ครอบครัวที่มีเพียงแค่สามคน
“มาดูสิ ยูริ นี่มันช่างดีมากๆเลยล่ะ” (แม่)
“ในโรงแรมมีอ่างอาบน้ำในร่มและอ่างอาบน้ำกลางแจ้งด้วย” (ยูริ)
อืม…วิวสวย…วิวสวยมาก…กลิ่นของเสื่อทาทามิช่างส่งกลิ่นที่หอมดีซะจริงๆ
เมื่อเราได้มาถึงห้องพักของเราที่มีคนนำไป ก็ได้รีบวางสัมภาระลงไปและทำการสำรวจไปรอบๆ ห้องนั้นกว้างขวาง มันเป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่นที่สามารถรองรับคนได้ถึงหกคน เป็นพื้นที่มีขนาดเสื่อทาทามิ 10 ผืน บวกกับอีกห้องขนาดเสื่อทาทามิ 6 ผืน และห้องอาบน้ำแบบเปิดโล่ง
“แม่สามารถหาได้ห้องที่ดีมาก และราคาก็ไม่แพงจนเกินไปด้วย” (แม่)
“จริงหรือคะ? แล้วมีเหตุผลอย่างอื่นสำหรับเรื่องนี้ด้วยรึเปล่า?” (ยูริ)
พี่สาวของผมได้ขอให้แม่พยายามอธิบายเพิ่มเติม
ส่วนผมน่ะรู้หรอกนะ ว่าทำไม ก็เพราะผม ยูกิโตะ โคโคโนเอะ เป็นพวกชอบที่ทำการบ้านมาก่อนล่วงหน้าอยู่เสมอ
เพราะเห็นได้ชัดว่า “เรียวกัง อุมิบาระ” แห่งนี้ได้เปลี่ยนโนยบายโดยฝายบริหาร ได้เน้นเพื่อมุ่งจับพวกนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างประเทศ และเพื่อรองรับให้ตามความต้องการจากแขกที่มาจากการเดินทางเข้า สืบเนื่องมาจากแนวโนมจำนวนชาวต่างชาติที่มาเยือนญี่ปุ่นนั้นเพิ่มมากขึ้น และผมก็ยังได้รู้มาว่าพนักงานหลายคนที่ทำงานที่นี่นั้นพูดภาษาต่างประเทศได้ พอไปถึงห้องพักก็มีป้ายภาษาอังกฤษและภาษาต่างประเทศมากมายติดอยู่รอบๆโรงแรม แม้แต่มารยาทในการเข้าอาบน้ำออนเซ็นก็ยังมีเขียนบอกเป็นภาษาอังกฤษ
ถึงแม้ว่าโรงแรมจะมีลักษณะเป็นบ่อน้ำพุร้อนแบบโบราณ แต่การตกแต่งภายในก็ค่อนข้างออกจะเป็นสากล ความไม่สมดุลอันแปลกประหลาดนี้จึงเป็นหนึ่งในเสน่ห์ของสถานที่แห่งนี้ แต่สำหรับแขกชาวญี่ปุ่น บ่อน้ำพุร้อนที่เต็มไปด้วยภาษาต่างประเทศนั้นอาจจะดูทำให้หมดอารมณ์ไปเลยทีเดียว
แต่อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันการคมนาคมที่พามาจากต่างประเทศได้หยุดชะงักลง มันก็จึงจำเป็นจะต้องให้ความสำคัญกับลูกค้าภายในประเทศ เพื่อจะยังสามารถทำให้การดำเนินกิจการนั้นทำต่อไปได้ แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากพวกเขาได้พัฒนาธุรกิจเป็นแบบสำหรับรับลูกค้าต่างประเทศมาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะทำการปรับเปลี่ยนสายธุรกิจโดยกระทันหันและพวกเขาก็กำลังตกที่นั่งลำบาก เอาล่ะผมจบการอธิบายเรียบแล้วนะ
“แล้วนั่นล่ะก็คือเหตุผล” (ยูกิ)
“อืม แต่ห้องก็สวยและบ่อน้ำพุร้อนก็ดูสะอาดดีใช่ไหมนี่?” (ยูริ)
“ก็ดูเหมือนว่าจะมีเสียบรรยากาศดั้งเดิมไปบ้าง แต่ขอให้สนุกไม่ต้องไปคิดมากกับมันเถอะนะ” (แม่)
แล้วผมก็นั่งลงบนเบาะและพักหายใจขณะจิบชาไปด้วย
“บ่อรวมสาธารณะนั้นก็ขนาดใหญ่ดีด้วย แต่บ่อในห้องนี้ก็ใหญ่ด้วยเหมือนกัน แม่คิดว่าถ้าพวกเราเข้าไปลงแช่พร้อมกันก็น่าจะลงได้หมดนะนี่” (แม่)
ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง แม่ก็ได้ขยิบตามาให้ผม แต่ผมก็ยังไม่รู้เจตนาของเธอ ผมจึงตอบไปแบบปลอดภัยไว้ก่อน
“ใช่เลยครับ” (ยูกิ)
ผมมันใจว่าพวกเธอคงกำลังรอคอยที่จะได้แช่น้ำ ผู้หญิงดูจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชอบอาบน้ำเอาซะจริง เมื่อลองพิจารณาถึงประโยชน์ของการอาบน้ำแล้ว ผมก็ได้พบว่าการอาบน้ำนั้นมีประสิทธิภาพในการบรรเทาความเหนื่อยล้า บรรเทาความหนาวเย็น และแม้กระทั่งอาการนอนไม่หลับด้วย น้ำพุร้อนช่างเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์
“ถึงจะเร็วไปหน่อย แต่ทำไมพวกเราไม่ไปที่บ่อน้ำพุร้อนกันซะเลยล่ะ?” (แม่)
♨♨♨
“ช่างเป็นบ่อที่เยี่ยมอะไรอย่างนี้!” (ยูกิ)
ที่ห้องอาบน้ำหลักตอนนี้มีลูกค้ามาไม่มากนัก มีบ่ออาบน้ำแบบเปิดโล่งที่ล้อมรอบไปด้วยหินและบ่ออาบน้ำจากต้นไซเปรสญี่ปุ่นพร้อมทิวทัศน์อันตระการตา และเมื่อได้ลงแช่บ่อน้ำพุร้อนที่มีสรรพคุณที่แตกต่างกันนี้ ผมก็รู้สึกผ่อนคลายและเพลิดเพลินไปราวกับให้ความรู้สึกที่ได้ขึ้นไปถึงสรวงสวรรค์
และเมืองบ่อน้ำพุร้อนก็เต็มไปด้วยอาหารรสเลิศอย่างไม่คาดฝัน
ผมได้เริ่มทานอาหารว่างทั้งที่นี่และที่นั่นไปทั่ว แล้วจากนั้นผมจึงตัดสินใจที่จะแช่ตัวลงในบ่อน้ำพุร้อนอีกครั้งเพื่อเรียกน้ำย่อยสำหรับมื้อค่ำ
ผมจะต้องซื้อเสี่ยวหลงเปาน้ำพุร้อนให้เจ้าหนุ่มหล่อเป็นขอฝากซะหน่อย ผมแน่ใจว่าชิสะ แม่ของเขาก็น่าจะต้องดีใจที่ได้มันไปล่ะนะ
ในห้องน้ำที่กว้างขวาง ผมก็ได้เหยียดและผ่อนคลายร่างกายของผม
และในขณะที่ทำการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ผมก็ได้เน้นการนวดไปที่บริเวณที่ผมนั้นเคยได้รับการบาดเจ็บ ถึงแม้ว่าผมจะหายดีหลังการพักฟื้นแล้ว แต่การนวดบริเวณที่เคยได้รับบาดเจ็บ ก็ได้ติดกลายมาเป็นนิสัยของผม ถ้าหากว่าผมได้รับบาดเจ็บขึ้นมาอีก ผมก็จะกลายเป็นภาระของครอบครัว ผมน่ะไม่ต้องการให้สิ่งนั้นต้องเกิดขึ้นมาอีก นึ่จึงเป็นกิจวัตรประจำวันเพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นซ้ำ
ขณะที่ผมนั้นอยู่ในโรงพยาบาล ผมก็มีเวลาเหลือเฟือ ผมจึงได้ศึกษาทุกอย่างเท่าที่ทำได้เกี่ยวกับโยคะ พิลาทิส การกายภาพบำบัด และลงจุดฝังเข็ม เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ จึงส่งผลทำให้ผมนั้นสามารถที่จะดูแลตัวเองและร่างกายได้ดีมาก
มันก็ค่อนข้างจะนานแล้วนะที่ผมได้ยืดเส้นยืดสายมาเนี่ย แต่พวกผู้หญิงก็มักจะอาบน้ำเป็นเวลานานอยู่แล้ว ผมน่ะมั่นใจว่าพวกเธอยังคงเพลิดเพลินกับการแช่บ่อน้ำพุร้อนอยู่แน่ๆ
“ดูเหมือนว่าพวกเธอก็คงกำลังสนุกกันอยู่สินะ” (ยูกิ)
ผมน่ะกังวลว่าแม่และพี่สาวของผมจะไม่สนุกไปกับการเดินทางท่องเที่ยวครั้งในนี้ เพราะว่าผมน่ะได้ไปเที่ยวกับครอบครัวในครั้งนี้ด้วย แต่ดูเหมือนว่าความกังวลของผมนั้นจะเป็นการคิดไปเอง มันเป็นการเดินทางที่ยอดเยี่ยม ผมน่ะไม่ต้องการให้พวกเขาต้องมารู้สึกแย่กับมัน ผมรู้สึกโล่งใจที่ความกังวลของผมที่ได้รับการจัดการไปแล้ว
แล้วก็เพราะเนื่องจากว่าพวกเรานั้นไม่สามารถอยู่ในบ่อน้ำพุร้อนได้ตลอดไป พวกเราจึงออกจากบ่อน้ำพุร้อนไปด้วยความเสียดาย
แต่อย่างไรก็ตาม ผมยังคงไม่ได้ตระหนักถึง ณ ตั้งแต่เวลานั้นเลยว่า นรกกำลังจะเริ่มต้นขึ้นหลังจากนี้
♨♨♨
“เอาล่ะ! รู้ไหมว่านี่คืออะไรเอ่ย?” (แม่)
และพอหลังจากกลับมาจากโซนสปา แม่ผมที่ยังอยู่ในอารมณ์ดี ที่ได้ไปทำการสำรวจรอบๆแบบสบายใจ ระหว่างนั้น ก็ได้เอาขวดเล็กๆ ที่เธอนั้นหยิบออกจากกระเป๋าขึ้นมาให้ผมดู
“มันคือ …… น้ำมันนวดเหรอครับ?” (ยูกิ)
“ใช่จ้า! ลูกก็รู้นี่ ลูกน่ะเป็นคนที่ช่วยนวดให้แม่อยู่ตลอดเลยนะ แต่แม่ต้องขอโทษนะที่คงต้องขอให้ลูกช่วยทำเรื่องนี้ ทั้งที่ลูกก็อยู่ในวันหยุดที่ควรจะเป็นวันพักผ่อน แต่แม่คิดว่าลูกพอจะช่วยใช้ขวดนี้นวดแม่หน่อยจะได้ไหมจ๊ะ วันนี้?” (แม่)
“ไม่เป็นไรครับ ก็แค่เรื……อะไรนะ!? (ยูกิ)
“ลูกแน่ใจนะ? ขอบใจจ๊ะ! แม่ดีใจที่ได้ถามไปน่ะ” (แม่)
แม่ของผมที่อยู่ในชุดยูกาตะของเธอก็ดูราวกับคนที่หน้ามืด (ในความหมายที่ทุกคนรู้กัน)
หือ นี่ผมเพิ่งทำอะไรผิดพลาดไปรึเปล่าเนี่ย?
เพราะผมอดไม่ได้ที่จะตอบรับกลับไปก่อนที่จะได้เข้าใจกับคำขอนั้น
ขวดเล็กๆที่เขียนไว้ว่าเป็นน้ำมันอัลมอนด์ ซึ่งมันเป็นน้ำมันที่มีคุณสมบัติช่วยเสริมด้านความงามและต่อต้านริ้วรอย ที่ให้ความชุ่มชื่นแก่ผิว
และมันก็เป็นความจริงที่ผมนั้นมักจะนวดให้แม่และพี่สาวของผมอยู่เป็นประจำแทบทุกวัน ผมเองก็ได้ยินมาว่าแม่ของผมนั้นมีอาการไหล่แข็งเกร็ง และเนื่องจากที่ผมได้เรียนรู้อะไรมามากมายระหว่างอยู่ในโรงพยาบาล ผมจึงได้ช่วยนวดให้เธอเป็นประจำเพื่อช่วยให้อาการของเธอทุเลา ก็เนื่องจากที่ว่านั่น มันก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่ผมจะทำได้เพื่อช่วยครอบครัว ดังนั้นผมจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องยอมรับ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องทำมัน…….
น้ำมัน? แล้วผมจะใช้มันยังไงกันล่ะ?
“ผมไม่คิดว่าแม่จะให้ทาทับมันลงบนยูกาตะนะ…….” (ยูกิ)
“นั่นสินะ” (ยูริ)
แล้วพี่สาวก็เห็นด้วยกับผมออกมาอย่างชัดเจนที่สุด
ใช่ ผมต้องก็รู้นี่ ใช่มั้ย? ว่ามันเป็นไปไม่ได้! ฮ่าฮ่า แล้วนั่นมันไม่ใช่สำนึกทั่วๆไปหรอกเรอะ?
“แม่คิดว่านี่ก็คงจะไม่เป็นไร งั้นแม่จะขอให้ลูกช่วยทีละกันนะ” (แม่)
แล้วแม่วางผ้าเช็ดตัวที่แห้งลงไป 2 ชั้นเพื่อปูไว้บนฝูกที่นอน
“เอร๊ยยยยยยยยยยยยยยย!” (ยูกิ)
“มีอะไรรึไงจ๊ะ?” (แม่)
“ก็ทำไมแม่จะถอดชุดยูกาตะออกล่ะ” (ยูกิ)
“ฟุฟุ มีอะไรผิดตรงไหนล่ะ? ก็ถ้าใส่อยู่มันก็ทาไม่ได้นี่” (แม่)
“แม่ไม่ควรจะตอบแบบนี้มาให้ผมนะ นี่คิดว่าว่ามันเป็นสิ่งปกติที่ควรจะทำรึไงกันครับ!?” (ยูกิ)
แล้วผมก็หันไปขอความช่วยเหลือจากพี่สาว แต่ทว่าเธอนั้นดันถอดชุดยูกาตะออกไปเสร็จก่อนซะแล้ว
“โม่ว ก็ต้องได้อยู่แล้วสิ” (ยูริ)
“ชุดชั้นใน! แล้วทำไมพี่ถึงพยายามถอดชุดชั้นในของพี่ออกด้วยล่ะ!?” (ยูกิ)
“ทำไมล่ะ ก็เดี๋ยวกางเกงในของฉันจะเหนียวเหนอะน่ะสิ นายงี่เง่าหรือเปล่าเนี่ย?” (ยูริ)
“โอ้ยย พี่นั่นแหละที่งี่เง่า! อย่ามาตอบราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาอย่างตรงไปตรงมาอย่างนี้นะ!” (ยูกิ)
แล้วในที่สุด เธอก็นอนลงบนฟูกโดยไม่มีเสื้อผ้าอะไรเลยติดตัวเลยสักกะชิ้น
“เอ้างั้นก็ฝากทีนะ” (ยูริ)
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้!” (ยูกิ)
“ทำไมล่ะ?” (ยูริ)
“ผมไม่มีทางทำทั้งๆแบบนี้แน่!” (ยูกิ)
“นี่นายตื่นเต้นขึ้นแล้วใช่ไหมล่ะ” (ยูริ)
“มันใหญ่ขึ้น- เอ๊ยบ้าชิบ!” (ยูกิ)
แล้วหลังจากที่ผมดันไปเผลอตอบไป ผมนั้นก็ได้เริ่มลงมือนวดอย่างช่วยไม่ได้ ปกติแล้วน่ะผมก็แค่ทาทับมันลงบนเสื้อผ้า แต่นี่มันไม่เหมือนกับการนวดหัวไหล่หรือตรงสะบักไหล่ ซึ่งมันก็เป็นแค่การนวดลงไปที่จุดนั้นพวกผ่านชุดนอน แต่นี่มันแต่กต่างกันนะ มันเกิดอะไรขึ้นกับเธอพวกนี่? มันบ้าไปแล้ว!? นี่พวกเธอเสียสติกันรึเปล่าเนี่ย!
“นี่ทำไมพี่ถึงดูไม่ใส่ใจเลยล่ะ” (ยูกิ)
“ก็พวกเราคือครอบครัวเดียวกันนี่ นายน่ะไม่ต้องไปใส่ใจกับเรื่องนี้หรอกน่า” (ยูริ)
“ผมทำไม่ได้ เพราะยังไงผมก็จะใส่ใจน่ะสิ” (ยูกิ)
“ทำไมล่ะ นายจะมาอายได้ยังไง? นี่นายงี่เง่ารึไงกัน?” (ยูริ)
“ใช่ ผมมันงี่เง่า! ผมน่ะอยากจะตะโกนใส่หน้าพี่เลย แต่ผมก็ดันไม่สามารถมองตรงๆไปที่พี่ได้เอาซะเลย!” (ยูกิ)
เอ๋ เราจะทำอย่างนี้ต่อไปแบบนี้จริงๆน่ะเหรอเนี่ย?
ถ้าหากว่าคุณจะลองคิดในแง่ของการไล่ของเสียและสิ่งไม่ดีออกจากร่างกายด้วยการนวด พวกคุณสามารถพูดได้เลยว่านี่เป็นการแบนสิ่งที่ไม่ดี แต่กลับดูมีแนวโน้มว่าผมจะถูกผู้บริหารสั่งแบนซะมากกว่า!
แล้วผมก็ไม่มีทางเลือกอื่นใดอีก แต่ก็ต้องขอบบอกอย่างอย่างตรงไปตรงมาเลย ณ ที่นี่ตอนนี้
นี่มันช่างเป็นการสร้างรอยบาดแผลที่ร้ายแรงให้กับผมเลยนะ แต่ผมก็ไม่สามารถถอยหลังกลับได้แล้วด้วย
บางทีถ้าผมพูดแบบนี้ออกไปล่ะก็ พวกเขาคงจะคิดว่าผมเป็นคนประหลาดและน่ารังเกียจ และก็อาจจะไม่พูดกับผมเอาอีกเลยก็ได้ ไม่ว่าผมจะทำอะไร ผมก็มั่นใจว่าจะต้องถูกตำหนิ แต่ถึงกระนั้น มันมีอยู่ทางเดียวที่จะออกจากสถานการณ์นี้ที่เท่าที่ผมคิดได้
ผมไม่สนใจว่าพวกเขาเกลียดผมเพิ่มอีกสักแค่ไหนหรอก มันก็สายเกินไปแล้ว
ผมน่ะไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าพวกเขาชอบผมมากแค่ไหนด้วยเช่นกัน
ผมแน่ใจว่าพวกเขาจะสัมผัสมันได้ เมื่อได้ยินว่าผมนั้นรู้สึกอย่างไรกับพวกเขา ผมคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องบอกพวกเขา บอกพวกเขาให้รู้ว่าที่จริงผมนั้นรู้สึกอย่างไหรอย่างตรงไปตรงมาและซื่อตรง
“ผมละอายใจที่จะยอมรับมัน……” (ยูกิ)
“เป็นอะไรไปรึเปล่าจ๊ะ?” (แม่)
พูดสิ เอ้า พูดออกไปเลย!
ผมคิดว่าพวกเขาก็คงจะเกลียดผมเอา แต่ที่แย่ที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้ก็คือ พวกเธอนั้นอาจจะไล่ผมออกจากบ้าน
แต่ไม่ว่ายังไงผมก็คงจะต้องพูดมัน เพราะมันไม่ถูกต้อง ไม่ว่าผมเองนั้นต้องการมากแค่ไหน แต่ผมก็ทนไม่ได้กับสิ่งที่ไร้เหตุผลนี้ ผมน่ะแข็งแกร่งพอๆ กับพันธะไอออนที่เกาะตัวกันแน่น แต่ว่าความแข็งแกร่งทางจิตใจของผมน่ะมันก็มีขีดจำกัดนะ!
ผมได้ใช้ความระมัดระวังอย่างยิ่งที่จะไม่ให้อาการของผมนั้นแสดงออกมาให้ได้เห็นให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และผมก็ได้อ้าปากพูด
“อืม ……ผมก็ไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้นะ แต่เพราะนี่น่ะมันจะทำให้ผมมองพวกคุณไปในด้าน เรื่องทางเพศ……” (ยูกิ)
ชิ้งงงงงงงงงงงงงง
บรรยากาศนั้นหยุดนิ่ง แล้วความเงียบก็เข้าครอบงำภายในห้อง
มันจบลงแล้ว ลาก่อน ตัวผม
แล้วผมก็ได้พูดออกไปในที่สุด ผมก็ไม่อยากให้มันจบลงแบบนี้ ทั้งที่มันเป็นการเดินทางไปเที่ยวของครอบครัว มันเป็นครั้งแรกของผม ผมเองก็อยากที่จะให้มันจบลงอย่างมีความสุข ผมมั่นใจว่าไม่มีใครที่จะต้องการพบกับตอนจบที่เลวร้ายแบบนี้ ถึงจะไม่รู้ว่ามันจบลงแบบนี้ลงได้ยังไง……
ผมมองดูพวกเขาอย่างกล้าๆกลัวๆ แล้วพวกเธอก็กำลังมองมาที่ผมด้วยท่าทางที่ประหลาดใจ ผมเองก็ไม่รู้ว่าพวกเธอนั้นคิดอะไรอยู่ แต่ผมก็กลัวว่าพวกเธอนั้นจะตะโกนและด่าใส่ผม อย่างน้อยที่สุด ผมก็ควรที่จะเดินออกไปจากที่นี่ซะเดี๋ยวนี้
และราวกับว่าพวกเธอนั้นไม่อาจจะทนต่อความเงียบได้อีกต่อไป ทั้งสองก็อ้าปากขึ้น
“ยูกิโตะ นายนี่……..จริง..” (ยูริ)
“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าลูกมองแม่ไปแบบนั้น….….. แม่ดีใจจริงๆ” (แม่)
“อ๊าาาาาาาาาก! ผมรู้สึกเหมือนพวกเธอกำลังพูดอะไรบางอย่างที่มันประหลาดดดดดดดดดดดดดดดด!! (ยูกิ)
นี่ไม่ดีแน่
ผมน่จะร้องไห้ออกมานะ แต่มันก็ดันไม่มีน้ำตาเลยซะนี่
————————————————————————
“แด่ทุกท่านที่ต้องเผชิญกับการต่อสู้อยู่หน้าแนวของสนามรบ” (ยูกิ)
หลังการนวดนรกนั้นเสร็จสิ้นลงก็ถึงเวลาอาหารเย็น
ผมยังคงทำเหมือนตัวละครทั้งเก้าที่กำลังกวาดล้างความคิดอันชั่วร้ายออกไป จึงเป็นผลทำให้ผมนั้นเกือบจะเข้าถึงสภาวะว่างเปล่าได้ แต่ว่าทุกครั้งที่ผมลงมือทำ สัมผัสที่นุ่มนวลบนมือของผมก็ดึงให้ผมนั้นกลับมาสู่ความเป็นจริง ดูเหมือนว่าผมนั้นยังจะต้องฝึกฝนอยู่อีกมาก
ผมก็ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แต่ว่าผมนั้นเหนื่อยมากกว่าตอนก่อนจะเข้าไปแช่บ่อน้ำพุร้อนซะอีก ผมนั้นเหนื่อยจากการที่ต้องเสียสุขภาพจิต ในขณะที่แม่และพี่สาวของผมกลับได้ผิวที่เปล่งปลั่ง ในด้านผมนั้นยังคงต้องทุกข์ทรมานอยู่ ผลของการนวดน้ำมันนั้นให้ผลไปเกินกว่าธรรมดาไปมากจริงๆ
“รู้สึกดีมากเลย ขอขอบใจนะจ๊ะ ไว้แม่จะขอให้ช่วยอีกครั้งนะ” (แม่)
“แล้วคราวหน้าก็อย่ามองไปทางอื่นล่ะ” (ยูริ)
“นี่พวกคุณจะไม่มีความเมตตากันบ้างหรือไงเนี่ย?” (ยูกิ)
ทางด้านอาหารเย็นนั้นก็หรูหรา เต็มไปด้วยอาหารทะเลสดที่มีแต่โรงแรมแบบญี่ปุ่นเท่านั้นที่สามารถให้ได้ ผักตามฤดูกาลและเนื้อวัวของท้องถิ่น เทมปุระ ซาซิมิ และอาหารรสเลิศอื่นๆ ต่างก็วางเรียงรายกันอยู่บนโต๊ะ
แล้วช่วงเวลาอันเงียบสงบก็ผ่านไปเมื่อเราลิ้มรสอาหารเสร็จสิ้น
ผมกับพี่สาวนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะ พวกเราจึงดื่มเหล้าไม่ได้ ส่วนด้านแม่ก็อารมณ์ดี แต่ชุดยูกาตะที่เธอเพิ่งสวมกลับอย่างหลวมๆก็เกือบจะหลุดออก ผมก็ดันเห็น……ไม่เป็นไรๆ
“มัน……….อร่อยมาก” (ยูริ)
“ดีเลยเนอะที่ได้มาน่ะ ยูริ” (แม่)
“ค่ะ” (ยูริ)
แม่และพี่สาวของผมนั้นดูมีความสุขมาก ก็ดีแล้ว ดี
ส่วนผมน่ะเหรอ? ผมน่ะสบายดี ตราบใดที่ทั้งสองคนนั้นยังรู้สึกสนุกดีอยู่ ถึงผมจะเสียสละสุขภาพจิตส่วนใหญ่ของของผมไปก็เถอะนะ
“แม่ใฝ่ฝันที่จะได้มีวันหยุดของครอบครัวของเราแบบนี้มาตลอดเลยนะ” (แม่)
แล้วแม่ก็ยังคงพูดต่อ ด้วยการแสดงความรู้สึกลึกๆออกมา
แม้แต่เรื่องแบบนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน มันช่างเป็นความสัมพันธ์ของครอบครัวที่ดูจะบิดเบี้ยวและพังทลาย
“พวกเรายังไม่เคยได้ทำมาจนถึงตอนนี้……” (ยูกิ)
“ใช่ ก็ลูกไม่ยอมมากับเรา” (แม่)
“ก็มัน……. ผมขอโทษครับ” (ยูกิ)
ผมกลัวที่จะพูดออกไปที่ตรงนี้ ก็เพราะว่าผมน่ะไม่อยากที่จะทำให้พวกเขาต้องรู้สึกแย่ไง แต่ผมเองก็ยังไม่ได้ตอบออกไป เพราะผมไม่รู้ว่าตอนนี้คำตอบที่ถูกนั้นคืออะไร แต่ผมก็มั่นใจว่ามันจะต้องผิด แล้วคงอาจเป็นเพราะแม่ของผมกำลังทำหน้าที่ดูซับซ้อน ซึ่งก็ดูเหมือนจะเป็นกันทั้งสองคนเลย
“นายไม่ได้ไปแม้กระทั่งการทัศนศึกษาของมัธยมต้นด้วยใช่ไหม?” (ยูริ)
“ไม่ นั่นมัน—” (ยูกิ)
“ยูริ อดีตน่ะไม่ได้สำคัญอีกต่อไปแล้วล่ะ ปัจจุบันที่มีความสุขต่างหาก แม่แน่ใจว่ามันจะต้องสนุกมากยิ่งขึ้นในอนาคตนะ” (แม่)
“เข้าใจแล้วค่ะ ใช่ แม่พูดถูก” (ยูริ)
“จะมีเพียงแค่เราสามคนในครอบครัวนี้ แม่เป็นห่วงลูกนะ แม่น่ะอยากอยู่กับลูกเสมอ แม่อยากให้ลูกเชื่อแม่ แม่รู้ว่าแม่น่ะไม่มีได้มีคุณสมบัติที่จะพูดแบบนี้ แต่ว่า…” (แม่)
แล้วจู่ๆ แม่กับพี่สาวก็กอดผม
“แม่มีความสุขที่พวกเราได้มาอยู่ด้วยกันในตอนนี้นะ” (แม่)
มันมีกลิ่นแอลกอฮอล์อยู่จางๆ
พอลองนึกย้อนกลับไปแล้ว ผมนั้นก็รู้สึกว่าผมกำลังหลงทางมานาน
ผมยังไม่พบคำที่เหมาะสมที่จะตอบกลับไป ผมจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำว่าพวกเราผ่านเรื่องระหว่างกันและกันแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว และพอเมื่อผมรู้ มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่มีอะไรที่ผมจะสามารถทำได้เกี่ยวกับเรื่องนี้
ถึงอย่างนั้น ผมเองก็บอกเลยได้ว่า พวกเธอนั้นกำลังคิดว่าช่วงเวลาแบบนี้มันสำคัญ ดังนั้นสำหรับตอนนี้ เพียงแค่ตอนนี้ ขณะที่ในหัวของผมกำลังหมุนติ้ว ผมก็ทำได้แค่ยอมรับมันไปโดยไม่ได้คิดอะไร
“แม่ต้องขอโทษที่ขัดจังหวะมื้อค่ำของลูกนะ แต่แม่ก็อดทนไว้ไม่ไหวแล้วน่ะ” (แม่)
แล้วแม่ก็ได้เปลี่ยนเรื่อง เพื่อเปลี่ยนอารมณ์ที่อึมครึมของการสนทนานี้ไป
“ใช่แล้ว! ยังมีอย่างอื่นที่แม่อยากลองก็คือ ออฟ น่ะ” (แม่)
“ออฟ? มันคืออะไรที่แม่จะทำได้ในเฉพาะช่วงวันหยุดด้วยงั้นเหรอคะ?” (ยูริ)
พี่สาวถามกลับด้วยความสงสัย
แล้วแม่ตอบกลับมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“รู้อะไรไหม แม่อยากจะลอง ออฟปาโก้(オフパコ) ดูล่ะ!” (แม่)
[TL: การมีเพศสัมพันธ์กับบุคคลที่รู้จักกันทางออนไลน์ ชายหญิงรู้จักกันทางออนไลน์และคบหากันแบบออฟไลน์และมีเพศสัมพันธ์กัน(ในโลกแห่งความเป็นจริง) : オフ (ปิด) หมายถึงออฟไลน์, パコ (pako) สแลงหมายถึงการมีเพศสัมพันธ์]
“ผมชักจะเริ่มรู้สึกหนาวทั้งที่อยู่กลางฤดูร้อนแล้วล่ะ” (ยูกิ)
มันแปลกเกินไปแล้วนะ นี่ผมคงจะสัมผัสได้ถึงวิญญาณที่ชั่วร้ายได้ใช่ไหมเนี่ย?
“พวกเราทำด้วยกันไม่ได้เหรอ?” (แม่)
แม่เอียงหัวของเธอซึ่งก็ช่างดูน่ารักอะไรอย่างนี้
ไม่ นี่มันไม่ใช่เแล้ว!
“ออฟปาโก้ไม่ได้ นั่นมันไม่ใช่สิ่งที่ผมควรทำนะ!” (ยูกิ)
“อย่างนั้นหรือ? ก็ฮิอิรากิบอกกับแม่ว่าเด็กสมัยนี้มักชอบที่จะทำกันนะ แม่ก็เลยคิดว่าลูกจะอยากลองดูด้วยไหมน่ะ ยูกิโตะ?” (แม่)
“ถ้าผมต้องเลือกระหว่างอยากหรือไม่อยากล่ะก็ คำตอบเดียวที่ผมจะสามารถให้ได้มันก็คืออยากอย่างแน่นอน” (ยูกิ)
ผมน่ะเป็นคนซื่อสัตย์นะ ผมจึงได้ตอบไปอย่างตรงไปตรงมา เพราะผมเองก็รู้สึกเห็นใจเธอ
“เข้าใจแล้ว! งั้นมาทำกันเถอะ” (แม่)
“นี่มันเกินขีดจำกัดไปแล้ว! มันเป็นการลงผิดเท้า! นี่ผมขอไปซัดหน้าลูกน้องคนนั้นสักทีหน่อยได้ไหมเนี่ย?” (ยูกิ)
“ฉันจะยอมแพ้พวกเด็กๆ ไม่ได้!” (แม่)
“นี่แม่จะแข่งกับใครเนี่ย?” (ยูกิ)
พอพูดถึงฮิอิรากิซัง เธอเป็นหนึ่งในลูกน้องของแม่ผม ซึ่งผมก็เคยเจอด้วยเพียงครั้งเดียวเท่านั้น พวกเขาได้ไปคุยกันในเรื่องนี้ตอนที่อยู่ที่ทำงาน นอกจากนี้ยังเป็นความเข้าใจผิดที่สมบูรณ์แบบเลยล่ะ
“นี่แม่!” (ยูริ)
และก็เป็นพี่สาวของผมที่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือผม
ใช่แล้ว การจะมีสัมพันธ์แบบออฟไลน์นั้นไม่ดี ไม่สิ มันแย่ซะยิ่งกว่านั้นอีก มันจะไปแตะเอาเขตแดนต้องห้ามเข้าให้นะ และพูดตามตรงนะ ผมน่ะได้เกินขีดจำกัดมาสักพักหนึ่งแล้ว เหตุผลที่ผมนั้นยังคงอยู่ในเกมอันวิกฤตนี้ ที่นอกเหนือไปจากความเป็นไปได้ที่จะต้องถูกแบนแล้ว ผมเองก็ยังไม่สามารถทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ ในหลายๆความหมายเลยล่ะ
และท้ายที่สุด พี่สาวของผมที่เป็นเทวทูต
รัศมีนั้นได้แผ่พุ่งออกมา ความเมตตาของมิคาเอลก็ได้ทำให้โลกสว่างไสวไปทุกทิศทุกทาง ถ้าหากว่านี่มีการสมัครสมาชิกรายเดือนแล้ว รับรองว่าจะต้องเป็นบริการที่คุณจะยอมจ่ายเงินทุกเดือนเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากน้ำใจของพี่สาวของผม ถ้าพี่สามารถช่วยให้ผมได้พ้นจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ได้ ผมจะยอมทำทุกอย่างที่พี่ต้องการเลย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่การสมมุติเท่านั้นก็ตาม!
“นี่นายต้องรวมฉันเข้าไปด้วยนะ” (ยูริ)
“บ้าไปแล้ว…เทวดาตกสวรรค์แล้ว…?” (ยูกิ)
Michael the Archangel ได้กลับกลายมาเป็น Michael the Fallen Angel ไปซะอย่างนั้น
“ฉันเป็นนางฟ้าที่ตกลงสู่บาปแล้วอย่างสมบูรณ์น่ะ” (ยูริ)
“มันไม่จริง…..!” (ยูกิ)
โลกนี้ไม่มีความหวังแล้ว
ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพี่สาวของผมนั้นเป็นนางฟ้าที่ตกลงสู่บาป
โอ้ะ ใช่นั่นไง!
“คือผมเพิ่งสังเกตุเห็นแมนดราโกร่าที่ได้โตมาได้สักพักแล้ว ผมจะขอไปกำจัดมันซะก่อนล่ะนะครับ” (ยูกิ) [คนแปล: รู้กันเนอะว่าหมายถึงอะไร]
“เดี๋ยวก่อนสิ คิดว่าฉันจะปล่อยนายไปเหรอ?” (ยูริ)
“ผมเองก็อยากจะนอนกอดเข่าจนหลับ……. แต่ผมทำไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” (ยูกิ)
เฉกเช่นเดียวกับศัตรูที่ได้ไล่ล่านักผจญภัยที่บุกเข้าไปในเขาวงกต เส้นทางหลบหนีล้วนถูกปิดกั้น
“ตัดใจแล้วยอมไปปาโก้ซะ” (ยูริ)
“เอ๊ยยยยยยยย!” (ยูกิ)
“ฟู่~. ฉันว่าฉันเมาแล้ว” (ยูริ)
“พี่ยังไม่เคยดื่มแอลกอฮอล์สักหยดเลยนะในชีวิตนี้” (ยูกิ)
“อื๊อออ-?” (ยูริ) (เสียงสูง)
“ผมจะไม่ขอทำตามพี่ในเรื่องนี้! อย่าคิดว่าผมจะเชื่อฟังไปซะทุกอย่างนะ!” (ยูกิ)
ผมไม่สามารถที่จะยอมแพ้ต่อการคุกคามนี้ได้ ผมจะทำการปฏิเสธมันด้วยจิตวิญญาณอันสูงส่งของอัศวินระดับสูงสุด!
“นายอยากจะมีเซ็กส์กับฉันใช่ไหม?” (ยูริ)
“ใช่” (ยูกิ)
“งั้นเราไปที่ฟูกกันเลยไหมล่ะ?” (ยูริ)
“ผมขอโทษ ผมโกหก! ผมก็แค่ตอบไปแบบไม่ทันตั้งตัว!” (ยูกิ)
“ไม่มีข้อแก้ตัว แต่ว่านายต้องการถุงยางนะ” (ยูริ)
“นี่มันดูจะเป็นไปได้ที่ไม่ค่อยจะดีเอาซะเลย!” (ยูกิ)
“เอ้านี่ …… น่าอายจัง” (ยูริ)
“ทำไมคุณพี่สาวจะต้องสื่อถึงให้มันซะชัดเจนขนาดนี้!?” (ยูกิ)
แล้วผมก็ได้ถูกลากไปในแบบหอยทาก แขนบางๆนั่นทำไมถึงมีพลังอะไรขนาดนี้?
“คือแม่ก็รู้ว่าออฟน่ะหมายถึงอะไรนะ แต่ว่าปาโก้เนี่ยมันหมายความว่าอะไรน๊า” (แม่)
แล้วแม่พูดพึมพำอะไรบางอย่างออกมาอย่างผ่อนคลาย ซึ่งมันจะไม่ช้าไปหน่อยแล้วแล้วเรอะครับ
———————————————————–
“ฟู่ ฟู่……..”
นี่ผมเกือบจะได้ปีนขึ้นบันไดไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่เข้าซะแล้ว แต่มันช่างดูไม่ทันสมัยเอาซะเลยจริงๆ (บ่นสำนวนปีนขึ้นบันได)
และหลังจากที่ได้หนีออกจากห้องนรกและได้ไปที่ห้องนั่งเล่นรับรองที่ล๊อบบี้ ผมก็ได้นั่งลงบนโซฟาเพื่อพักสูดลมหายใจ และดับกระหายด้วยโค้กจากตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ผมเหนื่อยแล้ว……. ผมคิดว่าผมน่าจะไปแช่น้ำพุร้อนอีกสักครั้ง ความเหนื่อยล้าของผมไม่เพียงจะไม่หายไป แต่ดูเหมือนยังจะเพิ่มขึ้นซะอีกด้วย
ทั้งแม่และพี่สาวของผมนั้นดูตื่นเต้นแปลกๆ หรือว่านี่จะเป็นเรื่องปกติสำหรับการเดินทางเที่ยวของครอบครัวงั้นเหรอ? ผมน่ะไม่เคยไปเที่ยวพักผ่อนกับครอบครัวมาก่อน ผมก็เลยไม่รู้ แต่ถ้าหากเป็นกรณีนี้ การพักร้อนกับครอบครัวนั้นก็อาจจะค่อนข้างลำบากซะแล้วสิ ทริปครอบครัวนี่ช่างน่ากลัวจัง
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?” (???)
แล้วขณะที่ผมกำลังเอนกายลงบนโซฟาก็มีเสียงเรียกผมขึ้นมา มันเป็นเสียงของผู้ชาย ผมนั้นรู้สึกโล่งใจว่ามันไม่ใช่เสียงของผู้หญิงซึ่งอาจจะนำไปสู่ปัญหาได้
“คุณดูเหนื่อยมากเลย ยังสบายดีอยู่ใช่ไหม”(???)
“เปล่า มันก็แค่แมนดราโกร่า ……” (ยูกิ) [คนแปล: ไปเอาออกจริงๆสินะ]
“แมนดราโกร่า……?” (???)
“ไม่เป็นไร อย่าใส่ใจไปเลยครับ” (ยูกิ)
ผมสงสัยว่านี่เขาเป็นหนึ่งในพนักงานของที่นี่หรือเปล่า เพราะเป็นชายสูงวัยคนหนึ่ง
เขาได้มองมาที่ผมด้วยความเป็นห่วง แต่แล้วสีหน้าของเขาค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นประหลาดใจ
“นายเป็น…… ช่างไฟฟ้าของร้านอิเล็คโทรนิคไม่ใช่เหรอ?” (???)
“ครับ?” (ยูกิ)
MANGA DISCUSSION