ยูกิโตะ โคโคโนเอะ Part 2
แล้วผมก็ได้มาอยู่ที่หน้าประตูนี้เหมือนอย่างเคย มันเป็นห้องเดี่ยวห้องหนึ่งของอาคารอพาร์ตเมนต์ แล้วผมก็กดกริ่งประตูไปตามปกติ แต่ว่า สภาพจิตใจของผมนั้นมันต่างออกไปจากที่เป็นปกติ แสงไฟภายนอกส่องสว่างท่ามกลางความมืดกับความเงียบงันที่อยู่รอบๆตัวผม ผมนั้นได้บอกกับเธอไปแล้วว่าผมจะมาที่นี่ในวันนี้ ซึ่งมันก็เป็นวันธรรมดาๆเหมือนกับวันอื่นๆอย่างทุกที
แล้วคนที่ผมมาหานั้นก็ปรากฏตัวขึ้นในทันที ราวกับว่าเธอกำลังเฝ้ารอผมอยู่ เธอยืนอยู่ที่นั่นด้วยรอยยิ้มที่คุ้นเคยและยิ้มให้ผมเหมือนอย่างที่เธอทำอยู่เสมอ แต่วันนี้มันจะเป็นวันแตกต่างออกไป เพราะที่นี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดของคนที่ชื่อยูกิโตะ โคโคโนเอะ และทุกอย่างก็เริ่มต้นจากที่นี่ ในห้องนี้ ที่ๆผมยืนอยู่ในตอนนี้
“ยูกิจัง ฉันกำลังรอเธออยู่เลย! เข้ามาสิ มากินซูชิกันเถอะ” (ยูกิกะ)
“ขอเวลาสักครู่หนึ่งก่อนครับ ก่อนอื่น ผมขอคุยกับคุณสักหน่อยก่อนจะได้ไหม?” (ยูกิโตะ)
“มีอะไรอย่างงั้นเหรอ?” (ยูกิกะ)
“คุณเป็นคนที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ใช่ไหม ยูกิกะ?” (ยูกิโตะ)
———————————————–
“นี่เธอรู้ตัวแล้วเหรอ ยูกิจัง!?” (ยูกิกะ)
แล้วม่านตาของเธอก็ขยายตัวออก มันดูทั้งประหลาดใจ ยินดี และเหงาหงอย ผสมเข้าด้วยกัน แต่สำหรับผมนั้นมันดูราวกับว่ามันเป็นอารมณ์ที่ขัดแย้ง ที่เข้ามาพัวพันกันอย่างซับซ้อน
ยูกิกะ โคโคโนเอะ เธอนั้นเป็นน้องสาวของแม่ผม และผมก็คิดว่า คุณคงจะพูดได้ว่าเธอก็คือแม่อีกคนนึงสำหรับผม ยูกิกะซังนั้นเอ็นดูและเอาใจใส่ผมมาก ซึ่งหลังจากที่ผมหนีออกจากบ้านในวันนั้น ผมก็เริ่มได้มีความสัมพันธ์อย่างจริงจังกับเธอ
เพราะหลังจากที่พี่สาวนั้นบอกให้ผมนั้นหายไป ผมก็ไม่ได้กลับไปที่บ้าน แต่ผมกลับเดินไปคนละทางกับบ้านไปเรื่อยๆ มีเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้ผมต้องทำแบบนั้นไป ก็คือแรงกระตุ้นที่มาจากการบอกให้หายไป แล้วสิ่งถัดมาที่ผมรู้ก็คือ ผมได้มาอยู่ในความดูแลของตำรวจ ผมจำได้ว่าแม่และพี่สาวของผมก็ได้ร้องไห้ออกมาต่อหน้าของผม
ผมมีกระดูกที่แตก หัก และต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล และในวันที่ผมนั้นออกจากโรงพยาบาล แม่กับยูกิกะซัง ก็ได้ทะเลาะกันยกใหญ่ที่บ้าน อย่างไรก็ตาม ที่จริงแล้วส่วนใหญ่จะเป็นยูกิกะ ที่ได้เอาแต่ว่ากล่าวแม่ของผม และแม่ก็ดูจะไม่สามารถพูดอะไรตอบโต้ได้ ยูกิกะนั้นโกรธจัดและพูดว่า “ถ้าเธอเลี้ยงเขาไม่ได้ ฉันก็จะเป็นคนเลี้ยงเขาเอง!” ส่วนผมนั้นไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้เลย ทั้งหมดที่ผมทำได้ก็แค่เพียงเฝ้ามองไปยังสถานะการณ์ที่ได้เห็น
มีบางอย่างที่ผมจำได้ ในเวลานั้น มีที่ไหนสักแห่งในใจของผม ผมนั้นหวังที่อยากจะให้แม่นั้นเข้ามาฉุดรั้งผมไว้ ไม่ว่าผมอยากจะพูดไปสักแค่ไหนว่ายูกิกะเป็นน้องสาวของแม่ เธอน่ะไม่ใช่แม่ของผม และผมก็อยากให้แม่เถียงกลับไปว่า เธอจะไม่ปล่อยให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ผมนั้นอยากให้แม่มาปกป้องผม แต่แม่ของผมก็กลับไม่สามารถพูดอะไรได้กับสิ่งที่ยูกิกะนั้นได้ต่อว่ามา ดังนั้นยูกิกะจึงรับตัวผมไป และอยู่ด้วยกันเป็นเวลาหนึ่งเดือน
เมื่อดูแววตาของแม่ผมในตอนที่เรากำลังจะจากกัน ทำไมมันถึงดูราวกับเธอจะบอกผมว่า เธอนั้นโล่งใจที่ผมจะไม่เป็นอะไรแล้วกันล่ะ? และผมคิดว่าแม่คงจะคิดว่าผมนั้นควรจะหายไป ความรู้สึกเหล่านี้ขยายตัวมากขึ้นภายในตัวของผม พี่สาวของผมได้ปฏิเสธผม และแม่ของผมก็ได้ทอดทิ้งผม ผมนั้นไม่มีค่าในการมีตัวตนอยู่ ผมจะต้องหายไป แต่แล้วยูกิกะ ก็ได้กอดผมไว้ขณะที่ผมนั้นกำลังร้องไห้ตอนนั้น
“นี่เธอ รู้แล้วจริงๆเหรอ ยูกิจัง? เรื่องคำชี้นำของฉัน?” (ยูกิกะ)
“ใช่ครับ ผมน่ะไปโรงพยาบาลมา แล้วก็ได้คำยืนยัน” (ยูกิโตะ)
ผมได้ตั้งถามไว้ในหัวของผม และมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาล เพื่อผมจะได้ไปพบกับจิตแพทย์ และได้รู้ว่าความคิดของผมนั้นมันมีข้อจำกัดบางอย่างอยู่ ผมคงไม่จำเป็นต้องบอกรายละเอียดว่ามันคืออะไรหรอกนะ แต่มันมีเพียงคนเดียวที่จะทำกับผมได้ ยูกิกะเป็นคนเดียวที่สามารถทำให้ผมนั้นกลายเป็น ยูกิโตะ โคโคโนเอะ แบบที่ผมเป็นอยู่ในทุกวันนี้ได้
ยูกิกะ นั้นจบวิชาเอกด้านจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัย เธอมักจะพูดเรื่องนี้กับผม แล้วกรณีนี้ เธอก็รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับผม แต่เธอก็ไม่เคยโกหกผม ผมมั่นใจเลยว่าถ้าผมถามเธอ เธอก็จะต้องบอกผม
“ทำไม……นี่คุณพูดชี้นำผมในเรื่องนั้นเหรอ?” (ยูกิโตะ)
“เธอยังจำตอนที่พวกเราได้ไปที่ สกายทรี(โตเกียวสกายทรี) ในครั้งนั้นได้ไหม” (ยูกิกะ)
ผมรู้ว่ามันน่ะเป็นเรื่องจริง ที่ตั้งแต่วันนั้น ยูกิกะซังก็…
“ครับ มันหลังจากที่คุณพาผมมาใช่ไหม?” (ยูกิโตะ)
“ใช่แล้วล่ะ พอฉันได้เห็นสิ่งที่ยูกิจังเป็นในตอนนั้น ฉันก็คิดว่า “ถ้าหากฉันไม่ทำอะไรเลย ยูกิจังก็จะยอมแพ้ในชีวิตของตัวเองไปอีกครั้งแน่ ฉันแน่ใจว่าเขาจะพยายามหายไปอีกครั้ง”” (ยูกิกะ)
“ผมก็ไม่คิดว่าคุณจะคิดผิดหรอกนะ” (ยูกิโตะ)
“ฉันกลัวนะ ฉันกลัวว่ายูกิจังจะพยายามจะทำตัวให้หายไปอีกครั้ง ฉันแค่คิดว่ามันโชคดีที่เธอได้รอดชีวิตมาในเวลานั้น แต่ถ้ามันเกิดขึ้นอีก ฉันว่าคราวนี้มันก็อาจจะสายเกินไปน่ะ” (ยูกิกะ)
“และนั่นคือเหตุผลที่คุณต้องมาบิดเบือนความคิดของผม?” (ยูกิโตะ)
“ใช่ ที่ฉันทำไปก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรขนาดนั้นหรอก ฉันก็แค่ร่ายคาถาใส่ยูกิจังนิดหน่อยน่ะ” (ยูกิกะ)
“คาถา?” (ยูกิโตะ)
แล้วยูกิกะก็ยิ้มกับตัวเอง ในห้องนั่งเล่น คำพูดพวกเราก็ได้เริ่มมีเยอะมากขึ้นราวกับว่า พวกเรากำลังพยายามใช้ความคิด เพื่อจะดูว่าเราได้ทำอะไรมาบ้างจนถึงตอนนี้
“ใช่แล้วล่ะ ฉันได้ใส่ความคิดอันนึงเอาไว้ในหัวของยูกิจัง เพื่อที่เขาจะได้ไม่อยากตาย และเพื่อที่เขาจะได้ไม่อยากหายไป” (ยูกิกะ)
“แล้วมันเป็นไปได้ยังไงกันล่ะครับ?” (ยูกิโตะ)
“ยูกิจัง เธอคิดว่าตัวเธอนั้นไม่จำเป็นอีกแล้วใช่ไหมล่ะ” (ยูกิกะ)
“ใช่ครับ” (ยูกิโตะ)
“ยูกิจังคิดว่าการมีอยู่ของเขานั้นไม่สำคัญ นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันต้องชี้นำยูกิจัง ให้รู้จักตัวตนอีกแบบหนึ่งของ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ น่ะ” (ยูกิกะ)
พอผมได้ยินแบบนั้นแล้ว ผมก็ได้เกิดคำถามขึ้นในใจ: ที่ผมนั้นทบทวนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าเป็น ยูกิโตะ โคโคโนเอะ อยู่ตลอดทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะยูกิกะซังงั้นเหรอ?
“แต่อันที่จริงแล้วคือ เธอควรที่จะรู้ตัวได้เร็วกว่านี้นะ” (ยูกิกะ)
แล้วน้ำเสียงของยูกิกะได้ลดเบาลงไปเล็กน้อย
“พี่สาวฉันก็รักเธอเหมือนกันนะยูกิจัง ยูริเองก็เหมือนกัน ดังนั้นนี่มันจึงเป็นคาถาง่ายๆ ที่จะสามารถแก้ไขได้ในทันที หากเพียงแค่ยูกิจังเข้าใจมันได้อย่างถูกต้อง ซึ่งมันควรจะเป็นคาถาง่ายๆ ไม่มีอะไรจริงจัง หรือเฉพาะเจาะจงเกินไป แต่ว่ามันก็……” (ยูกิกะ)
“?” (ยูกิโตะ)
“แต่ว่ายูกิจังนั้นก็โชคร้ายในเรื่องผู้หญิง หลังจากนั้นแล้ว มันก็มักจะมีเรื่องทะยอยเกิดขึ้นกับยูกิจัง ที่เป็นการทำร้ายเธอ มันมีแต่เรื่องแย่มากๆในโรงเรียนมัธยมต้นเลยใช่มั้ย แล้วในแต่ละครั้ง คาถาที่ฉันร่ายไว้ จึงกลับยิ่งผูกมัดยูกิจังให้แน่นยิ่งขึ้นไปอีก” (ยูกิกะ)
“และนั่นคือสาเหตุที่สภาพจิตใจของผม ถึงได้แข็งแกร่งขนาดนี้น่ะเหรอครับ?” (ยูกิโตะ)
แล้วผมก็คิดผิด มันไม่ใช่เพราะผมนั้นพังทลายแล้วจะไม่เจ็บ มันเป็นการแลกเปลี่ยนระหว่างการความเจ็บปวดและการพังทลาย แต่ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะเรื่องนี้ ผมมั่นใจว่าผมคงจะยอมแพ้ในชีวิตของตัวเองไปแล้วหลายครั้งเลยล่ะ
“ยูกิจังไม่ได้รับความเจ็บปวดจากคาถาที่ฉันร่ายใส่ไว้หรอกนะ แต่ทุกครั้งที่ฉันทำ ยูกิจังนั้นก็มักจะกลับมาพร้อมกับมีอะไรแตกสลายลงไปอีกในแต่ละเรื่องที่ได้เจอ และในเวลานั้น ฉันก็ทำอะไรกับมันไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ทุกครั้งที่ฉันเห็นเธอเป็นแบบนั้น เท่าที่ฉันทำได้คือ เพียงแค่มองดูเธอที่แตกสลายลงไปแล้ว แค่นั้น” (ยูกิกะ)
“แล้วทำไมไม่บอก แม่ กับ พี่สาว ล่ะ?” (ยูกิโตะ)
“ฉันทนไม่ได้ที่ทั้งสองคนนั้นจะต้องอยู่ใกล้ยูกิจังตลอดเวลา เพราะฉันทนเห็นยูกิจังพังมากขึ้นไม่ได้อีกต่อไปแล้ว” (ยูกิกะ)
“แล้วยูกิกะซัง…” (ยูกิโตะ)
ตอนนี้ยูกิกะซัง กำลังร้องไห้ เธอเป็นน้าของผม และเธอมีความคล้ายคลึงกับแม่ของผม และผมทำให้เธอร้องไห้ด้วยอีกแล้ว ทั้งที่ผมได้คิดว่าผมนั้นไม่ต้องการที่จะทำให้คนอื่นร้องไห้นะ ทำไมผมต้องเอาแต่-
แล้วผมก็ถูกกอด แบบเดียวกันกับแม่ผมเลย ถึงกลิ่นจะต่างจากแม่อยู่นิดหน่อย แต่พอนึกย้อนกลับไป ผมก็ถูกยูกิกะซังกอดแบบนี้เสมอ ผมมั่นใจว่ามันเป็นวิธีของยูกิกะในการเอาใจผม เพราะผมไม่สามารถให้แม่มาเอาใจได้
“ในที่สุดเธอก็รู้ตัวว่าเธอนั้นได้รับความรักแล้วใช่ไหม ยูกิ? ฉันน่ะไม่อยากให้เธอหายไป พวกเราไม่มีใครอยากจะให้ยูกิจังหายตัวไป นั่นคือสิ่งที่ทุกคนคิดนะ” (ยูกิกะ)
“ครับ บางที……ไม่สิ ถ้าหากผมทำอย่างนั้นไป มันก็จะทำให้คุณเศร้านะ ผมคิดว่า” (ยูกิโตะ)
“ฉันขอโทษ… ฉันทำให้เธอต้องลำบาก……ฉันขอโทษ!” (ยูกิกะ)
ยูกิกะร้องไห้ออกมาราวกับว่าเธอกำลังพยายามลบล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอเคยทำ ผมก็ไม่รู้ว่า ผมได้ทำให้คนๆนี้เป็นห่วงผมมากแค่ไหน คนๆนี้ทำเพื่อผมมามากแล้ว ที่จริงเธอเป็นน้องสาวของแม่ผม ซึ่งเธอควรจะเป็นอะไรที่ไม่ต่างไปจากคนแปลกหน้าสิ…. แล้วทำไม–
“แล้วทำไมคุณถึงทำเพื่อผมมากขนาดนี้กันล่ะ ยูกิกะ?” (ยูกิโตะ)
“เธอก็รู้นี่ ว่าฉันกำลังจะตอบว่าอะไร ใช่ไหม?” (ยูกิกะ)
“เพราะว่า รัก……?” (ยูกิโตะ)
“มันก็ไม่น่าแปลกใจหรอกเนอะ น้ารักเธอ ฉันรักเธอนะ ยูกิจัง!” (ยูกิกะ)
แล้วนี่ก็เป็นครั้งที่สามแล้ว ที่ผมนั้นรู้สึกถึงรสสัมผัสที่ริมฝีปากของผม
มันอ่อนหวานและนุ่มนวลมาก
ผมสงสัยว่าทำไมคนเราถึงอบอุ่นได้ขนาดนี้
“มีเรื่องอีกหนึ่งเรื่องที่ฉันอยากจะถามน่ะ เธอน่ะเป็นแบบเดียวกันนี้อยู่เสมอแบบกับฉัน ตอนอยู่ต่อหน้าฉันใช่ไหม ยูกิจัง? ทั้งที่ความคิดที่ฉันใส่ให้กับยูกิจังเองนั้นก็ดูจะก้าวหน้าอย่างไปอย่างแปลกๆ มันเพราะอะไรกันล่ะ?” (ยูกิกะ)
ใช่ที่จริงมันควรจะมีความคิดไร้สาระที่ออกไปเหมือนกับตามปกติ แต่ว่ามันกลับกลายเป็นมีแต่ความจริงจังเมื่อยู่ต่อหน้ายูกิกะ ผมนั้นไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้มาก่อน มันคงดูแปลกที่จะคิดย้อนกลับไป แต่คำตอบนั้นมันก็เรียบง่ายและชัดเจนมาก
มันคงจะเป็นเพราะ-
“เพราะยูกิกะซังไม่เคยทำร้ายผมน่ะสิ ไม่เคยเลยสักครั้ง” (ยูกิโตะ)
ใช่แล้ว เธอปกป้องผมมาโดยตลอด ตอนผมกำลังจะตาย และเธอได้ช่วยผม ผมที่คิดว่าผมนั้นถูกทุกๆคนปฏิเสธ แต่เธอให้ความรักกับผมเสมอมา ผมสงสัยว่าเธอได้ให้ความรักกับผมมากแค่ไหนกัน ตั้งแต่นั้นมาจนถึงวันนี้ มันอาจจะระบุลงไปได้เลยว่าเป็นเพียงการอุทิศตัวให้ของเธอเท่านั้น เธอให้ผมมานานมากแล้ว แล้วหัวของผมก็โค้งคำนับลงไปอย่างเป็นธรรมชาติ
“ขอบคุณมากนะครับ” (ยูกิโตะ)
“ยูกิจัง..… ยูกิจัง!” (ยูกิกะ)
ยูกิกะซังกำลังหัวเราะ ผมมั่นใจว่าน้ำตานี้มันไม่ได้มาจากความโศกเศร้าแน่นอน มันดูเปล่งประกายเจิดจ้า จนถึงขนาดที่ตัวผมเองนั้นยังรู้สึกได้เลยล่ะ
———————————————–
“ฉันอิ่มแล้วล่ะ” (ยูกิกะ)
“ผมคิดว่ามันก็นานแล้วนะครับ ที่ผมไม่ได้ทานซูชิน่ะ” (ยูกิโตะ)
“จริงเหรอ?” (ยูกิกะ)
“ก็ทั้งแม่และพี่สาวของผมไม่เก่งเรื่องการรุมอาหารที่อยู่ในจานเดียวกันน่ะ” (ยูกิโตะ)
“โอ้ ใช่แล้ว พี่สาวของฉันไม่เก่ง แต่ว่ายูริเองก็เหมือนกันด้วยงั้นสินะ” (ยูกิกะ)
ผมกับยูกิกะซังได้เข้าอาบน้ำด้วยกัน ซึ่งมันก็มักจะเกิดขึ้นแทบทุกครั้งที่ผมมาที่บ้านของยูกิกะ ดังนั้นตอนนี้ผมจึงไม่ค่อยรู้สึกอายอะไรเท่าไหร่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม สายตาของผมนั้นก็กำลังเต็ดเตร่อยู่ในตำแหน่งว่างเปล่าที่ไม่มีอะไรอยู่
“แต่ว่าตอนนี้คาถาก็ได้ถูกทำลายลงแล้ว ยูกิจังอาจได้รับความเจ็บปวดในอนาคตนะจ๊ะ จะยังไหวอยู่ไหม?” (ยูกิกะ)
“ผมไม่เป็นไรหรอกครับ มีคนมากมายที่จะคอยช่วยผมน่ะ” (ยูกิโตะ)
“เข้าใจแล้ว งั้นฉันก็โล่งใจแล้วล่ะ” (ยูกิกะ)
“แล้วคุณจะช่วยผมด้วยได้ไหม ยูกิกะ” (ยูกิโตะ)
“อาา โม่ววว! วันนี้ยูกิจังน่ารักกว่าครั้งสุดท้ายที่ฉันเจอเธอขึ้นอีก 50% เลยนะ และฉันก็ไม่รู้ว่าจะรับมือไหวไหมนะนี่” (ยูกิกะ)
การมีเพื่อนให้มากเข้าไว้ย่อมดีเสมอ ถึงมันก็จะมีเยอะและที่มีทั้งดีและที่มีทั้งเลวนั่นล่ะ ซึ่งผมก็ไม่อาจจะรู้ได้หรอก เพื่อที่ได้ไม่ต้องเจ็บปวดผมจึงต้องพังทลาย แต่ว่าในตอนนี้มันก็ได้จบลงแล้ว ถึงจะเจ็บปวดแต่ผมก็ไม่อยากที่จะต้องพังทลายลง แล้วไปทำให้คนอื่นต้องมาเสียใจอีกแล้ว แม้จิตใจที่แข็งแกร่งที่สุดของผมที่เหมือนกับท่อนาโนที่แข็งแรงระดับสุดยอดมันจะได้หายไปแล้ว แต่ผมก็ไม่ได้ต้องการมันอีกแล้วในตอนนี้ ซึ่งมันก็โอเคนะ เพราะบางทีในท้ายที่สุด ผมก็อาจจะสามารถเอาอารมณ์ของผมกลับคืนมาได้บ้าง และวันนี้ก็เป็นวันสิ้นสุดของความอยู่ยงคงกระพันของผม
“แต่…” (ยูกิโตะ)
ผมอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ไอ้ความยุ่งเหยิงอะไรนี่ ผมก็เคยชินกับมันแล้วนี่นา ก็ไม่เห็นจะน่าแปลกใจเลย เพราะมันได้ผ่านนานมากเกินไปแล้ว ผมรู้จักเขามาเกือบสิบปีแล้ว และไม่ว่าผมจะพูดอะไร มันก็คือส่วนหนึ่งของผมอยู่ดี ผมที่จะได้เป็นตัวของผมเองแล้ว
“แต่ดูเหมือนว่าผมจะยังคงชอบ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ในอดีตอยู่ และผมไม่ต้องการที่จะสูญเสียสิ่งที่ยูกิกะซังได้มอบไว้ให้กับผม” (ยูกิโตะ)
“ยูกิจัง ……? (ยูกิกะ)
แล้วผมลุกขึ้นจากอ่างด้วยเสียงดังตึง
“ผมเอง ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ผู้ที่จะใช้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ในการซื้อหุ้นอุตสาหกรรม เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับช่วงเวลาในการเผชิญกันหน้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีน!” (ยูกิโตะ)
มันไม่ใช่สิ่งที่แพงที่สุด แล้วคุณก็สามารถซื้อมันได้ด้วยเงิน 100,000 เยน แต่มันจะเพิ่มมูลค่าขึ้นไปเรื่อยๆ และในท้ายที่สุดแล้ว หากพิจารณาจากสถานการณ์โลกในปัจจุบัน ผมก็ไม่รู้ว่าญี่ปุ่นนี้จะอยู่อย่างสงบสุขไปได้อีกนานแค่ไหน นี่ไม่ใช่เวลาสำหรับคนที่รักความสงบสุข มันจะต้องเป็นเรื่องตลกโปฮาอย่างแน่นอน ใช่แล้ว นี่คือตัวตนของผมใช่ไหม? มันไม่ใช่บุคลิกปลอมๆ มันไม่ใช่ของปลอม มันต่างกัน และนี่ก็คือผมเอง
“นี่เธอดูดีมากเลย ยูกิจัง! และนั่น……อันข้างล่างก็ดูยอดเยี่ยมด้วยเหมือนกันจ๊ะ” (ยูกิกะ)
แล้วแก้มของยูกิกะแดงระเรื่อ อะไรน่ะ? เดี๋ยวก่อน นี่ผมเอาอะไรไปอวดยูกิกะซังรึ? นี่ผมไม่ได้หน้าด้านเกินไปหน่อยเหรอ? มันเป็นความจริงที่ว่ายูกิกะซังกับผมยังอาบน้ำด้วยกันมาตั้งแต่เรายังเด็ก แต่ผมก็เป็นวัยรุ่นแล้วนะ ใช่แล้ว
“ไม่ต้องกังวลจ๊ะ! ฉันเตรียม(ถุง)ยางไว้ให้เธอแล้วนะ ถ้าเธอต้องการฉันก็ไม่ว่าอะไรน๊า” (ยูกิกะ)
“ไม่ ไม่ ไม่ นั่นไม่ใช่แบบนั้น!” (ยูกิโตะ)
“ฉันจะเป็นคนเดียวที่จะไม่ไปปล่อยให้เธอหนีไปไหน ใช่ไหมจ๊ะ ยูกิจัง” (ยูกิกะ)
“ผมรู้สึกว่าลมหายใจมันรดต้นคอของผมอยู่นะ!?” (ยูกิโตะ)
ผมน่ะไม่มีแว่นกันแดด และผมก็ไม่มีเคราด้วย ไม่นะ ผมทำไม่ได้
—————————————————–
[มุมมองของ ยูกิกะ]
ยูกิจังที่นอนหายใจอยู่ขณะหลับนี้ช่างน่ารักที่สุด และในที่สุดวันนี้ก็ได้มาถึง สำหรับพวกเราแล้ววันนี้คือ “วันแห่งคำสัญญา” พวกเรานั้นต่างก็กำลังรอคอยวันนี้ ฉันอยากที่จะให้ยูกิจังรู้เสียทีว่าเขานั้นยังคงได้รับความรักอยู่ จากที่ฉันได้แค่เฝ้าดูเขาพังทลายมาเป็นเวลานานแล้ว
ยูกิจังบอกว่าฉันนั้นไม่เคยทำร้ายเขา แต่ความในจริงมันน่าจะกลับแตกต่างไปนะ ฉันเองนี่ล่ะที่เป็นคนทำร้ายยูกิจังมากที่สุด ถ้าหากว่าฉันไม่ทำในสิ่งที่ฉันได้ลงมือทำไป พวกเราก็คงไม่ต้องมาวุ่นวายอะไรกับเรื่องพวกนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ในช่วงเวลานั้น ฉันเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องทำในสิ่งที่ฉันทำลงไป ฉันไม่อยากที่จะให้เขานั้นต้องตาย และนั่นล่ะคือความปรารถนาเพียงอย่างเดียวของฉัน
แต่เขากลับบอกมาว่าขอบคุณ ฉันรู้สึกเหมือนกับตัวฉันนั้นได้รับรางวัล ยูกิจังยังคงยืนยันในสิ่งที่ฉันได้ทำลงไป แล้วฉันรู้สึกราวกับว่า ในที่สุดเมฆหมอกนั้นก็ได้สลายหายไปเสียทีและฉันก็หยุดร้องไห้ไม่ได้ ฉันรู้ว่ายูกิจังคงจะไม่เป็นอะไรแล้ว ตัวของเขาเองก็คงรับรู้ได้เหมือนกัน
ในตอนที่ฉันกับยูกิจังได้เจอกันครั้งแรกนั้น เป็นตอนที่เขายังเด็กกว่านี้มากนัก ฉันไม่คิดว่าเขาจะยังจำได้อยู่ ตอนนั้นฉันแค่รู้สึกกังวลกับหลายสิ่งหลายอย่าง มันเป็นช่วงเวลาที่ฉันก็ไม่แน่ใจว่าฉันนั้นควรทำอย่างไรดี ในตอนนั้นฉันได้มีโอกาสดูแลยูกิจังที่บ้านของพี่สาว ถึงอย่างนั้น ยูกิจังก็เป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย แต่แล้ววันหนึ่ง เขาเรียกฉันว่า “มาม๊า” คงเพราะเรานั้นเป็นพี่น้องกัน พี่สาวของฉันกับฉันจึงมีลักษณะใบหน้าที่คล้ายคลึงกัน ฉันมั่นใจว่าเขาน่าจะเข้าใจผิดไป แล้วยูกิจังก็ได้เข้ามาหาฉันอย่างโซเซ และพอหลังจากที่เขาเรียกฉันไปแบบนั้นแล้วเขาก็ผล่อยหลับไป เขาดูไร้เดียงสายิ่งกว่าตอนนี้มาก
ในขณะนั้นเอง ความคลางแคลงทั้งหมด ก็ได้ปลิวหายไปจากใจของฉัน ฉันรู้สึกว่าความกังวลก่อนหน้าของฉันนั้นได้กลายไปเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยไปเลย ความกังวลเล็กน้อยนั้นก็ไม่ได้อะไรสำคัญอีกต่อไป ในชีวิตนี้ ยังจะมีสิ่งที่สำคัญมากกว่านี้อีกมาก ฉันคิดไปในขณะที่ฉันมองใบหน้าที่กำลังหลับอยู่ของยูกิจัง
ฉันทนแทบไม่ได้ที่จะต้องความคิดว่ายูกิจัง จะต้องไปเจอกับเรื่องอะไรแบบนั้น และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมากกับพี่สาวของฉัน มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยคาดคิดเอาไว้เลย ก็คือยูกิจังนั้นมักจะโชคร้ายอยู่เสมอ เขามักจะเจอเข้ากับปัญหา และบางทีมันอาจเป็นเพราะนิสัยของเขาด้วย แต่จิตใจที่เยาว์วัยดวงเล็กๆของเขานั้นก็คงไม่อาจที่จะต้านทานไหว
ฉันจึงจะต้องการทำอะไรสักอย่างเพื่อที่จะช่วยเขา และมันก็เป็นเพียงความช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆ ด้วยการใส่กลไกสำหรับเผชิญปัญหาไปให้นิดหน่อย ในตอนแรกมันเป็นเพียงแค่คาถาที่จะแก้ไขอย่างเฉพาะหน้าแบบเร่งด่วน แต่ฉันก็ไม่ได้คิดเลยว่ามันจะกลายมาเป็นสิ่งที่ต่อเนื่องมายาวนานได้ขนาดนี้ แต่ว่าในที่สุดมันก็ได้จบลงแล้ว และยูกิจังบอกฉันว่าเขานั้นมีคนที่สามารถช่วยเขาได้ ไม่เป็นไรแล้ว ฉันไม่ต้องใช้คาถานี้อีกต่อไปแล้ว เพื่อปกป้องหัวใจของยูกิจัง
ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวอีกต่อไปแล้ว และฉันแน่ใจว่าต่อจากนี้ไป ยูกิจังคงจะไม่มาหาฉันได้ถี่เหมือนเมื่อกับเมื่อก่อน ฉันคงจะต้องคิดถึงเธอ…….
“……ยูกิกะซัง……” (ยูกิโตะ)
ฉันคิดว่าเขาคงจะละเมอพูดขึ้นมาในตอนที่เขายังคงหลับอยู่หรือเปล่า ที่ยูกิจังพึมพำออกมาอย่างงึมงำ
ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่! ไม่ ไม่ ไม่ ไม่นะ ไม่นะ ไม่นะ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่ ไม่นะ! ฉันน่ะเป็นคนที่ทรมานยูกิจังมาโดยตลอดนะ ฉันน่ะเป็นคนทำเขาให้ต้องพังทลาย ฉันคิดอย่างนั้นนะ ในความคิดของฉันก็ได้ตัดสินใจไปอย่างนั้นแล้วด้วย แต่พอฉันมาเจอหน้าของยูกิจัง ฉันก็อดไม่ได้ ฉันไม่สามารถต้านทานความอยากที่จะเข้าไปเอาอกเอาใจเขาได้เลย เพราะว่าฉันนั้นรักเขามาก
ฉันรู้ดีว่าเมื่อยูกิจังรู้ความจริงแล้ว เขาจะน่าที่จะต้องเกลียดฉันอย่างแน่นอน ก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะว่าฉันเป็นต้นเหตุของเรื่องพวกนี้ทั้งหมด ยูกิจังก็มีสิทธิ์ที่จะเกลียดฉัน แต่เขากลับขอบคุณฉันแทน ฉันไม่เคยเห็นรอยยิ้มของเขาเลยหลังจากวันที่เขาได้เรียกฉันว่าม่าม๊าในตอนที่ฉันยังสาวกว่านี้มาก
จนถึงตอนนี้ ฉันนั้นก็รู้สึกผิดและคิดว่าจะต้องรับผิดชอบ
ถ้าหากว่ายูกิจังยอมยกโทษให้ฉันล่ะก็ จากนี้ไป……
มันไม่คุ้มค่าเอาหรอกนะ
ถ้าหากว่าฉันบอกให้พวกเพื่อนๆฟัง พวกเขาคงจะต้องคิดว่าฉันเสียสติไปแล้วแน่ๆ
มันเป็นความจริงที่โหดร้าย ที่คุณนั้นไม่อาจเปลี่ยนความจริงในเรื่องความต่างของอายุได้
แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังห้ามตัวเองไว้ไม่ได้
ฉันไม่อาจที่จะปกปิดความรู้สึกของตัวเองได้
เพราะว่าตอนนี้ฉันนั้นหลงรักเด็กที่อยู่ตรงหน้าของฉันคนนี้ไปเสียแล้ว
MANGA DISCUSSION