เด็กชาย แก้ว Part 3
“ยูจัง เธอคิดว่าจะได้เล่นกันวันนี้ไหม?” (ฮินากิ)
เด็กชายและเด็กหญิงสองคนเดินเคียงข้างกันระหว่างทางไปโรงเรียนในตอนเช้า
ฮินากิ ซูซุริคาว่าก็ได้ถามเด็กชายที่อยู่ข้างๆ เธอด้วยดวงตากลมโต เด็กชายรู้สึกได้ว่ามีการออกแรงเพิ่มขึ้นไปอีกเล็กน้อยที่มือเขาที่เธอนั้นจับอยู่
“ฉันขอโทษฮิจัง เมื่อวานฉันยุ่งกับสิ่งที่ฉันต้องทำน่ะ” (ยูกิ)
“ทาโอจังเอง ก็อยากเล่นกับเธอด้วยนะ!” (ฮินากิ)
“ฉันว่าเราน่าจะเล่นได้แล้ววันนี้” (ยูกิ)
“ไชโย!” (ฮินากิ)
โพนี่เทลคู่ของเธอก็ปลิวขึ้นลงตามแรงกระโดด ทาโอจังนั้นเป็นน้องสาวของฮินากิ, ทาโอริ ซูซุริคาว่า ถ้าจะบอกว่าฮินากิเป็นเพื่อนสมัยเด็กของผม ผมคงคิดว่าคุณก็คงพูดได้ว่าทาโอรินั้นก็เป็นเพื่อนสมัยเด็กของผมด้วยเช่นกัน
ฮินากิเดินไปตามถนนด้วยรอยยิ้มกว้าง เธอนั้นดูมีความสุขมาก กับคำพูดของเธอที่ตรงไปตรงมานี้ มันให้รู้สึกถึงความอบอุ่นจากอารมณ์ของเธอ เป็นเด็กสาวที่แสดงอารมณ์ออกมาอย่างตรงไปตรงมาที่เด็กชายคนนี้ล้วนๆ ไม่ว่าตัวเขาจะไปอยู่ไกลแค่ไหนก็ตาม
แล้วยูกิโตะ โคโคโนเอะก็คิด “ทำไมฉันถึงถูกอะไรมารบกวนด้วยเรื่องไร้สาระแบบนี้กัน? ศัตรูและพันธมิตร ลำดับความสำคัญมันก็จะต้องอยู่กับที่พันธมิตรก่อนเสมอสิ ถ้าอย่างนั้น การผมที่ผมต้องเอาแต่ไปรับกับศัตรูของผม มันก็จะทำให้เสียเวลาไปเล่นกับเพื่อนของผมฮิจัง มันไม่คุ้มที่จะไปยุ่งกับพวกศัตรู มันช่างเสียเวลาเปล่า”
“งั้นฉันจะต้องจัดการเรื่องนี้ให้มันเสร็จๆไป” (ยูกิ)
“?” (ฮินากิ)
คำพูดนั้นถึงหูของฮินากิ ซูซุริคาว่าด้วย แต่ว่าเธอก็ไม่เข้าใจความหมาย ถึงอย่างนั้น ฮินากิก็ไม่เคยถามกลับ เพราะเด็กชายที่อยู่ด้วยกันข้างๆนี้ เขามักจะมองอะไรแตกต่างจากเธออยู่เสมอ แม้ว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนสมัยเด็ก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับเด็กชายที่เป็นแค่เพื่อนสมัยเด็กของเธอ สิ่งที่สำคัญก็คือหัวใจและความคิดของพวกเขาที่เชื่อมโยงกัน ถ้าเธอยังคงเชื่อว่าเธอกำลังคิดถึงเขาและเขาก็กำลังคิดถึงเธอ มันก็ไม่มีอะไรจะต้องทำให้กังวล
แต่แล้วสีหน้าของฮิรากงิ ซูซุริคาว่า ก็มืดมนลงไปเมื่อเห็น ยูกิโตะ โคโคโนเอะได้เดินไปหยิบรองเท้าแตะสำหรับรับแขก
“ยูจัง เธอยังหารองเท้าไม่เจอเหรอ?” (ฮินากิ)
ยังคงเป็นความจริงที่ว่ายูกิโตะ โคโคโนเอะ ได้หยิบรองเท้าแตะมาสวม นั่นก็หมายความว่าเขายังหารองเท้าของเขาไม่พบ
“หืม? ไม่ต้องห่วงมันนะ เดี๋ยวพวกมันจะกลับมาภายในวันนี้น่ะ” (ยูกิ)
“…… เข้าใจละ ใช่ พวกมันจะกลับมา!” (ฮินากิ)
ตาโตของเธอจ้องไปที่เด็กชาย แต่การแสดงออกของเด็กชายนั้นก็ยังคงเหมือนเดิมเสมอ มันมีบางสิ่งที่เธอสามารถเข้าใจได้ ถ้าหากเขาบอกว่ามันจะกลับมาวันนี้มันก็จะต้องเป็นเรื่องจริง
ฮินากิไม่สงสัยในคำพูดของยูกิโตะ โคโคโนเอะเลย เพราะเธอเชื่อในตัวเขา เพราะเขาเป็นคนรักษาคำพูด ดังนั้นเธอจึงมั่นใจว่าเขาจะต้องไม่เป็นไร ทั้งที่เธออยากจะให้เขาพบมันซะตอนนี้จริงๆก็ตาม แต่ถ้าหากเขาพูดอย่างนั้น เธอก็ต้องเชื่อเขา นั่นคือสิ่งที่เรียกว่าความไว้วางใจ
“ไปกันเถอะ! ยูจัง” (ฮินากิ)
เธอจะไม่ปล่อยมือนี้ไป เพราะเธอรู้ว่าการไม่ปล่อยมือนี้เป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่เธอทำได้ ในเวลานี้เธอรู้สึกได้อย่างแน่นอนแล้ว มันไม่ใช่เรื่องของตรรกะเหตุผล แต่เป็นความไร้เดียงสาแบบเด็กๆ หรือบางทีอาจจะเรียกได้ว่าเป็นสัญชาตญาณ
ถึงอย่างนั้น มันก็ได้เป็นความจริงในเวลานี้ ที่เด็กสาวคนนี้มีความเข้าใจได้ถูกต้องว่าใครๆ ว่าหัวใจของเธอนั้นได้เชื่อมโยงกับเด็กชายนั้นแล้ว และเธอก็ได้คำตอบที่ถูกต้องแล้วด้วย
และเพียงไม่นานเธอก็ได้ลืมตาขึ้น
——————————————————————————
[หลากหลายมุมมอง]
แล้วยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็ก้าวเข้ามาในห้องเรียนของเขา และนับแต่จังหวะนี้ไป ความเกลียดชังก็ได้พุ่งเข้ามาใส่เขา และเมื่อมองไปที่โต๊ะเรียนของเขา เขาก็ได้เห็นว่ามันแย่ยิ่งไปกว่าเมื่อวานเสียอีก สิ่งที่ถูกเขียนลงบนโต๊ะและหนังสือเรียนไม่ใช่แค่การตัวการ์ตูนล้อแต่มันเป็นคำดูหมิ่น ถุงผ้าที่แม่ของเขาที่ได้ให้ไว้ก็ฉีกขาดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยด้วยของมีคม ซึ่งอาจเป็นกรรไกร
“โอร่ะ ไอ้เปี๊ยก! นี่กล้าดียังไงมาโยนรองเท้าของพวกเราลงในสระน้ำ?” (ทาคายามะ)
นี่ผมคงจะทำให้แม่ของผมต้องมีปัญหาอีกครั้งแน่ ในขณะที่ยูกิโตะ โคโคโนเอะกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น ก็ได้มีคนตะโกนอะไรบางอย่างมา มันคือกลุ่มเด็กผู้ชายสามคนเดินเข้ามา ทาคายามะ ใช่ไหม? ผมก็ไม่เคยติดต่อรู้จักเขาอะไรดีนักมาก่อน นั่นคือทั้งหมดที่เขารู้เกี่ยวกับเขา แต่ก็ดูเหมือนพวกเขาจะโกรธ
“นี่นายทำมันใช่ไหม?” (ทาคายามะ)
“มันเปียกจนฉันกลับบ้านไม่ได้นะ!” (เพื่อนของทาคายามะ)
“นายกำลังพูดเรื่องอะไร?” (ยูกิ)
ยูกิโตะ โคโคโนเอะได้ลืมไปหมดแล้ว เมื่อวานนั้นเขาไม่ว่างเลย เพราะเขาดูจะเคลื่อนไหวร่างกายมากไป ถึงกับทำให้เขาไม่สามารถเล่นกับฮินากิ ซูซุริคาว่าได้ด้วยซ้ำ พอกลับถึงบ้านมันก็ค่ำแล้ว แต่เขาเองก็มีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำหลังจากนั้น ในช่วงเวลาที่วุ่นวายแบบนี้ เขาจึงได้ลืมสิ่งที่เขาทำลงไป
“นายเป็นคนโยนรองเท้าของฉันลงในสระ!” (ทาคายามะ)
“…… อา! ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้น ฉันไม่รู้ แต่ฉันคิดว่านายถูกขโมยนะ” (ยูกิ)
เขาจำได้แล้วว่าทำอะไรแบบนั้นไว้ แต่เขายักไหล่ ก็มันเป็นโจรที่ทำมัน ก็ถ้าหากเป็นโจรเอารองเท้าไปซ่อนไว้ คราวนี้ก็คงเหมือนเดิม มันจะต้องเป็น ไม่แปลกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้
“อย่ามากวนนะ!” (ทาคายามะ)
“ก็บางทีโจรอาจซ่อนมันไว้คงรู้ แต่ฉันไม่รู้” (ยูกิ)
ดูเหมือนว่าคงจะไม่ใช่แค่กลุ่มเด็กผู้ชายที่ไม่ชอบคำตอบนี้ เด็กชายและเด็กหญิงทั้งหมดต่างมองเขาด้วยความรังเกียจและดูถูก ความเกลียดชังเริ่มทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และสมดุลที่ยังคงไว้ด้วยแรงตึงผิวกำลังจะพังทลายลง ราวกับแก้วน้ำที่กำลังจะหก
“กำจัดขยะอย่างเขาไปที!” (???) [TL: จำประโยคนี้ไว้ให้ดีนะ]
มีคนพูดคำนี้ขึ้นมา มันเป็นเสียงของผู้หญิง แต่ถึงแม้ผู้หญิงคนนั้นจะไม่พูด แต่คนอื่นก็ยังคงพูดแบบเดียวกันอยู่ หรือไม่พวกเด็กผู้ชายที่อยู่ข้างหน้าเขาก็ดูจะถึงขีดจำกัดก่อน นั่นคือสิ่งที่แตกต่างกันเพียงอย่างเดียว
“ไอ้เวร! ไปตายซะ!” (ทาคายามะ)
แล้วทั้งสามคน ทาคายามะ อิโตะ และคิตะงาวะ ต่างก็รุมทุบตีเขาพร้อมกัน ไม่มีใครพยายามช่วย ยูกิโตะ โคโคโนเอะถูกทุบตีอย่างช่วยไม่ได้ เพื่อนร่วมชั้นก็ได้แต่มองดูอย่างสนุกสนาน มันเป็นความคาดหวังที่นั่น มันหลักการเบื้องต้นในการกำจัดคนทำทำเรื่องนี้กับพวกเขาราวกับเป็นวัตถุแปลกปลอม เป็นสิ่งที่ถูกต้องสำหรับเด็กชายและเด็กหญิงที่จะทำ
ก็เพราะเป็นเขาเองที่ทำให้เปียกรองเท้า ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ที่เป็นฝ่ายผิด ยูกิโตะ โคโคโนเอะเป็นสิ่งที่ชั่วร้าย และยูกิโตะ โคโคโนเอะ นั้นเป็นศัตรู
“หยุดนะ! มันไม่ใช่ฉัน! มันเจ็บ!” (ยูกิ)
ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ขอร้อง แต่ความรุนแรงยังก็ไม่หยุด
“หุบปาก! เราไม่ต้องการคนอย่างแก!” (ทาคายามะ)
“ตายซะ โจร!” (อิโตะ)
หลายคนรุมตี ยูกิโตะ โคโคโนเอะด้วยความรุนแรง
——————————————————
[มุมมองของ โคสุเกะ ทาคายามะ]
กลุ่มเด็กผู้ชาย รวมทั้งโคสึเกะ ทาคายามะ รู้สึกตื่นเต้นกับภาพยูกิโตะ โคโคโนเอะ ซึ่งย่อตัวลงกับพื้น พยายามปกป้องศีรษะของเขาโดยที่ไม่มีการต่อต้าน อะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาจากของทั้งกลุ่มก็ได้ทำลายเบรกและขจัดเหตุผลไป เมื่อพวกเขาเริ่มออกตัวแล้ว พวกเขาก็หยุดไม่ได้ พวกเขาไม่สามารถควบคุมมันได้อีกแล้ว
สิ่งที่เราทำคือความยุติธรรม แม้แต่เพื่อนร่วมชั้นของเราก็ยังสนับสนุนเรา โคสุเกะ ทาคายามะ รู้สึกเบิกบาน อีกฝ่ายเป็นอาชญากร เป็นคนเลวที่เอารองเท้าเราไปจมน้ำ แม้กลุ่มทั้งห้าคนใน Super Hero ในรายการของเช้าวันอาทิตย์ก็ยังรุมล้อมศัตรูของพวกเขาด้วยกันเป็นกลุ่ม ยูกิโตะ โคโคโนเอะ คือคนที่เป็นอาชญากรและเป็นคนผิด จึงไม่มีปัญหาอะไรกับการจะใช้เหตุผลนี้
“มันไม่ใช่ฉัน! นายกำลังทำฉันเจ็บ! หยุดนะ!” (ยูกิ)
เพื่อนร่วมชั้นหัวเราะและตะโกนอย่างไร้ความปราณี “ทำมากกว่านี้! ทุบเขาอีก!” ไม่มีใครมาหยุดการทุบตี ราวกับว่าพวกเขาโกรธมากจนเกินไปที่ทำให้รองเท้าเปียก ทาคายามะและคนอื่นๆ หยุดตัวเองไม่ได้อีกต่อไป ถึงจะมีบางคนไม่ต้องการอะไรอย่างนั้น อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ไม่เป็นผลกับสภาพที่มีบรรยากาศที่มีแบบนี้
โคสุเกะ ทาคายามะ รู้สึกว่าได้รับรู้รสชาดของความพึงพอใจของเขา เขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุด การมีอยู่ที่ได้กดขี่ผู้อื่น ผู้ทรงอำนาจครอบครองเหนือไปกว่าผู้อ่อนแอ “ฉันเป็นคนเข้มแข็ง ฉันมีพลัง” เขามัวเมาไปด้วยความรู้สึกมีอำนาจทุกอย่างในขณะที่เขาต่อยคนที่น่ารำคาญที่หมอบอยู่ข้างหน้าเขา
ฉันคือผู้มีอำนาจเหนือใคร ในชั้นประถมศึกษาตอนต้น ถึงแนวคิดเรื่องชนชั้นของโรงเรียนจะยังไม่ได้รับการจัดตั้งขึ้นอย่างสมบูรณ์ แต่อย่างไรก็ตาม มันกำลังจะถูกสร้างขึ้นมาอย่างแน่นอน ผู้คนย่อมไม่เท่าเทียมกัน และผู้อ่อนแอไม่ได้รับอนุญาตให้ท้าทายต่อผู้แข็งแกร่ง นั่นคือกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดของโลกใบนี้
“นายกำลังทำร้ายฉัน! หยุดนะ! มันไม่ใช่ฉัน!” (ยูกิ)
จู่ๆ ก็มีบางอย่างรู้สึกแปลกๆ ราวกับเครื่องบันทึกเสียงที่พัง…..
แต่ความรู้สึกไม่สบายใจเล็กๆ น้อยๆ ดังกล่าวถูกกลบไปด้วยความรู้สึกอิ่มเอมใจอย่างท่วมท้น สิ่งเดียวที่เขาคิดได้ในตอนนี้คือทำให้เจ้าขยะที่น่าสังเวชที่อยู่ข้างหน้าเขาคลานไปรอบๆ นอนกองร้องไห้และหัวเราะเยาะใส่เขา
———————————————————————
[มุมมองของ ซันโจจิ]
“พวกเธอกำลังทำอะไร!?” (ซันโจจิ)
“ทุกคนหยุดนะ!” (ฮิมิยามะ)
เรียวกะ ซันโจจิและมิซากิ ฮิมิยามะได้วิ่งเข้ามาในห้องเรียน
“ผู้ชายคนนี้มันเลว!” (???)
เรียวกะ ซันโจจิ ถึงกับอกแตกสลายที่ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีของเธอได้กลายมาเป็นจริง ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา มิซากิ ฮิมิยามะก็เริ่มที่จะเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อวานหลังเลิกเรียนมีความโกลาหลขึ้นนิดหน่อย เป็นเพราะรองเท้าของนักเรียนจมอยู่ในน้ำ ในตอนแรก นักเรียนคนหนึ่งรายงานว่ารองเท้าถูกเอาไปซ่อนไว้ แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่คนเดียวที่รายงานเรื่องนี้ รองเท้าของทั้งชั้นเรียนหายไป เป็นการแก้แค้นที่ใหญ่เกินไปสำหรับคนเพียงคนเดียว เป้าหมายมันกว้างเกินไป แล้วถ้าหากมันไม่ใช่การแก้แค้นแล้วมันจะเรียกว่าอะไร?
นักเรียนของเรียวกะ ซันโจจิ และมิซากิ ฮิมิยามะ ได้วิ่งไปทั่วโรงเรียนเพื่อค้นหา อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ได้พบมันในสถานที่ที่ไม่ได้อยู่ในเขตอาคารเรียน พวกเขาพบมันในสระน้ำที่ลานด้านหน้า
ไม่มียูกิโตะ โคโคโนเอะ อยู่ในหมู่นักเรียนที่กำลังค้นหา แน่นอนว่าจะต้องเป็นยูกิโตะ โคโคโนเอะ ที่เป็นคนทำมัน ซันโจจิ จำคำพูดของยูกิโตะ โคโคโนเอะได้ เขาบอกว่าเราทุกคนเป็นศัตรูกัน นั่นคือสิ่งที่เขาพูด ปกติแล้วฉันจะต้องเรียกให้เขาอยู่ทันที ไม่มีทางที่เธอควรจะปล่อยให้เขาทำทั้งหมดนี้ได้และไม่รายงานให้พ่อแม่ของเขาทราบ
แต่ถึงอย่างนั้น แม้ว่าเธอจะแน่ใจว่าเป็นยูกิโตะ โคโคโนเอะ, เรียวกะ ซันโจจิก็ยังคงลังเล
เพราะพวกเธอเพิ่งจะได้ใส่ร้ายเขาไปในความผิดที่เขาไม่ได้ก่อ แถมพวกเธอก็เพิ่งจะบอกแม่ของเขาเกี่ยวกับอาชญากรรมที่เขาไม่ได้ทำ และแถมยังแนะนำให้เธอไปบอกกับเขา ไม่ว่าพวกเธอจะมั่นใจแค่ไหน พวกเธอจะแน่ใจได้อย่างไรกันว่ายูกิโตะ โคโคโนเอะเป็นผู้กระทำผิด พวกเธอไม่สามารถปฏิบัติต่อเขาในฐานะผู้กระทำความผิดได้อีกแล้ว เพราะในเมื่อพวกเธอเคยตั้งข้อกล่าวหาเท็จและไม่มีหลักฐานที่จะสนับสนุน
ดังนั้นพวกเธอจึงลังเล
แล้ววันรุ่งขึ้น พวกเธอเลื่อนแผนการพูดคุยกับยูกิโตะ โคโคโนเอะออกไป
เธอพยายามโน้มน้าวนักเรียนแล้ว แต่ว่าพวกเขาก็ไม่เชื่อ เธอได้ทำผิดพลาดอีกแล้ว การตัดสินที่หละหลวมแบบนั้นนำไปสู่การจู่โจมในครั้งนี้ มันไม่ใช่การต่อสู้ เป็นการทำร้ายแต่เพียงฝ่ายเดียว เขาหมอบลงอย่างอ่อนแรง ดูเหมือนกับเรียวกะ ซันโจจิและมิซากิ ฮิมิยามะ จะมองเห็นว่านี่เป็นภาพที่พวกเขาได้้เห็นนั้นเป็นสิ่งที่ไม่อยากจะเชื่อ แต่ภาพที่อยู่ตรงหน้าพวกเธอนั้นก็คือความจริง
“มันไม่ใช่ฉัน! หยุดนะ! นายกำลังทำฉันเจ็บ!” (ยูกิ)
ทาคายามะและคนอื่นๆ ไม่ได้หยุดการโจมตีแม้ว่าจะเห็นครูมาแล้วก็ตาม ไม่ พวกเขาหยุดไม่ได้ พวกเขาอยู่นอกเหนือจากการควบคุมของตัวเองไปแล้ว
—————————————————————
[มุมมองของ โคสุเกะ ทาคายามะ]
อ่า นี่มันสนุกจัง ทำไมมันถึงได้สนุกที่ได้จะเหยียบย่ำคนอ่อนแอขนาดนี้? การต่อย เตะ และทำให้เขาคุกเข่าลงไปได้เป็นสิ่งที่สนุกที่สุด เป็นความบันเทิงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในพื้นที่นี้ ในขณะนี้
จะเรียกมันว่าเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ก็ได้ เป็นธรรมชาติของสัตว์ป่าที่เปลือยเปล่า ไม่ว่าสังคมมนุษย์จะเติบโตไปสักแค่ไหนก็ไม่มีวันจางหายไป ทุกคนมักต้องการล่า เหยียบย่ำ และทำให้ผู้อื่นต้องคุกเข่าลงอยู่เสมอหากพวกเขามีโอกาศ!
และนั่นก็คือเหตุผลที่ว่า
หากจะต้องหยุดความรุนแรงดังกล่าว…
ก็มีเพียงสิ่งเดียวที่จะหยุดความรุนแรงแบบนั้นได้…..
ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นอยู่เสมอ-
มันก็คือความรุนแรงที่มากกว่า
เพียงครู่หนึ่งเรียวกะ ซันโจจิ เหมือนรู้สึกได้ว่าการมองของเธอนั้นไปสบตรงเข้ากับตาของยูกิโตะ โคโคโนเอะ พอดี
แล้วในตอนนั้นเอง ราวกับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็ได้ลุกขึ้นยืนและถีบโคสุเกะ ทาคายามะ ออกไปอย่างแรง
เขาถูกส่งออกไปไกล ทำให้โต๊ะและเก้าอี้กระจัดกระจาย
“เอ๊ะ?” (ฮิมิยามะ)
มิซากิ ฮิมิยามะ นันยังคงไม่เข้าใจ ไม่ใช่แค่นั้น แต่เครื่องหมาย “?” ก็ได้ลอยอยู่เหนือศีรษะของทุกคนที่อยู่ในห้องเรียน แล้วเสียงเชียร์ที่ดังอยู่ก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยความเงียบในทันที
ยูกิโตะ โคโคโนเอะ จับงอนิ้วของ อิโตะ ไปด้านหลังและขณะนั้นเขาก็ได้คว้าตัวเขาเข้ามาและต่อยเขา
“จ๊าาาาาาก!” (อิโตะ)
เขาต่อยอิโตะซึ่งได้ปล่อยมือจากเขาในทันที
“กะ…แกทำบ้าอะไร?” (คิตางาวะ)
คิตางาวะไม่สามารถซ่อนความไม่พอใจของเขาจากสิ่งที่ระเบิดออกมาอย่างกะทันหันได้ คิตางาวะก็เข้าไปหาเขา แต่ถึงแม้เขาจะเหวี่ยงหมัดไป ร่างกายส่วนล่างของเขาก็ไม่ยอมตาม
ตั้งแต่แรกแล้ว ยูกิโตะ โคโคโนเอะนั้นคุ้นเคยกับการต่อสู้ เป็นเด็กชายผู้เคราะห์ร้ายไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ก็ได้มีประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาพอสมควร มันก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษ และเขารู้สึกว่ามันไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น เพื่อที่จะสามารถเผชิญหน้ากับสถานการณ์ต่างๆได้ เขาออกวิ่งและฝึกฝนความแข็งแกร่งอยู่เป็นประจำ เพราะเขาไม่คิดว่าเขาจะสามารถจัดการกับใครบางคนที่เข้ามาหาตัวเขาอย่างด้วยความกระหายและตื่นเต้นได้ง่ายๆ
และเมื่อเขาเหวี่ยงหมัดไป ใจขณะที่ขายังไม่มั่นคง ทำให้ร่างกายของคิตางาวะก็ทรุดตัวลงไปอย่างง่ายดาย
เขาถูกลากลงและเขาก็ถูกเตะออกไปเหมือนกับลูกฟุตบอล
“…… ฮึก!” (คิตางาวะ)
โต๊ะกับเก้าอี้กระจัดกระจายอีกครั้งพร้อมเสียงดัง
ทาคายามะลุกขึ้นมาด้วยสีหน้าสับสน ราวกับว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ความรู้สึกเบิกบานใจที่เขาได้รู้สึกก่อนหน้านี้ยังคงครอบงำเขาอยู่และเขาก็จะยังตรงเข้าไปทำร้ายเขาต่อ
“แกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก!” (ทาคายามะ)
แต่เขาก็ได้เตะทาคายามะในแนวตรงเข้าที่หัวเข่า ซึ่งเป็นกระแทกเขาอย่างจังๆ แล้วเขาก็ล้มลงพร้อมกับเสียงดับตุ้บ จากนั้นเขากระแทกเข่าเข้าไปที่ตรงใบหน้าของเขา
“…..อั๊ก!” (ทาคายามะ)
เขาทรุดตัวลง เสียงของเขาตอนนี้แทบจะไม่ได้ยิน ที่จมูกของเขามีเลือดออก แล้วยูกิโตะก็เข้าไปจับผมทาคายามะและดึงเขาขึ้น จากนั้นก็จับกระแทกหน้าของเขาเข้าไปที่กำแพง
“…… ก๊า!” (ทาคายามะ)
ไม่มีใครสามารถขยับได้ พวกเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
และมันก็เหมือนกันสำหรับพวกทาคายามะและคนอื่นๆ
ฉันควรจะเป็นคนที่แข็งแกร่งสิ ฉันควรที่จะเป็นฮีโร่ ฉันควรจะเป็นการแสดงตนได้อย่างท่วมท้นที่จะเหยียบย่ำ ทำให้คุกเข่า ครอบงำ และเหยียบย่ำผู้อ่อนแอสิ!
แล้วมันทำไม ทำไม ทำไมกัน?
กลายเป็นฉันเองที่กำลังถูกทุบตีอยู่ตอนนี้ใช่ไหม?
ไม่ว่าฉันจะปฏิเสธที่จะเข้าใจมากแค่ไหน ก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง และความเร่าร้อนที่ปลุกเร้าฉันก็ได้ลดลงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อฉันสงบลงและอะดรีนาลีนหยุดหลั่งออกมา สิ่งที่กำลังรอฉันอยู่คือความจริงของความเจ็บปวด
“อ้อ เอาล่ะ ทาคายามะ รองเท้าฉันหายไปนะ นายเห็นมันไหม” (ยูกิ)
“นะ…นายกำลังพูดถึงอะไร” (ทาคายามะ)
มันคำพูดที่เย็นชาและน่ากลัวที่เข้ามาถึงหูของฉัน
มันแปลก ทั้งที่เมื่อสักครู่นี้ เจ้านี่เมื่อกี้ยังเป็นคนอ่อนแออย่างอนาถใจอยู่เลยนะ!
แต่แล้วเด็กชายคนนั้นก็ได้กระแทกใบหน้าของเขาเข้ากับกำแพงอีกครั้ง ดูเหมือนไม่ได้มีความกังวลอะไร ราวกับว่าเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น
“—หยุด หยุดนะ!” (ทาคายามะ)
ราวกับเป็นเพียงเสียงกรุ๊งกริ๊งที่น่ารำคาญ
“นายไม่ได้หยุดตอนที่ฉันก็พูดอย่างนั้นใช่ไหมล่ะ? แล้วโจรน่ะเหรอที่ขโมยรองเท้าของฉัน?” (ยูกิ)
เขาก็ทุบเขาเข้าไปอีกครั้ง
“เฮ้ ทาคายามะ รู้ไหมว่ามันอยู่ที่ไหน?” (ยูกิ)
ความทรมานที่แสดงอยู่ในดวงตาของทาคายามะหายไป สิ่งที่อยู่ในสายตาของเขาตอนนี้ก็คือความกลัว ความเป็นจริง ทั้งความกลัวและความเจ็บปวดที่ไม่เคยได้คาดคิดได้ครอบงำอารมณ์ที่เบิกบานของเขาและทำให้มันห่อเหี่ยว
“เอามันคืนมาให้ฉัน” (ยูกิ)
เขาเพียงแค่บอกมันไปแค่นี้เท่านั้น
“อ๊าาาาาาาาาาาาาา!” (ทาคายามะ)
แล้วโคสุเกะ ทาคายามะก็ได้วิ่งออกจากห้องเรียน พร้อมกับกรีดร้องและร้องไห้ไปด้วย
———————————————————-
แล้วเขาก็หันหน้าไปหาเพื่อนร่วมชั้นที่กำลังกระวนกระวายและส่งเสียงกรีดร้องใส่เขา จากนั้นเขาก็เดินไปหาพวกเขาอย่างฉุนเฉียว ทุกคนอยากจะหนีไป แต่ขาของพวกเขามันสั่นและขยับไม่ได้ โลกได้เปลี่ยนไปในชั่วพริบตา และพวกเขาตามไม่ทัน
“กำจัดขยะอย่างเขาไปใช่ไหม? นี่ก็หมายความว่าฉันสามารถทุบตีเธอด้วยได้ใช่มั้ย?” (ยูกิ)
“เอ๊ะ? …… อ่า ไม่ …….” (อาคาริ)
แล้วเขาคว้าตัวอาคาริ คาซาฮายะ ด้วยการดึงเสื้อที่หน้าอก
ด้วยความกลัว ฉันก็เลยพูดไม่ได้ เพราะฉันรู้สึกเสียใจที่เห็นรองเท้าของฉันเปียกน้ำและคนที่ทำมันก็ได้ถูกทุบตี ฉันอยากให้เขาต้องทรมานมากกว่านี้ นั่นก็เป็นเหตุผลที่ฉันส่งเสียงเชียร์ ไม่มีอะไรแปลกกับฉัน มันควรจะเป็นอย่างนั้น แต่ทำไมเรื่องนี้ถึงเกิดขึ้น? (อาคาริ คิด)
ราวกับว่าเธอเพิ่งจะถูกปลดออกจากพันธนาการ เรียวกะ ซันโจจิก็ได้รู้สึกตัวและส่งเสียงของเธอขึ้น
“เธอจะทำร้ายผู้หญิงไม่ได้นะ!” (ซันโจจิ)
“พวกเราอยู่ในโลกที่ชายหญิงเท่าเทียมกันนะครับ” (ยูกิ)
“ปะ-เปล่า ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น!” (ซันโจจิ)
เธอนั้นรีบเข้าหายูกิโตะ โคโคโนเอะ และพยายามหยุดเขา เขาจับเสื้อที่หน้าอกของเธอด้วยแรงที่น่ากลัว เขาสามารถดึงมันขาดออกได้ แต่เขาไม่ได้มีความรู้สึกที่อยากจะทำ
“พวกเราเองก็มีความผิดเหมือนกัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ผมถูกทุบตี และคนเหล่านี้ก็ส่งเสียเชียร์ ไม่รู้เหรอครับ? ว่านั่นน่ะมันคือความรุนแรงด้วยเช่นกัน คุณก็เห็นแล้วนี่ใช่ไหม?” (ยูกิ)
“นะ-นั่นมัน…….” (ซันโจจิ)
พอมาถึงจุดนี้แล้ว เรียวกะ ซันโจจิก็ตระหนักได้ในที่สุด มันสายเกินไปที่จะรู้สึกตัวถึงสิ่งนั้น การจู่โจมโดยทาคายามะและคนอื่นๆ ได้เริ่มต้นขึ้นไปก่อนที่พวกเธอจะมาถึงห้องเรียน และมันก็ยังคงดำเนินต่อไปแม้หลังจากที่พวกเธอมาถึงแล้ว และเด็กชายคนนี้ตั้งใจพยายามแสดงให้พวกเธอได้เห็น
เพื่อเป็นการพิสูจน์การกระทำของเขา ถึงแม้ว่าเขาอาจหลุดออกประเด็นไปไกลจากจุดเริ่มต้น และมันไม่มีอะไรผิดเลยกับสิ่งที่เขาได้พูด มันมีแต่การหนุนนำและสนับสนุน ซึ่งยังไงก็เห็นได้ว่าไม่มีใครจะช่วยเขาอยู่ดี นั่นก็หมายความว่าพวกเขาทั้งหมดได้มีความผิดในสิ่งเดียวกันนี้กับเขา
“แล้วสิ่งที่คุณทำกับผมก็เป็นการละเมิดกฎหมายเช่นกัน” (ยูกิ)
“นั่นมัน……!” (ซันโจจิ)
ไม่มีที่ว่างให้สำหรับการโต้แย้ง ถูกตัอง เพราะเธอเป็นสาเหตุของเรื่องทั้งหมดนี้ เธอไม่แม้แต่จะฟังคำพูดสักคำเดียวที่เขาพูด และนี่ก็เลยเป็นสิ่งที่เกิดขึ้น
“ฉันจะจัดการพวกมันให้หมดซะเลยตอนนี้” (ยูกิ)
“อะไร? ……! ฉันไม่ได้ทำอะไรนะ!” (เพื่อนร่วมชั้น)
“ฉันไม่รู้อะไรกับพวกเขานะ! พวกเขาทำมันด้วยตัวเอง!” (เพื่อนร่วมชั้น)
มันเป็นการหลีกเลี่ยงความรับผิดชอบ, การเก็บปกป้องตนเอง ฝูงเด็กก็เริ่มฮือฮาขึ้น ใครจะยอมทำแบบนั้นหากพวกเขาได้ยินแบบนั้นไป แถมพวกเขาทำมันต่อหน้า พวกเขาได้ทำมันไปอย่างไม่มีเหตุผล
“ไม่นะ! เธอจะใช้ความรุนแรงต่อไปอีกไม่ได้แล้วนะ!” (ฮิมิยามะ)
“แล้วคุณจะทำยังไงล่ะ? หนังสือเรียนและกระเป๋าที่แม่ทำไว้ให้ก็พังยับเยินรุ่งริ่ง นี่มันไม่ใช่ความรุนแรงเหรอครับ?” (ยูกิ)
“ทำไมพวกเขาถึงทำเรื่องแย่ๆ แบบนี้ ……” (ฮิมิยามะ)
แล้วมิซากิ ฮิมิยามะก็ถือถุงผ้าขาดรุ่งริ่งขึ้นมาในมือที่สั่นเทา เธอไม่สามารถละสายตาจากมันไปได้ ราวกับว่าเธอถูกบอกว่านี่น่ะมันเป็นบาปของเธอ
“ติดต่อผู้ปกครองของคนเหล่านี้ทั้งหมดสิ คุณทำได้ไม่ใช่เหรอ เหมือนกับที่ติดต่อกับแม่ของผมทั้งๆที่ผมไม่ได้ทำเป็นคนทำ แต่ว่าทุกอย่างที่พวกเขาทำนั้นล้วนแต่เป็นเรื่องจริง” (ยูกิ)
มันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่จะเก็บซ่อนมันอีกต่อไป มิซากิ ฮิมิยามะไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องติดต่อทาคายามะผู้เป็นพ่อแม่ของเขา แต่ว่าเด็กชายที่อยู่ตรงหน้าเธอก็ยังดูเหมือนจะไม่มีเจตนาที่จะปล่อยให้เรื่องพวกนี้จบลง สิ่งที่ยูกิโตะ โคโคโนเอะกำลังพูดก็คือ เขาต้องการให้พวกเธอบอกพ่อแม่ของทุกคนเกี่ยวกับการกระทำที่โง่เขลาของพวกเขา แล้วให้พวกเขามาขอโทษ
“ดะ-เดี๋ยวก่อน! ได้โปรด ให้เวลาฉันหน่อยเถอะ! ฉันจะไม่แสร้งทำเป็นว่าสิ่งนี้ไม่เคยเกิดขึ้นหรอกนะ คราวนี้ฉันอยากฟังเรื่องราวของเธอดีๆอย่างถูกต้อง!” (ซันโจจิ)
ความอึดอัดใจ มึนงง สับสน ทำให้เธอคิดอะไรไม่ออก และไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน สำหรับตอนนี้ สิ่งที่เธอทำได้ก็คือพยายามพิจารณาสิ่งต่างๆให้มันดีที่สุด
“—- พวกคุณกำลังเอะอะอะไรกัน” (โทยามะ)
แล้วคนที่เข้ามาขัดจังหวะความคิดของเรียวกะ ซันโจจิก็คือ โทยามะ รองอาจารย์ใหญ่
———————————————————–
[มุมมองของ ซันโจจิ]
“คุณครูซันโจจิ นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ?” (โทยามะ)
“ไม่ นี่คือ…….” (ซันโจจิ)
แล้วรองอาจารย์ใหญ่โทยามะก็ได้ถาม เรียวกะ ซันโจจิ แต่เธอเองก็ไม่รู้ว่าว่าจะตอบอย่างไร เธอจึงพูดไม่ออก
ทำไมรองอาจารย์ใหญ่ถึงได้มาอยู่ที่นี่ล่ะ? ฉันคิดอย่างนั้น แต่ก็คงเพราะด้วยเสียงอื้ออึงทั้งหมด คงทำให้คนอื่นๆ นอกชั้นเรียนก็น่าจะได้ยิน และบางทีรองอาจารย์ใหญ่ที่บังเอิญผ่านมาจึงสังเกตเห็น แต่ไม่ว่าจะด้วยอะไรก็ตามมันก็เป็นความโชคร้าย ฉันก็จะต้องรอจนกว่าสถานการณ์จะสงบลงก่อนจึงจะสามารถอธิบายได้
“เอ่อ ผมกำลังรอคุณอยู่เลยนะครับ รองอาจารย์ใหญ่” (ยูกิ)
“เธอคือ……. เธอเป็นคนสร้างปัญหาทั้งหมดนี้เหรอ?” (โทยามะ)
ยังไงก็ตาม ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ยูกิโตะ โคโคโนเอะ กลับพูดกับรองอาจารย์ใหญ่โทยามะ อย่างเป็นมิตร ทั้งเรียวกะ ซันโจจิและมิซากิ ฮิมิยามะ ก็รู้โดยสัญชาตญาณได้ว่านี่มันไม่ดีแล้ว ถ้าเด็กคนนั้นทำอะไร มันก็จะไปในทิศทางที่แย่ที่สุดเท่านั้น
“ไม่ ผมไม่ใช่ครับ มันเป็นแค่การถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว” (ยูกิ)
“อะไรนะ? ช่วยอธิบายให้ฉันฟังตั้งแต่ต้นที” (โทยามะ)
แม้ว่าเขาจะไม่ดูเป็นกังวลอะไร แต่ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็ได้ถูกทำร้ายอย่างหนักจนดูสภาพคล้ายกับซากเรืออับปางที่ดูยับเยิน แม้แต่ผู้ที่มองจากด้านนอกทั่วไปก็คงจะสามารถบอกได้ว่านี่ไม่ใช่การโกหก ดวงตาของโทยามะนั้นก็ดูเคร่งขรึมขึ้น แต่ยูกิโตะ โคโคโนเอะยังคงพูดต่อไปราวกับว่ามันไม่ได้สำคัญอะไร
“ยังไงก็ตาม รองอาจารย์ใหญ่ครับ ผมอยากจะขอให้คุณพูดยืนยันในเรื่องเมื่อวานก่อนนั้นได้ไหมครับ” (ยูกิ)
“นี่เธอกำลังพูดเรื่องอะไรน่ะ? ช่วยอธิบายทีว่าเกิดอะไรขึ้น” (โทยามะ)
“เพื่อให้ทุกอย่างมันชัดเจน และก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่รองอาจารย์ใหญ่จะบอกกับพวกเราครับ ผมพอจะขอคุณให้ช่วยได้ไหมครับ? ช่วยพูดให้ผมได้ฟังอีกครั้ง” (ยูกิ)
“แล้วมันเกี่ยวกับ……?” (โทยามะ)
โทยามะที่ถูกจับจ้องโดยยูกิโนะ โคโคโนเอะ ซึ่งก็ได้โค้งคำนับเขาอย่างตรงไปตรงมา
“ฮาห์ ……. ฉันเข้าใจแล้ว แล้วเธอจะถามอะไรฉันล่ะ?” (โทยามะ)
“ขอบคุณมากครับ” (ยูกิ)
แล้วเรียวกะ ซันโจจิก็ได้เริ่มเข้าใจในสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
ที่หน้าห้องเรียนยูกิโตะ โคโคโนเอะ ได้ถามคำถามไปกับรองอาจารย์ใหญ่โทยามะ
“รองอาจารย์ใหญ่ได้เดินผ่านทางเดินหน้าในห้องเรียนหลังเลิกเรียนเมื่อสามวันก่อนรึเปล่าครับ?” (ยูกิ)
“ใช่แล้วล่ะ มันก็ถูกต้อง เพราะว่าฉันมีแผนจะไปที่ร้านขายข้างถนนเพื่อซื้อของกินน่ะ” (โทยามะ)
“แล้วตอนนั้นกี่โมงครับ” (ยูกิ)
“มันก็น่าจะสักหลัง 16:00 น.ไปนิดหน่อยนะ ฉันคิดว่า……?” (โทยามะ)
“แล้วตอนนั้นมีคนอยู่ในชั้นเรียนหรือไม่ครับ” (ยูกิ)
“ใช่ ยังเหลือเด็กนักเรียนเพียงคนเดียวน่ะ ฉันจำได้ว่าฉันบอกให้เขาระวังและกลับบ้านโดยให้ระวังอุบัติเหตุด้วย” (โทยามะ)
“เอ๊ะ?” (ฮิมิยามะ)
และมันก็คือสิ่งที่มิซากิ ฮิมิยามะเป็นคนพูดขึ้นไว้
วันนั้นเลิกเรียนก่อนเวลา 15.00 น. มันจึงหาได้ยากที่จะมีนักเรียนอยู่ในชั้นเรียนจนถึงช่วง 4 โมงเย็น
“นักเรียนคนนั้นเป็นใครครับ” (ยูกิ)
“ใช่? ใช่แล้ว.…… โอ้ เขานั่นน่ะ” (โทยามะ)
แล้วรองอาจารย์ใหญ่โทยามะก็ได้มองไปรอบๆ และชี้นิ้วไปที่เขาคาซุฮิโระ โอคาโมโตะ ที่เขามองลงมาและเห็นว่าตัวสั่นอยู่
“ขอบคุณครับ รองอาจารย์ใหญ่ คำถามสุดท้ายนะครับ ตอนนั้นเขาอยู่ตรงไหนครับ” (ยูกิ)
“หืม? เขานั่งอยู่ที่นั่นและก็เตรียมจะออกไปน่ะ” (โทยามะ)
“ตอนนี้ทุกอย่างก็เรียบร้อยแล้ว คุณเป็นรองอาจารย์ใหญ่ที่ยอดเยี่ยม คุณทั้งหล่อ ใจดี และน่ายกย่อง คุณคือกระจกเงาของคุณครู! ผมรู้สึกเคารพคุณมากครับ” (ยูกิ)
“โอ้ จู่ๆ ก็.. แต่ฉันรู้สึกขอบใจที่เธอพูดอย่างนั้นนะ แต่เธอคิดว่าเธอถามหาข้อมูลไปทำอะไรกัน……?” (โทยามะ)
แล้วยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็ได้เข้าไปหาคาซุฮิโระ โอคาโมโตะ และต่อยไปที่หน้าเขา
ผั่ว!
และหลังเสียงกระแทกนั้นดังขึ้นคาซุฮิโระ โอคาโมโตะ ก็ปลิวไป
“โอ้ย! นายทำอะไรน่ะ? หยุดนะ!” (โอคาโมโตะ)
แต่ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็ได้เข้าลากโอคาโมโตะ ออกมาแล้วโยนเขาออกไปที่หน้าชั้นเรียน
“รองอาจารย์ใหญ่ครับ โต๊ะเรียนที่โอคาโมโตะเตรียมตัวจะออกไป มันเป็นโต๊ะเรียนของผมจริงๆครับ” (ยูกิ)
“อะไรนะ?” (โทยามะ)
“นายโอคาโมโตะ นายมาทำอะไรที่โตะของฉัน” (ยูกิ)
ในขณะนี้ ทั้งเรียวกะ ซันโจจิ และมิซากิ ฮิมิยามะ ซึ่งตอนนี้ทำได้เป็นเพียงแค่ผู้ยืนเฝ้าดูเท่านั้น และนั่นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเธอไม่สามารถเคลื่อนไหวอะไรได้ ราวกับว่าพวกเธอเป็นเพียงส่วนหนึ่งของผู้ชมการแสดง หรืออีกนัยหนึ่งมันเป็นการทำเพื่อรอขออภัยโทษ
“ฉันไม่ได้ทำอะไรนะ! ฉันแค่บังเอิญนั่งอยู่ที่นั่น–” (โอคาโมโตะ)
“นายเตรียมที่จะออกไปนี่? นายเอาอะไรออกไปจากโต๊ะของฉัน ไม่สิ นายใส่อะไรลงไปใช่ไหม? นายขโมยตลับของผู้หญิงคนนั้นไปใช่ไหม?” (ยูกิ)
“น- นายเข้าใจผิดแล้ว! ฉัน–” (โอคาโมโตะ)
“นายขโมยมันมา” (ยูกิ)
“ไม่ใช่! ฉันกำลังจะเอาไปคืน—-!” (โอคาโมโตะ)
ไม่มีการแสดงออกใดๆออกมาราวกับสวมหน้ากากโนะที่มีแสดงอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงหรือข่มขู่ แต่อย่างไรก็ตาม คำสารภาพนี้มันก็เป็นการสารภาพบาปด้วยคำพูดมากกว่าอะไรอื่น
“นั่นพอแล้ว! นี่มันเกิดอะไรขึ้น บอกฉันที!” (โทยามะ)
โทยามะรู้สึกมึนงงกับสถานการณ์จึงนี้จึงขึ้นเสียงขึ้นมา
แล้วยูกิโตะ โคโคโนเอะก็ได้มองไปรอบๆ แล้วก็พูดขึ้นว่า
“ก็ง่ายๆครับ คนพวกนี้มารวมตัวกันและใส่ร้ายผมในข้อหาก่ออาชญากรรม แค่นั้นแหล่ะครับ” (ยูกิ)
“คนพวกนี้” เป็นคำที่เรียวกะ ซันโจจิ และมิซากิ ฮิมิยามะ ก็รู้สึกว่าพวกเธอนั้นก็ถูกรวมอยู่ในสิ่งที่ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ได้เรียกพวกเขา
ด้วยความไม่คาดคิด สำหรับคาซุฮิโระ โอคาโมโตะ มันไม่มีทางอะไรเลยที่จะพูดขึ้นได้ ด้วยความกลัวความสับสนที่เพิ่มขึ้น โอคาโมโตะ จึงไม่กล้าแม้แต่จะพูดว่าเขาเป็นผู้กระทำความผิด เขาทำได้เพียงมองมาจากข้างๆเท่านั้น แต่สุดท้ายเวรกรรมก็ตามมาถึง
“ทำไมเธอถึงได้……” (โทยามะ)
แล้วโทยามะก็มองไปที่เขาอย่างขมขื่น ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ได้บอกทุกสิ่งของทุกอย่างที่พวกเขาทุกคนได้ทำออกมาตั้งแต่ต้น และทั้งเรียวกะ ซันโจจิและมิซากิ ฮิมิยามะเองก็ไม่สามารถที่จะโกหกในสถานการณ์แบบนี้ได้ และในระหว่างนี้ ทาคายามะที่กำลังร้องไห้ก็กลับมาพร้อมรองเท้าของยูกิโตะ แต่ยูกิโตะก็เข้าไปทุบตีเขาอีก และเกิดการชุลมึนขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นทั้งสามคนผู้ถูกทุบตีก็ถูกย้ายไปที่ห้องพยาบาล
“โชคดียังดีที่รองอาจารย์ใหญ่มาเห็นเหตุการณ์และช่วยชีวิตผมไว้ แต่ผมคงจะต้องจะไปปรึกษาทนายความล่ะครับ” (ยูกิ)
“เอ่อ ทนาย….” (ซันโจจิ)
“ผมนั้นยังไม่ได้แตะต้องตลับนั้นเลย ดังนั้นตลับอันนั้นก็ควรที่จะมีลายนิ้วมือของผู้กระทำความผิดติดอยู่” (ยูกิ)
“อย่างนั้นมัน……” (ซันโจจิ)
เธอนั้นไม่อาจซ่อนความตกใจเมื่อได้ยินคำว่า “ทนาย” ออกจากปากเด็กคนนี้ หากเป็นเช่นนี้ ความวุ่นวายก็จะลุกลามออกไปนอกโรงเรียนและจะขยายออกไปเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ตัวยูกิโตะ โคโคโนเอะเองที่มีความคิดแบบนี้แต่เป็นยูกิกะ โคโคโนเอะ ที่ได้เคยปรึกษากับพี่สาวของเธอเองไว้ก่อนหน้านี้ว่า เธอจะช่วยทำอะไรได้บ้างเพื่อค้นหาผู้กระทำความผิดแล้วยูกิกะ โคโคโนเอะ ก็ได้พูดถึงมันว่าเป็นไปได้อีกทางหนึ่ง และเธอไม่ได้สั่งให้เขาเป็นคนพูด เพียงแต่ยูกิโตะ โคโคโนเอะรับมันไว้และพูดออกไปด้วยตัวเอง
“ฉันเข้าใจสถานการณ์แล้ว ครูซันโจจิ ทำไมถึงต้องกลายมาเป็นเรื่องที่ตึงเครียดขนาดนี้กันเนี่ย? นี่คุณไม่คิดว่าคุณน่าจะทำให้มันได้ดีกว่านี้ได้หรอกเหรอ?” (โทยามะ)
“ฉันเข้าใจค่ะ แต่…….” (ซันโจจิ)
และนั่นก็คือสิ่งที่เรียวกะ ซันโจจิ ได้ถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีหลายครั้งแล้วที่เธอจะมีโอกาสหันหลังกลับก่อนที่สิ่งต่างๆมันจะจนถึงจุดนี้
และที่น่าโมโหก็คือตัวยูกิโตะ โคโคโนเอะ เองที่เป็นคนให้โอกาสนั้นกับฉัน เขาติดต่อมาหาเราหลายครั้งแล้วตั้งแต่ก่อนจะถึงวันนี้ ทั้งให้กับตัวพวกเราและเพื่อนร่วมชั้น รวมทั้งยังมีการจำกัดเวลา จนถึงแค่เวลาอาหารกลางวันตามที่เขาบอกไว้ แต่ไม่มีใครที่จะมาช่วยเขา เขาได้นำเสนอหลักฐานที่ว่าเขานั้นไม่ใช่ผู้กระทำความผิด แต่ก็ไม่มีใครเชื่อเขา
และผลลัพธ์ที่ได้คือสิ่งที่แย่ที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นได้ มันเป็นความผิดของพวกเราเองที่ไปปัดมือของเขาออก ทุกๆอย่างล้วนเป็นความผิดของพวกเรา และมันก็ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆเลย มันนึกไม่ออกเลยว่า มันจะต้องทำให้เขาเจ็บปวดขนาดไหน ทำให้เขาโกรธมากแค่ไหน
“แต่การไปทำร้ายเขาก็ผิด เข้าใจใช่ไหม?” (ซันโจจิ)
“แน่นอนผมเข้าใจ” (ยูกิ)
มีบางอย่างที่รบกวนเรียวกะซันโจจิอยู่จริงๆ
“เธอไม่ต้องทำเรื่องให้เลยเถิดไปไกลขนาดนั้นกับทาคายามะคุงและคนอื่นๆ ได้ไหม?” (ซันโจจิ)
“คุณกำลังพูดถึงบ้าอะไร? โอ๊ะ ผมขอโทษ ผมพูดผิดไป” (ยูกิ)
“เธอ…!” (ซันโจจิ)
“โอเค ก็ดูสิ ผมน่ะเป็นถูกทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว มันก็เลยช่วยไม่ได้ ผมก็แค่ต้องตอบโต้กลับ ผมคงไม่ปลอยตัวสบายๆ ให้พวกเขาทำกับผมฝ่ายเดียวได้นี่” (ยูกิ)
นั่นเป็นเรื่องโกหก!
พวกเขาทั้งหมดก็คงคิดอย่างนั้น แต่ไม่มีทางที่พวกเขาจะตำหนิเรื่องโกหกนี้ได้เลย เพราะท้ายที่สุดแล้ว ทาคายามะกับคนอื่นๆ ที่เป็นคนเริ่มลงมือก่อน และพวกเขาที่เหลือก็เป็นคนที่เห็นยูกิโตะ โคโคโนเอะถูกทุบตี ตราบใดที่เขาไม่ยอมรับในเรื่องโกหกนี้ เรื่องมันก็จะไม่มีวันจบ
การขออภัยยังคงดำเนินต่อไปอย่างอึมครึม
แล้วยูกิโตะ โคโคโนเอะก็หันมามองฉัน ด้วยดวงตาสีดำนี้มันอะไรอะไรกัน มันนัยน์ตาที่ดูขุ่นมัวและไม่สะท้อนอารมณ์ใดๆออกมาเลย
อยู่ดีๆก็นึกขึ้นมาได้ว่า ลองคิดๆดูแล้ว นี่เขาไม่ได้เรียกฉันว่า “ครู” เลยซักครั้งในวันนี้ ฉันไม่ได้ถูกเรียกแบบนั้นเลย แล้วฉันก็นึกไปถึงสิ่งที่เขาพูดเมื่อวานนี้ เขาทำมันแล้ว ในความคิดของเขา พวกเราไม่ใช่ครูอีกต่อไปแล้ว แต่ว่า–
“คุณบอกผมมาเยอะมาก ว่าถ้าหากคุณทำอะไรผิด คุณก็ควรที่จะขอโทษ แต่ว่าพวกคุณไม่มีใครขอโทษเลย ไม่ใช่แค่คุณ ไม่ใช่แค่ทาคายามะและคนอื่นๆ ไม่ใช่คนในห้องเรียนห่วยๆนี้ แล้วก็ไอ้ขี้ขโมยนั่นด้วย” (ยูกิ)
แล้วมิซากิ ฮิมิยามะเงยหน้าขึ้นมอง
กล่าวอีกนัยหนึ่งว่า พวกเขากำลังต้องเผชิญกับความจริงที่ว่า พวกเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่พวกเขาสอนให้กับยูกิโตะ โคโคโนเอะ เลย
“พวกคุณมันเป็นพวกคนโกหก” (ยูกิ)
———————————————————-
[มุมมองของ มิซากิ ฮิมิยามะ]
และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเรียวกะ ซันโจจิและมิซากิ ฮิมิยามะก็เหมือนกับตกอยู่ในนรก มันใช้เวลาไปหลายวันกับการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์พวกนั้น ในวันที่ต้องไปขอโทษพ่อแม่ ถึงแม้พ่อแม่จะโกรธจัดที่ลูกของตัวเองถูกทุบตีกลับบ้าน แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยกมือขึ้นห้าม และเมื่อพวกเขาได้ยินในสิ่งที่ลูกของพวกเขาได้ทำ พวกเขาคงต้องโทษแต่ตัวเองเท่านั้น
และเหนือกว่าสิ่งอื่นใด บรรยากาศในชั้นเรียนนั้นแย่มาก
ทาคายามะและคนอื่นๆ ต่างหวาดกลัวและหวั่นเกรง และพวกเขาทั้งหมดต่างดูเป็นเหมือนกับคนละคนกันเลย สิ่งที่พวกเขาทำได้คือคอยมองไปที่ยูกิโตะ โคโคโนเอะ เพราะจะต้องจ่ายค่าหนังสือเรียนที่ถูกขีดเขียนลวกๆทั้งหมด และคนร้ายที่ตัดถุงผ้าด้วยมีดก็คือทาคายามะและพรรคพวก แต่ยูกิโตะ โคโคโนเอะก็ได้ลงมือทุบตีพวกเขาอย่างไร้ความปราณีไปอีกครั้ง
“พวกเขาแย่มากที่ทำกับโคโคโนเอะเหมือนกับเป็นอาชญากร!” (???)
“อย่าไปคุยกับพวกเขานะ เขาเป็นสัตว์เลื้ยคลาน” (คาเซฮายะ)
ชูริ คาเซฮายะพยายามจะพูดเพื่อประจบเขา แต่ว่าสำหรับโอคาโมโตะมันก็สายเกินไปแล้ว เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการกระทำความผิดทั้งหมดนี้ และได้กลายเป็นคนโดดเดี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ และสูญเสียจุดยืนของเขาไปหมด แต่ก็ไม่มีใครที่จะสามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้ แม้แต่อาจารย์ประจำชั้นของเขาเรียวกะ ซันโจจิ และหลังจากความโกลาหลทั้งหมดนี้จบลง ชั้นเรียนที่เหลือก็ได้รู้เรื่องนี้ และมันก็เลยยากที่จะทำการเปลื่อนย้ายห้องเรียนให้เขา
และมิซากิ ฮิมิยามะก็ได้มาถึงขีดจำกัดแล้ว มันมากเกินไปที่จะทนรับไหวกับผู้ฝึกงานด้านการศึกษาที่เพิ่งจะเข้ามาอย่างเธอ ถึงอย่างนั้น ความภาคภูมิใจของเธอที่มีก็บอกกับเธอว่า เธอจะปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้ เธอจะปล่อยให้มันจบลงแบบนี้ไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงพยายามอดทนกับเวลาที่ยังคงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อยนี้
เธอจะทำให้ได้รับการให้อภัยได้อย่างไร? เธอจะถูกเข้าใจได้อย่างไร? ถึงแม้เธอจะรู้ว่าเธอจะหนีออกไปจากที่นี่ได้ แต่เรียวกะ ซันโจจินั้นทำไม่ได้ เธอยังจะต้องเป็นครูประจำชั้นอยู่กับชั้นเรียนที่พังทลายแล้วนี้ต่อไป และนั่นก็เป็นอีกข้อนึงที่น่ากังวล
ตอนนี้ความสัมพันธ์ของเธอกับเรียวกะซันโจจิไม่ใช่แค่รุ่นพี่และรุ่นน้องเท่านั้น มันเป็นมิตรภาพที่อันแปลกประหลาดที่ได้ก่อตัวขึ้น หรือบางทีมันคงเป็นเพราะพวกเธอเป็นผู้มีส่วนร่วมในในสิ่งที่เป็นอาชญากรรมเดียวกันนี้ พวกเขาได้ติดต่อกันอย่างใกล้ชิดและพูดคุยกันในหลายๆเรื่อง
ทำไมฉันถึงได้ตัดสินใจมาเป็นครู?
ถ้าฉันได้เป็นครูแล้วอยากทำอะไรล่ะ?
ฉันรักเด็กๆ
และนั่นเป็นเหตุผลที่ฉันเชื่อว่ามันเป็นเพียงอาชีพเดียวสำหรับฉัน
ได้ไม่อยากที่จะเหยียบย่ำใคร
ฉันไม่ได้ต้องการที่จะทำร้ายใคร
แต่ถึงถึงอย่างนั้นความเป็นจริงมันก็ช่างทำร้ายจิตใจอย่างโหดร้าย
ฉันมันโง่มาก
สิ่งเดียวที่เธอทำได้เพื่อสนับสนุนตัวเองก็คือการเชื่อว่าจะสามารถปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาได้ ซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่เธอนั้นจะสามารถทำได้
“เพราะอย่างนั้นแล้ว วันนี้ก็จะเป็นวันสุดท้ายของมิซากิ ฮิมิยามะ ช่วยกรุณาปรบมือให้เธอหน่อย” (ซันโจจิ)
แล้วเสียงปรบมือก็ดังก้องกังวาน แต่ก็ไม่มีความรู้สึกของการเติมเต็ม ไม่มีความรู้สึกของความสำเร็จ และไม่มีความเศร้าเสียใจจากการจากลา ก็แน่นอนล่ะ เพราะทั้งหมดที่ฉันได้ทำเอาไว้ก็คือ การนำความบาดหมางซึ่งกันและกันมาสู่ชั้นเรียนนี้และทำให้ชั้นเรียนนี้มันแตกสลายไป ฉันคิดว่าฉันนั้นไม่น่ามาเลย และมันอาจจะดีกว่าถ้าฉันบอกอย่างนั้นใส่หน้าของตัวเอง
ฉันทักทายเขาต่อหน้าเหล่านักเรียน แต่เมื่อฉันมองไปที่เขา เขาก็ไม่ได้สนใจเลย ฉันคิดว่าเขาไม่ฟังฉันเลย แต่ว่ามันก็ไม่สามารถจบแบบไปนี้ได้ ไม่มีทางที่มันจะจบลงได้
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่มิซากิ ฮิมิยามะได้เดินมาหาเขา
เธอก้มศีรษะลงขอโทษอย่างสุดซึ้ง
“ฉันขอโทษจริงๆนะ ฉันควรที่จะเชื่อในตัวเธอ ฉันควรจะได้รับฟังเธอ ฉันรู้ว่าตอนนี้คงจะไม่สามารถให้อภัยได้ แต่ยังไงก็ขอโทษด้วยนะจ๊ะ ฉันขอโทษสำหรับปัญหาที่ฉันได้ทำให้แม่ของเธอต้องลำบาก” (ฮิมิยามะ)
และไม่ว่าเขาจะเข้าใจเธอหรือไม่ก็ตาม ฉันนั้นก็อ่านอะไรไม่ออกเลยจากการแสดงออกของเขา
“นี่น่ะคือสิ่งที่ฉันรู้สึกจริงๆจากใจ ฉันน่ะอยากที่จะให้เธอได้อ่านมันเมื่อเธอกลับถึงบ้านนะ” (ฮิมิยามะ)
แล้วเธอก็ได้ยื่นจดหมายไปให้เขา มันเป็นสิ่งที่มิซากิ ได้เขียนเอาไว้เมื่อวานหลังจากไม่ได้นอนมาทั้งคืน เธอเขียนมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า การขอโทษด้วยคำพูดนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่ว่าเธอนั้นต้องการจะทิ้งสิ่งที่สามารถจะจับต้องได้เอาไว้ด้วย เธอนั้นอยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เธอทำมาจนถึงตอนนี้มันมีความหมาย ถึงแม้ว่ามันจะออกมาเป็นแบบนี้ก็ตาม
เป็นจดหมายที่มีบรรจุความรู้สึกทั้งหมดของเธอเอาไว้
บางทีสิ่งนี้คงจะเป็นวิธีการไถ่โทษของมิซากิ ฮิมิยามะ และในขณะเดียวกัน ความปรารถนาอันบริสุทธิ์ของเธอก็จะได้รับการอภัย
แต่ว่ายูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็ยังไม่สนใจเธอและเดินตรงไปที่ทางออกของห้องเรียนโดยถือกระเป๋านักเรียนของเขาไปด้วย
“อา…..” (ฮิมิยามะ)
“งั้นก็ ลาก่อน” (ยูกิ)
แล้วนั่นก็ได้ทำให้หัวใจของมิซากิ ฮิมิยามะได้แตกสลายลงและทำให้เธอต้องละทิ้งเส้นทางในสายอาชีพการเป็นครูของเธอไป
MANGA DISCUSSION