เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย - ตอนที่ 72 มาตรการรับมือความเร็วกับจ้าวแห่งผืนป่า (5)
- Home
- เหล่าอาจารย์หญิงสุดแกร่งที่อยากจะให้ผมเทพเค้าตีกันเรื่องแนวทางการฝึกจนวอดวายหมดแล้วเนี่ย
- ตอนที่ 72 มาตรการรับมือความเร็วกับจ้าวแห่งผืนป่า (5)
และผลลัพธ์จากการเข้าท้าทายดันเจี้ยนแบบนั้นไปจนพลังเวทหมดเกลี้ยง——
<<เคลือบแข็งร่างกาย (เล็ก) Lv9>> ——-> <<เคลือบแข็งร่างกาย (กลาง) Lv1>>
<<แคร์ฮีล Lv2>> ——-> <<แคร์ฮีล Lv3>>
เพราะเอาแต่สั่งสมเก็บประสบการณ์ต่อสู้จริงอย่างขมักเขม้นละมั้ง, Lv (ความชำนาญ) ของสกิลก็เลยสูงขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่ยังผ่านไปได้ไม่ถึงครึ่งวัน—— <<เคลือบแข็งร่างกาย>> ที่ขึ้นถึง Lv10 อันเป็นระดับความชำนาญสูงสุดของสกิลระดับต่ำนั้นได้แตกตัวกลายไปเป็นสกิลระดับกลาง ส่งผลให้สามารถทนทานการโจมตีที่ทรงพลังมากยิ่งขึ้นได้
นับว่าเป็นการเติบโตที่น่ายินดีอย่างยิ่ง เป็นผลลัพธ์อันจับต้องได้ที่มีค่าคู่ควรให้ยืดอกอย่างภาคภูมิใจ
แต่ตัวผมในตอนนี้ ก็กำลังเผชิญหน้าอยู่กับปัญหาร้ายแรงระดับที่ไม่ใช่เวลาจะมามัวดีใจลันล้าอยู่กับการเติบโตของสกิลเลย นั่นก็คือ——
“ ยะ แย่แล้วครับคุณเทโลเมียร์! ศัตรูเร็วมากเกินไปจนใช้สกิลสายมารลดความเร็วไม่โดนเลยครับ! ”
ผมที่น็อคพลังเวทหมดเกลี้ยงภายในดันเจี้ยนจนต้องถูกเก็บตัวออกมาเป็นการชั่วคราวนั้น กำลังร่ำร้องพูดอะไรที่ดูเด๋อด๋าปัญญานิ่มพลางแจ้นตรงไปหาคุณเทโลเมียร์
ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะ……ในการพิชิตดันเจี้ยนที่ดำเนินอย่างราบรื่นไปได้แค่ครึ่งทางคราวนี้ ผมไม่อาจจะโจมตีโดนเจ้าสปริงฮอปเปอร์ได้เลยแม้ซักครั้งเดียวยังไงล่ะ
โดนมันอัดมาจนน่วมไปหมดเลยอีกต่างหาก
แซงหน้า <<สปีดเอาท์>> ที่เอาแต่วืดพลาดเป้าอยู่ท่าเดียว, เวทฟื้นฟู <<แคร์ฮีล>> ที่น่าจะเติบโตช้านั่นยังจะเป็นฝ่าย Lv อัพเร็วมากยิ่งกว่าซะอีกนี่แหละที่เป็นหลักฐานยืนยันถึงความเละของผม (ต้องซ่อนตัวหลังเงาหินแล้วทำการรักษาแทบตายแน่ะ)
เพราะแบบนั้นแหละ ตั้งแต่เจอกับสปริงฮอปเปอร์เป็นต้นมา ก็ถลำเข้าไปในดันเจี้ยนไม่ได้เลยซักก้าวจนน็อคพลังเวทหมดตัว แล้วจึงต้องมารับ <<ถ่ายโอนพลังเวท>> จากคุณเทโลเมียร์แบบนี้
เหตุผลที่ทำให้สู้กับสปริงฮอปเปอร์ไม่ได้เลย
ก็คือสถานการณ์สุดจะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในนาม ‘ศัตรูเร็วมากซะจนจำเป็นต้องอัดด้วยสกิลสายมารลดความเร็วให้ได้สถานเดียว แต่กระนั้นแล้วการโจมตีของทางนี้กลับวืดหมดเลยซะงั้น’ แน่ะ
หากคิดดูดีๆแล้วก็น่าจะรู้ตั้งแต่แรก นี่แหละคือจุดอ่อนร้ายแรงของสกิลดีบัฟ
ผมที่ต้องโดนซ้อมจนน่วมก่อนถึงจะเพิ่งรับรู้นั้นยกเอามือขึ้นมากุมหัว
“ อ๊าา~ รู้ตัวแล้วเหรออ? ที่จริงแล้ว นี่แหละนะคือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้ผู้ถือครอง <<คลาส>> สาย <<ผู้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์สายมาร>> มีจำนวนแค่น้อยนิดเดียวล่าา~ ”
คุณเทโลเมียร์เล่าออกมาโดยที่ยัดพลังเวทมาให้ผมซึ่งกำลังกลุ้มอับจนหนทางไปด้วย
“ ว่ากันตามเดิมแล้ว สกิลสายดีบัฟนี่ก็มีภาพลักษณ์ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นสกิลที่มอนสเตอร์มักจะใช้เข้ามาใส่กันซะมากน่ะ แล้วก็ต่างกับสกิลซัพพอร์ตให้กับพวกพ้องตรงที่ต้องวิ่งเข้าไปใช้ให้โดนศัตรูนี่แหละน้าา~ แถมศัตรูที่จำเป็นต้องใช้ดีบัฟนี่ส่วนใหญ่ก็เป็นตัวที่แกร่งมากยิ่งกว่ากันซะหมดอีก……<<ผู้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์สายมาร>> ไม่ได้มีความถนัดในการทำศึกระยะประชิดซะหน่อย แถมระยะหวังผลของสกิลในช่วงแรกก็สั้นมากเลยด้วย คนเค้าก็เลยโวยวายว่าอีแบบนี้จะไปใช้โดนได้ยังไงกันแล้วไม่ยอมเลือก <<คลาส>> นี้กันหมดเลยน่ะน้าา~ สกิลสายมารอาจจะจะมีอานุภาพสูงก็จริง แต่เทียบกันแล้ว ใช้สกิลสาย <<พรีส>> เพื่อทำการพาวเวอร์อัพให้กับพวกพ้องแทนซะจะได้ประสิทธิภาพและปลอดภัยกว่าตั้งเยอะแยะเลยเชียวล่าา~ ”
“ เรื่องนั้นก็ มีเหตุผลอยู่นะครับ…… ”
ในตอนนี้ที่โดนสปริงฮอปเปอร์อัดมาซะยับ ผมก็ได้แต่เพียงพยักหน้าเห็นด้วยสถานเดียวกับสาเหตุที่ทำให้ <<ผู้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์สายมาร>> ไม่เป็นที่นิยม เพิ่งจะเคยได้ยินจากคุณเทโลเมียร์เป็นครั้งแรกนี่แหละนะ ว่ากันแต่แรกเริ่มแล้ว สกิลสายมารที่ลำบากลำบนแทบตายแต่ก็ยังใช้ไม่โดน กับสกิลสนับสนุนที่พวกพ้องจะเป็นฝ่ายแห่เข้ามาโดนด้วยตนเองนี่มันมีหลักการใช้แตกต่างกันมากเกินไปแหละ
แต่ถ้าอย่างงั้น จะรับมือกับศัตรูที่เร็วยิ่งกว่าอย่างขาดลอยได้ยังไงล่ะ……พอผมกลัดกลุ้มคิดหนักขึ้นมาอีกรอบ
“ ไม่เป็นไรหรอกน้าา~ ”
คุณเทโลเมียร์เค้าก็เอานิ้วจิ้มๆแก้มผมแล้วแย้มยิ้มให้
“ มีเคล็ดลับในการใช้สกิลของ <<ผู้ประกอบพิธีศักดิ์สิทธิ์สายมาร>> อยู่หลายอย่างเลยล่ะ และหนึ่งในนั้นก็เป็นสิ่งที่ฉันได้สอนให้กับครอสคุงไปเรียบร้อยแล้วด้วยย ทีนี้ก็เหลือแค่ต้องทดลองแล้วฝึกใช้ให้ชินตัวเท่านั้นแหละน้าา~ ”
“ เอ๊ะ……? ”
ผมทำตาแป๋วมึนกับคำสอนของอาจารย์ที่ไม่ยักจะจำได้
และคุณเทโลเมียร์ก็พูดต่อดั่งกับเป็นการกระตุ้นความทรงจำของผม
“ ลองนึกดีๆซี่ ถึงตอนก่อนหน้านี้ ที่เล่นสนุกด้วยกันกับฉันน่ะ~ ”
“ อ๊ะ…… ”
ได้ยินแบบนั้นแล้ว ที่แล่นเข้ามาในหัว ก็คือภาพความทรงจำแสนน่าอายของเมื่อไม่นานที่ผ่านมานี่เอง
“ ถ้างั้นก็ถึงตาของครอสคุงแล้วน้าา~ ”
วันหยุดพักผ่อนเต็มวันที่จะมีครั้งนึงในรอบหลายวัน
ผมกับคุณเทโลเมียร์กำลังจดจ่อขมักเขม้นกับเกมกระดานอยู่ภายในโรงอาหารของคฤหาสน์
เป็นเกมชื่อหมากรุก ที่ผมกับคุณเทโลเมียร์กำลังคลั่งใคล้ติดหนึบอยู่ในช่วงระยะนี้น่ะ
การละเล่นเหนือกระดานที่จะแบ่งออกเป็นฝ่ายดำกับขาว และต้องใช้หมากที่ต่างฝ่ายมี 6 ประเภท 16 ตัวเพื่อไล่ต้อนคิงของศัตรู
คุณเทโลเมียร์เค้าเก่งมากเลย ต้องให้เล่นแบบออมมือในสภาพตัดหมากที่ใช้ได้จำนวนนึงออกนั่นแหละผมถึงจะมีปัญญาสามารถสู้ได้อย่างสูสี
แล้วผมก็เล่นด้วยกันกับคุณเทโลเมียร์ที่มักจะอารมณ์ดีสม่ำเสมออยู่แบบนั้นหรอก แต่เผอิญว่าผมในวันนั้นดวงขึ้นสุดๆไปเลยน่ะ
“ ……อ๊ะ ขอตัวนี้ไปละนะครับ ”
“ อ๊ะ!? ”
ผมคิดแผนเด็ดจนได้รับหมากตัวเก่งมา ทำให้สถานการณ์เอนเอียงอย่างยิ่งใหญ่มาทำให้ผมเป็นต่อ
คุณเทโลเมียร์ถูกนาฬิกาทรายกดดันให้ต้องเดินหมากกลับมา แต่ก็คล้ายๆเหมือนกับว่ารู้ผลกันไปแล้วนั่นแหละ
“ เอะเฮะเฮะ ถึงจะอ่อนให้ แต่เท่านี้ก็น่าจะเอาชนะคุณเทโลเมียร์ได้ซะทีครับ ”
ว่าแล้ว ผมก็อ่านกระดานโดยที่ไม่มีประมาท
เท่านั้นแหละพลันได้ยินเสียงพึมพำแว่วๆว่า “งื้ออ~ ลงแบบนี้แล้ว……” มาจากอีกฟากของโต๊ะ
คุณเทโลเมียร์ที่มีนิสัยเกลียดความพ่ายแพ้ผิดคาดเค้าคงจะเริ่มเอาจริงแล้วงั้นสินะ……ผมคิดแบบนั้นแล้วจึงเพ่งสมาธิจดจ่อกับกระดานมากขึ้นอีก——แต่ในพริบตาให้หลัง ร่างกายท่อนล่างของผมก็เจอะเข้ากับสัมผัสแปลกๆ
อะไรบางอย่างนุ่มนิ่มมันกำลังแตะแตะลูบลูบขาผมอยู่น่ะ
(เอ๊ะ? อะไรเนี่ย? ขาคุณเทโลเมียร์เผอิญมาแตะโดนเข้าเหรอ……?)
เพราะตะหงิดใจก็เลยแหงนหน้าขึ้นจากกระดานหรอก……แต่ไม่ใช่แค่ขาเผอิญมาโดนอะไรแบบนั้นเลยซักนิดเดียว
ขาของคุณเทโลเมียร์ที่ซุกไซ้ดั่งกับตรวจสอบตำแหน่งของผมมาตลอดนั่น พลันถูกยืดตรงเข้ามาแล้วเริ่มจะลูบไล้ไต่วนไปตามบริเวณขาอ่อนของผมเข้าเฉยเลย
แถมยังเหมือนว่า จะเป็นลีลาเท้าที่ดูทะลึ่งสุดๆไปเลยยังไงชอบกลด้วย!
ปลายขาของคุณเทโลเมียร์ที่เหมือนจะลำบากถอดรองเท้าออกเลยนั่นได้ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยผ้าไหม มอบสัมผัสความรู้สึกที่ช่างเพลินมีเสน่ห์อย่างประหลาดให้กับขาอ่อนของผม
แน่นอนว่าไม่มีสติสตางค์อ่านกระดานแล้วจังหวะนี้
“ เดี๋ยว คุณเทโลเมียร์ครับ!? ”
ผมทำหน้าแดงแจ๋ไปพลาง ประท้วงด้วยเสียงค่อยเพื่อไม่ให้เผลอหลุดเสียงหลง
แต่คุณเทโลเมียร์ก็แย้มยิ้มอย่างสนุกสนานเหลือเกิน พร้อมชี้ไปยังนาฬิกาทราย
“ เอ๋~? เป็นอะไรไปเหรอครอสคุง ไม่รีบเดินหมากเดี๋ยวก็เวลาหมดเอาหรอกน้าา~? ”
“ ขึก!? เดี๋ยวสิ ขี้โกงนะครับ!? แผนนอกกรอบแบบเนี้ย!? ”
ทั้งที่เกือบจะชนะแล้วแท้ๆ!
เจอวิธีการที่ไม่สมเป็นผู้ใหญ่เอาซะเลยของคุณเทโลเมียร์เข้าแล้ว ผมก็อดรนทนไม่ไหวพยายามจะเลื่อนเก้าอี้เพื่อถอยเว้นระยะห่างหนี
——แต่ นิ้วเท้าของคุณเทโลเมียร์ก็หนีบกางเกงผมไว้ด้วยกำลังมหาศาลไม่ยอมปล่อย
เรี่ยวแรงกำลังของนักผจญภัยระดับ S มันเป็นยังไงกันเนี่ย!?
ลงแบบนี้ก็ต้องร้องขอความช่วยเหลือจากพวกคุณลีโอเน่——
“ อ๊าา~ จะดีเหรอร้องขอความช่วยเหลือเนี่ยย~ ถ้าพวกลีโอเน่จังแห่กันมา กระดานที่ครอสคุงใกล้จะชนะอยู่แล้วก็อาจจะโดนลูกหลงจากการลงทัณฑ์เล่นงานจนพังย่อยยับหมดเลยก็ได้น้าา~ ”
“ เอ๊ะ!? ขี้โกงเกินไปแล้ว!? ”
“ เอะเฮะเห้~ การเลือกใช้ลูกไม้ขี้โกงแบบนี้ได้อย่างไร้ความลังเลก็ถือเป็นความแข็งแกร่งประเภทนึงเหมือนกันน้าา~ ”
“ มะ ไม่นะ! ”
ขุ่ก อึกก อุตส่าห์ใกล้จะชนะได้เป็นครั้งแรกอยู่แล้วแท้ๆ ทำยังไงดีล่ะ!?
ครุ่นคิดไปยังไง ก็หาแผนเดินหมากแบบดีๆไม่ออก ถูกการกระตุ้นลึกลับที่ส่งต่อมายังขาอ่อนปั่นป่วนจนหัวรวนไปหมด แถมยังโดนกดดันโดยเวลาจนเผลอเดินพลาดออกไปจนได้ และในฉับพลันให้หลังนั่นเอง
“ นี่ครอสคุง รู้มั้ยว่าทำไมโลกนี้ถึงมีพวกคนเลวที่กุมอำนาจใหญ่โตแล้วทำเป็นโอ่ลำพองใจอยู่ตั้งมากมายน่ะ? ”
“ เอ๊ะ? ”
ไม่ทันได้ตั้งตัว
คุณเทโลเมียร์เค้าใช้ปลายขาลูบไล้ขาอ่อนผมไปพลาง อ้าปากกล่าวขึ้นมาด้วยท่าทางที่ดูจริงจังเล็กน้อย
“ คำตอบน่ะน้าา ก็อย่างที่ได้เคยบอกไปก่อนหน้านั่นแหละ คือคนเลวจะไม่เลือกวิธีการยังไงล่ะ เหมือนกับแผนนอกกรอบที่ฉันทำเมื่อตะกี้นี้แหละ~ กลับกันแล้ว คนดีเนี่ยเค้าจะพูดทำนอง ‘ในฐานะมนุษย์แล้วจะยอมทำแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด, แบบนั้นมันน่าสงสารดังนั้นจึงไม่ใช่สิ่งที่สมควรทำ’ อะไรพวกนี้แล้วเหนี่ยวรั้งตัวเองให้อยู่ในสภาพไม่พร้อมเต็มที่ไงล่ะ ดิ้นรนยังไงก็มีแต่จะทำให้โอกาสชนะตกต่ำลงมาสถานเดียวน่ะน้าา~ ในหลากหลายแขนงเลย ”
ในระหว่างที่ผมสั่นเทิ้มหงึกๆ คุณเทโลเมียร์ก็ผลาญเวลาในตาของตัวเองแล้วกล่าวคำพูดทับซ้อน
“ เพราะฉะนั้นแหละ อย่างที่เคยพูดไปในร้านเหล้าก่อนหน้านี้ ฉันก็เลยอยากจะให้ครอสคุงกลายเป็นเด็กไม่ดีขึ้นมาซักหน่อยน่ะน้าา~ นิสัยแบบไม่เลือกวิธีการมันจะทำให้ต่อสู้ได้เปรียบยิ่งขึ้นด้วย และที่สำคัญเลยก็คือ สกิลสายมารที่ฉันจะสอนให้ในภายหลังจากนี้มันจะจำเป็นต้องอาศัยความเจ้าเล่ห์แกมโกงพอสมควรเลยด้วยน่ะ~ ”
ที่ถูกกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น ก็คือคำชี้แนะของนักผจญภัยระดับ S
คำสอนของผู้มากฝีมือที่ก้าวขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของสวรรค์
“ แต่ว่านะ ก็ไม่ได้จะบังคับให้ครอสคุงเปลี่ยนแปลงตัวเองหรอก~ เพราะครอสคุงเป็นคนใจดีที่รู้จักเอาใจใส่ผู้อื่นนี่แหละ ทำให้เอาจริงๆแล้วก็น่าจะรับรู้อยู่เต็มอกเลยเหมือนกันว่าต้องใช้แผนการยังไงหรือกลยุทธ์แบบไหนอีกฝั่งถึงจะขยาดมากที่สุดน่าา~ ถ้ามีสาเหตุให้จำต้องข้ามเส้นไปซะอย่างละก็ ครอสคุงจะต้องสามารถใช้ ‘สายมาร’ โดยที่ยังคงใจดีอยู่ดังเดิมได้แน่นอนเลยล่ะ ”
และแล้ว คุณเทโลเมียร์ก็ยิ้มเบิกบานอย่างมีเสน่ห์ขึ้นมา
“ ดังนั้นแหละนะครอสคุง เธอเองก็ใช้แผนนอกกรอบแบบฉันได้เหมือนกันนะ อะไรที่สามารถใช้ได้ก็เชิญใช้ให้หมดได้เลยน้าา? ยกตัวอย่างเช่นลอง สวน การนวดนอกสนามที่ฉันกำลังทำอยู่นี่กลับมาบ้างเอยอะไรเอย❤ ”
มากลายเป็นเด็กไม่ดีไปด้วยกันกับฉันมั้ยย……?
ว่าแล้ว คุณเทโลเมียร์ก็ชักนำปลายเท้าของผมให้เข้าไปใกล้ขาอ่อนของตนเอง
ดั่งเป็นคุณพี่สาวที่กำลังชักชวนไปทำการละเล่นที่ไม่เหมาะไม่ควรเลยงั้นแหละ
“ อะไรที่ใช้ได้ก็ใช้ซะให้หมด……จะแผนนอกกรอบหรืออะไรก็อย่าได้ไปสนเหรอ…… ”
และแล้ว ผมก็จิตพร่ามัวเพราะการกลั่นแกล้งของคุณเทโลเมียร์ไปพลาง ปฎิบัติตามคำพูดอันมากประสบการณ์ของนักผจญภัยระดับ S——โดยการตะโกนลั่นเรียกคุณลีโอเน่กับคุณลูด์มิร่าให้ช่วยมาคอยเฝ้ายืนคุม
หลังจากจดกระดานอย่างละเอียดเพื่อตัดความกังวลในกรณีที่หมากกระจายปลิวว่อนเรียบร้อยแล้ว ก็ให้ช่วยเช็คภายใต้โต๊ะ จากนั้นผมจึงคว้าชัยชนะครั้งแรกแบบถูกออมมือมาจากคุณเทโลเมียร์ที่ไหงถึงร้องแรกแหกกระเชอว่า “ก็เป็นแผนที่ไม่เลวเลยเหมือนกันหรอกแต่ที่คิดไว้มันไม่ใช่แบบนี้ง่าา~” มาได้สำเร็จ
ด้วยแผนนอกกรอบที่อีกฝั่งแพ้ทาง ดังที่คุณเทโลเมียร์สอนมานั่นแหละ
“ …… ”
ผมหวนนึกถึงคำสอนของคุณเทโลเมียร์ โดยที่รู้สึกได้ว่าแก้มกำลังร้อนผ่าวกับสัมผัสเท้าของเค้าที่ยังคงเหลือค้างอย่างชัดเจนมาจวบจนตอนนี้ ถึงแม้จะเป็นสถานการณ์ที่พูดยากพอควร แต่ก็ต้องนึกให้ออก ถึงสัมผัสความรู้สึกในตอนที่ได้ชัยเหนืออาจารย์นั่น
“ เอาล่าา~ <<ถ่ายโอนพลังเวท>> เสร็จเรียบร้อยแล้วด้วยนี่นะ ไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ยย? ”
“ ……ครับ น่าจะพอไปไหวอยู่ ขอบคุณมากเลยนะครับ ”
ในจังหวะเดียวกับที่คุณเทโลเมียร์ใช้ <<ถ่ายโอนพลังเวท>> เสร็จสิ้น ผมก็ใช้เวทฟื้นฟู <<แคร์ฮีล>> เพื่อรักษาร่างกายด้วยตัวเอง
เก็บคำสอนที่ถูกกระตุ้นให้นึกออกไว้ในอ้อมอก แล้วจึงถลำเท้าก้าวเข้าไปในดันเจี้ยนอีกครั้ง
“ กิ้ว! กิวกิ้ว! ”
ที่ปรากฎกายขึ้นมาในภายหลังจากถลำไปได้ซักระยะ ก็คือเจ้าก้อนขนสีเทาที่เพิ่งจะซ้อมผมซะน่วมยับเยินเมื่อตะกี้นี้ สปริงฮอปเปอร์นั่นเอง พอเห็นหน้าผมแล้ว มันก็แผดเสียงร้องดั่งกับสื่อว่า “โผล่มาอีกแล้วเรอะ” พร้อมกับแปรสภาพกลายเป็นวีถีสีเทาแล่นทะยานวนไปทั่วภายในถ้ำ
“ ถ้าเพื่อชัยชนะแล้ว ต่อให้เป็นแผนนอกรอบหรืออะไรก็จงทำโดยไม่เลือกวิธีการ เหรอ…… ”
เล่นซ้ำคำสอนของคุณเทโลเมียร์พลางเข้าประจันหน้ากับวีถีสีเทา
กำดาบไว้อย่างแน่นหนา เค้นกำลังไปยังทั่วร่างดั่งกับเป็นการเสริมป้องกันให้มั่นคงพร้อมเริ่มต้นเอ่ยคำร่ายของ <<สปีดเอาท์>> ——และเป็นในฉับพลันนั้นเอง
พลั่ก!
“ อ๊ะ!? ”
สปริงฮอปเปอร์เอาตัวกระแทกชนผมเข้าอย่างจัง
แรงกระแทกทำให้ดาบสั้นที่น่าจะกำเอาไว้อย่างแน่นหนาร่วงหล่นลงจากฝ่ามือ ดาบกลิ้งออกห่างไปด้วยเสียงกังวานดังแกร๊งแกร๊ง
ทำบ้าอะไรของผมเนี่ย!? บิดใบหน้าเบี้ยวดั่งกับฟ้องว่าคิดแบบนั้น แล้วจึงวิ่งออกไปเก็บอาวุธอย่างแตกตื่นตะลีตะลาน
“ กิ้ว! ”
แต่มอนสเตอร์ก็ไม่ได้งี่เง่าถึงขนาดจะปล่อยผ่านการกระทำเซ่อซ่าแบบนั้นหรอก
มันแผดเสียงร้องลั่นดั่งกับสื่อว่า โอกาสทอง! แล้วจึงดิ่งตรงเข้ามาจะฟาดการกระแทกสุดกำลังเต็มพิกัดเข้าใส่แผ่นหลังของผมที่วิ่งจะไปเก็บอาวุธ
——อย่างที่ผมล่อเอาไว้
“ <<หลบหลีกฉุกเฉิน>> ! <<สปีดเอาท์>> ! ”
“ กิ๊วว!? ”
พริบตานั้น ผมก็พลันพลิกตัวกลับด้วยสกิลหลบหลีก
เปิดใช้ <<สปีดเอาท์>> ที่แอบกล่าวคำร่ายต่อเนื่องอยู่ด้วยเสียงค่อย ปล่อยหมอกสีดำสาดกระจายออกมาเหนือวิถีของสปริงฮอปเปอร์ ส่งผลให้เจ้าก้อนขนสีเทากระโจนเอาหัวโหม่งเข้ามาในม่านหมอกสีดำด้วยตนเอง โดนเข้าจังๆเลย
“ เยี่ยม! ”
คลีนฮิตครั้งแรกสุดนั่นทำเอาผมเก็บดาบไปพลางเผลอแผดเสียงตะโกนอย่างยินดีออกมา
ต่อให้เป็นความเร็วที่ตามองไม่ทัน แต่หากรู้ทิศทาง จังหวะที่การโจมตีจะลอยเข้ามา และตำแหน่งที่ถูกจ้องเพ่งเล็งซะอย่างแล้วก็พอจะสามารถตีโต้กลับได้อยู่
คาดว่าถ้าเป็นศึกกับคนด้วยกันแล้วอาจจะถูกก่นด่าว่าขี้ขลาดก็จริงหรอก……แต่สิ่งสำคัญก็คือ การปลุกใจให้ตัวผมอย่างรุนแรงต่างหากล่ะ ว่าถ้าไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมจริงๆแล้วละก็ กะอีแค่วิธีการใช้ให้โดนนี่มีเยอะแยะถมถืดไปหมดซะด้วยซ้ำน่ะ
“ กิ๊วว!? กิวกิ้วว! กิ๊ววววววววววว! ”
<<สปีดเอาท์>> ยังมี Lv ต่ำอยู่ ไม่ค่อยจะมีผลกับ ริสก์ 4 มากนักเท่าไหร่
แต่ความเร็วของก้อนขนสีเทาที่โดนอัดด้วยหมอกสีดำไปจังๆก็เชื่องช้าลงอย่างเห็นได้ชัด สปริงฮอปเปอร์ที่ตื่นตระหนกกับสภาวะร่างกายอันไม่สมบูรณ์ของตนเองพลันยกระดับความระแวงแล้วทะยานตรงเข้ามาใส่ผมด้วยจิตสังหารที่เพิ่มพูนมากยิ่งขึ้น
“ <<หลบหลีกฉุกเฉิน>> ! <<เคลือบแข็งร่างกาย>> ! ”
เอี้ยวตัวหลบการโจมตีไปแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ทนรับ หลบ หลบ……แล้วจึงพลิกตัวร่วมด้วยในฉับพลันเดียวกัน
“ ย่าาา! ”
หันหน้าเข้าหาก้อนขนที่เตะกำแพงหมายจะเปลี่ยนทิศทาง แล้วฟาดคมดาบอัดกระแทกกระทั้นเข้าไปใส่อีกฝั่งที่การเคลื่อนไหวหน่วงช้าลง
แกร๊งง!
ที่กังวานขึ้นในพริบตาให้หลัง ก็คือเสียงดาบของผมที่วืดพลาดเป้าอย่างยิ่งใหญ่ไปกระทบชนกับกำแพงถ้ำ
แม้จะโดนอัดด้วย <<สปีดเอาท์>> เข้าไป แต่ความเร็วของเจ้าก้อนขนก็ยังเหนือกว่าหลายขั้น การโจมตีด้วยกำลังทั้งหมดถูกหลบไปได้อย่างแสนง่ายดาย แต่ว่า——แบบนี้แหละดี!
“ <<สปีดเอาท์>> ! ”
“ กิ๊วววววววว!? ”
สปริงฮอปเปอร์ที่หลบดาบผม——ไม่สิ สปริงฮอปเปอร์ที่ถูกล่อให้หลบไปยังทิศทางซึ่งผมกำหนดไว้ ได้พุ่งทะลวงแหวกเข้าไปในม่านหมอกสีดำที่ถูกปล่อยกระจายออกมาภายหลังเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะแผดเสียงกรีดร้องลั่น
คำสาปลดความเร็วที่แอบร่ายอย่างเงียบเชียบอยู่ในระหว่างฝืนทนการโหมจู่โจมของก้อนขน สกิลสายมารที่หากเทียบแล้วจะพบว่ามีคำร่ายสั้นกว่าเวทโจมตีมากนั่น มันโดนเป้าอย่างจังเข้าต่อเนื่องเลย
ความเร็วของก้อนขนยิ่งตกลงไปอีก เสียงร้องของสปริงฮอปเปอร์ได้สั่นเครือไปด้วยความแตกตื่นและร้อนรนเรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้นก็ไปได้อย่างราบรื่นสวยงาม ใช้สกิลสำเร็จในรวดเดียวเลย
และแล้ว
“ <<สปีดเอาท์>> ! <<บัฟกำลังดาบระดับกลาง>> ! ”
“ กิ๊ววววววววววว!? ”
ที่ก้องดังกังวานขึ้นมาแทนที่เสียงกรีดร้องของผมซึ่งสะท้อนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ภายในถ้ำ ก็คือเสียงร้องสิ้นใจของมารอสูร
หากเทียบกับร็อกลิซาร์ดวอริเออร์แล้ว สปริงฮอปเปอร์ที่เก่งเฉพาะทางในด้านความเร็วคงจะมีพลังป้องกันและพลังป้องกันเวทต่ำมากเลยละมั้งนะ พอโดนอัดด้วย <<สปีดเอาท์>> เข้าไปหลายครั้งเข้า เจ้าก้อนขนที่โดนลดหลั่นความเร็วอย่างยิ่งใหญ่ก็ถูกการโจมตีเพียงครั้งเดียวของผมฟาดลงไปนอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่เหนือพื้นอย่างง่ายดาย
“ สะ สำเร็จ……สำเร็จจจ! ”
ความรู้สึกปลื้มใจที่ก้าวข้ามกำแพงใหญ่ได้สำเร็จ มันทำให้ร่างกายเร่าร้อนเหลือเกิน
สุดท้ายแล้วนอกจากจะโดนซัดเข้าไปตั้งหลายเปรี้ยงไม่พอ วิธีการที่วนอยู่กับการหลอกลวงทีเผลอนั่นก็ยังไม่ใช่สิ่งที่น่าชื่นชมเลยซักนิดอีกต่างหาก…..แต่เท่านี้ก็จับเคล็ดได้แล้ว.
“ ที่เหลือก็แค่ทำตามคำสอนของคุณเทโลเมียร์ให้มากยิ่งขึ้น ครุ่นคิดวางแผนด้วยหัวตัวเองแล้วลงมือทำจริงต่อเนื่องไปเรื่อยๆซะก็พอ ”
ด้วยเหตุนั้น——ตัวผมที่จับสัมผัสของการใช้ท่วงท่าลวงหลอกเพื่อให้สกิลสายมารแผลงฤทธิ์ภายในศึกจริงได้สำเร็จ ก็พุ่งทะยานลึกเข้าไปในดันเจี้ยนด้วยกำลังใจอันกล้าแกร่งที่ยังคงติดมาภายหลังจากถล่มก้าวข้ามอุปสรรค
“ อาา เยี่ยมไปเลยจริงๆนั่นแหละน้าา ”
ท่ามกลางความมืดมิดของดันเจี้ยน
มีบุคคลผู้นึงกำลังทำร่างกายให้สั่นเทิ้มไปด้วยความตื่นเต้น ดวงตาเฝ้าจ้องมองแผ่นหลังของลูกศิษย์ที่ซึมซับคำสอนของอาจารย์แล้วเติบใหญ่มากยิ่งขึ้นคนนั้นไม่ละ อสูรร้ายผู้ครอบครองความงดงามและพลังอำนาจระดับสุดแกร่งของโลก เทโลเมียร์ เคลย์บลัดนั่นเอง
“ ก็รู้มาตั้งนานเนแล้วหรอก จุดแข็งของครอสคุงไม่ได้อยู่ที่ความเร็วการเติบโตที่เป็นผลจากยูนีคสกิลเพียงอย่างเดียวซะหน่อยย แต่เป็นเพราะคอยเฝ้าครุ่นคิดว่าทำไมในสมัยอยู่สถานกำพร้าที่แสนลำบากนั่นถึงเติบโตไม่ได้ แล้วทุ่มกำลังคอยลองผิดลองถูกอย่างไม่หวาดหวั่นเลยต่างหากล่าา มีสติปัญญาและใจหาญกล้าที่ไม่ยอมแพ้ต่อสิ่งใดอยู่ครบถ้วน แถมยังพร้อมจะซึมซับทุกสิ่งอย่างว่านอนสอนง่ายจนสามารถส่องประกายออกมาเป็นสีไหนก็ได้…… ”
ได้สอนแล้วรู้สึกสนุกมากเหลือเกิน ที่สำคัญเลยก็คือท่าทางในตอนรับเอาคำสอนของตนไปอย่างยืดหยุ่นแล้วพัฒนาต่อยอดได้ออกมาเป็นของตนเองนั่นมันช่างน่าหลงใหลจนใจแทบขาด
สำหรับเทโลเมียร์ที่เพิ่งจะเคยมีลูกศิษย์เป็นครั้งแรกแล้ว นั่นถือเป็นความรู้สึกที่สุขสมในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ในฐานะอาจารย์, ในฐานะผู้หญิง, ความรู้สึกที่ร้อนแรงซะจนคลับคล้ายกับคลั่งใคล้หลงใหลมันแผ่ขยายกว้างมากขึ้นอย่างไม่อาจห้าม
“ อาา ไม่อยากจะมอบเขาให้กับใครทั้งนั้นจริงๆนั่นแหละน้าา ต่อให้ต้องใช้ลูกไม้แบบไหนยังไงแต่ก็จะต้อง——…… ”
ทำดวงตาให้ส่องประกายวิบวับอยู่ภายในความมืดมิดไปพลาง
นักผจญภัยระดับ S ผู้เจนสนามพลันพ่นลมหายใจเร่าร้อนออกมาด้วยใบหน้าเคลิ้มหลง