติ…ฟื้นคืนชีวิต ”
“ เห… ดีจังนะนานา ”
“ งั้นอ๋อ? แต่ชั้นก็ร่างกายไม่แข็งแรงเท่าพวกนายนะ ”
“ อ้าวเหรอ?? แต่ฟื้นคืนชีวิตนี้ มันคือชุบคนตายได้เลยใช่หรือเปล่าไอยูดะ? ”
“ อ่า ใช่แล้วล่ะ ”
“ เอ้อ!! นั้นแหล่ะ ก็แกร่งแล้วเว้ยนานา ฮ่าๆๆๆ ”
นานานั้นมีสกิลที่ทำให้เพื่อนๆของเธอต้องแสดงความยินดีออกมา โดยเฉพาะจะฮินเขาถึงกับยิ้มเลยทีเดียว ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ยังหน้าบึ้งอยู่เลยแท้ๆ
“ สุดท้าย เจ้า อาโอะ เจ้านั้นสมดุลยิ่งนัก สถานภาพของเจ้าไม่เด่นไปด้านใดเป็นพิเศษ ตัวเลขเหล่านั้นเท่ากันแทบจะทั้งหมด แต่ว่าสกิลพิเศษของเจ้ามันก็ช่างเน้นไปที่การใช้กับตัวเองมากกว่า ผู้อื่นไม่สิ ไม่ใช่การต่อสู้เลยก็อาจจะว่าได้ ทั้ง ช่องเก็บของอันเทียบเท่ามานาขอเจ้า ทั้งการเสริมทุกอย่างเกี่ยวกับการป้องกันของร่างกาย และ เสริมผลลัพธ์สกิลชีวิตประจำวัน ”
“ เห…. ไหงงั้นอ่าาา ”
“ เอาน่าอาโอะ อย่างน้อยก็มีสกิลอเนกประสงค์เยอะนา ”
“ ก็พูดได้เด้ยูดะ แบบนี้ชั้นก็ต้องแบกของหมดเลยไม่ใช่อ๋อ ”
“ อือ…อาโอะ ฝากด้วยนะ ”
“ นานาก็ด้วยอ๋อเนี่ยยยย!! ”
“ เอาเถอะ งั้นเมื่อรู้แล้วนะว่าใครทำอะไรได้ก็ประชุมสรุปๆซะที ”
เมื่อทั้ง 4 รู้แล้วว่าตัวเองได้รับพลังในด้านไหนมา ก็ได้ประชุมกันต่อทันทีว่า จะช่วยหรือไม่ช่วย… โดยทุกที่เลวิทานได้แต่มองดูพวกเขาอย่างเงียบสงบ
……
…
ในขณะเดียวกัน ท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมิดของยูโทเปีย บริเวณป่าตอนเหนือสุดของทวีป ที่นั้นกำลังมีการเตรียมการอะไรบางอย่างที่ดูวุ่นวายมากๆ
ครืดดดดดดดดดดดด คึก คึก กึ้ง
“ FIVE ”
เสียงแผ่นดินสั่นไหว แล้วผืนก็เปิดออกเผยให้เห็นพื้นอุโมงค์ที่ถูกเปิดออกหลายสิบหลุม และแสงไฟก็สว่างขึ้นทำให้เห็นว่าที่นั้นไม่ได้ว่างเปล่า ด้านนั้นมีแท่งอะไรบางอย่างขนาดใหญ่ตั้งอยู่
“ FOUR ”
และนอกจากนั้นที่ด้านนอกก็ยังมีเสียงดังกระจายไปทั่วบริเวณ เสียงที่ดังที่ละคำ คำที่คนโลกนี้ไม่มีทางรู้ว่ามันหมายถึงอะไร เสียยงนั้นดังต่อไปอย่างต่อเนื่องช้าๆ
“ THREE… TWO… ONE… IGNITE! ”
เมื่อเสียงนั้นสงบลง แสงไฟสว่างจ้าที่ก้นอุโมงค์แสงของเปลวเพลิงที่ร้อนระอุ ทันใดนั้นแท่งเหล่านั้นก็เริ่มเคลื่อนตัวขึ้นสูงขึ้น สูงขึ้น แท่งเหล็กขนาดมหึมาสูงเท่าตึกหลายสิบชั้น หลายสิบแท่งพุ่งตรงขึ้นสูงไวขึ้น ไวขึ้นพร้อมกับปล่อยควันและแสงสว่างสีน้ำเงินออกมาเป็นเหมือนหางของมันที่เชื่อมลงสู่ดิน
…
“ เฮ!!! ”
“ ตรง ต ต ตรงตามที่คำนวณไว้…ฮึก ฮึก พี่เอคซิ!! ”
“ แงงง น้องเดคกะะะ พวกเราทำได้ ทำได้!! ”
และห่างออกไปไม่มากนัก ราวกลางทวีปของยูโทเปีย ณ ฐาน บัญชาการลับซึ่งอำพรางตัวอยู่ใต้ภูเขาลูกใหญ่ ที่นั้นผู้คนมากมายกำลังโห่ร้องดีใจ โดยเฉพาะเอลด้าสาวสองคน พวกเธอกอดพร้อมกระโดดไปมาอย่างมีความสุข
“ เงียบ! มันยังไม่จบ!! กลับไปประจำตำแหน่งตัวเองเดี๋ยวนี้!! ”
“ ค่ะ!! ”
“ ข ข ค้าา!! ”
“ ขอรับนายท่าน!! ”
“ เจ้าค่ะ!! ”
แต่ว่าความสุขนี้ก็ต้องถูกหยุดลงโดยมาร์ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สูงที่สุดของห้องขนาดใหญ่นี้ ห้องที่มืดมิดซึ่งมีเพดานเป็นจอ และเบื้องหน้าคือแผงควบคุมมากมายที่พนักงานในชุดสีขาวกำลังนั่งคุมพวกมันอยู่ โดยข้างๆเขานั้นก็คือทิเรียที่มองดุทุกอย่างด้วยความนิ่งเฉย
“ อย่ามัวแต่ดีใจ ของจริงคือหลังจากนี้ต่างหาก ”
“ ตามที่นายท่านสั่ง เมื่อถึงกำหนดก็เปิดระบบเชื่อมต่อทันทีนะเจ้าคะ!! ”
“ ขอรับ!! ท่านทิเรีย ระบบจะต่อได้ในอีก 5…4…3…2…1 ”
ติ๊ด วูม วูม วูม กึ้ง กึ้ง พรึบ
ระบบที่ว่าไม่นาน มันก็ทำงานเริ่มทำงาน ภาพนั้นถูกฉายขึ้นบนเพดานห้อง ภาพของลูกบอลกลมๆ ที่มีลวดลายหลากหลายสี น้ำตาล เขียว ขาว ฟ้า และที่เยอะที่สุดก็คือน้ำเงิน ทุกคนที่ได้เห็นก็ได้แต่ยืนทึ่งกับสิ่งที่เห็น พวกเขาต่างพูดออกมาต่างๆนานา
“ จริงสินะที่โลกกลมได้ขนาดนี้ ”
“ อย่างที่นายท่านพูดเลย ”
“ นั้นสิ… นะ ”
“ สวย… อย่างกับเพชร…เลย ”
ภายในห้องนั้นเงียบสงบลง ทุกคนล้วนมองดูสิ่งนั้นด้วยความสงบ เว้นเสียแต่คนสายตาดีมากๆคนหนึ่ง มาร์… เขามองดูดาวตรงหน้านั้น แล้วก็มอง มองอยู่อย่างงั้น เหมือนกับว่าเขาเห็นอะไร อะไรที่ไม่ควรเห็น
[ อะไรล่ะนั้น?? ]
พื้นที่พื้นที่หนึ่งทางตอนเหนือ ที่นั้นมันผิดปกติเกินไป ท้องฟ้าปลอดโปร่งอย่างน่าประหลาด เป็นวงกลมอย่างพอดี เจ้าตัวเลยขยายเข้าไปดูส่วนนั้น ผ่านภาพฉายที่่อยู่ตรงเก้าอี้ที่เขานั่ง นั้นจึงทำให้เขาได้เห็นจุดสีดำมากมายเรียงล้อมกันกินพื้นที่ไปหลายกิโลเมตร ยกเว้นตรงกลาง ที่มีรองรอยของฟ้าฝ่า
“ มีคนทำอะไรอีกแล้วหรือเปล่า? … อืม… เพนเท อยู่ไหม? ”
“ ค้าาาา นายท่าน!! ”
ทันใดนั้น เพนเทก็ปรากฎตัวขึ้น ณ ที่วางแขนของเก้าอี้ที่มาร์นั่งอยู่ เธอนั่งบนนั้นพร้อมกับเอนหน้าเข้ามาหามาร์ ผู้เป็นนายท่านของเธอด้วยรอยยิ้ม
“ ฝากไปตรวจดูที่นี้ทีนะว่ามีอะไรหรือเปล่า เพราะก้อนเมฆหายไปเป็นวงขนาดนั้นคงเป็นอะไรที่ทรงพลังแน่ๆ ”
“ รับทราบค้าาาา!! ”
พูดจบเจ้าตัวก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ทว่าทิเรียที่นั่งข้างๆ เธอก็หันมามองนายท่านด้วยความสงสัย ก่อนจะเลื่อนเก้าอี้ขึ้นมาให้ใกล้เขา
“ นายท่านเจ้าคะ? มิทราบว่ามีเรื่องสำคัญใดถึงขนาดที่ต้องสั่งเพนเทเป็นการส่วนตัวแบบนี้เจ้าคะ? ”
“ อ่า… สำรวจไอวงกลมนี้น่ะนะ จริงก็อยากจะให้หน่วยสืบของเราไปแต่ว่าคงไม่ทันแน่ๆ ก็เรากับที่นั้น เอ่อ…โซลิทาน? ”
“ เจ้าค่ะ หากจะไปที่โซลิทานด้วย TwinWings ต้องใช้เวลาราวๆ 2 ถึง 5 วันตามสภาพอากาศเจ้าค่ะ ”
“ นั้นแหล่ะนะ เพราะงั้นตอนนี้ ให้เพนเทไปนั้นแหล่ะ แค่ 5 ถึง 10 วิในโลกเรา เองนี้นะ ”
………
MANGA DISCUSSION