Vol. 4 : ความคลั่งไคล้ในตัวเขา
ความหลังครั้งยังเคยเคียงข้างกัน Part 1
“อย่ายอมแพ้! อย่าเพิ่งยอมแพ้ผมสิ รุ่นพี่เลือดร้อน! จะปล่อยให้มันจะเป็นอย่างนี้รึ? นี่คุณไม่ได้บอกไว้ว่าคุณน่ะเตรียมจะสารภาพแล้วรึยังไงกัน? นี่คุณไม่ได้บอกว่าคุณต้องการที่จะแสดงด้านที่ดีของคุณให้เธอได้เห็นงั้นเหรอะ? นั่นน่ะเป็นเรื่องโกหกงั้นเหรอะ? ผมน่ะไม่อยากจะเชื่อเลยนะว่าคุณน่ะมันก็เป็นแค่คนที่ชอบทำอะไร ครึ่งๆ กลางๆ!” (ยูกิโตะ)
“ฮ่าห์…… ฮ่าห์…… โคโคโนเอะ ช่วยเพลาๆให้ฉันหน่อยเถอะ…….” (ฮิมุระ)
“อย่ามาแก้ตัวนะ! นี่ไม่ใช่ว่าคุณเตรียมใจเพื่อไปบอกกับเธอรึยังไงกัน? ถ้าไม่อย่างงั้นแล้วคุณมาที่นี่เพื่ออะไรกันล่ะ! ลองคิดดูให้ดีสิ! มันเธอนั้นก็คงจะไม่มาชอบคุณที่มีสภาพที่น่าสมเพชให้เห็นแบบนี้หรอกนะ! นี่คุณโอเคกับแบบนี้แล้วงั้นหรือ? มันอาจจะมีผู้ชายคนอื่นเริ่มขยับตัวเข้าหาเธอแล้วนะรู้ไหม? นี่คุณอยากเห็นทาคามิยะไปอยู่ในอ้อมแขนของชายอื่นไหมล่ะ?
“ริวววววววเนนนนนนนะะะะ!!!! โอ้วววววววววววว!!” (ฮิมุระ)
“ใช่ ทุ่มให้สุดตัวไปเลยตั้งแต่เริ่ม! คุณน่ะจะไม่ตายเพราะความพยายามหรอก!” (ยูกิโตะ)
“ฉันรักเธอ ริวววววววววอืนนนนน!” (ฮิมุระ)
และในวันนี้ที่ชมรมบาสเก็ตบอล ผมยูกิโตะ โคโคโนเอะ ยังคงต้องทำงานหนักอยู่ต่อไป เพราะความแข็งแรงของร่างกายนั้นเป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการเล่นบาสเก็ตบอล เพื่อที่จะให้ได้รับชัยชนะ คุณจำเป็นจะต้องต้องมีทักษะ แต่ว่าในขณะเดียวกันคุณต้องมีความแข็งแรงไปด้วย เพื่อที่จะได้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างเต็มที่ใน 50 นาที รวมถึงอีก 40 นาทีของช่วงที่สี่ของในครึ่งแรก(คนแปลงงตรงนี้) เพื่อที่จะสามารถรับมือการเคลื่อนไหวของร่างกายจำนวนมหาศาลได้ มันจึงจำเป็นต้องเริ่มต้นด้วยโปรแกรมปรับปรุงสมรรถภาพของร่างกายขั้นพื้นฐานก่อน เช่น การวิ่งนี้ แต่รุ่นพี่ก็อ่อนแอเกินไป มันไม่มีทางที่พวกเขาจะได้รับชัยชนะได้เลยหากยังเป็นแบบนี้อยู่ แต่มันจะไม่แปลกไปหน่อยรึไงเนี่ยที่ปีแรกน่ะดันเอาชนะปีสามลงได้เนี่ย? มันเกิดอะไรขึ้นกับชมรมนี้กันเนี่ย แล้วโคเปอร์นิคัส(ผู้ตั้งทฤษีโลกหมุนรอบตัวเอง) ในตัวของผมก็กำลังเริ่มต้นหมุนไปแล้ว
“คนเดียวที่ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาเลยคือโคยูกิ แต่ฉันไม่คิดว่าอิโตะจะทำได้ด้วยนะนี่” (ยูกิโตะ)
“ฉันจะไม่ยอมแพ้เพราะเรื่องแค่นี้หรอก–” (ฮิมุระ)
“โอเค งั้นคุณมาต่อกับผมอีกห้ารอบ” (ยูกิโตะ)
“เฮ้ๆ อย่าทำตัวสบายๆ ด้วยการกระโดดแหย่งๆแบบนี้สิ!” (ฮิมุระ)
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” (ยูกิโตะ)
“แล้วก็หยุดหัวเราะด้วยหน้านิ่งๆได้แล้ว นี่นายทำให้ฉันรู้สึกแหยงๆแล้วนะ! และนี่มันจะเร็วเกินไปแล้ว!” (ฮิมุระ)
แล้วบรรดาของผู้ที่เฝ้าดูเหตุการณ์ทุกคน ก็ได้มีสีหน้าที่แสดงออกมาอย่างซับซ้อน ในขณะที่พวกเขามองตามร่างที่ทะยานพุ่งไปจากมุมมองที่พวกเขาได้มองมา ตอนนี้ทีมบาสเก็ตบอลกำลังวิ่งไปรอบๆอาคารเรียน นี่ก็เป็นวิธีหนึ่งในการเสริมความแข็งแกร่งของร่างกาย แล้ววิธีการในการฝึกฝนของทีมบาสเก็ตบอลทีมนี้ส่วนใหญ่นั้นก็เป็นการตัดสินใจของผมเองยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็เพราะโรงเรียนนี้ นั้นไม่เคยได้ทุ่มเทอะไรให้กับทีมบาสเก็ตบอลที่อ่อนแอนี้มาตั้งแต่แรก แล้วที่อาจรย์ที่ปรึกษาก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในสาขานี้ ดังนั้นเขาจึงโยนเรื่องทั้งหมดนี้มาที่ผม
“โทชิโระ นายมันบ้าจริง!” (ทาคามิยะ)
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า……” (???)
แล้วคนที่กำลังหน้าแดงอยู่ตรงนี้ก็คือ ริวเนะ ทาคามิยะ เธอเป็นนักเรียนชั้นปีที่สาม และเธอก็คือหนึ่งในดวงใจของ โทชิโระ ฮิมูระ กัปตันทีมบาสเกตบอล แล้วโทชิโระ ฮิมูระ ก็เป็นคนที่ต้องการจะสารภาพความรู้สึกให้กับเธอหลังจากจบการแข่งขัน อย่างไรก็ตาม ก็อย่างที่ได้เห็น จากพูดคุยแลกเปลี่ยนคำพูดนี้กันแบบนี้ มันก็เห็นได้ชัดเลยว่าเธอนั้นน่ะรู้อยู่แล้วว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเธอ และผมยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็เป็นคนที่ปลุกเร้ารุ่นพี่และทำการสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างตรงจุดมากๆเลยซะด้วย
คามิชิโระนั้นก็ได้หันไปมองโทชิโระด้วยใบหน้าที่มีร้อยยิ้มแหยๆ แต่ตัวคามิชิโระเองก็คงรู้สึกเหมือนได้เติมเต็มให้กับตัวเองด้วยเช่นกันในตอนนี้ เพราะในที่สุดเธอก็ได้เห็นว่า ยูกิโตะ โคโคโนเอะ นั้นกลับมาเล่นบาสเก็ตบอลแบบนี้อีกครั้งแล้ว เพราะนั่นคือสิ่งที่ชิโอริ คามิชิโระได้เคยพรากมันไปจากเขา
เธอรู้สึกว่าทุกๆอย่างกำลังเคลื่อนไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้วเล็กน้อย หรือที่จะบอกก็คือ คามิชิโระ นั้นต้องการลบล้างเรื่องในอดีตของเธอ ซึ่งยังคงมีอีกความรู้สึกหนึ่งที่ยังคงค้างคาอยู่ภายในอกของเธอ
“ฉันเองก็….ต้องเผชิญหน้ามันด้วยเช่นกัน” (ชิโอริ)
—————————————————–
[มุมมองของ ชิโอริ คามิชิโระ]
“ขอบคุณที่มานะ ซูซุริคาว่าซัง” (ชิโอริ)
“อืม มีอะไรเหรอ? มันคงจะเกี่ยวกับยูกิโตะสินะ ใช่ไหมล่ะ?” (ซูซูริคาว่า)
หลังเลิกเรียน ฉันก็ได้นัดฮินากิ ซูซูริคาว่าไปที่ห้องเรียนที่ว่างอยู่ เรื่องนี้มันสำคัญมากสำหรับฉัน แต่ฉันเองสงสัยว่ามันจะมีความหมายต่อเธออย่างไรเหมือนกัน มันเป็นสิ่งที่เธอนั้นไม่น่าจะไม่เคยได้ยินมาก่อน ยังมีบางอย่างที่ฉันจะต้องบอกกับเธอ เธอในตอนนี้มีสีหน้าที่สงสัย และนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้พูดคุยกันอย่างจริงจังแบบนี้ เพราะพวกเรานั้นน่ะเป็นคู่แข่งกัน……หรือบางทีเราอาจจะแค่ไม่ชอบหน้ากัน แต่นั่นก็ไม่สำคัญเลยในตอนนี้
แล้วฉันก็ยื่นกล่องที่อยู่ในมือไปให้กับซูซุริคาว่าซัง ข้างในนั้นเป็นเข็มกลัดสีเหลืองอำพันที่สวยงาม มันเป็นสมบัติของฉัน และฉันได้เก็บมันไว้เป็นอย่างดีมาจนถึงตอนนี้ แต่ฉันไม่อาจที่จะสามารถใช้มันได้ ฉันก็อยากจะติดใช้มันนะ แต่ความรู้สึกที่อยู่ภายในของฉันกลับไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น
“มันสวยดีนะ แต่นี่มันอะไรกันเนี่ย?” (ซูซูริคาว่า)
“ยูกิ เป็นคนให้ฉันมาน่ะ” (ชิโอริ)
“……เข้าใจละ เธอพยายามที่จะเอามาคุยอวดในเรื่องนี้ งั้นสิ? (ซูซูริคาว่า)
“เธอเข้าใจผิดแล้ว! นี่น่ะมันควรจะเป็นของเธอนะ ซูซุริคาว่า” (ชิโอริ)
“นี่เธอหมายความว่ายังไงน่ะ?” (ซูซูริคาว่า)
เธอเอียงศีรษะราวกับว่าเธอนั้นยังคงไม่เข้าใจ มันก็คงจะเป็นแบบนั้น ดูเหมือนเธอจะไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร แต่ความจริงแล้วมันก็คือ เธอนั้นควรที่จะเป็นเจ้าของเข็มกลัดอันนี้ ฉันเพียงแค่ได้รับมันมา เพราะฉันบอกกับยูกิว่าไปว่าฉันอยากได้มัน ดังนั้นเขาจึงมอบมันมาให้ฉัน แต่ว่าฉันก็ไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริงของมัน
“นี่น่ะคือสิ่งที่ยูกิคิดจะมอบให้เธอในวันที่เขาวางแผนจะสารภาพรักกับเธอน่ะสิ” (ชิโอริ)
————————————————
[ มุมมองของยูกิโตะ ในอดีต]
ผมไม่รู้ผมจะเรียกมันว่าเป็นสูญเสียความรู้สึกไปหรือเปล่า มันเหมือนกับมีรูขนาดใหญ่มาคาอยู่ในใจของผม และมันก็กำลังจะกลืนกินผมเข้าไป แต่ก็ใช่ มันก็ย่อมเป็นธรรมดา เพราะครอบครัวของผมนั้นก็ไม่ชอบตัวผม ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ไม่มีใครจะมาชอบผม ผมคิดว่าผมเองก็รู้มาตั้งแต่แรกแล้วล่ะ นี่มันเป็นความเข้าใจผิดทั้งหมดในส่วนของผม และผมกลับต้องยิ่งดูไร้สาระและน่าสมเพชกว่าเก่า เมื่อได้คิดเข้าข้างตัวเองไปว่า ซูซุริคาว่า นั้นก็รักผมด้วยเหมือนกัน
ช่วงฤดูร้อนของโรงเรียนมัธยมต้น ในวันเทศกาลฤดูร้อนปีนี้ ผมน่ะกำลังวางแผนที่จะสารภาพความรู้สึกให้กับซูซุริคาว่า
ผมนั้นต้องการที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของพวกเรานั้นก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น
ผมนั้นชอบเธอ…..มาตั้งแต่เรายังเด็ก พวกเราได้ใช้เวลาร่วมกันในฐานะเพื่อนสมัยเด็ก แล้วในช่วงเวลานั้น ความรักที่ผมนั้นมีต่อเธอก็ค่อยๆ เพิ่มพูนขึ้น แต่ก็ไม่มีอะไรเป็นตัวบ่งบอกที่ชัดเจน อันที่จริง มันอาจจะมีก็ได้ แต่ว่าอย่างน้อย เท่าที่ผมนั้นจำได้ ฮินากิกับผมก็ได้ใช้เวลาร่วมกันมาอย่างยาวนาน และนั่นก็คือสิ่งที่ผมนั้นคิดว่ามันเป็นแบบนั้น แต่ว่ามันก็เป็นเพียงความเข้าใจผิด และผมเป็นเพียงคนเดียวที่คิดไปอย่างนั้น ผมจึงถูกปฏิเสธทันทีซะก่อนที่จะได้สารภาพความรู้สึก
เมื่อไม่นานมานี้เรื่องต่างๆ ระหว่างพวกเรามันเริ่มดูอึดอัด ทุกครั้งที่ผมพยายามจะคุยกับเธอไปตามปกติ แต่ซูซุริคาว่า ก็มักจะพูดกับผมมาอย่างรุนแรง ราวกับว่าเธอกำลังรำคาญ และเมื่อคิดถึงระยะห่างระหว่างเราในฐานะเพื่อนสมัยเด็ก มันคงจะทำให้เธอนั้นรู้สึกไม่สบายใจ การที่จะต้องมาใกล้ชิดกับคนที่เธอนั้นไม่ได้ชอบมันก็น่าจะเป็นเรื่องที่ตึงเครียดล่ะ ผมเองก็ไม่รู้ว่ามันผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว อาจจะแต่ตั้งแต่แรกเริ่ม บางทีผมมันก็คงเป็นเพียงตัวตนที่เธอนั้นมองข้ามอยู่ตลอดเวลาเท่านั้น และนั่นคือเรื่องทั้งหมด
ผมไม่ได้นึกตระหนักไว้เลยว่าเธอนั้นจะไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับผม พอเมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้ว ผมก็สังเกตเห็นว่าซูซุริคาว่า ก็ได้พยายามสงสัญญาณมาให้ผมไปแล้วอยู่หลายครั้ง เช่นเมื่อเธอบอกกับผมว่าเธอนั้นน่ะถูกรุ่นพี่เข้ามาสารภาพรักแล้ว และมันก็คงจะเป็นเหมือนเดิม ผมคิดไปอย่างโง่เขลาว่าเธอก็คงจะไม่ยอมรับคำสารภาพแบบนี้จากผู้ชายคนอื่นเหมือนเดิม แต่ว่านั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอนั้นจะสื่อถึง เธอกำลังพยายามบอกผมว่าผมน่ะมันเป็นตัวที่เข้ามารบกวนและเป็นอุปสรรคเวลาที่ผมนั้นได้เข้าหาเธอ อาจคงเป็นเพราะว่าเรารู้จักกันมาตั้งแต่ยังเด็กที่ เธอก็เลยไม่ยอมพูดออกมาตรงๆกับผม หรือมันคงอาจเป็นเพราะความใจดีของเธอ
ผมนั้นไม่ได้เป็นที่ต้องการของใครๆ แม่และพี่สาวของผมก็ไม่ชอบผมเหมือนกัน ดังนั้นน้ำใจที่ผมได้รับมาจากซูซูริคาว่า มันจึงเป็นเหมือนกับสิ่งที่มากเกินไปจากที่ผมจะขอ มีวันที่ผมนั้นได้เคยรู้สึกมีความสุข แต่ว่าวันเหล่านั้นก็หายไปเสียแล้ว ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้วสำหรับผม
“มันเกิดอะไรขึ้น……?” (ยูกิโตะ)
ฉันได้แต่พึมพำกับตัวเอง แต่มันก็ไม่มีคำตอบกลับออกมา
มันไม่มีน้ำตาออกมา มันมีแต่เพียงแค่ความสิ้นหวัง ความว่างเปล่าที่เข้าปกคลุมและความเศร้าเสียใจของผมก็เริ่มแผ่ขยายออกไป
ในห้องของผมนั้น มันมีความทรงจำมากมายที่เกี่ยวกับเธอ มีแม้กระทั่งรูปภาพของพวกเราคู่กันบนผนัง แต่ทั้งหมดมันก็เป็นเพียงเรื่องราวความเข้าใจผิดที่โง่เขลาและโง่งมของผม ผมไม่ต้องการที่จะมองไปเห็นมันอีกต่อไป มีอยู่ภาพนึง ซูซุริคาว่ากำลังยิ้มอย่างเขินอายอยู่ข้างๆผมและตัวผมก็กำลังทำหน้านิ่งๆ นั้นเธอดูเด็กกว่าในตอนนี้มาก ผมสงสัยว่านั้นเป็นรอยยิ้มของเธอจริงๆรึเปล่า หรือว่าอันที่จริงเธอนั้นแอบคิดว่าผมนั้นมันน่ารำคาญ
ทุกๆปีพวกเราได้ไปงานเทศกาลฤดูร้อนด้วยกัน ผมสามารถบอกได้ว่าเธอใจดีกับผมแค่ไหน โดยการที่เธอนั้นออกไปกับผม ที่ถึงแม้ว่าเธอนั้นจะเกลียดผมอยู่ก็ตาม แต่ในตอนนี้ ความใจดีแบบนั้นมันกลับกลายมาเป็นพิษร้าย มันคงจะดีกว่าถ้าหากว่าเธอนั้นบอกผมมาตรงๆ ว่าเธอนั้นเกลียดผม พอลองนึกถึงปีที่แล้ว ตอนที่เราได้ไปงานเทศกาลฤดูร้อนด้วยกัน ผมได้พยายามจับมือของซูซุริคาว่าเพื่อป้องกันไม่ให้เธอหลงทางหายไปในฝูงชน แต่เธอกลับตอบสนองด้วยอาการตกใจและรีบดึงมือของเธอกลับไป สุดท้ายพวกเราก็ไม่เคยได้จับมือกันอีก มันคงไม่สะดวกใจที่จะจับมือกับคนที่คุณไม่ชอบสินะ ผมนั้นเดาว่ามันก็คงจะช่วยไม่ได้ เพราะตอนนั้นเธอก็คงเกลียดผมไปแล้ว
มันไม่สมหวังอะไรเลย……ผมนั้นคิดกับตัวเอง ตราบใดที่ความทรงจำของเธอยังคงอยู่ในห้องนี้ ผมคงจะต้องถูกดึงเอาความรู้สึกแบบนี้ของผมออกมาอยู่ตลอดเวลา ผมยังคงถูกทิ้งอยู่ต่อไป ไม่เป็นไรแล้ว มันเป็นเพียงความเข้าใจผิดทั้งหมดในส่วนของผม และมันก็ไม่ใช่ความรักของพวกเราซึ่งกันและกัน มันเป็นเพียงแค่รักข้างเดียว ก็แค่ความรักที่ไม่สมหวัง ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงความรู้สึกที่ได้สะสมมาอยู่หลายปี แต่ก็คงจะต้องปล่อยมันไป
“งั้นต้องกำจัดมันออกไปซะ” (ยูกิโตะ)
ผมจะต้องโยนมันทิ้งไป ทั้งความทรงจำของเธอ ความสัมพันธ์ของผมกับเธอ ทุกๆสิ่งอย่าง ความสัมพันธ์ของพวกเราในฐานะเพื่อนสมัยเด็กมันสิ้นสุดลงแล้ว ในตอนนี้เราเป็นแค่เพียงคนแปลกหน้ากัน ไม่มีอะไรที่มาเกี่ยวข้องกัน เพราะเธอนั้นเกลียดผม ผมคงจะไม่สามารถเก็บเอาความรู้สึกเหล่านี้ที่มีต่อเธอเอาไว้ต่อไปได้ ผมจะไม่ไปอยู่ใกล้กับเธอ เธอนั้นมีแฟนอยู่แล้ว และผมก็ไม่สามารถที่จะไปมีความสัมพันธ์เหมือนอย่างเดิมได้อีกต่อไปแล้ว และยิ่งถ้าเธอที่ดูจะเกลียดผม ผมก็คงจะกลายเป็นพวกสตอล์กเกอร์ไป
แล้วผมก็ตัดสินใจที่จะกำจัดความทรงจำของผมที่เกี่ยวข้องกับฮินากิ ซูซุริคาว่า ออกไป ไม่เป็นไรหรอก ไม่มีอะไรผิดไปหรอก มันจะต้องถูกต้องสิ ราวกับมีอะไรบางอย่างกำลังกรีดร้องอยู่ภายในใจของผม นั่นน่ะเป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆหรือ? แต่ว่าไม่มีอะไรจะพลิกกลับมาได้อีกแล้ว มีเพียงข้อเท็จจริงที่ได้ปรากฏอยู่ต่อหน้าผมเท่านั้น ซูซูริคาว่าเป็นคนบอกเองว่าเธอจะไปคบกับรุ่นพี่ แล้วยังจะไปมีอะไรให้พูดได้อีก? ไม่มีอะไรที่ผมจะสามารถทำได้นอกจากที่จะต้องยอมรับมัน
ผมโยนกรอบรูปลงในถุงขยะ มันเป็นรูปหน้านิ่งๆของผมกับซูซุริคาว่าที่กำลังยิ้มแย้ม สีหน้าของผมในขณะที่กำลังดูภาพสุดท้ายนี้้อยู่ ก็เหมือนกับผมกำลังจะร้องไห้
สิ่งสุดท้ายที่ผมยังคงเหลือเอาไว้คือของขวัญที่ผมนั้นตั้งใจจะให้กับซูซุริคาว่าในตอนที่ผมจะสารภาพความรู้สึกให้กับเธอ ผมยังอยากอยู่ใกล้เธอเหมือนเมื่อก่อน ผมอยากรู้จักเธอให้มากขึ้นกว่าเดิม ผมนั้นไม่เคยมีประสบการณ์ในการให้ของขวัญแบบนี้กับใครเลย ในทุกปี ผมนั้นจะให้ของขวัญแก่ซูซุริคาว่าแค่ในวันเกิดของเธอ แต่นี่มันเป็นครั้งแรก ที่ผมนั้นเลือกของที่เป็นเครื่องประดับ มันเป็นสิ่งที่ผมจะสือไปถึงได้มากที่สุด ผมได้เลือกบางแบบที่ผมคิดว่ามันน่าจะดูดีสำหรับเธอ แต่มันคงจะน่ารำคาญที่จะต้องได้มันมาจากคนที่เธอนั้นไม่ชอบ แล้วมันก็คงจะทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเท่านั้น
ผมนั้นคิดอยากจะทิ้งมันไปเสีย แต่ผมก็เป็นคนที่ใช้เงินซื้อมันมาเอง มันช่างน่าเสียดาย มันอาจจะเป็นความคิดที่ดีที่จะนำมันไปให้กับคนอื่น แต่แม่และพี่สาวของผมก็เกลียดผมเหมือนกัน มันก็ไม่น่าที่จะเป็นความคิดที่ดี ที่จะมอบมันให้กับพวกเขาใช่ไหมล่ะ บางทีผมคงจะเอามันไปมอบให้กับเพื่อนร่วมชั้นได้ในสักวันหนึ่ง
ผมเหลือเข็มกลัดไว้เพียงอย่างเดียวและได้กำจัดรูปภาพไปแล้วทั้งหมด ผมไม่มีอะไรมากอยู่แล้วในห้องของผม เพื่อที่จะเริ่มต้นใหม่ จะต้องไม่มีร่องรอยของความเชื่อมโยงอะไรกับผมไว้อีก ต้องไม่มีอะไรหลงเหลือไว้อีกต่อไปในห้องอีกต่อไป ไม่มีอีกแล้วอัลบั้ม ไม่มีความทรงจำใดๆอีกต่อไปแล้ว ใช่แล้ว มันต้องไม่เป็นไร
ในห้องว่างๆนี้ ผมยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นโดยไม่ทำอะไร
“ลาก่อนนะ……ฮินากิ” (ยูกิโตะ)
MANGA DISCUSSION