เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย - ตอนที่ 89 ความร้อนรนของเหล่าสุดแกร่งในโลก (5)
- Home
- เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
- ตอนที่ 89 ความร้อนรนของเหล่าสุดแกร่งในโลก (5)
“ โอเช้! ถ้าอย่างงั้นจะขอกำหนดให้ตั้งแต่วันนี้ไปเป็นช่วงเข้าค่ายฝึกทางไกลระยะสั้นเพื่อเน้นสั่งสมประสบการณ์ต่อสู้จริงซักระยะก็แล้วกัน!! ”
พอผมกลับมาถึงคฤหาสน์และอธิบายเรื่องราวจบแล้วปุ๊บ
คุณลีโอเน่เค้าก็เร่งเสียงดังลั่นขึ้นมาราวกับว่ารอคอยมานาน เล่นทำเอาผมอึ้งตาค้างไปเลย
“ ขะ เข้าค่ายฝึกทางไกลระยะสั้น เหรอครับ? ”
“ อืม หลังจากนี้เป็นเวลาซักระยะ เราจะพาเธอไปร่วมดูงานคำร้องที่ถูกส่งตรงมาให้กับพวกเรา แล้วก็จะให้ลองทำการต่อสู้จริงหลากหลายแบบในแต่ละที่ที่ไปเยือนด้วย ”
“ เอ๊ะ…..!? ”
คำร้องที่ถูกส่งตรงมาให้กับพวกคุณลูด์มิร่า กล่าวคือเป็นคำร้องที่ถูกไหว้วานให้กับนักผจญภัยระดับ S นั่นเอง ทำเอาสับสนไปเลย พาผมไปร่วมดูงานความยากระดับโหดหินขั้นสุดยอดแบบนั้นมันจะไม่เกะกะเหรอครับ!?
ไม่สิ นี่คือพวกอาจารย์เลยนี่นะ เกี่ยวกับตรงนั้นคงไม่น่ามีปัญหาอะไรหรอกมั้ง คิดว่า
ที่ติดใจยิ่งกว่าก็คือ
“ เอ่อ ทางไกลนี่หมายความว่า จะต้องออกห่างจากเมืองไปซักระยะเหรอครับ? ”
ถ้าใช่แบบนั้นก็มีโอกาสที่เป้าซึ่งคอยเพ่งหมายหัวผมจะถูกโยกย้ายไปหาพวกจิเซลแทน คิดแล้วก็หวั่นใจขึ้นมา ทว่า
“ เรื่องนั้นไม่ต้องห่วงหรอกน้าา~ เราจะอาศัยช่วงวันหยุดของโรงเรียนนักผจญภัยที่อาทิตย์นึงมีสองวัน วางกำหนดการณ์เดินทางไกลระยะสั้นที่ค้างแค่ 1-2 คืนซ้ำไปเรื่อยๆ แหละ~ ”
“ ถ้าออกห่างจากเมืองไปเป็นเวลานานมันก็ไม่ดีอะนะ นอกจากจะถูกรอบข้างคิดว่าป๊อดกลัวไอ้พวกอันธพาลแล้ว มันก็จะทำให้แกติดนิสัยชอบหนีมากเกินจำเป็นด้วย พูดกันอย่างง่ายก็คือจะให้แกไปโรงเรียนเหมือนเดิมกับตลอดมานี้ แล้วก็จะเพิ่มการฝึกแบบต่อสู้จริงที่ยกระดับขึ้นหนึ่งขั้นให้ลองสู้ดูในระหว่างเข้าค่ายน่ะแหละ อีกฝั่งมันวอนเป็นฝ่ายบุกเข้ามาทำร้ายแบบนี้อ้างป้องกันตัวเองอย่างชอบธรรมถูกกฎหมายได้สบายเลย เรื่องอะไรจะยอมปล่อยโอกาสฟาร์มประสบการณ์สู้กับคนด้วยกันให้สูญเปล่าเล่าเอ้อ แถมถ้าไอ้เจ้าพวกขุนนางกับลิ่วล้ออาสาจะช่วยคุ้มกันงั้นพวกฉันก็คงไม่ต้องคอยเฝ้าระวังให้ด้วย ”
คุณเทโลเมียร์กับคุณลีโอเน่ส่งยิ้มให้ราวกับช่วยปัดเป่าความหวั่นใจของผม
พอโล่งอกกับคำอธิบายดังกล่าว คุณลูด์มิร่าก็พูดเพิ่มเติมต่อออกมา
“ เอาละ สาเหตุที่เราต้องเพ่งเน้นกับการต่อสู้จริงมากขนาดนี้นั้นมีเพียงหนึ่ง เพื่อยกระดับขีดความสามารถโดยรวมของเธอนั่นเอง ”
“ ขีดความสามารถ เหรอครับ? ”
“ อืม สถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะถูกลอบโจมตีเมื่อไหร่และโดยใครเช่นในคราวนี้ มันทำให้เราไม่อาจคาดการณ์ถึงอีกฝ่ายและวางมาตรการรับมืออย่างชี้เฉพาะได้ ดังนั้นการฝึกฝนเพื่อยกระดับขีดความสามารถโดยรวมของเธอจึงจะเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลมากที่สุด เพื่อการนั้นแล้ว ส่งให้เธอไปเก็บสั่งสมประสบการณ์ต่อสู้จริงจากสถานการณ์หลากหลายรูปแบบเสียจะได้ผลดีกว่า แถมสกิลเสริมสเตตัส….. <<อนาเธอร์สเตตัส>> ที่มีบทบาทสำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของเธอก็จะเติบโตได้ผ่านการต่อสู้จริงซ้ำๆ ด้วย ”
สกิลเสริมสเตตัส—ก็คือสกิลแพสซีฟ (ทำงานตลอดเวลา) ซึ่งช่วยยกระดับสเตตัสที่แต่เดิมเป็น 0 ของผมให้สูงขึ้นมา เจ้านี่มันจะค่อยๆ เติบโตได้ผ่านการต่อสู้จริงซ้ำหลายครั้งเท่านั้น ไม่ใช่อะไรที่สามารถเร่งให้เติบโตได้ตามใจหวัง
แถมตอนนี้ สกิลเสริมสเตตัสของผมมันก็ได้ผสานรวมตัวกันจนมีรูปทรงพิเศษสุดขั้วชื่อว่า <<อนาเธอร์สเตตัส>> —แม้เอ็กตร้าสกิลที่ถูกผสานขึ้นจากสกิลกว่า 8 ตัวนี้จะทรงอำนาจ แต่ก็มีข้อเสียอยู่ตรงที่ระยะการเติบโตเชื่องช้าจนว่ากันว่าน่าจะต้องลำบากกับการทำให้มันเติบโตพัฒนากันเอาเรื่องเลย คิดแบบนี้แล้วที่เค้าว่ามาก็สมเหตุสมผล หากไม่เข้าค่ายฝึกฝนระยะสั้นๆ ต่อเนื่องหลายรอบละก็คงไม่อาจจะยกระดับขีดความสามารถได้แน่
พอเห็นผมเข้าใจแล้ว คราวนี้คุณเทโลเมียร์ก็เป็นฝ่ายเอ่ยกล่าวต่อออกมา
“ แน่นอนว่านอกจากยกระดับขีดความสามารถแล้ว เราก็มีกำหนดการณ์จะฝึกฝนสกิลอย่างชี้เฉพาะแบบตลอดมานี้ควบคู่ไปด้วยแหละน้าา~ และสิ่งที่จะมีบทบาทสำคัญในคราวนี้ก็คือ สกิลสายธีฟ (โจร) ที่ให้เรียนไปเมื่อก่อนหน้านี้ยังไงล่าา~ ”
ว่าแล้ว คุณเทโลเมียร์ก็ชี้นิ้วไปยังสเตตัสเพลทของผม
<<ปิดกั้นกลิ่นอาย>> กับ <<ตรวจจับกลิ่นอาย>>
เป็นสกิลระดับต่ำที่ยัง Lv1 อยู่ทั้งคู่
“ จริงอยู่ที่เพราะยัง Lv ต่ำก็เลยใช้ไม่ได้ผลในตอนที่โดนลอบทำร้ายคราวนี้…..แต่ครอสคุงก็น่าจะสัมผัสถึงศักยภาพของสกิลนี้ได้ในระหว่างที่ต่อสู้จริงแล้วใช่มั้ยล่าา~ ”
ผู้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์สายมาร…..คุณเทโลเมียร์ที่เชี่ยวชาญในด้านการใช้กลโกงลูกไม้ตุกติกพลันยิ้มเยาะอย่างไม่ชอบมาพากล
“ หากพัฒนาสกิลนี้ก็จะรับมือกับการถูกลอบทำร้ายได้ง่ายขึ้น แถมยังใช้เก็บพวกตัวซัพพอร์ตอย่างอาชีพเวทมนตร์และอาชีพฟื้นฟูได้อย่างเงียบๆ เพื่อปั่นป่วนการประสานงานของศัตรู รวมทั้งแอบไล่เชือดศัตรูที่เก่งเหนือกว่าทีละคนจนทำให้สถานการณ์พลิกมาเข้าทางเราได้ง่ายขึ้นด้วยน้าา~ แถมถ้าฝึกใช้ร่วมกับ <<ตรวจจับพลังเวทนอกร่าง>> แล้วมันก็จะกลายเป็นสกิลที่พึ่งพาได้ในตอนต่อสู้กับคู่มือที่เหนือกว่าด้วยละ ดังนั้นในระหว่างทำการยกระดับขีดความสามารถเราก็จะพัฒนาเจ้าสองตัวนี้ควบคู่ไปด้วยแหละ~ ”
“ ตามนั้นแหละนะ ”
คุณลีโอเน่เร่งเสียงกล่าวขึ้นราวกับสรุปใจความการอธิบายของพวกคุณเทโลเมียร์
“ ว่ากันง่ายๆ ก็คือจะทำการสั่งสมประสบการณ์ต่อสู้จริงในหลายๆ สถานที่ไปซักพักเพื่อเสริมระดับขีดความสามารถและเพิ่มค่าความชำนาญของสกิลสายธีฟนั่นแหละ จะยังคงให้พักผ่อนเหมือนกับตลอดมานี้ แต่ก็คงต้องไปพักที่จุดเข้าค่ายทางไกลแทน คงไม่มีเวลามาเที่ยวเล่นในเมืองกับเพื่อนไปซักพักนะ ไม่มีปัญหาหรอกใช่มะ? ”
“ ขะ ครับ! ไม่มีแน่นอนครับ! ”
จะยังไงก็ตามแต่ ในสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะโดนทำร้ายเมื่อไหร่บวกกับความสามารถของผมในตอนนี้ จะไปไหนกับพวกจิเซลก็คงลำบาก แถมการจะแอบไปพบกับคุณเอลิเซียนี่ก็คงยิ่งยากเข้าไปใหญ่
คิดว่าการไปเข้าค่ายทางไกลระยะสั้นซ้ำให้ได้หลายครั้ง แล้วยกระดับความสามารถโดยเน้นพัฒนาสกิลสายธีฟนี่แหละเป็นทางออกที่เหมาะสมกับสถานการณ์ในตอนนี้ของผมที่สุดแล้ว
“ โอเช งั้นเราก็จะออกเดินทางกันในวันหยุดที่จะมาถึงนี่เลย เตรียมตัวไว้ให้พร้อมล่ะ ”
“ ครับ! ”
ผมพยักหน้าอย่างแน่วแน่ให้กับคุณลีโอเน่ที่ยิ้มอย่างดุดัน
แล้วจึงคิดขึ้นมาอีกครั้ง
(พวกอาจารย์เค้าสุดยอดจริงๆ นั่นแหละ…..!)
เริ่มจากที่คาดการณ์ว่าจะถูกลอบทำร้ายเลยให้เรียนสกิลสายธีฟไว้เตรียมรับมือแล้ว พวกอาจารย์เค้าต้องคาดการณ์ถึงสถานการณ์แบบนี้มาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วแน่ๆ หลักฐานเห็นกันอยู่ตำตา เพราะปกติแล้วแล้วเค้าจะต้องตีกันเพื่อกำหนดแนวทางคำสอนไง แต่คราวนี้เรื่องไปราบรื่นมาก ราวกับว่าเค้าเตี๊ยมกันเอาไว้ตั้งแต่แรกเริ่มเลยงั้นแหละ
พวกอาจารย์ยังคงพึ่งพาได้และแสนอ่อนโยนเป็นที่สุดไม่เปลี่ยน ยิ่งทำให้ผมเชื่อใจและเคารพนับถือมากเข้าไปใหญ่
“ ต้องพยายามแล้ว…..! ”
ผมกำหมัดแรงๆ อีกครั้งเพื่อที่จะได้มุ่งมั่นตอบสนองต่อคำสอนของพวกเค้า
…..ในระหว่างที่ครอสกำลังพลุ่งพล่านไปด้วยความมุ่งมั่นอันแสนไร้เดียงสา
“ เฮ้ยพวกหล่อน คงรู้งานกันใช่มะ ”
เหล่าสุดแกร่งในโลกทั้งสามก็กำลังแอบกระซิบกระซาบแลกเปลี่ยนคำพูดกันด้วยสีหน้าจริงจังอยู่ในจุดที่ครอสไม่เห็น
“ ถึงจะจำเป็นต่อการฝึกจริงๆ แต่นี่เราอุตส่าห์ออกเดินทางไกลเพื่อให้ได้มีเวลาอยู่ด้วยกันกับครอสเพิ่มเลยไง ถ้ามัวแต่ขัดแข้งขัดขากันเหมือนตลอดมานี้ก็คงไม่มีความหมายอะนะ ”
“ เน้ออ~ คราวนี้ลองพยายามไม่ขัดขวางอีกฝ่ายเท่าที่ทำได้ก็แล้วกัน สงบศึกกันชั่วคราวน้าา~ ”
“ ไม่มีปัญหา…..แต่พวกแกอย่าได้ทำอะไรเกินสมควรเชียวนะ ”
ว่าแล้ว ทั้งสามก็ทำการยืนยันแนวทางภายหลังจากนี้
และแล้วการเข้าค่ายฝึกฝนระยะสั้นที่เต็มไปด้วยเจตนาแอบแฝงและเล่ห์กลมารยาก็ได้เปิดฉากเริ่มต้น—โดยที่ตัวครอสไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย