[เอเลี่ยนเกยตื้น] สเปซทรัคเกอร์ รูดี้คุง - ตอนที่ 32 แผนการผลิตยาฟื้นมานา
ตอนที่32 แผนการผลิตยาฟื้นมานา
“ก่อนอื่นเลย เราสกัดมานาออกมาจากพืชที่มีความเข้มข้นของมานาสูง แต่เพราะมันมันเป็นพิษ จะกินไปแบบนั้นเลยไม่ได้ เดส”
“แล้วจะทำยังไงล่ะ?”
“เราก็ต้องผสมสารประกอบ? วัคซีน? พอสร้างของพวกนั้นออกมาได้ เราก็เอามันมาผสมกันแล้วก็จะกลายเป็นยาออกมาเดส”
“วัคซีน? รูดี้เคยบอกไว้ว่าเธอได้รับวัคซีนเพื่อจะได้ไม่ตายจากพิษของมานามาก่อนนี่นะ”
รูดีพยักหน้าตอบนาโอมิ
“ความจำดีมากเลยเดส วัคซีนที่ผมใช้ไปก่อนหนน้านี้มันให้ผลที่รุนแรงมาก เพราะงั้นมันจึงกำจัดมานาที่ถูกดูดซึมเข้ามาในร่างกายทั้งหมดเลย แต่ว่า วัคซีนอันใหม่ที่เราวางแผนที่จะสร้างนี้มันจะปล่อยให้มานาที่เข้ามาคงเหลืออยู่ได้อย่างปลอดภัย เดส”
“อืม..มันยากที่จะเข้าใจอยู่นะ ช่วยอธิบายแบบระเอียดหน่อย”
นาโอมิถามออกมาด้วยสีหน้างุนงง ต้องการคำอธิบายแบบระเอียด
“ตอนที่ลงจอดบนดาวดวงนี้… หืม? ไม่ใช่สิ ก่อนที่จะลงจอดบนดาวดวงนี้ ผมได้ทำการตรวจสอบมานาแล้วพบว่ามันเป็นอะไรที่คล้ายๆกับไวรัส ผมหมายถึงสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมากๆที่มีโครงสร้างแบบง่ายๆ มันมีเปลือกที่ทำมาจากโปรตีน ห่อหุ้มสารพันธุกรรมไว้ด้านใน แล้วพวกมันก็มีกระจัดกระจายไปทั่วทั้งชั้นบรรยากาศของดาวด้วงนี้เลย ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปรกติมาก เพราะตามปรกติแล้ว ไวรัสมันไม่สามารถอยู่รอดได้ด้วยตัวของมันเอง เดส ”
“อืม…ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ แต่ต่อเลย”
“ก็คือ วัคซีนที่ใช้อยู่ตอนนี้มันทำลายเปลือกหุ้มของไวรัส แล้วฆ่าสารพันธุกรรมของพวกมันจนหมด แต่วัคซีนที่ว่างแผนว่าจะทำขึ้นมาใหม่นี้จะไม่ทำลายเปลือกของมันแต่จะเทรกซึมเข้าไปปรับเปลี่ยนสารพันธุกรรมข้างใน พูดอีกอย่างก็คือ เป็นวัคซีนที่จะเปลี่ยนให้มันเป็นมานาที่ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของมนุษย์ เดส”
นาโอมิขมวดคิ้วแล้วกล่าวขึ้นมา
“หรือก็คือ ไวรัสมานาพวกนั้นจะถูกปรับปรุงโดยวัคซีนแล้วใช้ชีวิตต่อไปอยู่ในร่างกาย แล้วช่วยให้มานาพื้นตัวโดยที่ตัดผลข้างเคียงอย่างอาการปวดหัวออกไปใช่ไหม?”
“ใช้แล้วเดส สมกับเป็นชีโชว คุณมีความสามารถในการทำความเข้าใจได้ในระดับอัจฉริยะ เลย เดส”
รูดี้ปรบมือชื่นชมนาโอมิที่สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
“แต่จะทำยาแบบนั้นออกมาออกมาเร็วๆนี้ได้เหรอ?”
“แน่นอนว่าทำออกมาเร็วนี้ไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาราวๆสองเดือนนั่นแหละ เดส”
“แต่ดูจากของที่ต้องทำแล้ว นั่นก็ถือว่าไวมากแล้วนะ”
“ก็นะ การผลิตวัคซีนตัวนั้นมันก็อยู่ในแผนมาตั้งแต่แรกแล้ว เดส”
“อย่างงั้นเองเหรอ?”
“ก็อย่างที่เคยบอกไปว่าผมจะใช้วัคซีนตัวนี้เพื่อทำให้ผมสามารถใช้เวทมนต์ได้ ผมถึงได้ทำการวิจัยหลายๆอย่างตั้งแต่ตอนที่ลงจอดบนดาวดวงนี้ ก็ต้องขอบคุณ ชิโชวด้วยแหละ ที่ทำให้ย่นระยะเวลาทดลองได้เยอะเลย เดส ”
“เป็นเพราะฉัน?”
รูดีพยักหน้าตอบ นาโอมิ
“ผมตรวจสอบเลือดและพันธุกรรมของชิโขว แล้วพบว่ามันเข้ากันกับมานาได้ดีราวกับจะแต่งงานกันได้เลย เดส ร่างกายของคุณมันเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมไปเลย เดส”
ว่าไปแบบนั้น แต่จริงๆแล้วคนที่ทำการวิจัยจริงๆคือ ฮาล ส่วนรูดี้แค่อ่านรายงานของมันเท่านั้น
“งั้นเองเหรอ อืม ยอดไปเลยนะ”
นาโอมิตอบแบบลอยๆเพราะไม่สามารถทำความเข้าใจแผนการของรูดี้ได้ทั้งหมด
“หึ่มฮืมฮื้ม~ เดส”
ไม่ได้สังเกตการณ์ตอบสนองของเธอ รูดี้ก็ฮั่มเพลงขึ้นมาพลางเตรียมตัวสำหรับงานช่างบ่าย
พวกเขาจัดการโค่นต้นไม้กันต่อไป แล้วกลับไปที่ยานลงจอดตอนประมาณบ่ายสามโมง
ในช่วงสองวันที่ผ่านมาพวกเขาได้รวบรวมท่อนซุงมาแล้วถึงหกสิบท่อน แต่ทว่าพวกเขายังต้องการท่อนซุงอีกกว่าแปดร้อยท่อน ดังนั้นจึงถือว่าหนทางยังอีกยาวไกล
เบื้องหน้าของพวกเขา เหล่าโดรนได้ทำการขนย้ายท่อนซุงเหล่านั้นมาวางเรียงกันบนพื้น
“ชิโขว ช่วยใช้เวทมนต์เพื่อทำให้มันแห้งหน่อย เดส”
“นั่นสินะ มาเริ่มกันที่จำนวนเท่านี้ก่อนเลย”
นาโอมิท่องคาถาแล้วก็มีหมอกสิเขียวลอยออกมาจากไม้เท้าของเธอแล้วเข้าไปปรกคลุมกองท่อนซุง
“ถึงฉันจะไม่เคยทำให้ท่อนซุงแห้งด้วยเวทมนต์มาก่อนก็เหอะ แต่ดูๆแล้วมันก็ออกมาได้ดีเลยล่ะ ถึงจะไม่แน่ใจว่ามันจะออกมาเป็นยังไงแต่ดูๆแล้ว มันก็น่าจะแห้งสนิทในสองสามวันนี้แหละ”
“สมกับที่เป็นชิโชว มันเร็วกว่าการตากไม้ที่ต้องใช้เวลาเป็นปีไปเยอะเลย เดส”
เมื่อได้ยินนาโอมิว่าแบบนั้นรูดี้ก็ชูแขนทั้งสองขึ้นแล้วกล่าวชมนาโอมิอย่างรื่นเริง เธอก็ยักไหล่แล้วยิ้มเจือนๆ
“จากมุมมองของฉันแล้ว คนที่สามารถผลิตยาฟื้นมานาที่คนอื่นๆใช่เวลาเป็นพันปีแล้วล้มเหลวในการวิจัยได้ใน2เดือนอย่างเธอต่างหาก ที่ยอดเยี่ยมไปเลยนะ ”
“เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น เรื่องนี้ก็ส่วนเรื่องนี้ เดส ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป พวกโดรนจะมาขนมันไปด้วยยานอวกาศ เพราะงั้นเรายังต้องการไม้เพิ่มอีก เดส”
“แบบนั้นก็ดีแล้วล่ะ ว่าแต่เธอจะทำยังไงกับชั้นไต้ดินล่ะ?”
ว่าแล้วนาโอมิก็มองไปที่พื้นที่ก่อสร้างบ้านใหม่ แล้วเห็นว่ารถบรรทุกกำลังขนย้ายถุงปูนซีเมนต์ด้วยแขนจับของมัน
“ตรงนั้นมันน่าจะเสร็จภายในคืนนี้แหละ เดส หลังจากนั้นเราจะรวบรวมก้อนหินมาแล้ว มาก่อคดี….ก่อคดี? การปรักปรำ? ไม่สิ แค่เอามันมาเรียงกัน เดส”
“แปลกจังเลยนะ ทุกอย่างมันแปลกไปหมดเลย บ้านมันสร้างได้ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ? แล้วที่ผ่านมาฉันมัวทนลำบากไปทำไมกัน…..”
“ถ้าเก็บไปคิดมากก็เท่ากับแพ้เท่านั้นแหละ เดส”
“ตอนนี้ก็รู้สึกว่าแพ้ไปแล้วแหละ”
“เวลาแบบนี้มันก็ต้องดื่มให้มันลืมไปเท่านั้นแหละ เดส”
“….นั่นสินะ มาดื่มให้ลืมโลกไปเลยเหอะ”
นาโอมิหัวเราะแล้วพยักหน้าให้กับคำแนะนำของรูดี้
“ถ้างั้นวันนี้เดี๋ยวจะทำอาหารอาหรับ เดส”
“โห…มันเป็นยังไงเหรอ?”
“เนื้อแพะปรุงด้วยเครื่องเทศแบบจัดหนัก กินกับเบียร์ได้อร่อยสุดๆเลย เดส”
“แบบนั้นก็น่าสนุกดีนะ”
หลังจากเลิกงานพวกเขาทั้งสองคนก็ขึ้นยานลงจอดแล้วกลับไปที่ฐานที่พัก
……………………………………………………………………………………………………………………………………………………….
สามวันหลังจากนั้น
[ท่านนาโอมิสินะคะ ดิฉันชื่อว่าโซลาริส ยินดีที่ได้รู้จักแล้วก็ขอฝากเนื้อฝากตัวตั้งแต่นี้ไปด้วยค่ะ]
เมื่อนาโอมิเข้าไปที่ห้องนั่งเล่นในช่วงเช้าก็พบว่ามีหญิงสาวแปลกหน้า ยืนอยู่ต่อหน้าของรูดี้ เมื่อสังเกตเห็นเธอ ก็หันมาโค้งคำนับให้
“แฟนของรูดี้เหรอ?”
“AIของยานรบตะหากล่ะ ชื่อว่าโซลาริส ในเวอร์ชั่นฝากทุกอย่างให้ฮารุโกะซังได้เลย เดส”
ถึงจะแนะนำตัวมาแต่ก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร นาโอมิจึงถามรูดี้แล้วได้รับคำตอบถึงตัวตนที่แท้จริงของโซลาริส
โซลาริสนั้นสูงประมาณ169เซนติเมตรในโครงร่างที่สมส่วนตามปรกติ ไม่ดูอ้วนหรือผอม เธอสวมชุดเครื่องแบบของเมดสีดำ ที่แถมมาในกล่องชองผลิตถันฑ์
เธอมืผมสีเงินเช่นเดียวกับรูดี แต่ในขณะที่รูดีจะเป็นโทนเงินบริสุธิ์ ผมของโซลาริสจะออกโทนสีเขียวคราม
เธอมีตาสองชั้น และดั้งจมูกที่โด่งชัดเจน และปลายคางที่คมได้สัดส่วนทำให้มีโครงหน้าที่สะอาดตา รวมกับโทนสีผมของเธอทำให้เธอมีบรรยากาศ ที่สะอาดสะอ้านแผ่ออกมา
แม้ว่านาโอมีจะมีความเป็นว่าโซลาริสนั้นเป็นคนที่สวยมาก แต่ทว่าเธอกลับรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ขาดหายไป