ความบ้าคลั่งที่ไม่หยุดหย่อน
[มุมมองของ อาจารย์ใหญ่]
“คุณมีนักเรียนที่ชื่อ โคโคโนเอะ อยู่ไหม โทษที แต่ว่าตอนนี้ฉันต้องการตัวเขาด่วน!” (โทโจ)
เขาผู้ที่ได้วิ่งเข้ามาที่ห้องทำงานอาจารย์ใหญ่ นั้นมาพร้อมด้วยสีหน้าอันสิ้นหวังและร้อนรนซะจนสังเกตุเห็นได้
“โอ้ อาจารย์โทโจ มีอะไรให้ช่วยหรือครับ” (อาจารย์ใหญ่)
“นักเรียนคนนั้นน่ะ! คนชื่อโคโคโนเอะ ที่วันก่อนฉันได้ติดต่อกับคุณเกี่ยวกับเรื่องของเขาน่ะ ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน!? (โทโจ)
ฉันเองก็รู้สึกตกใจกับการมาเยือนอย่างกะทันหันแบบนี้นะ แต่ว่าฉันก็ต้องรับมือกับมันล่ะ ก็เพราะว่าฉันน่ะเป็นอาจารย์ใหญ่ โยชินากะ ที่เป็นผู้รับผิดชอบโรงเรียนแห่งนี้ แต่ว่าผู้มาเยี่ยมที่ดูจะสิ้นหวังนี้ก็คือศิษย์เก่าของโรงเรียน และเป็นสมาชิกของสภาจังหวัด ฮิเดะโอมิ โทโจ ผู้ที่เป็นรู้จักกันดี ว่าสำหรับเขานั้นเป็นคนที่จะไม่ยอมอดทนต่อทัศนคติที่เลวร้ายได้….
“คือตอนนี้เขาถูกกักบริเวณในบ้านแล้วนะครับ” (อาจารย์ใหญ่)
“ยกเลิกการกักบริเวณในบ้านซะ แล้วพาเขามาที่นี่เดี๋ยวนี้!” (โทโจ)
“แล้วนี่มันหมายความว่ายังไงกันครับ ก็นี่เป็นคำสั่งของอาจารย์โทโจ—–” (อาจารย์ใหญ่)
“ฉันไม่เคยสั่งแบบนั้นเลยเลยนะ ฉันก็แค่ถามไปว่าทำไมถึงได้มีนักเรียนแบบนี้เท่านั้น!” (โทโจ)
แล้วก็นั่นไง มันเป็นวิธีพูดปกป้องตัวเองของพวกนักการเมืองเขาล่ะ ที่อย่างน้อยก็ต้องพอหาช่องเพื่อให้มีทางออกสำหรับให้ตัวเขา จะได้ไม่ต้องมาเป็นผู้รับผิดชอบ แต่ถึงอย่างนั้น การแสดงออกของเขาตอนนี้มันดูกลับตาละปัดไปเป็นอีกอย่าง นี่เกิดอะไรขึ้นกับชายคนนี้กันแน่เนี่ย?
“ถ้าหากว่าฉันไม่ทำอะไรเลยล่ะก็ ฉันจะต้องแย่แน่ๆ” (โทโจ)
——————————————
[มุมมองในห้องเรียน 3-D]
“เอริกะ, เอริกะ โทโจ เรามีเรื่องที่จะต้องคุยกัน!” (เคอิโดะ)
แล้วเสียงของประธานสภานักเรียนก็ดังก้องไปทั่วห้องเรียน 3-D ที่กำลังใกล้จะถึงเวลาเริ่มเรียนคาบเรียนช่วงบ่าย แต่ในสถานการณ์นี้มันก็ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว และในขณะที่เพื่อนๆร่วมห้องของเธอนั้นต่างก็ตกใจกัน เอริกะ โทโจที่กำลังงวย ก็ก้าวออกไปข้างหน้า ..
“มีอะไรงั้นเหรอมุตสึกิ?” (เอริกะ)
“เอริกะ นี่เธอเป็นคนปล่อยข่าวลือของยูกิโตะ โคโคโนเอะใช่ไหม” (เคอิโดะ)
“—-! ฉันไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ” (เอริกะ)
“อย่ามาโกหกฉัน ฉันนึกไม่ออกแล้วว่าจะมีใครทำเรื่องพวกนี้ได้อีกนอกจากเธอ ทำไมเธอต้องทำแบบนั้น!” (เคอิโดะ)
ในขณะที่เธอนั้นจ้องกลับมาที่ไคโดะที่กำลังเข้าไปหาเธอ เอริกะ โทโจก็ขึ้นเสียง
“นี่เป็นอะไรไปน่ะ มุทสึกิ นี่เธอยังคงถูกผู้ชายคนนั้นกุมจุดอ่อนอยู่ใช่มั้ย ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก ฉันมั่นใจว่าฉันสามารถช่วยเธอได้นะ!” (เอริกะ)
และแล้วก็มีเสียงเพี๊ยะ ดังก้องไปทั่วห้องเรียน ไคโดะตบหน้าโทโจ
“อย่าตลกไปหน่อยเลย เขาน่ะไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น เธอจะพยายามใส่ร้ายเขาทำไม!” (ไคโดะ)
“นี่เธอมันบ้าไปแล้วนะ มุตซึกิ เธอไม่เคยเป็นผู้หญิงแบบนี้มาก่อนเลยนะ!” (เอริกะ)
“ไม่ต้องมาบอกว่าฉันเป็นใครเลยนะ! กลับกันเลย ฉันเองนี่ล่ะที่เป็นคนไปทำเขาซะเอง—-” (ไคโดะ)
“อะไรนะ—-!” (เอริกะ)
แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่โทโจ ได้เห็นไคโดะทำท่าทางฉุนเฉียว มันเห็นได้ชัดเลยว่ามีอะไรบางอย่างผิดปกติ เธอโกรธจัดเพราะเรื่องของเขา ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ที่ได้เป็นคนเปลี่ยนให้ไคโดะนั้นกลายไปเป็นแบบนี้ แล้วในทันใดนั้น ก็มีผู้มาเยือนคนใหม่โผล่เข้ามาเพิ่มอีก—
“เอริกะ โทโจ คุณพ่อของเธอตอนนี้อยู่ในห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่นะ เร็วเข้า มากับฉันเดี๋ยวนี้!” (อาจารย์ ฟูจิชิโระ)
“อาจารย์ ฟูจิชิโระ ทำไมพ่อของหนูถึงมาอยู่ที่นี่กันล่ะคะ” (เอริกะ)
“เอาไว้คุยกันอีกทีนะ ไคโดะ เธอก็มาด้วย!” (อาจารย์ ฟูจิชิโระ)
“เอ๊ะ!” (เคโดะ)
แล้วในขณะที่ทั้งสามคนวิ่งออกไป เพื่อนร่วมชั้นของพวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้เลย นอกจากเพียงจ้องมองตามหลังของพวกเธอไป
—————————————————
[มุมมองของ ฮิเดะโอมิ โทโจ]
ฮิเดะโอมิ โทโจ ได้ดำรงในตำแหน่งสมาชิกสภาจังหวัดมาแล้วถึง 3 สมัย รวมเป็นเวลา 12 ปี เขานั้นมีความคิดที่จะย้ายตัวเองเข้าไปสู่สนามการเมืองระดับชาติ แต่อยู่มาวันหนึ่ง ลูกสาวของเขาก็โทรเข้ามาหาเขาพร้อมกับมีเรื่องขอร้องที่ไม่ค่อยจะได้เห็น ฮิเดะโทมิ นั้นรักและเอ็นดูเอริกะ ลูกสาวเพียงคนเดียวของเขามาก แล้วพอเขาได้ยินเรื่องราวจากปากของเอริกะแล้ว ฮิเดะโอมิก็ถึงกับโกรธมาก เขาทนไม่ได้ที่จะต้องคิดว่ามีนักเรียนเลวทรามต่ำช้าแบบนี้ มาเรียนอยู่ที่โรงเรียนมัธยมเดียวกันกับลูกสาวของเขา
ยิ่งไปกว่านั้น ตัวเขาเองก็ยังเป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนมัธยมปลายโชโยด้วย กับสิ่งที่ชายคนนั้นได้ทำไปนั้นมันเป็นอาชญากรรมอย่างไม่ต้องสงสัย มันมากจนเกินไปกว่าแค่คำว่าไม่เหมาะสมสำหรับตัวเขาที่เป็นศิษย์เก่า แล้วฮิเดะโอมิก็ได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แต่ถ้าหากเขาใช้ความพยายามอีกเพียงสักเล็กน้อยในการตรวจสอบเรื่องราวที่ได้จากเอริกะแล้วล่ะก็ เรื่องที่เกิดในครั้งนี้ก็อาจจะเปลี่ยนไป แต่ว่า มันก็สายไปเสียแล้ว
อีกไม่กี่วันต่อมา ฮิเดะโอมิได้รับโทรศัพท์โดยตรงจากผู้บริหารของสหพันธ์จังหวัด ซึ่งเป็นข่าวที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน การยอมรับตัวเขาอย่างเป็นทางการจากพรรคนั้นถูกถอดถอน มันไม่น่าที่จะเกิดเหตุการณ์อะไรแบบนี้ขึ้นได้ ก็เพราะฮิเดะโอมินั้นเพิ่งจะได้รับการยอมรับจากพรรครัฐบาล แล้วตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งในสมาชิกพรรครัฐบาลที่ถือเสียงข้างมากในสภาจังหวัด การเพิกถอนการรับรองอย่างเป็นทางการของพรรคนี้ ก็หมายความว่าเขาจะไม่สามารถที่จะได้รับความช่วยเหลือจากองค์กร ในการเลือกตั้งที่จะถึงในอนาคตได้อีกต่อไป แล้วจะต้องทำงานเป็นอิสระเพียงตัวคนเดียว ซึ่งนั่นมันก็หมายความว่า ไม่ว่าจะใช้ความพยายามขนาดไหน เขาก็จะไม่สามารถเปลี่ยนไปลงสนามการเมืองระดับชาติได้อีกเลย
มันไม่มีทางที่เขาจะยอมรับมันได้ มันจะต้องมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้นแน่ๆ ฮิเดะโอมินั้นโกรธจัด แต่คำตอบที่ได้รับนั้น กลับมาเพียงแค่สั้นๆ มันเป็นคำสั่งจาก ริชู ฮิมิยามะ เขาว่ามาอย่างนั้น ซึ่งริชู ฮิมิยามะ ก็เป็นชื่อของนักการเมืองชื่อดัง ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งสมาชิกรัฐสภามาแปดสมัย และเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, วัฒนธรรม, กีฬา, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี รวมถึงรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกิจการภายในและการสื่อสาร และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข, แรงงานและสวัสดิการ ถึงแม้เขาจะเกษียณจากการเมืองระดับชาตินี้ไปแล้ว แต่อิทธิพลที่ซ่อนเร้นของเขานันกลับไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย
– นี่มันไร้สาระ!
ฉันไม่เข้าใจ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลยที่ สำหรับฮิเดะโทมิผู้ที่ตั้งเป้าจะไปสู่การเป็นนักการเมืองระดับชาตินั้น ริชู ฮิมิยามะก็คือตัวตนที่อยู่เหนือเมฆขึ้นไปอีก ตัวฉันนั้นไม่เคยที่จะได้คุยกับเขา หรือเคยเจอเขามาก่อนเลย มันจึงไม่มีทางที่เขานั้นจะรู้จักฉันได้ แล้วทำไมเขาถึงจะต้องมาเพิกถอนการรับรองอย่างเป็นทางการของฉันกันล่ะ?
อย่างไรก็ตามแต่ มีอยู่อย่างหนึ่งที่ฉันรู้ ถ้าหากว่า ริชู ฮิมิยามะ นั้นยอมรับในตัวฉัน มันจะเป็นการช่วยในด้านเส้นทางทางการเมืองของฉันได้เป็นอย่างมาก แต่ว่าในทางกลับกัน ถ้าหากว่า ริชู ฮิมิยามะ ไม่ชอบใจฉันขึ้นมา ตัวฉันก็ไม่มีอนาคตอีกต่อไปสำหรับเรื่องนี้
จากนั้นก็ได้ตกใจอีกครั้ง เมื่อฮิเดะโอมิ ได้รับโทรศัพท์อีกสายหนึ่งจาก ฮารุฮิโกะ ฮิมิยามะ เขาเป็นข้าราชการมืออาชีพที่ทำงานให้กับกระทรวงศึกษาธิการ, วัฒนธรรม, กีฬา, วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ฮารุฮิโกะนั้นได้พูดกับเขามาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แล้วพอเมื่อฮิเดะโอมิ ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น เขาก็ถึงกับต้องหน้าซีด ไม่ ไม่ ม่ายยย!
นี่มันไม่ใช่เรื่องของการไปสู่การเมืองระดับชาติอีกต่อไปแล้ว นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมามัวฝันกลางวัน มันกลับกันเลย ถ้าหากว่าฉันไม่ไปแก้ไขปัญหานี้ ในตอนนี้ ฉันก็จะไม่มีอนาคตอีกต่อไป ถ้าฉันไม่แก้ปัญหานี้ นี่มันก็จะเป็นจุดจบในชีวิตของฉัน!
ฮิเดะโอมิได้สั่งเลขาฯของเขา ให้ยกเลิกแผนการนัดหมายทั้งหมดและรีบตรงไปยังโรงเรียนเก่าของเขา มันช่างโง่เขลา มันช่างงี่เง่า เขาคิดว่ามันไม่น่าจะมีปัญหาอะไรที่จะสำคัญเลยสักนิด… เขาละเลยที่จะตรวจสอบข้อเท็จจริงในเรื่องนั้น นั่นก็หมายความว่า ฮิเดะโอมิ โทโจนั้นขาดคุณสมบัติของการเป็นนักการเมือง มันเป็นความผิดพลาดที่ไม่อาจให้อภัยได้
ฉันไม่คิดว่านักเรียนคนนั้นจะไปมีความเกี่ยวข้องกับ ฮิมิยามะ ได้เลยนะ!
แล้วเขาก็ได้ทำการใส่ร้ายนักเรียนที่บริสุทธิ์ ที่จริงในความคิดของเขานั้น เขาไม่เคยคิดว่ามันจะมีความเกี่ยวข้องกับ ฮิมิยามะ เลยสักนิดเดียว แล้วฮิเดะโอมิ ที่รู้สึกได้ถึงความโง่เขลาของตัวเองก็ถึงกับตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก ที่เขานั้นไม่ยอมตรวจจสอบข้อเท็จจริงให้ดีเสียก่อน
——————————————————————————–
[มุมมองของ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ]
แล้วผมก็ได้ไปถึงที่หมายโดยการโดยสารรถไฟไปประมาณ 30 นาที มันเป็นช่วงเวลาที่เด็กนักเรียนนั้นควรจะต้องไปอยู่ที่โรงเรียนตามปกติ แต่ก็เพราะว่าผมนั้นถูกสั่งกักบริเวณในบ้าน โดยที่ยังมีความรู้สึกอะไรผิดแผกที่เกิดขึ้นมาอย่างแปลกๆ มันเกิดขึ้นกับตัวของผม… ผมน่ะคิดว่าตอนนี้ก็คงจะพอเรียกตัวเองว่าเป็นพวกแยงกี้ได้นะ แต่มันก็ดูน่าจะเป็นแยงกี้ในแบบของ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ซะมากกว่า ผมก็ไม่ได้มีกระบองตะปูหรือดาบไม้หรอกนะ… คิดแล้วทำไมทุกคนนั้นจะต้องซื้อดาบไม้กลับมาฝากจากการไปทัศนศึกษาเพื่อมาเป็นของที่ละลึกกันด้วยล่ะ แล้วนี่มันก็เลยเป็นอีกหนึ่งความลึกลับอันเป็นนิรันดร์สำหรับผม
แต่ว่าจุดประสงค์ของทริปนี้มันไม่ใช่การไปพิชิตโรงเรียนอื่น แต่มันเป็นการเดินทางเพื่อออกไปค้นหาตัวเอง และถึงแม้มันน่าดูจะเป็นอาการผิดปกติทางจิตอย่างหนึ่งที่พวกเด็กหนุ่มสาวนั้นจะเป็นกัน ที่สติสัมปชัญญะมักจะไปหมกมุ่นอยู่กับเรื่องในเรื่องหนึ่งเพียงอย่างเดียว(จูนิเบียว?) แต่กรณีของผมน่ะ มันคือการเดินทางเพื่อค้นหาตัวเองให้เจอ ผมไม่อยากจะให้คุณนำเอาไปเปรียบกับพวกเด็กหนุ่มสาวที่เป็นแบบนั้นหรอกนะ เพราะผมน่ะคือ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ชายผู้ที่จะไม่อยู่ๆก็ไปโผล่ที่อินเดียและตื่นขึ้นมาพบกับตัวเองที่เป็นคนใหม่และก็เอาแต่สงสัยในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวเองหรอกนะ(แซวหนังเรื่องอะไรซักเรื่องก็ไม่รู้) และถ้าหากว่ามันเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นแล้วล่ะก็ มันก็มีเพียงสถานที่เดียวเท่านั้นที่จะต้องไป
“โรงพยาบาล นี่นัดเวลา 11:30 น. ไว้ใช่ไหมนะ?” (ยูกิโตะ)
แล้วจากที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ มันก็ไม่ได้มีอะไรที่จะมากวนใจผมได้ ผมไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั้น ผมนั้นไม่เจ็บปวดอีกแล้ว สภาวะจิตใจของผมนั้นมีความสามารถในการดูดซับแรงกระแทกได้เหมือนอย่างกับอัลฟ่าเจล ไม่ว่าใครจะพูดอะไรหรือทำอะไรกับผม ผมก็ไม่ว่าอะไร ยังไงผมก็ไม่เจ็บไปปวด ผมนั้นไม่สนทั้งตัวเองหรือคนอื่น เพราะจะยังไงมันก็ไม่มีใครจะมาสนใจผม เช่นกันกับที่ผมนั้นก็จะไม่สนใจพวกเขา ไม่เป็นไร เดี๋ยวก็หายไป และนั่นก็คือวิธีที่ผมนั้นได้ทำเพื่อละทิ้งทุกสิ่งอย่างออกไป
แต่ว่า สุดท้ายผมก็เอากลับมาคิดนะ ว่าบางทีมันอาจจะไม่จริงก็ได้ เพราะดูช่วงนี้ผมเอาแต่เห็นหน้าคนร้องไห้ ผมเลยสงสัยว่าทำไมถึงได้ร้องไห้ล่ะ อะไรกันล่ะที่ทำให้พวกเธอนั้นต้องเศร้า? มันเพราะอะไรกัน? แล้วผมมาถึงจุดที่ผมนั้นไม่สามารถที่จะแสร้งทำเป็นไม่รู้หรือไม่เห็นได้อีกต่อไป ก็เพราะผมคนเดียวนั่นล่ะที่เป็นสาเหตุ เพราะผมเพียงคนเดียวที่ทำให้พวกเธอนั้นถึงต้องมาร้องไห้ ผมรู้แค่นั้น ผมไม่สนหรอกว่าพวกเธอจะมาทำร้ายผมไหม แต่ว่า ผมก็ไม่ได้อยากที่จะทำร้ายใคร ไม่อยากให้พวกเธอต้องร้องไห้ แค่ไม่อยากที่จะเจอใบหน้าแบบนั้นอีกต่อไป
ผมคงจะเป็นแบบนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ถ้าหากว่ามันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงกับตัวของผมเองเลย ผมก็จะต้องทำสิ่งเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า และคงจะต้องไปทำให้ใครบางคนนั้นร้องไห้อีก ผมเองก็ไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกเหล่านี้มันคืออะไรหรือเรียกว่าอะไร ไม่รู้เลยจริงๆ แต่บางครั้งก็ผมไม่ชอบกับสิ่งที่เป็นอยู่ในตอนนี้
อะไรคือสิ่งที่ทำให้พี่สาวต้องมาจูบผม? ซูซุริคาว่ากำลังพยายามจะพิสูจน์อะไร? คามิชิโระทำไมถึงต้องมาทำอะไรอย่างการเป็นผู้จัดการทีม? บางทีผมอาจจะรู้ก็ได้ว่าความรู้สึกพวกนี้ที่พุ่งเข้ามาหาผมนั้นมันคืออะไร แต่ผมก็แค่ไม่เข้าใจ พวกเขาเป็นแบบนั้นมานานแค่ไหน? แล้วทำไมมันถึงได้เกิดขึ้น? แล้วสิ่งเหล่านั้นล่ะก็คือสิ่งที่ผมต้องการอยากจะรู้
ผมเองก็มีคำตอบที่คลุมเครือผุดขึ้นมาภายในใจ แต่ว่ามันก็ยังคงคลุมเครือเกินไป ตอนนี้ผมจึงต้องมาอยู่ที่นี่เพื่อยืนยัน แล้วผมก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว นี่ผมก็ควรที่จะต้องปิดโทรศัพท์แล้วสินะ แล้วผมก็ปิดมันไปโดยไม่ได้คิดอะไรกับมันและเริ่มออกเดิน เพื่อไปให้ถึงที่หมายของผม
—————————————————————
[มุมมองในห้องอาจารย์ใหญ่]
“—– ไม่นะ… ถ้าอย่างนั้นแล้วฉันล่ะ !?”
“ฉันไม่ติดต่อกับยูกิโตะไม่ได้! ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหนกัน?”
“ได้โปรดล่ะ ช่วยหาทางติดต่อเขาที!” (ฮิเดะโอมิ)
ณ ห้องทำงานของอาจารย์ใหญ่กำลังเกิดเรื่องวุ่นวาย ซายูริ ฟูจิชิโระครูประจำชั้น และยูริ ก็ได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ด้วย เพราะเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ ได้มีโทรศัพท์จาก ฮารุฮิโกะ ฮิมิยามะ โทรมาที่นี่ด้วย และมันก็เป็นแบบเดียวกันกับที่ฮิเดะโอมิได้รับ แล้วปัญหาก็ได้ลุกลามขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะอยู่แค่ภายในโรงเรียนอีกต่อไปแล้ว แม้แต่อาจารย์ใหญ่ โยชินากะเองก็ไม่อาจหนีจากการถูกลงโทษในเรื่องนี้ไปได้
และเมื่อเอริกะได้ยินสถานการณ์ทั้งหมดจากมุซึกิ เธอก็ร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล ส่วนพ่อของเธอ ฮิเดะโอมิ ก็อยู่ในสภาพที่ดูเหมือนกับจะไร้ซึ่งชีวิตเช่นกัน เพราะเอริกะที่ได้พยายามจะใส่ร้ายผู้บริสุทธิ์ก็ต้องถูกลงโทษด้วย… ยูกิโตะ โคโคโนเอะนั้นได้ถูกพักการเรียน เพียงเพราะเขานั้นเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวายไร้สาระที่เกิดจากครอบครัว โทโจ เท่านั้น และตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้น ขั้นเลวร้ายที่สุดนั้นอาจจะทำให้เขานั้นถูกไล่ออกจากโรงเรียนได้เลย
แล้วตอนนี้ปัญหามันก็ได้เกิดขึ้นมาแล้ว และผู้ที่มีสิทธิคุมชะตาชีวิตของทุกคน ที่มีทั้งเอริกะ, ฮิเดะโอมิ และอาจารย์ใหญ่โยชินากะ เอาไว้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากนักเรียนคนหนึ่งที่ชื่อ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ เพราะอย่างน้อย ฮิเดะโอมิ โทโจ นั้นอาจจะต้องถูกปลดออกจากตำแหน่งปัจจุบันในทันทีโดยไม่มีอนาคตเหลืออยู่ เว้นเสียแต่ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ นั้นจะช่วยนำพาเขาไปให้ถึงยอดเขาแห่ง ฮิมิยามะได้
“เอริกะ สิ่งที่เธอทำลงไปมันยกโทษให้ไม่ได้ แต่ว่ามันก็เพื่อฉัน ฉันคิดว่าฉันเองคงจะต้องมีความผิดเช่นเดียวกับเธอ มันเป็นความผิดของฉันเอง ที่ฉันไม่ได้อธิบายอะไรให้กับคนรอบข้างฟัง เพราะว่ามันเป็นปัญหาที่มีความละเอียดอ่อน หากในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ฉันคงจะต้องออกจากโรงเรียนไปพร้อมกับเธอ” (ไคโดะ)
“ฉันขอโทษ มุซึกิ มันเป็นความผิดของฉันเอง คุณไม่จำเป็นต้องออกไปนะ!” (เอริกะ)
ยูริยืนมองทั้งสองคนอยู่อย่างเย็นชา ความโกรธของเธอค่อยๆเพิ่มขึ้น เนื่องจากว่าสิ่งต่างๆในตอนนี้นั้น ที่ดูกำลังเริ่มดำเนินไปในทิศทางที่ถูกที่ควรได้เสียที แต่แล้วภัยพิบัตินี้ก็กลับต้องมาเกิดขึ้น มันมักจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นมากับเขาอยู่เสมอ ราวกับว่ามีคนป่วยจิตบางคนนั้นเป็นคนวางแผนล่วงหน้าไว้ซะทุกอย่าง และทุกครั้งที่มันเกิดขึ้น จะต้องมีส่วนหนึ่งของ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ที่จะต้องแตกสลายลง และดูเขาเองก็น่าจะมาถึงขีดจำกัดแล้วด้วย เพียงแค่เธอคิดว่าน้องชายของเธอที่เพิ่งจะได้เปิดใจยอมรับตัวเธอแล้ว ถึงแม้ว่าจะเพียงแค่เล็กน้อย แต่เธอนั้นก็รู้สึกแทบจะทนไม่ไหวเมื่อจะต้องมาคิดว่าเขานั้นอาจะกลับไปพังทลายลงอีกรอบ หรือไม่ก็เขานั้นจะกลับมาปฏิบัติกับเธอเหมือนเป็นคนแปลกหน้าอีกครั้ง
“ฉันอยากให้ทั้งสองคนถูกไล่ออกไปซะ ฉันไม่อยากที่จะให้ใครมาอยู่ใกล้ๆกับเด็กคนนั้นโดยเฉพาะคนที่ต้องการจะมาทำร้ายเขา!” (ยูริ)
“ยูริ… ฉันขอโทษ…” (ไคโดะ)
บรรยากาศอากาศที่สุดแสนจะตึงเครียดนี้ ไม่มีอะไรที่พวกเราจะสามารถทำได้อีกแล้ว… คนๆเดียวที่จะสามารถควบคุมสถานการณ์นี้ได้นั้นก็กลับไม่อยู่ในที่แห่งนี้—-
“โย~สึ เป็นยังไงกันบ้างทุกคน?” (ยูกิโตะ)
แล้วชายผู้ที่ถือสิทธิความเป็นและความตายของทุกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ก็ได้ปรากฏตัวขึ้นจากที่หน้าประตูด้วยคำพูดที่ดูไม่เหมาะกับเขาเอาซะเลย ราวกับบรรยากาศของนักธุรกิจที่เพิ่งจะทำงานเสร็จและแวะไปผับก่อนกลับบ้าน
“ได้เวลาตัดสินแล้ว~” (ยูกิโตะ)
ด้วยประโยคที่ดูไม่เหมือนกับเป็นของตัวเขาเลย……
MANGA DISCUSSION