บ๊ายบาย ลาก่อนความโดดเดี่ยวและมืดมน
“เธอ ทำไมเธอถึงได้มาอยู่ที่นี่?” (อาจารย์ใหญ่)
“ก็ถ้าลองได้สายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับจำนวนมากขนาดนั้น มันก็เป็นธรรมดาที่ควรจะต้องคิดว่า น่าจะมีอะไรเรื่องอะไรผิดปกติเกิดขึ้นนี่ครับ…” (ยูกิโตะ)
หลังจากที่ผมได้ออกมาจากโรงพยาบาลและเปิดโทรศัพท์แล้ว ผมก็ได้พบว่ามีสายเรียกเข้าและอีเมลเป็นจำนวนมากที่ผมไม่ได้รับ ทีแรกผมนั้นน่ะสงสัยว่าผมคงไปทำข้อมูลส่วนตัวของผมเองหุลุดไปที่ไหนสักแห่ง มันถึงได้มีสแปมจำนวนมากส่งเข้ามาหาผม แต่ว่าไอ้พวกนั้นที่ผมนั้นได้รับทั้งหมดนั้นมันก็มาจากของเบอร์ในคอนแทคของผม ทั้งเบอร์พี่สาวและก็เบอร์โรงเรียน และผมก็รู้ได้เลยว่า มันจะต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ดังนั้นผมจึงต้องมาที่นี่ แต่อย่างไรก็ตาม ผมเองก็ยังอยู่ในชุดธรรมดาอยู่เลย
“แล้วทำไมฉันถึงติดต่อนายไม่ได้กันล่ะ?” (ยูริ)
“โอ้ เพราะผมปิดโทรศัพท์ไปสักพักใหญ่น่ะ” (ยูกิโตะ)
“นี่ เธอยังอยู่ในระหว่างพักการเรียนและกักบริเวณนะ!” (อาจารย์ใหญ่)
“แล้วมีเหตุผลอะไรที่ผมจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งพักการเรียนที่ไร้เหตุผลนั่นด้วยล่ะครับ?” (ยูกิโตะ)
แล้วก็ดูเหมือนว่าอาจารย์ใหญ่นั้นกำลังแสดงท่าทีหวั่นไหวอยู่นะ ก็แน่นอนล่ะ มันไม่มีเหตุผลอะไรซักหน่อยที่ผมนั้นจะต้องยอมรับข้อกล่าวหาที่เป็นเรื่องไม่จริงนั่นนี่นา มันเห็นได้ชัดเจนเลยว่าเป็นการลงโทษอย่างไม่เป็นธรรม และหากเปิดเผยเรื่องนี้ออกไปสู่สาธารณะ ผู้ที่เป็นคนตัดสินบทลงโทษเองนั่นแหละที่จะเดือดร้อนซะเอง
“ว่าแต่ แล้วมันมีอะไรกันเหรอครับ?” (ยูกิโตะ)
“ฉันขอโทษด้วยนะ โคโคโนเอะคุง!” (เอริกะ)
คนแรกที่เอ่ยปากขอโทษออกมาก็น่าจะเป็นนักเรียนชั้นปีที่สาม ที่ผมไม่เคยเห็นหน้าเธอมาก่อน แต่ดูที่ตาของเธอนั้นมันบวมอยู่ ผมสงสัยว่าเธอเพิ่งจะร้องไห้มารึเปล่า แล้วที่อยู่ข้างๆเธอก็เป็นคนตัวใหญ่ ที่เขานั้นก็กำลังก้มหัวให้ซ้ำไปซ้ำมา
“ฉันต้องขอโทษด้วย—!” (ฮิเดะโอมิ)
“นี่คุณช่วยอธิบายให้ผมฟังก่อนจะได้ไหม ว่ามันเกิดอะไรขึ้นน่ะ?” (ยูกิโตะ)
ผมรู้เพียงสถานการณ์แค่คร่าวๆเท่านั้น แต่ถ้าหากไม่มีคำอธิบายใดๆมาให้ ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผมเองก็ไม่ใช่เจ้าชาย โชโตคุ ที่เข้าใจคำพูดของคน 10 คนพร้อมกัน แต่ผมน่ะคือ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ โอ๊ะ ผมชักจะหิวน้ำแล้วสิ…
และหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดแล้วผมก็รู้สึกลังเล ก็คงจะจริง เหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นจากตรงไหนนั้นผมเองก็ไม่รู้เลยจริงๆ แต่พอยิ่งได้ฟังก็ยิ่งรู้ว่ามันไม่ใช่เป็นแค่เรื่องบังเอิญ มันเป็นเรื่องที่เพิ่งจะเกิดขึ้น มันอยู่นอกเหนื่อไปจากสิ่งที่ผมนั้นรู้ ซึ่งผมก็ไม่ได้รับรู้อะไรด้วยเลย นี่มันช่างเป็นเรื่องที่ไร้สาระอะไรอย่างนี้เนี่ย!?
“แล้วที่คุณพยายามจะบอกก็คือ ตอนนี้ผมถูกบังคับให้ต้องเข้ามาจัดการเรื่องยุ่งๆพวกนี้ ทั้งๆที่พวกคุณเป็นคนก่อขึ้นมาเองงั้นสิ นี่คือสิ่งที่คุณพยายามจะบอกผมงั้นเหรอ?” (ยูกิโตะ)
นี่มันน่ารำคาญชะมัด! มันเสียเวลาเปล่าโดยสิ้นเชิง มันไร้สาระพอๆกับภารกิจแบกไข่ในเกมล่าสัตว์เลย ผมเดาว่าไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่มีปัญหากับสิ่งกีดขวางของพวกฝ่ายพัฒนาเกมที่ชอบคุกคามผู้เล่น ที่ยังคงกังขากันอยู่ว่าทำไมพวกเขาถึงชอบที่จะใส่หินก้อนใหญ่ๆมาขวางทางไว้เสมอนะ
“ฉันจะขอรับผิดชอบด้วยการลาออกจากโรงเรียนเอง ดังนั้นได้โปรดยกโทษให้กับ มุซึกิ ด้วยเถอะนะ!” (เอริกะ)
แล้วรุ่นพี่ที่เรียกตัวเองว่าเอริกะ โทโจ ก็น้ำตาไหลพรากออกมา แต่พอได้ฟังแล้ว ผมก็คิดว่าตัวเธอเองนั้น ทำไมถึงดูเป็นคนที่เห็นแก่ตัวได้ถึงขนาดนี้กันเนี่ย คนๆนี้นี่ช่างไม่เข้าใจอะไรเอาซะเลย
“นี่คุณกำลังบอกว่า จะขอลาออกจากโรงเรียนไปเพียงเพราะไม่ได้คิดให้ดีก่อนจะทำเรื่องพวกนี้งั้นเหรอ และหลังจากที่ทำให้คนอื่นเข้าใจผิดและก็ทำให้ผมนั้นอับอายขายหน้าอย่างไม่มีเหตุผล ก็คิดจะถือว่านั่นเป็นคำขอโทษสำหรับปัญหาที่คุณก่อให้ผมได้อย่างงั้นรึ?” (ยูกิโตะ)
“แต่—!” (เอริกะ)
“หากเป็นคนอื่นที่ไมใช่ผมแล้วล่ะก็ ถ้าต้องถูกลงโทษจากทางโรงเรียน ที่มาจากผลกระทบของข่าวลือที่กระจายไปพวกนั้น อาจจะมีคนฆ่าตัวตายไปแล้ว นะรู้ไม๊? ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น เค้าก็คงจะต้องได้รับความทุกข์ทรมาณอย่างมาก ผมมั่นใจว่าเธอเองเจ็บปวดด้วยมากเช่นกัน แล้วการถูกไล่ออกของเธอมันจะช่วยเยียวยารักษาแผลเหล่านี้ได้รึเปล่าล่ะ?” (ยูกิ)
“—ฆ่าตัวตายงั้นเหรอ ฉันขอโทษ! ฉันขอโทษจริงๆนะ!” (เอริกะ)
แล้วรุ่นพี่ก็ทรุดตัวลงด้วยความตื่นตกใจ พ่อของเธอถึงกับต้องรีบเข้ามาประคองเธอไว้ แต่ว่าเขาเองก็เป็นคนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน เพราะเขานั้นเป็นคนที่ทำให้ความวุ่นวายเหล่านี้มีความเลวร้ายลงหนักขึ้นไปอีก แต่ก็เพราะว่าผมนั้นมีจิตใจที่แข็งแกร่งเหมือนกับกระจกแซฟไฟร์ ผมก็เลยไม่ได้มีปัญหา แต่หากเป็นคนปกติทั่วไปล่ะก็มันคงไม่น่าแปลกใจเลยที่พวกเขานั้นคงจะต้องถึงกับสิ้นหวัง แถมโรงเรียนยังเออออไปกับเขาและกำหนดบทลงโทษด้วยซะอีก คงไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาจะต้องโดนมองในแง่ร้ายซะจนไม่มีใครจะอยากมาอยู่ใกล้กับเขา
“คุณจะรับผิดชอบยังไงถ้าหากผมต้องตายไปเพราะผลจากความอาฆาตแค้นของรุ่นพี่คนนี้ล่ะ? และคุณก็ด้วย โทโจซัง ทำไมคุณถึงไม่ยอมตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อนกันล่ะ นี่คุณอยู่ในตำแหน่งนั้นเพื่ออะไรกัน?” (ยูกิโตะ)
“นี่มันเป็นความผิดของฉันคนเดียว” (เอริกะ)
“ที่ผมยังอยู่ได้ก็เพราะว่ามีคนที่มาช่วยผมเอาไว้ ไม่อย่างนั้นล่ะก็ผมก็อาจจะต้องถูกปฏิบัติต่อไปอย่างไม่เป็นธรรม แล้วถ้าเป็นในกรณีนี้ มันจะเกิดอะไรขึ้นกับผมกันล่ะ?” (ยูกิโตะ)
“ยูกิโตะ มาฟ้องคดีฐานหมิ่นประมาทกันเถอะ” (ยูริ)
“แบบนั้นก็ดีเหมือนกันนะครับ” (ยูกิโตะ)
“ฉันจะยอมจ่ายทุกอย่างเพื่อเป็นการชดใช้ให้ ฉันขอโทษด้วย! ฉันน่ะทุ่มเทให้กับการศึกษามามากแล้ว และฉันเองก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฉันจะมาทำเรื่องอะไรแบบนี้…” (ฮิเดะโอมิ)
“มันเป็นความผิดของฉันนะ พ่อ มันเป็นความผิดของหนูเอง หนูเองเป็นคนที่ทำ—!” (เอริกะ)
“โคโคโนเอะ ฉันเองก็มีส่วนในความผิดนี้ด้วยนะ” (เคอิโดะ)
มันช่างดูน่าสมเพชสิ้นดี หากจะต้องมาเสียใจกันขนาดนี้ แล้วทำไมพวกเขาไม่คิดอะไรให้มันมากกว่านี้อีกสักหน่อยล่ะ? ก็อย่างที่ผมได้พูดไปก่อนหน้านี้ ผมน่ะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้ด้วยเลย แต่กลับต้องเป็นผมซะเอง ที่จะต้องเป็นคนมาจัดการความยุ่งเหยิงนี้ ซึ่งนี่มันก็เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายสุดๆ ณ จุดนี้ ราวกับความโชคร้ายกับผู้หญิงของผมนั้นมันเป็นเพียงแค่เรื่องตลก จริงๆนะ…
เฮ้อ แล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จนคนรอบข้างนั้นต่างก็ตกใจ ผมรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา พวกเขากำลังเฝ้าดูท่าทีของผม ทำไมผมถึงจะต้องมาเจอแต่เรื่องวุ่นวายแบบนี้กันล่ะเนี่ย? โลกนี้ช่างโหดร้ายกับผมซะเหลือเกิน ผมต้องการที่จะหยุดมันซะ
แล้วในอดีตนั้นตัวผมรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ไปด้วยวิธีไหนกันนะ? หากเอามาคิดดู ถ้าหากว่าเธออยากจะลาออกจากโรงเรียน เธอก็สามารถทำได้ แต่ว่าสิ่งที่เธอทำลงไปนั้นก็ยกโทษให้ไม่ได้อยู่ดี อีกอย่างเธอไม่ได้สำคัญอะไรกับผม ผมคงไม่คิดอะไรเลยถ้าหากว่าจะไม่มีเธออยู่อีก— ผมสงสัยอยู่ว่าผมนั้นควรจะตอบกลับไปยังไงดี
แต่ดูมุซึกิ ไคโดะเองก็มีสีที่หน้าเจ็บปวดด้วย เดิมทีแล้วเธอน่ะเป็นคนนอกที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วยกับเรื่องนี้ แต่เธอได้โดนดึงมาตกเป็นเหยื่อของความยุ่งเหยิงนี้ ผมคิดอยู่ว่าเธอนั้นจะเสียใจไหมถ้าหากเอริกะ โทโจ นั้นจะต้องถูกไล่ออกจากโรงเรียน แต่ว่า เธอเองนั้นก็บอกไว้ว่าจะไปด้วยกับเธอ เธอคงจะต้องมีความรับผิดชอบอย่างแรงกล้าแน่ ถ้าไม่อย่างนั้น เธอคงจะไม่มาพยายามยุ่งเกี่ยวอะไรกับผมหลังจากสถานการณ์ก่อนหน้านั้น
แล้วในตอนที่ผมไปโรงพยาบาลนั้น ผมก็มั่นใจอยู่เรื่องหนึ่งนะ แล้วมันเป็นไปตามคาด แต่ว่าในกรณีนี้ผมควรจะทำยังไงดีล่ะ? ผมนั้นน่ะมีความคิดอยู่อย่างนึง ว่าผมน่ะเป็นผู้ที่โชคร้ายเรื่องผู้หญิง ซึ่งก็แน่นอนอยู่แล้วล่ะนะ แต่อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์แบบนี้ กลับมีผู้หญิงเข้ามาช่วยเหลือผม ฮิมิยามะซังนั้นโกรธเพื่อผม พี่สาวของผมเองก็เช่นกัน รวมถึงประธานสภานักเรียนก็มาแสดงความรับผิดชอบต่อสถานการณ์นี้ด้วย
ผมนั้นเคยคิดว่ามันก็โอเคที่จะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว แล้วผมก็คิดว่าผมควรจะเป็นแบบนั้น เพราะถ้าหากว่าผมไม่ทำแบบนั้น ผมก็คงจะไปทำร้ายใครเข้าซักคน แล้วการอยู่อย่างโดดเดี่ยวก็เป็นสิ่งที่ผมนั้นชอบมาก ใช่แล้ว เพราะมันจะได้ไม่มีอะไรมารบกวนผม แต่ว่า ก็ยังมีคนที่ไม่อยากจะทิ้งผมเอาไว้ให้โดดเดี่ยว มีคนพยายามเข้าใกล้ผมมากขึ้น ..
ผมที่ควรจะเป็นหยิน(ฝั่งสีดำในสัญลักษณ์ หยิน-หยาง) แต่ว่าความสัมพันธ์กับคนอื่นของผมนั้น ได้ถูกก่อขึ้นมามากซะจนผมนั้นแทบจะเรียกตัวเองในตอนนี้เป็นแบบนั้นต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ผมคิดว่าคงจะสามารถที่จะพูดได้ว่าตอนนี้ว่าผมนั้นไม่ได้มืดมน และก็คงจะพูดไม่ได้แล้วว่าผมยังคงเป็นคนโดดเดี่ยวได้อีกต่อไป ผมจะต้องยอมรับมัน ผมจะต้องยอมรับกับสถานการณ์ในปัจจุบันและจะต้องปรับเปลี่ยน มิฉะนั้น ผมคงจะไม่สามารถเดินหน้าต่อไปได้
แล้วผมนั้นก็ไม่ต้องการที่จะให้มีอะไรค้างคาให้กับความรู้สึกของพวกผู้หญิ่งที่แสดงออกมาให้กับผม ผมไม่อยากที่จะต้องมาเห็นใบหน้าร้องไห้ของใครอีกต่อไปแล้ว แต่ก็ยังคงมีคนร้องไห้อยู่ต่อหน้าผมอยู่ดี เอริกะ โทโจ ยังมีน้ำตาคลอเบ้าอยู่ ก็จริงที่เธอนั้นน่ะถือเป็นศัตรู ถ้าหากถามผมล่ะก็ เธอน่ะเป็นหนึ่งในคู่ต่อสู้ที่ยากจะรับมือสำหรับผมเลยล่ะ แต่ถึงอย่างนั้นผมเองก็ไม่ได้มีความรู้สึกแค้นเคืองกับเธอแต่อย่างใด
และนั่นก็เป็นเหตุผลที่—
“รุ่นพี่โทโจ ผมจะขอลงโทษคุณ อย่างแรกคุณต้องเปิดเผยสิ่งที่คุณได้ทำกับสาธารณะ ได้โปรดช่วยทำอย่างเต็มที่เพื่อฟื้นฟูชื่อเสียงของผม มิฉะนั้น ผมก็จะกลายเป็นปีศาจตัวใหม่ที่เฉิดฉายของปีหนึ่งอยู่อย่างนี้” (ยูกิโตะ)
“ได้!” (เอริกะ)
หลังจากที่ผมหายใจเข้าแล้ว ผมก็ไปจับมือของรุ่นพี่แล้วมองตรงไปที่เธอ
“และผมต้องการให้คุณมาเป็นเพื่อนของผม” (ยูกิโตะ)
“เอ๊ะ?” (เอริกะ)
“ผมน่ะไม่มีเพื่อนเลย รู้ไหม ผมน่ะโดดเดี่ยวมาตลอด” (ยูกิโตะ)
“เอต..โต….” (เอริกะ)
“ไม่ใช่ว่าคุณนั้นแค่จะหนีออกไปได้เฉยๆหรอกนะ เพราะคนเดียวที่รอดได้มันก็มีแค่คุณคนเดียว แล้วผมก็จะไม่ได้อะไรตอบแทนกลับมาสักอย่าง คุณจะมาจากไปแล้วปล่อยผมไว้ให้เหลือแต่มือเปล่าหลังจากที่ต้องทำให้ผมมาเจอกับปัญหามากขนาดนี้ได้ยังไงกัน?” (ยูกิโตะ)
“เอิ่ม แต่ว่า… นายโอเคกับเรื่องแค่นี้เหรอ?” (เอริกะ)
“ผมมั่นใจว่าจะต้องทำให้คุณได้ขอโทษกับปัญหาที่คุณก่อขึ้นมานี้ทั้งหมดนั่นล่ะ” (ยูกิโตะ)
“ขอบคุณนะ โคโคโนเอะ… และฉันขอโทษจริงๆนะ! ทำไม ทำไมนะฉันถึงต้องตีตนไปก่อน ที่ไปเกลียดนาย และทำสิ่งที่เลวร้ายนี้กับนายลงได้.…?” (เอริกะ)
“แล้วก็รุ่นพี่ไคโดะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย ฉะนั้นได้โปรดไม่ต้องมากังวลอะไรกับเรื่องนี้” (ยูกิโตะ)
“โคโคโนเอะ แต่ที่จริงฉันก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบด้วยนะ” (ไคโดะ)
และด้วยเหตุผลบางอย่าง พี่สาวของผมก็เข้ามากอดผมจากด้านหลัง ภูเขาคู่นั้นพาดพิงกับแผ่นหลังของผม แต่ผมก็ได้หลอกตัวเองด้วยการแหงนมองท้องฟ้าสีครามผ่านช่องหน้าต่าง มันช่างนุ่มนวลเสียจริงๆ คือผมหมายถึงเมฆน่ะนะ
“ยูกิโตะ… นี่นายโอเคกับมันแล้วเหรอ?” (ยูริ)
“ใช่ครับ แต่… มีอะไรงั้นเหรอ?” (ยูกิโตะ)
“ฉันรู้สึกว่าพวกเขากำลังจะแย่งเอาอะไรบางอย่างไปจากฉันน่ะ… ฉันกลัว” (ยูริ)
แล้วพี่สาวของผมก็ได้พูดอะไรออกมาบางอย่าง ที่ผมเองนั้นก็ไม่ค่อยเข้าใจ แล้วการกักบริเวณในบ้านของผมได้ถูกยกเลิกไปในทันที และผมได้ยินมาว่าโรงเรียนนั้นได้รับแรงกดดันที่หนักมากยิ่งไปกว่าเขาคนนั้น หรือก็คือสมาชิกสภาจังหวัด ฮิเดะโอมิ โทโจ ดังนั้นไม่ว่ายังไงก็ตามแต่ เรื่องคำสั่งนี้จึงได้ถูกยกเลิกในทันที มันดูสยองๆนะ แต่พอยิ่งฟังแล้วก็ยิ่งน่ากลัวมาขึ้นไปอีก มันทำให้ผมต้องกลับไปนึกถึงครั้งสุดท้ายที่ผมนั้นไปบ้านเธอ ที่เธอนั้นน่าจะเป็นแม่มด(witch) เธอต้องเป็นแม่มดแน่ๆ แม่มดที่ยั่วยวนผม… ทำไมเธอถึงต้องเอาอก… อุฟ ผมเกือบหลุดออกไปแหน่ะ
“ขอโทษนะโคโคโนเอะ ฉันรู้ว่าการพูดแบบนี้มันเจ็บปวดและทรมาณมากแค่ไหน… ซึ่งมันเป็นความผิดของฉันเอง แต่ได้โปรด! เธอพอจะช่วยติดต่ออาจารย์ฮิมิยามะ ให้หน่อยจะได้ไหม?” (ฮิเดะโอมิ)
“อาจารย์ฮิมิยามะ? ผมรู้จักแต่มิซากิซัง เองนะ” (ยูกิโตะ)
“มิซากิ…?” (ฮิเดะโอมิ)
“ผมไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ “อาจารย์ฮิมิยามะ” ที่ว่าเลยนา” (ยูกิโตะ)
“ได้โปรดเถอะ! ถ้าไม่นายไม่ช่วย ฉันต้องจบเห่แน่ แล้วเอริกะ คงจะลำบากที่ในการกลับใช้ชีวิตได้เหมือนอย่างเดิมด้วยนะ ได้โปรดเถอะ!” (ฮิเดะโอมิ)
แล้วชายร่างใหญ่นั้นก็คุกเข่าลง นี่เขาเป็นถึงสมาชิกสภาที่เป็นตัวแทนประชาชนไม่ใช่รึไงกัน นี่ฮิมิยามะซังลงโทษเขารุนแรงเกินไปหรือเปล่าเนี่ย ทำให้เขาถึงกับแสดงท่าทางที่น่าละอายออกมาโดยไม่สนอะไรแม้แต่ภาพลักษณ์ในสายตาคนอื่นที่มองมาเลย แล้วจากที่เขาได้พูดมาก่อนหน้านี้ ชีวิตของเขาในฐานะสมาชิกสภาอะไรนั่นจะต้องถูกสั่นคลอน แต่ไม่ว่ายังไงในกรณีนี้ มันก็ดูน่าจะเป็นการสนทนาของพวกผู้ใหญ่ที่ดูจะหนักเกินไปกับเด็กอย่างผม ผมคงจะไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงอะไรได้หรอกนะ ถ้างั้นผมก็คงจะต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฮิมิยามะซังล่ะ
“ผมก็เข้าใจนะ แต่คนเดียวที่ผมนั้นรู้จักก็คือผู้หญิงที่ชื่อมิซากิ ฮิมิยามะ เดี๋ยวผมจะไปคุยกับเธอให้ แล้วที่เหลือคุณจัดการเองต่อก็แล้วกัน เพราะผมเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรนักหรอกครับ” (ยูกิโตะ)
“ขอบคุณมาก ฉันเป็นหนี้เธอแล้ว ว่าแต่เธอ… เธอคนนั้นเป็นญาติของท่านริชู หรือเปล่า?” (ฮิเดะโอมิ)
“ก็เห็นเธอพูดว่า ”คุณปู่” ล่ะนะ ดังนั้นเธอก็น่าจะต้องเป็นหลานสาวของเขาน่ะ” (ยูกิโตะ)
“นั่นไงใช่แล้ว ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาออกเคลื่อนไหวได้เร็วมาก และเธอนี่ก็ช่างทึ่งมาก นี่เธอไปมีความสัมพันธ์กับคนในระดับนี้ขึ้นมาได้ยังไงกันน่ะ?” (ฮิเดะโอมิ)
“ก็หน้าอกของเธอ… หน้าอก …… จะถอดทำไมน่ะ หยุดดดด… อ่าาา ~~ —!” (ยูกิโตะ)
“ยูกิโตะ เป็นอะไรไป ยูกิโตะ?” (ยูริ)
“—ห๊ะ! ก็ประตูแห่งความทรงจำนั่น… ผมคิดว่าได้ปิดผนึกมันไปหมดแล้วซะอีก!” (ยูกิโตะ)
“นี่มันอะไรกัน เกิดอะไรขึ้น” (ยูริ)
“ผมก็แค่เกือบจะขาดใจตายไปกับความเป็นแม่อันโดดเด่นของเธอน่ะ…” (ยูกิโตะ)
“เฮ้ นี่นายมีไปความสัมพันธ์แบบไหนมาน่ะ บอกมาตรงๆนะ!” (ยูริ)
อย่างไรก็ตาม เวลาในการทำตัวเป็นแยงกี้ของยูกิโตะ โคโคโนเอะ นั้นก็ได้หมดลง มันก็ค่อนข้างจะน่าเบื่อนะ ที่จะต้องกลับมามาเรียนเหมือนเดิมในวันพรุ่งนี้อีกครั้ง
“แล้ว… ฉันล่ะ” (อาจารย์ใหญ่)
“รับผิดชอบสิ” (ยูกิโตะ)
แล้วหลังจากนั้น โยชินางะ ผู้เป็นอาจารย์ใหญ่ก็ถูกลงโทษทางวินัยและโดนตัดค่าจ้างไปหนึ่งเดือน
และผลของเรื่องนี้ ก็ได้ทำให้ความคิดของอาจารย์ใหญ่ที่มีต่อ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ นั้นเปลี่ยนไป กลายเป็นต้องคอยหมั่นทำการตรวจเช็คอารมณ์ของเขา และยูกิโตะ โคโคโนเอะ ที่มักจะต้องถูกพบเห็นว่าไปนู่นี่ทั่วโรงเรียนนั้น ก็ค่อยๆถูกปฏิบัติราวกับเป็นบุคคลที่อันตรายมากขึ้น แต่ตัวเขาเองนั้นไม่มีทางที่จะได้รับรู้เรื่องนี้เลย
MANGA DISCUSSION