เหล่าผู้หญิงที่ทำให้ผมช้ำชอกใจต่างก็จับจ้องมาที่ผม แต่ผมเกรงว่ามันน่าจะสายไปแล้วล่ะ - ตอนที่ 72
Vol.6 : ภาคเรียนที่สองเอาจริงแล้ว
เทศการกีฬาของ ผู้จริงจัง VS ผู้ที่ชื่นชอบ 1
“ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้……” (ซายูริ)
ถัดจากหน้าต่างซึ่งดูจะมีแสงแดดจ้ามากเกินไป อาจารย์ซายูริกลับดูมืดมนเหนื่อยอ่อนร่าวกับอยู่ในตอนค่ำทั้งที่ยังอยู่ในตอนเช้า
“โหววว! อาจารย์ นี่คุณดูจะสวยกว่าก่อนก่อนที่จะหยุดฤดูร้อนซะอีกนะครับ” (ยูกิ)
“นายน่ะเป็นเพียงคนเดียวที่ได้พูดชมฉันหลังจากนานมาแล้วเลยนะ งั้นฉันขอพาเธอไปแนะนำให้รู้จักกับพ่อแม่ของฉันจะได้ไหม?” (ซายูริ)
“คุณทำไม่ได้นะ!”
“มะ-มันแน่อยู่แล้วว่าคุณทำแบบนั้นไม่ได้!”
แล้วทั้ง ฮินากิและชิโอริ ก็ปฏิเสธออกมาแทนโดยไม่คำนึงถึงความต้องการของผมเลยด้วยซ้ำ
ถึงแม้ว่าจะเปิดเทอมใหม่แล้ว แต่ดูจิตใจของอาจารย์น่าจะยังติดอยู่ในช่วงเวลาของปิดเทอมฤดูร้อนที่ผ่านมาอยู่นะ
มันก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ เพราะว่ามันก็เหมือนกันกับผมเลย มันยากที่จะต้องตื่นขึ้นในตอนเช้าใช่ไหมล่ะ? ผมนั้นกำลังคิดไปถึงวันหยุดฤดูหนาวแล้วด้วย ที่ผมนั้นได้พยายามทำดีกับอาจารย์ก็เพื่อให้เธอนั้นได้สบายใจขึ้นบ้างแม้จะเพียงเล็กน้อยก็เถอะ
“ในวัยแบบฉันนี้น่ะ ไอ้การพูดตรงไปตรงมาแบบนี้มันดูจะได้ผลดีกว่าที่นายคิดนะจะบอกให้ ฉันอยากจะขอบอกอะไรนายสักหน่อยนะว่า พวกเธอน่ะสามารถที่จะได้รับการยกย่องจากทั้งความสามารถในการเรียน และความสามารถในด้านกีฬา โดยเฉพาะในขณะที่พวกเธอยังเป็นนักเรียนอยู่เข้าใจไหม? แต่พอเมื่อพวกเธอได้เข้าสู่ในวัยทำงาน พวกเธอก็จะได้รับมอบหมายงานให้ทำซึ่งมันก็เป็นของตัวเองอยู่แล้ว มันจะไม่มีใครที่จะมายกย่องนายในเรื่องนั้นหรอกนะ แล้วพวกเธอเองก็จะเข้าใจได้เองหลังจากที่เธอนั้นโตขึ้นน่ะ” (ซายูริ)
ก็เหมือนกับตั้งแต่ครั้งแรก อาจารย์ ซายูริ ก็พูดออกมาได้อย่างคล่องแคล่วในเรื่องเกี่ยวกับหนักหนาของโลกในการทำงาน และจากตอนนี้ที่การกำหนดอายุของการเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่นั้นก็ได้เปลี่ยนขึ้นมาเป็น 18ปีแล้ว พวกเราที่กำลังจะเป็นผู้ใหญ่รุ่นใหม่ในอีกสองปีนั้นจึงสมควรที่จะฟังคำพูดของเธอมากกว่าครูใหญ่ที่ไร้ประโยชน์ และก็เหมือนดูจะไร้ประโยชน์จากที่อยู่นี่มานานแล้วซะด้วยแฮะ
เธอช่างเป็นครูที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! ผมนั้นอดไม่ได้ที่จะต้องพูดมันออกมาด้วยอารมณ์บางอย่างที่เอ่อขึ้นมาในใจของผม
“แต่อาจารย์เองยังดูเด็กและก็สวยด้วยนะ รู้ไหมครับ?” (ยูกิ)
“ฉันล่ะซาบซึ้งจริงๆ เอาจริงๆเลยนะ ฉันน่าจะต้องเอานายไปแนะนำให้รู้จักกับพ่อแม่ของฉันซะทีดีไหมนี่?” (ซายูริ)
“ก็บอกแล้วนี่คะ ว่าไม่ ไม่เด็ดขาด!”
“แล้วทำไมนายถึงเหมือนดูจะกลายเป็นโชตะไปชั่วครู่เลยเนี่ย?!”
–อุฟ?!
บางทีมันอาจจะเป็นเพราะว่าผมนั้นใช้ชีวิตอย่างที่ไม่สมกับนักเรียนมัธยมปลายในช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนที่ผ่านมา อายุจิตใจของผมดูจะถดถอยลงไปอย่างสมบูรณ์แบบ คงมีเวลาแบบที่ว่าผมนั้นจะต้องเดินละเมอ โดยที่น่าจะต้องแปรงฟันหรือทำอะไรสักอย่างไปด้วยแน่ แล้วผมก็คือ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ และอายุ 16 ปีนะเออ
ผมนั้นได้พยายามปรับการใช้ชีวิตประจำวันและเวลาให้ที่เหมาะสมที่สุด โดยที่ผมนั้นก็จะโยนคำพูดที่คนฟังควรจะถูกใจให้ ราวกับเป็นดั่ง AI อัตโนมัติให้กับผู้ที่พยายามช่วยดูแลผมออกไปอย่างไร้เดียงสาในแทบทุกครั้งที่มีโอกาส
แล้วผมที่ได้ล้วงกระเป๋าตัวเองลงไปและก็พบว่ามีเครื่องปุ่มกดส่งสัญญาณสำหรับขอความช่วยเหลือที่พี่สาวของผมนั้นให้มาอยู่ด้วย ผมนั้นได้ยอมรับมันมาโดยที่ไม่รู้สึกไม่สบายใจอะไร และผมนั้นยังเคยถูกบอกปิดปากสงบคำเอาไว้อย่าอ้าปากให้เห็นฟัน แต่ผมนั้นยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายอยู่เลย และผมเองก็ออกจะมีฟันสวย ถึงจะดูเบี้ยวไปนิดหน่อยก็เถอะนะ…….
แต่ว่าหากใครที่มีปุ่มนี้อยู่กับตัว เป็นใครก็ต้องอยากที่จะลองกดมันนะ ผมนั้นก็กำลังพยายามต่อต้านแรงกระตุ้นที่จะให้ทำแบบนั้น แล้วอยู่ๆ ผมก็ได้ตระหนักว่าผมคงจะต้องทำอะไรสักอย่างเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วล่ะ
“พอลองคิดๆดูแล้ว เมื่อวานผมก็ถูกทำเหมือนกับเป็นหมอนข้างนี่….… !” (ยูกิ)
“เอาล่ะ นอกจากเด็กตัวปัญหาที่ทำให้ตกตะลึงนี่ โอเค ดีแล้วพวกเธอที่มาอยู่ที่นี่ได้โดยไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เพราะภาคเรียนที่ 2 นี้จะเต็มไปด้วยกิจกรรมต่างๆ เช่น เทศกาลกีฬาและเทศกาลวัฒนธรรม พวกเธอมีเวลาเพียงสั้นๆ ในการใช้ชีวิตเป็นนักเรียนมัธยมปลายแบบนี้ ดังนั้นจงทำให้มั่นใจว่าพวกเธอจะต้องสนุกสนานและได้ชื่นมื่นไปกับความเยาววัยของพวกเธอ และก็แน่นอน อย่าได้ลืมเกี่ยวกับการสอบด้วยล่ะ” (ซายูริ)
อาจารย์ซายูริ ก็ได้พูดในสิ่งที่เธอนั้นต้องการจะพูดไปแล้วและก็ได้หันหลังเพื่อเตรียมที่จะออกไปจากห้องเรียน แต่ว่าเธอนั้นก็ยังหยุดอยู่กับที่อยู่
“นี่ขอคำชมอีกสักคำจะได้ไหม?” (ซายูริ)
“ผมอยากที่จะโตเป็นผู้ใหญ่ที่เท่ห์และน่ารักแบบคุณเลยล่ะ!” (ยูกิ)
“เข้าใจละ เข้าใจละ นายนี่น่ะเป็นผู้ชายที่รับมือยากมากเลยนะรู้ไหม?” (ซายูริ)
คย้า คย้า!!
“ทั้งสองคนดูจะสนิทกันมากเลยนะ” (นักเรียน)
“อาจารย์ๆ คุณน่าจะต้องลำบากอยู่แน่เล ใช่ไม๊?” (นักเรียน)
แล้วพวกเพื่อนร่วมชั้นต่างก็มองผมมาด้วยสายตาอันอบอุ่น
———————————————————————————–
“รอน หมดหน้าตัก 8,000” (ยูกิ)
“นี่มันโป๊กเกอร์นะเฮ้ย” (โคยูกิ)
“…………” (ยูกิ)
“…………” (โคยูกิ)
“ฟูลเฮ้าส์!”(ไพ่สี่ใบเบอร์เดียวกัน) (ยูกิ)
“อย่ามาเล่นเอาชนะกันง่ายๆแบบนี้เซ่” (ทาคาฮาชิ)
มันเป็นช่วงพักเบรคที่เป็นเวลาว่าง ในขณะที่กำลังเก็บไพ่ เจ้าหนุ่มรูปหล่อก็ได้ลุกขึ้นประกาศออกมาในทันที
“พวกเรามาชนะการแข่งขันกีฬากันให้ได้เถอะ!” (โคยูกิ)
“ฉันคิดว่าห้องเราก็น่าจะสามารถทำได้ค่อนข้างดีแล้วนี่เนอะ?” (ทาคาฮาชิ)
“มันต้องจะสนุกแน่ แต่ว่าฉันเองก็ไม่ค่อยมั่นใจในการวิ่งแข่งนะ ……” (อิโตะ)
ทั้งทาคาฮาชิและอิโตะที่เล่นโป๊กเกอร์ด้วยกันก็ดูจะเห็นด้วยกับเขา
“เรามีทั้งโคยูกิและชิโอรินี่ ฉันคิดว่าเรามีโอกาสชนะอยู่เยอะเลยใช่ไหมล่ะ?” (ทาคาฮาชิ)
“ก็ห้องนี้มีคนที่เป็นนักกีฬาเยอะมากเลยนะ นายรู้เปล่า” (อิโตะ)
แล้วเอลิซาเบธและคนอื่นๆ ก็ได้เข้าร่วมพูดคุยกัน คงไม่ต้องสงสัยเลยล่ะว่าห้องนี้จะต้องเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน และหนุ่มหล่อหน้าใสกับชิโอริก็ดูจะทำได้เหนือกว่าเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นๆ มันก็แน่นอนล่ะนะ แต่ว่านั่นมันก็ไม่ใช่แค่สิ่งเดียวที่จะมาตัดสินว่าใครนั้นจะเป็นผู้ชนะในเทศกาลกีฬา
“มีอะไรเหรอยูกิโตะ? ดูนายจะไม่มีคอยยินดีเลยนะ” (คานะ)
“ก็ฉันไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ในชีวิตของฉันนั้น ดูฉันจะชินชากับเรื่องแบบนี้ไปแล้ว “ไม่ว่าจะที่ไหน” น่ะ (ยูกิ)
“นี่นายกำลังพูดเรื่องอะไรอยู่น่ะ?!” (คานะ)
“ก็ที่บอกว่าเราจะชนะแน่นอน แต่ฉันก็ยังไม่เห็นว่ามันเป็นไปได้ยังไงน่ะ” (ยูกิ)
“ทำไมนายถึงพูดแบบนั้นล่ะ โคโคโนเอะจัง” (มิเนตะ)
มิเนตะ นั้นดูจะไม่พอใจ แต่ผมก็คิดว่าทั้งหมดที่ผมนั้นพอจะพูดออกไปได้ก็คือ ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับโชคนั่นล่ะ
“ก็เราเป็นนักเรียนนี่และตราบใดที่พวกเราทุกคนได้มีช่วงเวลาที่ดีด้วยกัน มันก็ไม่สำคัญหรอกว่าใครแพ้หรือชนะ แล้วมันจะจริงเหรอ ไม่คิดรึว่าเราอาจชนะได้ถ้าหากว่าเราโชคดีพอน่ะ” (ยูกิ)
“นั่นมันก็จริงแน่ล่ะนะ …… แต่ถึงอย่างนั้นถ้าหากว่าพวกเราทุกคนไม่ไปลองอยู่ที่นั่น ใครจะรู้ล่ะ?” (มิเนตะ)
“ก็ถ้าหากว่าเธอไม่รู้ว่าผลที่ออกมาจะเป็นยังไง เธอก็ไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างแน่นอนว่าเธอจะชนะหรอกนะ” (ยูกิ)
“นั่นดูจะเป็นตรรกะมากไปหน่อยนา ก็ไอ้พวกนี้น่ะเป็นมันก็ขึ้นอยู่กับความกระตือรือร้นด้วยนะ” (มิเนตะ)
สีหน้าของโคยูกิเริ่มจริงจัง เมื่อเขามองไป ส่วนทาคาฮาชินั้นดูจะมีปัญหาซะแทน
“ไม่หรอก ฉันอยากจะชนะให้ได้อย่างแน่นอน” (โคยูกิ)
“มันเป็นไปไม่ได้” (ยูกิ)
เหล่าผู้คนรอบๆ ตัวผมถึงกับอ้าปากค้างให้กับความรั้นที่ดูจะผิดปกติของโคยูกิ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะเลือดร้อนเสียจนอดไม่ได้ที่จะแผ่รังสีเผาไหม้ขึ้นมาในบรรยากาศแบบนี้ แล้วความตึงเครียดนั้นก็เกิดขึ้นอย่างชัดเจน
“—- แล้วถ้าอย่างนั้นทำยังไงพวกเราถึงจะมั่นใจได้ว่า จะชนะการแข่งขันครั้งนี้กันล่ะ ยูกิ?” (ชิโอริ)
แล้วนั่นก็คือ ชิโอริ คามิชิโระ ที่ส่งเสียงขึ้นมาขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงที่ดูมั่นใจ
—————————————————————————————
“นายรู้ไหม ฉันน่ะได้ตัดสินใจแล้ว” (ชิโอริ)
ผมคงจะไม่ถามแล้วล่ะว่ามันคืออะไร นั่นก็เป็นเพราะผมน่ะแน่ใจเลยว่าเธอคงจะไม่สามารถให้คำตอบกับผมได้ถ้าผมได้ถามเธอไป ซึ่งผมก็คิดว่าผมได้ทำการผลักไสเธอออกไปแล้ว และผมก็คิดว่าผมนั้นได้ปล่อยมือจากเธอไปแล้วด้วย แต่ว่านั่น เธอนั้นยังเต็มไปด้วยอารมณ์ที่ดูเหมือนกับเป็นปกติ ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ผมนั้นสามารถบอกได้จากการแสดงออกของเธอเลยว่า นี่มันเหมือนกันกับของฮินากิ หรืออาจจะเหมือนกับของพี่สาวของผมเลยด้วยซ้ำ ดวงตาของเธอเด็ดเดี่ยวและแน่วแน่โดยไม่ความลังเลเลย และผมเองก็ไม่สามารถทำอะไรกับคนที่มีดวงตาแบบนั้นได้เลยซักกะนิด
หลังเลิกเรียน ชิโอริก็ได้ชวนผมเดินกลับบ้านด้วยกันและก็คุยกันกับเธอ และคำพูดที่เธอพูดออกมานั้นชัดเจนนั้นทรงพลังมาก ไม่มีร่องรอยของ ชิโอริ คามิชิโระ ขี้อายที่ผมนั้นได้เคยเห็นในอดีต และเธอก็มีรอยยิ้มที่สดใสบนใบหน้าของเธอราวกับว่าเธอนั้นได้ขจัดความแคลงใจสงสัยทั้งหมดของเธอออกไปหมดแล้ว
“ฉันน่ะได้ตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง ซึ่งฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันนั้นรู้สึกอย่างไรและต้องการที่ทำอะไรต่อไป ฉันน่ะไม่ต้องการที่จะบอกลา ฉันน่ะไม่ต้องการที่จะจากไปหรอกนะ ฉันน่ะเป็นคนตัดสินใจเรื่องนั้นด้วยตัวเอง ไม่ใช่ยูกิ” (ชิโอริ)
พอได้ฟังสิ่งที่พูดออกมานี้ ก็ไม่อาจมีข้อโต้แย้งใดๆกลับไปได้ มันเป็นความเห็นแก่ตัวที่เป็นอัตตาของเธอจนสุดทาง เธอเพียงแค่กำหนดความปรารถนาของเธอเองโดยไม่หันมามองหน้าผม หรือสนใจความรู้สึกของผม มันช่างเหมือนกับที่ยูกิกะซังได้พูดเอาไว้เลย
“….งั้นฉันคงไม่มีอะไรที่จะพูดในเรื่องนี้” (ยูกิ)
ท้ายที่สุดแล้ว คงไม่มีทางที่คนอื่นจะเข้าไปยุ่งกับทางเลือกของเธอได้อีกแล้ว บางทีผมนั้นก็อาจจะเป็นคนหนึ่งที่หยิ่งมากพอที่จะพยายามทำแบบนั้นด้วย ผมนั้นพยายามที่จะใช้ประโยชน์จากอารมณ์ของคนอื่น และจับโยกย้ายพวกเขาไปตามความต้องการของผม เพื่อความสะดวกของผม ผมนั้นคิดว่าผมพอจะเข้าใจความรู้สึกและความสุขของพวกเขาได้ แต่ที่จริงผมนั้นไม่ได้เข้าใจอะไรเลย
“ฉันก็แค่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงน่ะ” (ยูกิ)
มันเป็นความรู้สึกที่แท้จริงของผม หมดหนทาง จนทะลักล้นออกมา ผมนั้นคิดมาตลอดว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องที่จะทำ มันจะต้องมีทางเลือกที่ไม่ก่อให้เกิดอันตรายใดๆ มันคงจะต้องมีคำตอบที่ถูกต้องอยู่ที่ไหนสักแห่ง
แต่ว่ามันก็ไม่มีคำตอบที่ถูกต้อง และไม่ว่าผมนั้นจะมองหามันมากแค่ไหน ผมก็ไม่สามารถหามันได้พบ และเธอก็ยังคงเดินเคียงข้างผม ถึงแม้ว่ามันจะเป็นทางเลือกที่เจ็บปวดก็ตาม
“อา ฮ่าฮ่า ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันแหล่ะ …… มันช่างยากจังเนอะ” (ชิโอริ)
รอยยิ้มของเธอนั้นช่างมีเสน่ห์ ดวงตาของเธอหรี่ลงเหมือนแมวน้อย และรอยยิ้มของเธอก็ดูจะเป็นผู้ใหญ่มากกว่าตอนอยู่ในโรงเรียนมัธยมต้น
“ฉันน่ะจบการไล่ตามหลังนายแล้วล่ะ ฉันอยากที่จะเดินเคียงข้างไปกับนาย และนั่นก็คือทั้งหมดที่ฉันต้องการในตอนนี้ ความรู้สึกมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว และฉันก็ต้องการที่จะเริ่มต้นจากจุดนั้นอีกครั้ง”
“แต่พวกเราไม่มีทางที่จะรีเซ็ตมันได้นะ” (ยูกิ)
“ถูกต้อง เราน่ะไม่สามารถที่จะย้อนกลับไปเป็นเหมือนในอดีตได้ แต่ว่าฉันก็แค่อยากเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง” (ชิโอริ)
ผมนั้นชักสงสัยว่าจะมี “อนาคต” สำหรับพวกเราหรืออยู่เปล่า มันไม่เหมือนกับตอนที่เธอนั้นเข้ามาหาผมครั้งแรกแบบในวันนั้น
ชิโอริ ตั้งสมาธิและสูดหายใจเข้าไปลึก จากนั้นเธอก็ค่อยๆลืมตาขึ้น ในขณะที่ผมก็ยังอยู่ที่เดิมไม่ได้ขยับไปไหน
“ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฉันน่ะชื่อ ชิโอริ คามิชิโระ เฮ้ นี่ทำไมนายต้องทำมันหนักขนาดนี้ล่ะ?” (ชิโอริ)
มันเป็นคำพูดที่ผมนั้นเคยได้ยินเมื่อนานมาแล้ว มันเป็นคำพูดที่เป็นจุดเริ่มต้นความสัมพันธ์ของพวก จากวันเวลาที่ได้ผ่านไปและพวกเราก็ได้เปลี่ยนไปเป็นอย่างมากแล้วด้วย
“ฉันไม่ได้ทำอะไรหนักเลยนะในตอนนี้” (ยูกิ)
ผมนั้นก็แค่ตอบไปตามความเป็นจริง แล้วมือทั้งสองข้างก็กระกบบีบเข้าที่ระหว่างแก้มของผม
“ยูกิน่ะทำได้ดีที่สุดแล้วนะ นายมักจะทำเรื่องหนักๆด้วยตัวเองเพียงคนเดียว มักจะมองหาคำตอบให้สำหรับคนอื่น ให้ฉันได้ช่วยนายนะ นายน่ะไม่อาจที่จะหาคำตอบด้วยตัวเองเพียงคนเดียวไปตลอดได้หรอก แต่หากว่าเป็นพวกเราจะก็ช่วยหาคำตอบร่วมกันได้ และนอกจากนั้นพวกเราทั้งหมดก็อยู่ที่นี่แล้วด้วย!” (ชิโอริ)
แล้วชิโอริ ก็ได้เลื่อนมือขวาออกมาข้างหน้าผม มือที่ยื่นออกมานี้ ถ้าหากว่าผมนั้นจับมือนี้ไว้ ผมน่ะมันใจเลยว่าเธอนั้นจะต้องได้รับความทุกข์ทรมานต่อจากนี้ไป แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธมือที่ยื่นออกมานั้นได้ มันยากมากที่จะสลัดความรู้สึกอบอุ่นแบบนี้ออกไป
“การจับมือกันต่อหน้าและกล่าวทักทายกัน ตอนนี้ฉันก็แค่อยากใช้เวลาร่วมกัน ชีวิตในรั้วโรงเรียน และต่อจากนี้ไปมันดูก็เป็นอะไรที่น่าเฝ้ารอมากยิ่งขึ้นเลยนะ!” (ชิโอริ)
พึบ พึบ ด้วยการโยกมือแรงๆ ขึ้นลงๆ ความรู้สึกผิดที่เธอเคยแสดงออกในเรื่องอดีตนั้นไม่มีหลงเหลืออยู่ในตัวเธออีกแล้ว เธอถูกล้อมไปด้วยแสงสว่างจ้าเหมือนกับในสมัยก่อนนั้น
“—ยูกิ มาชนะการแข่งขันกีฬาให้ได้อย่างแน่นอนกันเถอะ!” (ชิโอริ)
ผมถึงกับกลืนคำพูดที่กำลังจะออกมาจากลำคอของผมกลับไป ผมนั้นน่ะจะบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ ไม่สิ มันไม่จำเป็นต้องพูดแล้วล่ะ ชิโอริ คามิชิโระ นั้นรู้ดีว่าตัวเธอเองกำลังพูดถึงอะไรอยู่ เธอนั้นรู้ดีว่าเธอควรจะต้องทำอะไรเพื่อที่จะคว้าแชมป์และต้องทำอย่างไรบ้าง
แล้วก็อย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ ผลลัพธ์ที่ขึ้นอยู่กับโชค กลายเป็นเจตจำนงที่อันแรงกล้าที่จะนำมันมาให้ได้
“-อา บางทีเราอาจทำได้” (ยูกิ)
หลังจากที่บอกกับเจ้าหนุ่มรูปหล่อหน้าใสว่าเป็นไปไม่ได้ ผมกลับตอบแบบนี้กลับไปอย่างไม่ได้ละอายหรือว่าเสียใจ ผมนั้นไม่สามารถหลีกหนีความต้องการที่จะให้เป็นคนโดดเด่นได้อีกแล้ว แต่ว่านั่นมันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผม มันขึ้นอยู่กับพวกเขาทั้งหมดที่จะเป็นคนตัดสินใจต่างหาก
“นั่นก็หมายความว่า “การศึกษาที่อิสระไร้แรงกดดัน” นี้ได้สิ้นสุดลงแล้วใช่ไหมเนี่ย? (ยูกิ)
“ม- ไม่นะ มันไม่ใช่อะไรแบบนั้น ใช่ไหม?” (ชิโอริ)
แล้วชิโอริยิ้มออมา พร้อมกับคิ้วของเธอโค้งตกลงเป็นรูป 八 ราวกับว่าเธอนั้นกำลังมีปัญหา
———————————————————————–
“นี่โคโคโนะจัง นายรู้ใช่ไหม พวกเราต้องการที่จะชนะน่ะ!” (มิเนตะ)
“เมื่อวาน พวกเราทุกคนคุยกันในกลุ่มแชทแล้วนะ และเราตัดสินใจว่าเราต้องการจะทำสิ่งที่น่าจดจำ เพราะเนื่องจากพวกเราก็ไม่ได้มีโอกาสแบบนี้ไม่บ่อยนัก พวกเราทุกคนจะต้องมาทำให้ดีที่สุดกัน แล้วทำไมไม่มาเข้าร่วมกับพวกเราล่ะ โคโคโนเอะ?” (คานะ)
แล้วเมื่อพอไปถึงที่โรงเรียน หืมมม! เอลิซาเบธและเพื่อนๆ ของเธอก็ได้เข้ามาคุยกับผมพร้อมกับรอยยิ้ม อู อูวว ผมนั้นได้รู้สึกถึงระดับปริมาณของแสงลูเมนที่สั่นพ้องซ้อนทับกันอย่างรุนแรงอย่างมากขึ้นเรื่อยๆ
“โอ้ว มันช่างเจิดจ้าจัง” (ยูกิ)
“อย่าทำประหลาดใจขนาดนั้นสิ! นายทำให้ฉันกลัวนะ!” (มิเนตะ)
แล้วเจ้าชายหนุ่มรูปหล่อก็ได้มายืนอยู่ที่หน้าโต๊ะเรียนของผม
“ก็ไม่เป็นไรนี่ถ้าทุกคนจะได้สนุกด้วยกัน ฉันรู้เลยว่ามันจะต้องเป็นแบบนั้น แต่เราก็อยากที่จะได้ผลลัพธ์ที่ดีนะ ยูกิโตะ พวกเราจะต้องชนะได้แน่!” (โคยูกิ)
นี่เขาพูดออกมาราวกับว่ามันเป็นการตัดสินใจสุดท้าย นี่เมื่อวานนี้พวกเขาพูดคุยอะไรกันไปบ้างละเนี่ย? หรือไม่ก็บางทีคงจะเป็นชิโอริ ที่ไปจุดประกายเรื่องนี้ขึ้น ผมนั้นรู้สึกประหม่าอยู่เล็กน้อยของความตึงเครียดที่อยู่ในบรรยากาศแบบนี้ แต่ว่าผมก็ได้หยิบเอาของที่ได้เตรียมเอาไว้ออกมา
“…… นั่นมันคืออะไรน่ะ?” (โคยูกิ)
“มันก็เป็นตัวช่วยซัพพอร์ทน่ะ นายไม่ต้องมาใส่ใจกับรายละเอียดกับมันนักหรอกนะ” (ยูกิ)
ที่ผมนั้นหยิบออกมาก็คือกระดานไม้ขนาดปานกลาง
“…… ‘มาตรการรับมือกับงานเทศการกีฬา’?” (โคยูกิ)
“เราจะทำมันตามนี้ ดังนั้นพวกเราจะต้องทำมันให้สุดความสามารถของพวกเรา และตอนนี้พวกเราก็จะเริ่มดำเนินการ [แผนการสำหรับเทศการกีฬา] กันละ!” (ยูกิ)
“โคโคโนเอะจัง นี่มันจะดูจริงจังเกินไปไหมเนี่ย?” (มิเนตะ)
“ชักจะไม่ค่อยดีแล้วสิ ……. นี่ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าโคโคโนะเอะจะมีแรงจูงใจขนาดนี้ แต่ว่าที่สำคัญ…….” (???)
ในท่ามกลางความเสียงโหวกเหวกและเต็มไปด้วยเสียงดังเอะอะ ผมก็ได้เอามือไปคว้าคอชาคาโดะมา
“อ-อรุณสวัสดิ์……. ฮิฮิ…… อะ อืม……มีอะไรยังงั้นเหรอ!” (ชากาโดะ)
และก็ได้พาชาคาโดะ ซึ่งกำลังวุ่นกับอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงของเธอเอง ไปยังกลุ่มที่อยู่ห่างจากกลุ่มนี้ไปเล็กน้อย [TL: จำได้ไม๊สาวสัตว์เลื้อยคลาน]
“นี่ อาคานุมะ ฟูจิโมริ และโดดะ พวกเราต้องการความช่วยเหลือจากพวกเธอเพื่อให้ได้ชัยชนะ ได้โปรดยืมขอพลังของทุกคนหน่อยเถอะ” (ยูกิ)
มีเสียงของหัวตกลงกระแทกโต๊ะ ดวงตาประหลับประหลือกของ อาคานุมะ และคนอื่นๆในกลุ่ม ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นพวกด้าน “ศิลปะ” พวกเขานั้นไม่ค่อยเก่งเรื่องกีฬา แต่ทว่าการที่จะคว้าแชมป์ได้นั้น มันจะต้องใช้อะไรไปมากกว่าหนุ่มหล่อหน้าใสและชิโอริแค่นั้น และยิมนาสติกในงานเทศกาลก็ไม่ได้เป็นเพียงงานสำหรับผู้ที่เล่นกีฬาเก่งเท่านั้น ดังนั้นด้วยความร่วมมือของทั้งชั้นเรียน ที่รวมทั้ง อาคานุมะ และคนอื่นๆตรงนี้ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญ
“ระ-เรา! พวกเราไม่เก่งเรื่องกีฬาไม่ใช่เหรอ?” (ชากาโดะ)
“ก็ถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป มันจะเป็นมีแค่เจ้าหล่อหน้าใส ที่จะได้โดดเด่นและได้เพลิดเพลินไปกับ ของกินที่ถูกล่อจ่ออยู่ตรงหน้าเขาเท่านั้นน่ะสิ และจะปล่อยให้มันเกิดขึ้นแบบนี้ไปได้ยังไงกันล่ะ” (ยูกิ)
“โอ่ย งานนี้ฉันขออยู่ข้างพวกเขานะ!” (โคยูกิ)
ผมทำเป็นไม่สนใจการแย้งที่ออกมาของเขา
“และถ้ามีอะไรที่ฉันพอจะช่วยได้ฉันก็จะช่วย ……” (ยูกิ)
นี่มันก็ทำให้ผมดูเป็นคนที่มีนิสัยที่ดีจริงๆ ใช่ไหมล่ะ? คือผมหมายถึง ผมน่ะเพิ่งจะสังเกตเห็นว่าทุกคนในห้องเรียนนี้โดยรวมนั้นเข้ากันได้เป็นส่วนมาก ไม่มีความขัดแย้งแบ่งฝักแบ่งฝ่ายที่ต่างก็รั้นกับอีกฝ่ายหรืออะไรแบบนั้น? นี่บางทีผมน่ะอาจเป็นคนเดียวที่ถูกพูดถึงเป็นตัวละครที่ดูคลุมเครือ รวมถึงลำดับในด้านชั้นวรรณะในโรงเรียนด้วย ……และ สำหรับตอนนี้ผมได้หันหลังให้กับความจริงที่ถูกเปิดเผยออกมานั้น
“อะ เอิ่ม….แล้วทำไม ……ฉัน ถึงต้องมาอยู่ตรงนี้ล่ะ…..?” (ชาคาโดะ)
“หืม? อ่า ชาคาโดะ เธอน่ะเป็นไพ่ลับของพวกเราสำหรับยิมนาสติกในงานเทศกาลเลยนะ แชมป์อยู่ในมือของเธอแล้ว!” (ยูกิ)
แล้วก็ตามด้วยการดีดนิ้วใส่พร้อมกันกับที่ชี้นิ้วไปหา ใช่แล้ว ความกังวลของผมที่มีทั้งหมดนั้นจะหมดไป และชาคาโดะ ก็คือผู้ที่เป็นไพ่ลับสำหรับชั้นเรียนของเราที่จะมีบทบาทสำคัญในยิมนาสติกของงานเทศกาลนี้ ถ้าหากภารกิจนี้ของเธอสำเร็จ ชัยชนะของเรานั้นก็จะต้องเป็นที่แน่นอนเลยล่ะ
“ฮิ๊ ฮิ๊ ฮิ๊ยยยย……! ฮี๊ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!” (ชากาโดะ)
แล้วเสียงแหลมเล็กของชาคาโดะ ซึ่งมันก็ดูไม่เหมือนกับเสียงกรีดร้องสักเท่าไหร่ ก็ได้ดังก้องกังวานไปทั่วทั้งห้องเรียน