และแล้ววันเปิดศึกก็มาถึง
เนื่องจากเป็นการประลองที่มีขุนนางเข้าร่วมด้วยครั้งแรกสุดนับตั้งแต่ที่คุณเอลิเซียเดินทางมายังบัสเคิลเบียร์ การต่อสู้ของพวกผมก็เลยเป็นที่จับตามองของทุกคนในระดับนึงเลย
หากพบเห็นพวกผมเดินอยู่ตามเมือง เหล่านักผจญภัยสามัญชนก็จะมีซุบซิบพึมพำกันเสียงค่อย หนำซ้ำยังถึงขั้นมีการวางเดิมพันอยู่ตามพวกร้านเหล้าเลยด้วยซ้ำ
แต่การประลองในคราวนี้คือศึกแบบกลุ่มในป่า
เนื่องจากการจะชมการประลองแบบสดๆนั้นเป็นไปได้ยาก ทางร้านเหล้าต่างๆภายในเมืองจึงได้ทำการนำเอาเมจิคไอเท็มที่ชื่อ <<แท็กแทนตัว>> ออกมาตั้งเรียงรายเอาไว้
ผืนป่าอันเป็นสนามที่จะถูกใช้ในการประลองนั้น ณ ปัจจุบันกำลังอยู่ภายใต้เอฟเฟคของสกิลนักบวชแบบพิเศษที่เหล่า <<นักบวชระดับสูง>> อันทรงอำนาจทั้ง 5 คนแห่งบัสเคิลเบียร์ช่วยกันเปิดใช้ ทำให้กลายเป็นมิติประหลาดที่ต่อให้ได้รับบาดแผลฉกรรจ์ขั้นถึงชีวิต แต่ก็จะป้องกันให้จบแค่หมดสติได้หนึ่งครั้ง
และถ้าหากเครื่องมือช่วยชีวิตนั่นมันทำงานขึ้นมา……..กล่าวคือหากมีใครหมดสภาพออกจากการประลองไป เจ้าไอเท็มที่ชื่อว่าแท็กแทนตัวนี่มันก็จะชี้แจงให้ทราบโดยการเปลี่ยนสีน่ะ
และแท็กแทนตัวนี่ก็ได้ถูกแจกจ่ายให้กับพวกผมมาก่อนล่วงหน้าแล้ว ทำให้สามารถใช้ตรวจสอบสถานการณ์รบโดยรวมได้เสมอเลย
ก็ตามนี้แหละ ในระหว่างที่เมืองทั้งเมืองส่อแววครึกครื้นราวกับกึ่งๆมีงานเทศกาลอยู่นั่น
พวกผมกับพวกคุณแคทลียาที่มารวมตัวกันอยู่หน้าป่าฝึกปฎิบัติอันเป็นสถานที่เปิดศึกการประลอง ก็กำลังจับจ้องมองกันและกันอยู่ด้วยบรรยากาศที่ตึงเครียดพร้อมจะปะทุ
“ ถ้าอย่างนั้นแล้วก็เชิญทั้งสองฝ่าย! ทำการทักทายก่อนแข่งขัน! ”
เจ้าหน้าที่ของสมาคมและกิลด์เข้ามายืนอยู่รอบๆตัวพวกผมในฐานะกรรมการ ก่อนจะแผดเสียงกล่าวออกมาว่าเช่นนั้น
และแล้วราวกับเป็นตัวแทนของพวกผมที่ยืนเรียงแถวหน้ากระดานจับจ้องมองหน้าอีกฝั่ง…..จิเซลกับคุณแคทลียาพลันก้าวเท้าออกมาข้างหน้า ก่อนจะเอาหน้าผากโขกกระแทกชนกันอย่างรุนแรงในระดับที่เหมือนจะบานปลายกลายเป็นการเข่นฆ่ากันขึ้นมา ณ ตรงนั้นเลย
“ โย่วว เล่นกันแสบน่าดูเลยนี่หว่าอีนังผู้หญิงสารเลว ขุนนางเนี่ยมันคือศูนย์รวมของไอ้พวกขี้ป๊อดที่หากไม่แก้กฎก็จะอับจนหมดหนทางสู้ใครเค้าไม่เป็นเหรอไงวะ? อ๊า? ”
“ พูดอะไรกันเอ่ยไม่เห็นจะเข้าใจเลยอ่าา แต่ก็นะ ใครบางคนแถวนี้เล่นยึดครองสนามฝึกซ้อมไว้ใช้คนเดียวเลยนี่นา สมาคมเค้าก็เลยอาจจะตัดสินว่าเปลี่ยนแปลงกฎซักนิดซักหน่อยมันอาจจะแฟร์มากยิ่งกว่าก็ได้ละม้าง ”
แม้จะถูกจิเซลจ้องเขม่นใส่อย่างรุนแรง แต่คุณแคทลียาก็ยังตอบกลับมาได้ด้วยสีหน้าเฉยเมยไม่สนใจ
“ เอ้อ แต่แค่มีสนามฝึกซ้อมที่ หรูหรานิดหน่อย ก็คงจะไม่ช่วยให้พวกเธอที่แสนกระจ๊อกกระจอกเหมือนแมงเม่าได้เปรียบขึ้นมาหรอกนะ ”
และหลังจากที่ทักทายกันเสร็จแล้ว ก็พลันมีสาวน้อยผู้สวมใส่เครื่องแต่งกายอันดูสบายตัวก้าวออกมาจากข้างหลังคุณแคทลียาที่ถอยกลับมายืนเรียงแถวอยู่ดังเดิม
? เหมือนว่าจะไม่ใช่สมาชิกที่เข้าร่วมในการประลองนะ เค้าเป็นใครกันน่ะ…….พอคิดแบบนั้นอยู่ เธอคนนั้นเค้าก็พลันจ้องเขม็งตรงมาที่ผม
“ ฮึก!? ”
พริบตานั้น ความรู้สึกประหลาดดังจี๊ดก็แล่นไปทั่วทั้งร่างกายผม
สัมผัสนี้มัน สกิลประเมินค่า?
หรือก็คือสาวน้อยคนนี้ เป็น <<แม่ค้า>> งั้นเหรอ…….?
“ เอะฮิ! เอะฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิฮิ! ”
และราวกับเป็นการสนับสนุนยืนยันว่าการคาดเดาของผมถูกต้อง สาวน้อยคนนั้นพลันชี้นิ้วตรงเข้ามาใส่ผมก่อนจะเริ่มต้นระเบิดเสียงหัวเราะ
“ ฮี้–! ท่านแคทลียาเจ้าขา! ไอ้เด็กหน้าโง่นี่มันเป็นเลเวล 0 ของแท้เลยจริงๆด้วยเจ้าค่ะ! แค่นั้นไม่พอสเตตัสยังเป็น 0 หมดทุกช่องเลยอีกต่างหาก! จะท้าประลองกับสิ่งมีชีวิตที่แสนน่าเวทนาจับจิตแบบนี้จริงๆเหรอเจ้าค้าา!? ”
ดูเหมือนว่าเธอคนนี้จะเป็น <<แม่ค้า>> ที่ติดต่อทำธุรกิจร่วมกับตระกูลริชมอนด์อะไรทำนองนั้นละมั้ง
ฟังจากวาจาคำพูดนั่นแล้ว ที่เค้าใช้ใส่ผมมันก็คงจะเป็น <<ประเมินค่าระดับต่ำ>> ที่ไม่อาจมองเห็นไปถึงสกิลได้ละมั้งนะ ฉะนั้นพอเห็นสเตตัสที่เป็น 0 หมดทุกช่องของผมแล้วก็เลยหัวเราะท้องแข็งยกใหญ่
“ พรึ่ด อะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะ! ”
และคุณแคทลียาที่ได้ยินคำรายงานนั่นเข้าไปก็ถึงกับขำกลิ้งจนตัวสั่น แล้วจากนั้นเหล่าสมาชิกปาร์ตี้ที่นำโดยคุณพาฟลอฟก็เริ่มต้นลั่นเสียงหัวเราะเยาะเย้ยออกมาตามๆกัน
“ แหม่แหม่ อุ๊ยว้ายตายจริง! <<ไร้อาชีพ>> มันมีเลเวลกับสเตตัสเป็น 0 หมดทุกสิ่งอย่างจริงๆด้วยสินะเนี่ย! ขุ่ก อะฮะฮะฮะฮะ! ”
“ แล้วนังหนูที่แพ้ให้กับไอ้ตัวกระจอกพรรค์นี้เนี่ยนะ เหิมเกริมบังอาจมาพูดจาสามหาวดูหมิ่นท่านแคทลียาเสียได้ สุดจะเชื่อจริงๆ ”
ดูเหมือนว่าพวกเค้าจะไม่ได้กะล้วงข้อมูลสกิลของผม แค่พาตัว <<แม่ค้า>> มาเพียงเพราะว่าอยากจะล้อเลียนดูถูกผมเฉยๆก็เท่านั้น
เพราะถ้าไม่ใช่แบบนั้นละก็ เจ้าหน้าที่ของกิลด์ก็คงจะมาติเตือนเรื่องที่ใช้ประเมินค่าก่อนประลองแล้วล่ะ
“ ………ขึก ”
ถ้าแค่ <<ไร้อาชีพ>> อย่างผมถูกล้อเลียนละก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก แต่พอได้ยินเสียงหัวร่อที่เหมือนจะลามดูหมิ่นไปถึงพวกจิเซลด้วยแบบนั้นแล้ว ใจมันก็ขุ่นมัวอยากจะโต้เถียงกลับออกไป แต่ผมที่ถูกจิเซลเข้ามาจับแขนปรามเอาไว้ ก็ได้แต่ต้องฝืนอดทนสงบอารมณ์ท่าเดียว
ถ้าอีกฝั่งประมาทก็ถือว่าเข้าทาง
““ ………….. ””
ผมกับจิเซลพยักหน้าให้กัน ก่อนจะถอยกลับมาโดยที่ยังเงียบกริบอยู่อย่างนั้น
แม้จะถูกเสียงหัวเราะเยาะเย้ยของคุณแคทลียาดังก้องไล่หลังมา แต่ผมก็ทำการเปิดสเตตัสเพลทให้จิเซลเห็นเพียงคนเดียว เพื่อแบ่งปันข้อมูลผลลัพธ์ที่ได้มาจากการฝึกให้จิเซลรับทราบ
ชื่อประจำตัว : ครอส อาราเกาท์ เผ่าพันธุ์ : ฮิวแมน อายุ : 14
คลาส : ไร้อาชีพ
เลเวล : 0
กำลัง : 0 ป้องกัน : 0 ป้องกันเวท : 0 ความว่องไว : 0
(พลังเวทโจมตี : 0 พลังเวทพิเศษ : 0 พลังเวทแปรรูป : 0 ความฉลาด : 0)
ประวัติการเติบโตของสกิลในระยะนี้
<<เสริมป้องกัน Lv9 (+77)>> ——-> <<เสริมป้องกัน Lv10 (+86)>>
<<เสริมความว่องไว Lv9 (+76)>> ——-> <<เสริมความว่องไว II Lv2 (+100)>>
<<เสริมพลังเวทโจมตี Lv7 (+56)>> ——-> <<เสริมพลังเวทโจมตี II Lv1 (+92)>>
<<เสริมป้องกันเวท Lv1 (+7)>> ——-> <<เสริมป้องกันเวท Lv2 (+15)>>
<<บัฟสมรรถภาพร่างกาย (เล็ก) Lv8>> ——-> <<บัฟสมรรถภาพร่างกาย (กลาง) Lv1>>
<<หลบหลีกฉุกเฉิน Lv9>> ——-> <<หลบหลีกฉุกเฉิน II Lv1>>
<<เคลือบแข็งร่างกาย (เล็ก) Lv7>> ——-> <<เคลือบแข็งร่างกาย (เล็ก) Lv8>>
<<ควบคุมพลังเวทนอกร่าง Lv4>> ——-> <<ควบคุมพลังเวทนอกร่าง Lv6>>
<<ตรวจจับพลังเวทนอกร่าง Lv4>> ——-> <<ตรวจจับพลังเวทนอกร่าง Lv6>>
เป็นจริงอย่างที่สาวน้อย <<แม่ค้า>> แอบส่องดูนั่นแหละ ทั้งเลเวลทั้งสเตตัสยังคงเป็น 0 อยู่ดังเดิม
แต่ช่องสกิลที่ถูกแสดงต่อมานั่น กลับมีการเติบโตอย่างยิ่งใหญ่เนื่องด้วยกำลังของพวกคุณลูด์มิร่า
ที่เด่นชัดยิ่งกว่าพวก ก็คือสกิลที่มีเครื่องหมายกำกับติดไว้ว่า [กลาง] หรือ II นี่แหละ
นี่แหละคือหลักฐานซึ่งบ่งชี้ว่าสกิลระดับต่ำที่ก้าวเกิน Lv10 มันได้พัฒนา กลายมาเป็นสกิลระดับกลางที่สูงส่งมากยิ่งกว่า
เป็นตัวบ่งบอกถึงอานุภาพและความแม่นยำที่พุ่งพรวดขึ้นอย่างมหาศาล ในระดับที่การ Lv อัพแบบปกติไม่อาจทัดเทียมได้เลยนั่นเอง
และภายในหมู่สกิลระดับกลางที่ปรากฎขึ้นมานั่น ก็มีเวทลมแสนทรงอานุภาพแบบใหม่ที่ได้รับมาจากคุณลูด์มิร่ารวมอยู่ด้วย เปิดดูแบบนี้แล้วก็ทำให้สัมผัสรับรู้ได้ถึงสิ่งที่ตัวเองสั่งสมขึ้นมาอีกครั้ง
“ ยังโตเร็วหยั่งกะสัตว์ประหลาดเหมือนเคยเลยนี่หว่า…….ทั้งที่ไม่มีสกิลโบนัสในตอนที่เลเวลอัพแท้ๆ แต่ได้สกิลระดับกลางมากมายก่ายกองขนาดนี้มาในระยะเวลาสั้นๆได้ยังไงกันวะเนี่ย…….. ”
จิเซลมองสเตตัสเพลทของผม ก่อนจะเอ่ยออกมาราวกับหวาดผวา
แต่เค้าก็กระชับใบหน้าใหม่ได้ในทันที ก่อนจะมอบคำสั่งออกมาอย่างเงียบเชียบ
“ ………..ดีล่ะ ต้องชนะมันให้ได้เลยนะ ”
“ อือ ”
ทำสิ่งที่ทำได้ทุกอย่างร่วมกับพวกอาจารย์ไปแล้ว
แต่ถ้าไม่ลองดูจริงๆ ก็ไม่อาจรู้ได้หรอกว่าจะสามารถโค่นล้มเอาชนะกลุ่มผู้มากฝีมือที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าโดยสมบูรณ์ได้หรือไม่
(ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่า ตัวผมจะสามารถสำแดงสิ่งที่ได้เรียนรู้จากคำสอนของพวกอาจารย์ออกมาได้เต็มที่รึเปล่า)
พวกผมก้าวไปประจำที่เตรียมพร้อมรอสัญญาณเริ่มต้นภายในป่า พลางถูกปกคลุมไปด้วยความตึงเครียดที่แตกต่างจากตอนที่เข้าท้าชนกับริสก์ 4
ตรงข้ามกับพวกครอสที่เข้ามาประจำที่รอสัญญาณเริ่มต้นอย่างตึงเครียด ฝั่งพวกแคทลียานั้นถลำก้าวเข้ามาในป่าอย่างตัวลอยราวกับว่าจะมาปิคนิคกันเลยก็ไม่ปาน
แม้เจ้าหน้าที่กิลด์จะเดินนำหน้าไปก่อนก็ไม่แม้แต่จะใส่ใจ แถมภายหลังจากที่มาถึงจุดประจำที่แล้ว ก็ยังคงรักษาบรรยากาศแบบชิลๆผ่อนคลายสบายใจเฉิบแบบนั้นอยู่ได้ดังเดิม
ถึงจะทำการกระจายตัวสร้างแนวรบได้อย่างงดงามดังที่ได้ฝึกฝนอยู่เสมอ แต่สมาชิกปาร์ตี้แต่ละคนกลับกำลังเฮฮาเม้าท์มอยหอยสังข์ราวกับว่าอยู่ในช่วงพักผ่อนเลยยังไงยังงั้น
“ เฮ้อ———— ”
เสียงถอนหายใจของดาเรียสพลันดังก้องปะปนเข้ามาในบรรยากาศอันครื้นเครง
ตามเดิมแล้ว ต่อให้เป็นศึกที่มองเห็นผลลัพธ์ชัดเจนมากมายเพียงใด แต่ก็สมควรจะต้องตั้งมั่นเพ่งเน้นสมาธิทุ่มสุดกำลังเพื่อคว้าให้ได้มาซึ่งชัยชนะ และดาเรียสก็เที่ยวพร่ำบอกเช่นนั้นกับพวกพ้องโดยรอบอยู่เสมอๆเลยก็จริงหรอก…….ทว่าก็มีคราวนี้แหละที่ไม่อาจจะพูดตำหนิติติงมากได้
เพราะว่าแคทลียาผู้เป็นนายของเขานั้นคือคนที่ผ่อนคลายสบายใจเฉิบที่สุดเลยยังไงล่ะ
ถึงกับขนาดยกเอาชุดน้ำชา—ที่เหมือนว่าจะให้ <<พรีสระดับกลาง>> ถือเตรียมมาให้—ขึ้นมาดื่มอย่างเอร็ดอร่อยเลยเชียวนั่น
อย่าพูดว่าราวกับมาปิคนิคเลย เรียกว่ามาปิคนิคกันโดยสมบูรณ์เลยดีกว่า
ดาเรียสยกมือขึ้นมาโอบหน้าผากก่อนจะอ้าปากกล่าวขึ้น
“ ท่านแคทลียา กระผมอาจจะพูดซ้ำหลายรอบแล้วก็จริง แต่อย่าได้ประมาทเป็นอันขาดเลยเชียวนะครับ ”
ดาเรียสคุกเข่าลงเคียงข้างเจ้านายผู้หุ้มกายเอาไว้ด้วยเครื่องสวมใส่อันส่องประกายแวววาว ก่อนจะชี้แจงด้วยสีหน้าเข้มงวด
“ แม้จะไม่ทราบว่าทำได้อย่างไร แต่เรื่องที่เจ้า <<ไร้อาชีพ>> คนนั้นมันสามารถโค่นล้มจิเซล สตริงก์ลงได้ก็ถือเป็นความจริงอย่างมิอาจปฎิเสธได้เลย ถึงแม้ว่าเลเวลกับสเตตัสจะเป็น 0 แต่ก็สมควรต้องคาดการณ์ว่ามันอาจมีสกิลแบบพิเศษบางอย่างอยู่ติดตัวนะครับ ไม่แน่แล้วโอกาสที่เราจะพลาดท่าเสียทีให้กับมันอาจไม่ถือว่าเป็น 0 เสียทีเดียวก็ได้ ”
“ ดาเรียส เธอคิดว่าดิฉันคนนี้โง่มากเหรอ? เรื่องแค่นั้นดิฉันย่อมต้องรู้แหงอยู่แล้วสิ ที่เอาแต่ล้อเลียนเจ้า <<ไร้อาชีพ>> อย่างสนุกปากมาตลอดจนถึงตอนนี้นี่ไม่ได้เป็นเพราะประมาทซะหน่อย เป็นเพราะได้รังแกมันแล้วรู้สึกสนู๊กสนุกต่างหากล่ะ ”
แคทลียายกชาขึ้นมาจิบไปพลาง พ่นลมหายใจออกทางจมูกดัง “ฮืมฮื้ม” ไปด้วย
“ แต่ถ้าเผื่อว่านะ ถ้าเผื่อว่าเจ้า <<ไร้อาชีพ>> นั่นมันครอบครองวิธีการในแบบที่หากได้สถานการณ์เข้าข้างแล้วจะสามารถโค่นเอาชนะตัวจิเซล สตริงก์ในสมัยที่ยังเป็นอาชีพระดับต่ำลงได้อยู่จริง แต่มีความต่างชั้นด้านกำลังรบมากมายขนาดนี้ แถมยังอยู่ใต้กฎศึกล้างบางแบบนี้เนี่ย มันมีทางที่พวกดิฉันจะพ่ายแพ้ได้จริงๆน่ะเหรอ? เธอล่ะคิดเหมือนกันไหมพาฟลอฟ ”
“ ถูกต้องแล้วครับท่านแคทลียา การจะพลิกความต่างชั้นด้านกำลังรบนี้ ต่อให้ฟ้าจะถล่มแผ่นดินจะทลายอย่างไรก็ไม่มีทางจะเป็นไปได้หรอกครับ ”
“ ………. ”
ตรงจุดนี้แม้แต่ดาเรียสเองก็ไม่อาจแย้งอะไรได้
สมาชิกทุกคนของทางนี้ (รวมไปถึงตัวซัพพอร์ตอย่างเรนเจอร์และพรีสด้วย) ต่างก็เป็นอาชีพระดับกลางที่มีเลเวลเกิน 20 ทั้งหมด หนำซ้ำยังเป็นทัพแบบเน้นเสริมอานุภาพทำลายล้างที่ผสานไปด้วยอาชีพเวทมนตร์ระดับกลาง 3 คน ที่มีแคทลียาซึ่งเป็นผู้ควบคุมเวททิ้งระเบิดอันเป็นธาตุที่มีอำนาจการโจมตีมหาศาลอยู่เป็นศูนย์กลางอีก
แต่ทางฝั่งศัตรูนั้นเป็นอาชีพระดับต่ำที่เพิ่งจะได้รับ <<คลาส>> มาหมาดๆเมื่อ 2 เดือนก่อนหน้ากันเกือบทั้งหมด แถมหนึ่งในนั้นยังเป็น <<ไร้อาชีพ>> ที่มีชื่อเสียโด่งดังว่าโคตรกากโคตรกระจอกที่สุดในใต้หล้าเลยอีกต่างหาก
ที่ต้องระวังนั้นมีเพียงจิเซล สตริงก์ที่เพิ่งจะขึ้นมาเป็นอาชีพระดับกลางได้หมาดๆเพียงคนเดียวในทีม กับยูนีคสกิลที่เธอคนนั้นมีอยู่ในครอบครองเท่านั้นหรอก…….ทว่า ต่อให้เป็นสกิลที่ทรงพลังมากขนาดไหน แต่ก็ไม่มีทางที่มันจะพลิกความต่างชั้นด้านกำลังรบระดับนี้ได้แน่
ถึงอย่างนั้นในฐานะที่เป็นอัศวิน ดาเรียสก็ยังคงคิดว่าไม่ควรจะประมาทอยู่ดี แต่นั่นก็เป็นเพราะความเคารพที่มีต่ออีกฝั่งกับสัญชาติญาณของอัศวินที่กู่ก้องบอกให้เตรียมตัวรับสถานการณ์ฉุกเฉินทุกเมื่อซะมาก ไม่มีหลักเหตุผลใดที่มั่นคงพอจะใช้โน้มน้าวใจผู้เป็นนายได้เลย
เป็นในระหว่างที่ดาเรียสเฝ้ามองเหล่าเจ้านายที่แสนหลั่นล้าสบายใจกันสุดขีด พลางถอนหายใจออกมาไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วนั่นเอง
——–ทั้งสองฝั่งเข้าประจำที่กันแล้วหรือยังคะ
เสียงที่ถูกยกระดับความดังขึ้นโดย <<จอมขมังเวทด้านเสียง>> พลันทำการกล่าวยืนยันกฎของการประลองเป็นครั้งสุดท้าย
แล้วพอทำการอธิบายจุดที่ต้องระวังและข้อห้ามต่างๆครบถ้วนเรียบร้อย
——–ถ้าอย่างนั้นแล้วก็ขอให้ทั้งสองฝั่ง ทำการต่อสู้ที่จะไม่น่าละอายต่อแดนศักด์สิทธิ์แห่งนักผจญภัย……เริ่มต้นการประลอง!
ม่านของการต่อสู้ก็ถูกเปิดฉากขึ้นโดยพลัน
“ เอาล่ะ ถ้าอย่างงั้นก็ไปกันเถอะ ”
แต่แม้ว่าจะมาถึงขั้นนี้แล้ว พวกแคทลียาก็ยังไม่มีวี่แววตึงเครียดประหม่าเลยแม้แต่น้อยนิด
เนื่องจาก <<เรนเจอร์ระดับกลาง>> สามารถตรวจจับศัตรูเป็นระยะกว้างขวางได้ จึงไม่จำเป็นต้องหวาดระแวงการถูกลอบโจมตีเลยด้วยซ้ำ
แล้วพอพวกแคทลียาเดินลึกเข้าไปในป่าอย่างสง่าผ่าเผยได้ซักพัก
“ ท่านแคทลียา ตรวจพบตัวแล้วครับ ทางฝั่งทิศใต้ ระยะห่าง 300…..เป็นไอ้พวกเด็กกำพร้าไม่ผิดแน่ครับ ”
เริ่มต้นการประลองได้ยังไม่ทันไร <<เรนเจอร์ระดับกลาง>> ก็ตรวจพบคู่ประลองที่จับกลุ่มรวมตัวกันอยู่เป็นก้อนเข้าให้
ได้ยินคำรายงานนั่นแล้วแคทลียาก็ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะ
“ พรึ่ด อะฮะฮะฮะฮะฮะฮะฮะ! ไอ้ดิฉันรึก็นึกว่ามันจะระแวงเวทมนตร์แล้วกระจายตัวแยกไปคนละทาง ที่ไหนได้โง่บรมกันจนไม่มีปัญญาจะคิดถึงเรื่องนั้นเลยด้วยซ้ำเหรอเนี่ย หรือไม่ก็คิดไม่ถึงว่า <<เรนเจอร์ระดับกลาง>> จะสามารถตรวจจับได้กว้างมากขนาดนั้นเหรอ? ”
ไม่แน่อาจเห็นว่าต่อให้กระจายตัวไปคนละทางก็ไม่มีโอกาสชนะ เลยทุ่มสุดกำลังพุ่งทะยานดิ่งเข้ามาหวังไปตายเอาดาบหน้ารึเปล่า
จะอย่างไรก็ตามแต่ การตัดสินใจเช่นนั้นพูดได้เลยว่าล้มเหลวเข้าอย่างจัง
“ จะล้างบางให้สิ้นในเปรี้ยงเดียวเลย ——แสงเจิดจรัสที่นำพาการล่มสลายในชั่วอึดใจ ละอองทรายร้อนรุ่มที่กู่ก้องสั่นไหว จงเชื่อฟังตามคำบัญชาแห่งเราแล้วสั่นคลอนโลกนี้ทั้งใบ ประกายเกียรติยศสีดำ แสงอรุณแห่งอำนาจบีบคั้น เศษซากที่ปลิวว่อนคือเครื่องยืนยันการทำลายล้างอันเลือนลั่น เพลิงอัคคีที่สูญสลายจะกลืนกินมานพทุกผู้ให้มอดมลาย—— ”
ที่ถูกขับขานออกมาก็คือลำนำแห่งการทำลายล้าง
ท่วงทำนองของสกิลทิ้งระเบิดที่ถูกเน้นหนักไปยังอานุภาพมากยิ่งกว่าระยะโจมตีเป็นวงกว้าง
“ ——เวททิ้งระเบิดระดับกลาง <<อิโอลกัน เอ็กซ์โพลด>> ! ”
สิ่งที่ถูกก่อสร้างรังสรรค์ออกมาจากปลายคทาที่มีเอฟเฟคช่วยเสริมอานุภาพเวทมนตร์อย่างยิ่งใหญ่ในพริบตานั้น ก็คือบอลแสงขนาดยักษ์ที่มีกลุ่มก้อนมวลพลังงานแห่งการทำลายล้างอัดแน่นอยู่เต็มเปี่ยม
สิ่งนั้นแล่นทะยานข้ามป่าไปตามความปราถนาของแคทลียา มุ่งเป็นแนวตรงดิ่งเข้าไปหาเหล่าเด็กกำพร้า
“ มีปัญญาแค่นี้กันเองเหรอเนี่ย เท่านี้ก็เป็นอันจบสิ้นแล้วสินะ ”
พอจินตนาการถึงภาพเหล่าเด็กกำพร้าที่ถูกเป่าจนปลิวว่อนอย่างน่าสมเพชแล้ว แคทลียาก็พลันยกมุมปากขึ้นมาแสยะ
เป็นในฉับพลันนั้นแหละ
“ ………เอ๊ะ? ”
ที่ปรากฎการณ์อันไม่น่าเป็นไปได้ที่พลันบังเกิดขึ้นอย่างกะทันหันนั่น บีบเค้นให้แคทลียาต้องเร่งเสียงร้องออกมาอย่างเผลอตัว
“ นี่มันอะไรน่ะ……? สัมผัสของเวทมนตร์มัน หายไป……? ”
ไม่สิ แบบนี้มันราวกับว่าถูกแย่งชิงสิทธิควบคุมเวทมนตร์ไปเลยต่างหาก……
แต่แคทลียาก็ไม่อาจจะใช้สมองประมวลผลครุ่นคิดไปไกลกว่านั้นได้
ฟู่มมมมมมมมมมมม!
เพราะเหนือหัวของเธอ มีบอลแสงที่น่าจะถูกส่งตรงไปยังเหล่าเด็กกำพร้าเมื่อซักครู่นี้ กำลังพุ่งกลับมาด้วยความเร็วมหาศาลเลยนั่นเอง
ใช่แล้ว กลุ่มก้อนแห่งการทำลายล้างที่หากโดนเข้าจังๆก็สามารถสร้างความเสียหายมหาศาลให้ได้แม้กระทั่งอาชีพระดับสูงเลยนั่น
“ หา………………………………….? ”
แคทลียาแหงนหน้ามองขึ้นไปเหนือหัวอย่างมึนงง เอ่ยเสียงที่ฟังดูเซ่อซ่างี่เง่าออกมา และพริบตาให้หลังนั่นเอง
ตู้มมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมมม!!
เวททิ้งระเบิดที่แคทลียาภูมิอกภูมิใจนักหนามันก็พลันสำแดงอิทฤทธิ์ออกมาอย่างยิ่งใหญ่ ย้อมทัศนวิสัยของพวกเธอให้กลายเป็นสีขาวโพลนในทันใด
MANGA DISCUSSION