เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย - ตอนที่ 88 ความร้อนรนของเหล่าสุดแกร่งในโลก (4)
- Home
- เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
- ตอนที่ 88 ความร้อนรนของเหล่าสุดแกร่งในโลก (4)
หลังจากมอบตัวเหล่าผู้ลอบโจมตีให้กับหน่วยรักษาความสงบของเมืองที่มาถึงล่าช้า
พวกผมก็เดินทางมาเข้าคลาสที่โรงเรียนนักผจญภัยกันได้อย่างปลอดภัย
แต่ก็แน่นอน ถึงจบคลาสแล้วแต่ก็จะแยกย้ายกลับในทันทีไม่ได้
พวกผมนั่งจ่อมอยู่ภายในห้องเรียนที่สิ้นสุดคาบเรียนช่วงเช้า กำลังพูดคุยถึงเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าตรู่กันอยู่
“ เท่าที่ลองไล่สอบถามพวกนักผจญภัยในเมืองตลอดช่วงหลายวันมานี้ เหมือนว่าจะมีคนปล่อยข่าวลือว่าหากกระทืบแกให้เละแล้วจะได้รับรางวัลอย่างงามจากพวกขุนนางจริงๆ นั่นแหละว่ะ ลำพังนักผจญภัยก็เป็นพวกอันธพาลกันซะมากแล้ว แต่ในกลุ่มนั้นก็มีไอ้พวกที่แทบไม่ต่างอะไรจากอาชญากรสามานย์นี่แหละมันกระดี๊กระด๊า เห็นแกเป็นเหมือนเป้าหมายล่าค่าหัวกันใหญ่เลยไงล่ะครอส ”
จิเซลกล่าวในสภาพเอามือกอดอก นั่งอยู่เหนือโต๊ะราวกับแสดงตนเป็นผู้นำของกลุ่มเด็กกำพร้า
“ ประเด็นคือไม่รู้ไงว่าข่าวนี้มันมาจากไหน รางวัลที่จะได้จากการกระทืบครอสก็ไม่แน่ชัด มีตั้งแต่บอกว่าจะได้เงินเป็นปริมาณมหาศาลไปยันเรื่องยศถาตำแหน่ง ต่อให้เป็นนักผจญภัยอายุมากกว่า 30 ที่ขอเข้าเป็นสมุนของขุนนางหนุ่มๆ ไม่ได้ แต่หากซัดครอสน่วมได้ก็จะถูกรับเข้าทำงานในบ้านใหญ่ของขุนนางทันทีเอยอะไรเอยสารพัด ข่าวลือที่ว่อนๆ อยู่ตอนนี้มีที่แน่ชัดแค่ส่วนที่ว่าหากจัดการครอสได้ก็จะได้รับรางวัลงามๆ อย่างลับๆ เท่านั้นเอง ”
“ ต้องเป็นการใช้ข้อมูลปั่นป่วนของพวกขุนนางกระจ้อยร่อยที่ไม่อาจเคลื่อนไหวขยี้ท่านครอสได้อย่างเปิดเผยเป็นแน่แท้ขอรับ ”
คุณกิมเล็ตอ้าปากกล่าวขึ้นราวกับวิเคราะห์ข้อมูลที่จิเซลรวบรวมได้มาเพราะคุ้นหน้ากับเหล่านักผจญภัยในเมือง
เขาคอยซัพพอร์ตในท่ายืนตรงแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่เคียงข้างผมที่นั่งอยู่กับเก้าอี้ไปพลางพูดต่อออกมาด้วยวาจารอบรู้
“ หากเข้าท้าทายท่านครอสแล้วแพ้พ่ายขึ้นมาคราวนี้พวกตนก็จะกลายเป็นตัวขายขี้หน้าของพรรค หากส่งหน่วยลอบสังหารออกไปก็ไม่แคล้วโดนโทษสถานหนักจนฉิบหายล่มจม กระนั้นแล้วหากปล่อยสามัญชนที่โค่นขุนนางอาวุโสให้ลอยนวลต่อไปมันก็ขวางหูขวางตาไม่น่าอภิรมย์เอาเสียเลย ดังนั้นจึงคาดได้ว่ามันคงหันมาทำการใช้ข้อมูลปั่นป่วนอย่างถี่ถ้วน เพื่อปั้นพวกอันธพาลไร้สมองให้กลายเป็นมือสังหารที่ไม่มีอะไรจะสาวมาถึงตัวพวกตนได้กระมัง หากขุนนางทั้งหมดของขุมกำลังหลักทั้งสามคอยแอบร่วมมือกันอยู่อย่างลับๆ การจะแพร่ข่าวลือให้กระจายก็ช่างแสนง่ายดาย …..มันช่างน่าละเหี่ยใจอะไรเช่นนี้นะ นอกจากจะกำแหงคิดขัดขวางเส้นทางสู่ความรุ่งโรจน์ของท่านครอสแล้วไม่พอ ยังมีคิดจะทำร้ายท่านครอสด้วยแผนชั่วเช่นนี้อีก ล้างคอรอเอาไว้เถอะไอ้พวกขี้ขลาดตาขาวไม่เหมาะไม่คู่ควรจะอ้างตนเป็นขุนนางแห่งอาณาจักรอัลเมเรียทั้งหลาย…..! ”
คุณกิมเล็ตกำหมัดโดยมีเส้นเลือดปูดขึ้นหัว
แต่เดิมเขาคนนี้ก็คือขุนนางระดับสูงที่ชำนาญในด้านกลอุบาย จึงสามารถวิเคราะห์สถานการณ์สุดไร้เหตุผลที่ผมกำลังประสบพบเจอได้อย่างแม่นยำถูกจุด ถึงจะเชื่อไม่ลงก็ตามที แต่ในเมื่อเหตุการณ์เมื่อตอนเช้าตรู่มันคือความจริง งั้นสภาพการณ์ที่ห้อมล้อมรอบตัวผมก็คงเป็นจริงตามที่เขาว่ามานั่นแหละ
…..อือ ก็ เอาเป็นว่าเรื่องนั้นน่ะช่างไปก่อน
“ เอิ่ม คุณกิมเล็ตครับ…..? ผมก็ว่าผมพูดไปหลายรอบแล้ว…..แต่ช่วยเลิกทำกิริยาท่าทางสุภาพเกินเหตุแบบนั้นกับผมทีได้มั้ย? ถึงจะอยู่ในการบัญชา แต่คุณกิมเล็ตก็แก่กว่าผมตั้งห้าปีเลยนะครับ แถมยังเป็นขุนนางจากตระกูลดยุคเลยด้วย ”
ผมส่งเสียงอย่างกล้าๆ กลัวๆ เข้าหาคุณกิมเล็ตที่ทำกิริยาท่าทางสุภาพเกินควรเกินไป
ทว่าในฉับพลันถัดมา
“ พูดอะไรกันขอรับ! ”
คุณกิมเล็ตพลันลืมตากว้างแล้วแผดเสียงตะโกนลั่น
“ นอกจากจะแพ้พ่ายในการประลองแล้ว กระผมยังได้รับความเมตตากรุณาของท่านครอสช่วยให้รอดชีวิตและมีบุญได้เข้ามาร่วมในสังกัด สมควรต้องปฏิบัติกับท่านด้วยความเคารพเป็นอย่างสูง ให้พูดแล้วการแสดงความเคารพให้เห็นเป็นรูปร่างชัดเจนมันคือสิ่งสำคัญอย่างยิ่งยวดเชียวขอรับ ในเมื่ออยู่ภายใต้การบัญชาแล้วก็ต้องทำกิริยาท่าทางให้เหมาะสมคู่ควรกัน มิเช่นนั้นแล้วรอบข้างจะเอาตามเยี่ยงย่าง และตัวท่านครอสก็จะถูกดูหมิ่นดูแคลนด้วย มีเพียงเรื่องนี้เท่านั้นที่ต่อให้ท่านครอสจะสั่งกำชับอย่างไรตัวกระผมก็จะไม่ยอมเชื่อฟังทำตามเป็นอันขาด ”
คุณกิมเล็ตพูดรัวออกมาในชั่วอึดใจเดียว ก่อนจะคุกเข่าลงแทบเท้าผม เอ้ยยย
“ ดังนั้นท่านครอสโปรดอย่าได้หวั่นใจ เชิญใช้งานกระผมตามที่ใจประสงค์ได้เลยขอรับ กระผมจะเป็นข้าบริวารที่คอยรับใช้อยู่ใกล้กายท่านตลอดไป ”
“ อะ อ่าครับ….. ”
คุณกิมเล็ตก้มหัวลงแล้วกุมมือผมไว้ราวกับเป็นการสาบานถึงความจงรักภักดี
ท่าทางนี่คือเหมือนกับอัศวินที่กำลังถวายชีวิตให้กับราชวงศ์เลยไม่ผิดเพี้ยน เป็นความจงรักภักดีของแท้ที่ไม่ใช่การกวนประสาทหรือประชดแน่ๆ
ละ ลำบากใจจัง หรือที่ถูกต้องก็คือน่ากลัวจัง
แค่มีคนที่ฐานะใหญ่โตเป็นถึงขุนนางตระกูลดยุคมาก้มหัวรับใช้ทำตัวเหมือนเป็นข้าบริวารนี่ก็ว่าหนักแล้วนะ แต่เรื่องก็คือเมื่อไม่กี่วันก่อน คนคนนี้เขายังชิงชังเกลียดขี้หน้าผมถึงขนาดส่งหน่วยลอบสังหารมาหมายหัวกันอยู่เลย ต่อให้จะถูกผมช่วยไว้จากการเอาคืนที่เกินเหตุไปหน่อยของพวกอาจารย์ก็เถอะ แต่เปลี่ยนไปหนักขนาดนี้แล้วสมองมันก็ตามไม่ทัน บวกกับดวงตาของคุณกิมเล็ตดูเหมือนคนสติเสียที่นับถือเคารพกันอย่างมืดบอดด้วย ก็เลยหยุดรู้สึกสับสนเป็นงงไม่ได้เลยจริงๆ
และก็แน่นอนว่าคนที่สับสนเป็นงงกับภาพสุดพิลึกพิลั่นนั่น มันไม่ได้แค่ผมเพียงคนเดียว
“ เฮ้ยดูนั่นสิ….. ”
“ ขุนนางอาวุโสแทบจะเลียรองเท้าให้อยู่แล้ว….. ”
“ แปลกมาก เมื่อวานฉันยังปกติดีอยู่เลย…..แต่ไหงพอเห็นไอ้แนวจุดยืนสลับกันแบบนี้แล้วถึงได้ใจเต้นร้อนผ่าวมากขนาดนี้นะ….. ”
เหล่าผู้คนในห้องเรียนที่เฝ้ามองพวกผมอยู่ไกลๆ ต่างพากันซุบซิบเม้าท์มอย และคุณกิมเล็ตก็ดันแต่งตัวสง่าผ่าเผย ก็เลยยิ่งดึงดูดความสนใจอย่างมาก
แถมกลุ่มเด็กกำพร้าที่น่าจะได้เห็นสภาพของผมกับคุณกิมเล็ตหลายครั้งในตลอดหลายวันที่ผ่านมาก็ยังทำท่าเหมือนไม่ชินกับภาพที่บังเกิดขึ้นเบื้องหน้า
“ ไอ้เจ้าขุนนางนั่น หลังจากที่แพ้ทำหน้าตาสิ้นหวังเหมือนโลกจะแตกตั้งปานนั้น แล้วไหงถึงได้….. ”
“ ตอนที่มันโผล่มาในงานฉลองชัยชนะของศึกที่ตัวเองแพ้แล้วเริ่มถวายข้าวปลาอาหารให้ครอสนี่ก็คิดว่ามันคงช็อคมากจนกลายเป็นบ้าไปหรอกนะ…..แต่ดูท่าทางแล้วยังพังไม่หายสิเนี่ย ”
“ เจ้าครอสมันมียูนีคสกิลสายล้างสมองให้รักให้หลงรึเปล่าวะ….. ”
ขนาดกลุ่มเด็กกำพร้าก็ยังเริ่มซุบซิบฮือฮากันไปในทิศทางแปลกๆ กับเขาด้วย
ก็นะ ถ้าคุณกิมเล็ตคนนั้นเขาเปลี่ยนไปซะขนาดนี้จะแปลกใจก็สมควรเนอะ…..
แต่ต่อให้พูดยังไงเขาก็คงไม่น่าจะยอมฟัง ดังนั้นรีบพยายามชินให้ได้ไวๆ ดีกว่า…..เป็นในจังหวะที่ผมคิดตัดใจจากหลายๆ เรื่องอยู่นั่นเอง
“ เฮ้ยพวกแก ตอนนี้มันใช่เวลามาสนเรื่องไร้สาระแบบนั้นซะที่ไหนกันละวะ ”
พลั่ก
จิเซลดันคุณกิมเล็ตที่กุมมือผมให้กระเด็นห่างออกไป แล้วจึงดึงเรื่องกลับเข้าสู่ประเด็นดั้งเดิม
“ เอาเป็นว่านะเว้ย เจ้าครอสที่เป็นหัวหน้าของพวกเรามันกำลังโดนเล็งหมายหัวอยู่อย่างชัดเจนเลย ไอ้พวกสมองหมาปัญญาควายที่ก่อเหตุแบบโจ่งแจ้งไม่กลัวสายตาชาวบ้านแบบเมื่อตอนเช้ามันคงมีไม่เยอะมากนักก็จริง…..แต่จะทั้งในแง่ดีและแง่ร้าย เมืองนี้ในตอนนี้มันก็มีพวกที่นิสัยมากหน้าหลายตามารวมตัวกัน รับรองได้ว่าแกที่เด่นหราขวางหูขวางตาชาวบ้านจะต้องเสี่ยงถูกลอบทำร้ายอีกหลายรอบเลยหลังจากนี้ โดยพวกอาชีพระดับสูงสมองนิ่มที่มั่นใจในฝีมือตัวเองอะนะ ต้องวางมาตรการรับมือเอาไว้ดิ ”
“ หากใช้งานหน่วยลอบสังหารระดับสูงที่ทำหน้าที่พ่วงเป็นคนคุ้มกันของกระผมต่อได้ก็คงหมดปัญหาหรอกนะขอรับ แต่ว่า….. ”
พลั่ก
ไม่รู้ทำไมคุณกิมเล็ตถึงผลักจิเซลกระเด็นห่างออกไปไกลยิ่งกว่า แล้วจึงอ้าปากกล่าวออกมาด้วยท่าทางเหมือนเศร้าใจ
“ เพราะถูกขับไล่ออกจากพรรค ตัวกระผมในปัจจุบันจึงมีสถานะเป็นกึ่งๆ ถูกตัดหางปล่อยวัด ในสถานการณ์ที่ไม่อาจใช้เงินทุนจากบ้านใหญ่ได้อย่างอิสระเช่นนี้ กระผมมีปัญญาจ้างคนรับใช้ที่เป็น <<ธีฟระดับกลาง>> ให้ช่วยเฝ้าระวังภัยได้เพียงคนเดียวเท่านั้น หากเกิดการลอบทำร้ายขึ้นจริงก็เกรงว่าจะรับมือได้ไม่ทั่วถึงขอรับ ”
ถูกอย่างที่คุณกิมเล็ตว่า หน่วยลอบสังหารที่ถูกพวกอาจารย์รวบตัวและมีส่วนช่วยเหลือผมในการเรียน <<ตรวจจับกลิ่นอาย>> และ <<ปิดกั้นกลิ่นอาย>> นั้น ในปัจจุบันอยู่ในสถานะถูกปล่อยตัวไปแล้ว
สาเหตุอย่างนึงมาจากการที่คุณกิมเล็ตไม่อาจจ้างพวกเขาได้อีกต่อไป และอีกอย่างก็คือคำพูดของพวกอาจารย์ที่ว่า—
[ขอแค่ให้พวกมันฝึกให้จนได้สกิลสายธีฟมาก็พอแล้ว เรียนกับอาชีพเฉพาะทาง ที่เพิ่งอยู่ระดับสูงแค่นั้น ไปก็ไม่ได้อะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรอกไง ที่เหลือพวกฉันจะสอนแบบเป็นส่วนขยายของสกิลสามัญให้เองจะได้ประสิทธิภาพมากกว่าเยอะแยะ]
[และถึงแม้จะทำลายจิตใจให้เข็ดหลาบอย่างถี่ถ้วนไปแล้ว แต่ก็จะยอมปล่อยผู้ที่กระทำการลอบทำร้ายในยามวิกาลให้อยู่ใกล้ตัวเธอไปเรื่อยๆ ไม่ได้หรอก]
—ด้วยเหตุนี้ พวกคุณหน่วยลอบสังหารก็เลยถูกไล่ออกไปจากเมือง
คุณกิมเล็ตกล่าวยืนยันถึงสถานการณ์เรื่องนั้นไปพลาง ยกนิ้วชี้ตั้งขึ้นมา
“ หากเป็นเช่นนี้แล้วทางที่เราเลือกได้ก็มีเพียงหนึ่ง ที่วางใจได้อย่างก็คือภายหลังจากท่านครอสกลับถึงบ้านแล้วก็รับประกันได้ว่าไม่มีอะไรน่าห่วงน่ากลัวน่ากังวลแน่นอน…..ดังนั้นในเวลาอื่น ในระหว่างช่วงที่ท่านครอสเดินทางเข้ามาในเมือง กระผมจะคอยเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิดและสาบานว่าจะปกป้องท่านเอาไว้ให้ได้แม้ต้องแลกด้วยชีวิตขอรับ แน่นอนว่าจะคอยคุ้มกันอย่างดีตลอดตั้งแต่เดินทางมาโรงเรียนในยามเช้าไปยันมุ่งกลับบ้านในยามเย็นเลย ได้โปรดอุ่นใจเถอะ ”
“ …..ชิ ต้องไปไหนมาไหนกับไอ้กิมเล็ตนี่คงน่ารำคาญตายชัก แต่นึกถึงเรื่องตอนเช้าแล้วก็คงจำใจต้องตามประกบครอสแบบนั้นไปซักระยะเท่านั้นแหละนะ เฮ่อ รำคาญเว้ยรำคาญๆ นี่ฉันต้องตัวติดหนึบกับครอสตั้งแต่เช้ายันเย็นเลยเรอะเนี่ย ”
“ ไม่หรอก แกไม่ต้องเสนอหน้ามาก็ได้นะจิเซล สตริงก์ ”
เห็นจิเซลที่บ่นระบายความในใจโดยที่เบือนหน้าหนีไปยังทิศอื่นทำไมก็ไม่รู้เช่นนั้นแล้ว คุณกิมเล็ตเขาก็พลันแผดเสียงเย็นชาออกมาอย่างกะทันหันเฉย เอ๊ะ มะ มีอะไรกันน่ะ?
“ นังหมาจรจัดเอ๊ย พูดจนปากเปียกปากแฉะแล้วก็ยังไม่ยอมสำรวมตนต่อหน้าท่านครอสอีก ถ้าเรื่องคุ้มกันละก็มีแค่ฉันที่เป็น <<นักดาบประกายแสงระดับสูง>> คนเดียวก็เกินพอแล้ว หากรำคาญนักหนางั้นก็เชิญแกกลับลงรูไปเลยแล้วไม่ต้องออกมา ”
“ อ๋า…..? แกนั่นแหละเว้ยไอ้ควายโดนครอสสั่งให้ทำตัวดีๆ กับพวกเรากลุ่มเด็กกำพร้าแล้วไม่ใช่เรอะ ยังจะมาปากหมาพูดจางี้อีก …..ให้ว่าแล้วแกจะสะเออะวิ่งจากห้องเรียนชนชั้นสูงมาตามเกาะแกะครอสตลอดทุกครั้งที่พักเบรคระหว่างคลาสไปทำไมวะ ลำพังแค่นี้ครอสก็เอาแต่ฝึกเอาแต่ฝึกจนหาเวลาอยู่ด้วยกันไม่ค่อยได้แล้วแท้ๆ …..ขวางหูขวางตาว่ะ ในเมื่อกำหนดมาตรการรับมือในภายหลังจากนี้ได้แล้วงั้นก็รีบไสหัวไปทีดิ้พ่อจ๊าดง่าว ”
“ …..ชิ พอเชื่อฟังตามคำสั่งของท่านครอสยอมมองข้ามกิริยาและวาจาถ่อยสถุลต่ำทรามทั้งหลายแหล่เข้าหน่อยแล้วแกก็เหลิงลำพองใจใหญ่เลยนะ หากคิดการใหญ่มีใจให้กับท่านครอสจริงงั้นก็หัดทำตัวให้ดูสมหญิงเป็นกุลสตรีขึ้นมาหน่อยเป็นไรเล่านังลิงภูเขา ”
“ …..ฮึก!? อ๋าา!? ไอ้กร๊วกพูดมั่วซั่วอะไรของแกวะเดี๋ยวปั๊ดฆ่าทิ้งซะหรอกนะเว้ย! ”
“ ดะ เดี๋ยวสิทั้งสองคน!? ก็บอกว่าห้ามทะเลาะกันไม่ใช่เหรอ!? ”
การปะทะกันระหว่างจิเซลกับคุณกิมเล็ตที่เห็นไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วในตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้
ก็นะ เพิ่งมีเรื่องบาดหมางกันตั้งขนาดนั้นจะให้สนิทสนมกันในทันทีก็คงเป็นไปไม่ได้หรอก ผมจึงพยายามปรามทั้งสองคนที่หาเรื่องตีกันในทันทีที่กำหนดแนวทางภายหลังจากนี้แล้วเสร็จสุดชีวิต
แต่ในขณะเดียวกัน—ความหวั่นใจต่อสถานการณ์ปัจจุบันก็ยังคงติดค้างอยู่ในอกของผมไม่ยอมหาย
การลอบทำร้ายโดยฝีมือผู้มีความสามารถคลาสอาชีพระดับสูง
หากได้รับความร่วมมือจากจิเซลและคุณกิมเล็ตแล้วก็อาจจะพอรับมือกับภยันตรายนั้นได้ไปซักระยะจริงอยู่
แต่ผมก็คิดว่ามันคงเป็นได้แค่การถ่วงเวลาเอาตัวรอดไปได้ชั่วคราวเท่านั้น
ถึงตอนเช้าจะรอดตัวมาได้ แต่ถ้าอีกฝั่งมีจำนวนมากกว่านั้นล่ะ ถ้าอีกฝั่งเป็นคนที่เก่งมากยิ่งกว่านั้นล่ะ ถ้าเกิดว่าผมหลงกลอะไรเข้าซักอย่างจนถูกจับแยกให้ต้องอยู่คนเดียวล่ะ
พูดกันแต่แรกแล้วก็คือ จะให้เขาคอยช่วยคุ้มกันไปตลอดไม่ได้ด้วยซ้ำ หากเป้าหมายของพวกขุนนางมีแค่ผมเพียงคนเดียว งั้นแผนการคุ้มกันที่จะลากเอาจิเซลและคุณกิมเล็ตมาติดร่างแหเสี่ยงอันตรายไปด้วยแบบนี้ก็เป็นอะไรที่ผมไม่ควรพึ่งพาเป็นเวลานาน
สุดท้ายแล้ว มาตรการรับมือที่ดีเป็นอันดับหนึ่งก็คือผมต้องแข็งแกร่งขึ้นมาจนสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ด้วยตัวเองนั่นแหละ ต้องแกร่งขึ้นมาจนสามารถต่อต้านการลอบทำร้ายของอาชีพระดับสูงให้ได้ ทว่า
(จริงอย่างที่ผู้ชายคนที่ลอบทำร้ายผมเมื่อตอนเช้าพูดนั่นแหละ…..ที่ผมเอาชนะคุณกิมเล็ตได้นั่นก็เพราะว่าเราสู้กันในรูปแบบการประลองซึ่งสามารถเตรียมสกิลเอาไว้ได้ล่วงหน้า)
หากสู้กันตรงๆ ละก็ไม่ต้องหวัง ยิ่งถ้าเป็นในสถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าจะโดนลอบทำร้ายเมื่อไหร่และจะต้องรับมือกับอาชีพระดับสูงที่มี <<คลาส>> แบบไหนด้วยแล้วละก็ยิ่งไปกันใหญ่ หนำซ้ำตัวผมในตอนนี้ยังโดนเขารู้สกิลเซ็ตแบบทะลุปรุโปร่ง อีกฝั่งสามารถวางแผนรับมือกับผมยังไงก็ได้ เพราะคู่ต่อสู้ในตอนเช้าเป็น <<คลาส>> ประเภทป้องกันก็เลยพอจะยื้อต้านได้ซักพัก แต่หากไม่ใช่ละก็ผมคงเสร็จพวกเขาไปตั้งแต่ก่อนหน้าที่พวกจิเซลจะมาถึงแล้วละ
(หากยังเป็นแบบนี้ต่อไปก็มีโอกาสที่จะทำให้พวกจิเซลต้องพลอยเจ็บตัวเข้าอีกรอบ…..ถึงจะบ่อยจนเกรงใจ แต่คราวนี้ก็คงต้องขอปรึกษาพวกอาจารย์อีกแล้ว…..)
ด้วยเหตุนี้เอง ผมที่รีบบึ่งกลับมาถึงคฤหาสน์จึงได้ทำการรายงานสถานการณ์ปัจจุบันให้เหล่าอาจารย์ผู้เป็นสุดแกร่งในโลกรับทราบ