คำโกหกของการสารภาพความรู้สึกปลอมๆ
ในโรงยิมตอนนี้ก็ถูกเติมเต็มไปด้วยผู้คนที่ได้รู้เรื่องวุ่นๆนี้ แล้วฝูงคนที่สนใจอยากเข้ามาดูก็ได้รวมตัวกัน ผมตัดสินใจที่จะไม่สนใจพวกเขาในตอนที่ผมได้ยินแว่วๆว่า “งั้นก็จริงน่ะสิกับข่าวลือที่ว่า—–” ผมสงสัยวาพวกเขากำลังคาดหวังอะไรกันกับไอ้เรื่องที่อยู่ๆก็เกิดแทรกขึ้นมาในชีวิตประจำวันกันเนี่ย ผมควรที่จะแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเหมือนกับพวกเขาซะจริงๆ แต่ปัญหาก็คือตัวผมนี่แหละคือศูนย์กลางของความวุ่นวายนี้ ขอโทษนะครับ นี่ผมขอกลับบ้านเลยได้ไม๊เนี่ย? ในใจกลางของความวุ่นวายนี้ มีคนที่กำลังตะโกนบอกให้ผมนั้นกลบบ้านไปซะนั่นก็คือตัวของผมเอง ยูกิโตะ โคโคโนเอะ
ผมนั้นไม่เข้าใจเลยว่าสมาชิกชมรมกลับบ้านอยางผม ทำไมจะต้องมาอยู่ในสถานะการณ์แบบนี้ในตอนนี้ ผมน่าจะลบความทรงจำของผมออกไปซะนี่ คู่แข่งอีกฝั่งนึงคือนักเรียนปีสามที่เป็นตัวจริงของทีม มันก็ขึ้นอยู่กับมุมมองล่ะนะ เพราะอย่างอีกฝ่ายนึงที่มีน้องใหม่สามคนรวมผมด้วยก็น่าจะถูกมองว่าเป็นพวกปีนเกลียวอวดดีกับรุ่นพี่ ถึงผมจะแค่อยู่เฉยๆไม่ได้ทำอะไรเลยก็เถอะ……
คุณคงสงสัยว่า การแข่ง 3 ต่อ 3 ในเวลา 10นาที ที่ครึ่งละ 5นาทีนี้ ทำไมถึงมีคนมาดูเยอะก็เถอะนะ แล้วไอ้การแข่งแบบ 3 ต่อ 3 นี้ก็จะเป็นการแข่งอย่างรวดเร็ว เพราะมันไม่มีทั้งกลยุทธ์และตำแหน่งเฉพาะใดๆ
“แล้ว ถ้าพวกเราชนะ พวกนายจะต้องมาเข้าร่วมทีมบาสเก็ตบอล ถูกไหม?” (ฮิมุระ)
“ช่าย” (มิโฮะ)
“มันหมายความว่ายังไงกับไอ้คำว่า “ช่าย” ของนายกันเนี่ย? อย่าตัดสินใจเอาเองสิ ขอล่ะ แล้วนี่รุ่นพี่นี่ไม่ยังไม่โตกันรึยังไงเนี่ย?” (ยูกิโตะ)
“ฉันไม่มันใจว่าจะชนะกับการแข่งนะ! ถ้าฉันมั่นใจกับทีมบาสเก็ตบอบของเราล่ะก็ ฉันก็ไม่ต้องมาชวนนายหรอก” (ฮิมุระ)
“ถ้างั้น ถ้าพวกเราชนะ ทีมบาสเก็ตบอลต้องถูกยุบนะ” (ยูกิโตะ)
“นั่น นั่น นั่นมัน…..!” (ฮิมุระ)
แล้วรุ่นพี่ก็ดูราวกับถูกหักอก นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย ไม่มีทางที่นักเรียนชั้นปีสามจะมาคิดว่าตัวเองแพ้เด็กใหม่กันหรอกนะ แล้วนับประสาอะไรกับ อิโตะคุง ที่ก็เป็นหนึ่งในทีมบาสเก็ตบอลล่ะ แล้วผมไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าหน้าใสรูปหล่อนี่จะเล่นได้ดีแค่ไหนด้วย
“แล้วอีกอย่าง ผมไม่ได้มีแรงจูงใจเลยนา ดังนั้นขอบอกตรงๆ ผมไม่สนใจว่าผมนั้นจะแพ้หรือชนะ……” (ยูกิโตะ)
“ยูกิโตะ ต้องเอาชนะสิ!” (มิโฮะ)
“นี่พวกนาย ถึงแม้ว่าพวกเขาจะดูแบบนั้นก็เถอะ แต่พวกเขาก็เป็นนักกีฬาตัวจริงนะรู้ไม๊?” (ยูกิโตะ)
ด้วยอะไรสักอย่าง เจ้าหน้าใสนายนี้ก็ได้แสยะยิ้มออกมา
“พวกเราชนะแน่ ไม่มีทางที่พวกเราจะแพ้หรอก ใช่ไหม ยูกิโตะ?” (มิโฮะ)
“นี่นายไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกันล่ะนั่น?” (ยูกิโตะ)
ผมไม่เคยคิดเลยว่า ผมนั้นจะมีโอกาสได้เล่นบาสเก็ตบอลในโรงเรียนอีกครั้ง แต่คุณไม่มีทางรู้ว่าโลกนี้จะหมุนต่อไปเป็นแบบไหนหรอกนะ พอผมกวาดตามองแล้ว ผมก็เห็นพี่สาวอยู่ในกลุ่มคนที่เข้ามาดู ผมสงสัยว่าเธอแค่คงจะแค่มาดูเรื่องวุ่นวายที่เกินขึ้นนี้ด้วยรึเปล่านะ ผมมันใจว่าเธอนั้นจะต้องมาดูเพราะผมอาจจะกำลังก่อปัญหาเอาก็ได้ สำหรับเธอแล้ว ผมมันไม่มีอะไรไปนอกจากตัวปัญหา ไม่สิ ผมมันใจว่าทุกๆคนก็ต้องคิดแบบนี้เช่นกัน
ในตอนที่ผมยังอยู่โรงเรียนมันธยมต้นนั้น ที่ผมเล่นบาสเก็ตบอลก็ไม่ใช่เพื่อใครทั้งนั้น มันก็แค่เพื่อตัวผมเอง หากลองมองย้อนกลับไปในตอนนั้น ผมก็แค่เล่นบาสเก็ตบอลเพื่อที่จะสลัดเอาความรู้สึกช๊อคที่ได้อกหักออกไปจากตัวเองเท่านั้น ผมไม่ได้สนใจในชัยชนะของทีม หรือเพื่อนร่วมชมรมเลย นั่นล่ะทำไมผมถึงได้เล่นบาสเก็ตบอล ผมไม่ได้มีความสนใจกีฬานี้จริงๆหรือทีมของผมหรอก นั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมผมถึงต้องฝึกซ้อมด้วยตัวเอง ตัวเองคนเดียว ผมไม่ได้อยากที่จะฝึกให้เก่งขึ้น ผมก็แค่อยากจะขยับร่างกายก็แค่นั้น
แล้วหลังจากหน้าร้อนของปีสองในตอนนั้น ก็เริ่มมีคนที่เข้ามาพูดคุยกับผมอย่างน่าประหลาด
คนๆนั้นก็คือ ชิโอริ คามิชิโระ และเธอก็เป็นอีกคนนึงที่พยายามจะโกหกผม
—————————————————
[มุมมองอดีตของ ชิโอริ คามิชิโระ]
“อะไรกัน? นี่ไม่ใช่ว่าอาทิตย์ที่แล้วเค้าก็มานี่รึ?” (ชิโอริ)
ในวันเสาร์ ฉันก็ได้เห็นเขาฝึกซ้อมอยู่บนสนามที่ว่างในสวนสาธารณะ ฉันคิดว่าเขาก็น่าจะเป็นสมาชิกในทีมบาสเก็ตบอลชาย นี่มันก็เป็นครั้งที่สองที่ฉันได้เห็นเขาที่นี่ ฉันจำได้ว่าเห็นเขามาฝึกอยู่คนเดียวในเวลาเดียวกันสถานที่เดียวกันนี้ในอาทิตย์ที่แล้ว ทีแรกฉันก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรเขาในตอนนั้น แต่บางทีมันก็คงเป็นเพราะว่าฉันนั้นเป็นนักบาสเก็ตบอลหญิงด้วยล่ะ แต่ก็ฉันก็รู้สึกแปลกใจที่ตัวเองนั้นได้รู้สึกที่จะสนใจในครั้งที่สองที่ได้เห็นเขา ภาพของตัวเขาก็ได้ดึงดูดฉันให้เข้าไปหา แต่ด้วยอะไรสักอย่างบรรยากาศที่เขาปล่อยออกมานั้นดูทุ่มแทแบบแปลกๆ
แล้วครั้งที่สามก็น่าจะมาถึงเร็วๆนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ตัดสินใจที่จะลองเฝ้าดูเขาให้ดีๆจากที่โรงเรียน ถึงแม้ว่าพวกเรานั้นจะอยู่ในทีมบาสเก็ตบอลเหมือนกัน แต่พวกเราก็ไม่เคยได้ติดต่อหรือพูดคุยกันมาก่อน ฉันสงสัยว่าเขานั้นเป็นคนแบบไหนกันนะ เขานั้นฝึกซ้อมแม้แต่ในวันหยุด ไม่ใช่ว่าเขาเป็นผู้เล่นที่ทุ่มเทมากรึไงกันนะ?
แล้วนั่นก็คือความประทับใจแรกของฉัน เขานั้นไม่เหมือนฉัน ที่ไม่ได้หลงไหลในกิจกรรมชมรมเท่าไหร่นัก แล้วทีมบาสเก็ตบอลชายเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเช่นกัน แล้วเขาจะไปฝึกหนักทำไมกันล่ะ? และฉันนั้นก็ได้เริ่มสนใจเขา แล้วก็เริ่มที่จะชายตามองไปที่เขาบ่อยๆ
บางทีนี่คงจะไม่ผิดแล้วล่ะ ในที่สุดฉันก็เริ่มให้ความสนใจเขาและเฝ้ามองเขา เขาที่โดดเด่นกว่าคนอื่นๆอย่างแปลกประหลาด เขาฝึกทั้งในตอนเช้า หลังเลิกเรียน และในตอนกล่างคืน ไม่ใช่กับคนอื่นๆแต่เพียงแค่คนเดียว มันดูไม่เป็นปกติที่จะทำให้ฝึกอยู่คนเดียวเพื่อกีฬาที่เล่นกันเป็นทีมอย่างบาสเก็ตบอลนี้ แล้วอะไรมันเป็นข้อดีที่เขานั้นเอาแต่ฝึกอยู่คนเดียวกันล่ะ? มันไม่มีอะไรที่จะทำให้ทีมนั้นแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยซ้ำ! เขามันเป็นคนบ้า…… ในอีกด้านนึง ที่ไหนสักแห่งของหัวใจของฉัน กำลังร่ำร้องให้กับตัวตนของเขา
แล้วเขาก็ยิ่งโดดเด่นมากขึ้นไปอีก ฉันจึงได้ไม่สงสัยเลย เมื่อได้พิจารณาจากสิ่งที่เขาได้ทำทั้งหมดนี้ สมาชิกทีมของบาสเก็ตบอลชายนั้นเริ่มจะงุนงงกับสิ่งที่เขาได้ทำ พวกเขานั้นไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงกับเขา มันเห็นได้ชัดว่าทัศนคติของพวกเขานั้นแตกกต่างจากเขาในเรื่องกิจกรรมของชมรม พวกเขานั้นทำเพียงเพราะว่ามันแค่สนุก แต่พวกเขาก็ได้รู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่มันผิดไปเกี่ยวกับมัน ที่ถึงแม้ว่าตัวเขาเองจะไม่รู้สึกถึงบรรยากาศแบบนั้นได้ แต่เขาก็ไม่เคยขอให้คนอื่นต้องใช้ความพยายามแบบเดียวกับเขา ในทุกๆวันเขาก็ยังคงฝึกซ้อมด้วยตัวเองต่อไป
ฉันนั้นสงสัยมากซะจนทำให้ฉันต้องเข้าไปคุยกับเขา
“เฮ้….ทำไมนายจะต้องทำมันให้หนักถึงขนาดนี้กันล่ะ?” (ชิโอริ)
ตอนที่ฉันเข้าไปพูดกับเขา เขาก็ดูเป็นแค่เด็กนักเรียนชายธรรมดาๆคนนึง ไม่สิ นั่นน่ะคือสิ่งที่ฉันคิดแค่ในตอนนั้น เขาเป็นคนที่คุยด้วยง่ายมากและยังสุภาพมากด้วย มันก็ชัดเจนนะก็ฉันเป็นที่ป๊อปปุล่านี่นาถึงแม้จะเห็นว่าฉันแบบนี้ก็เถอะนะ ฉันก็ยังเคยถูกสารภาพความรู้สึกมาแล้วหลายครั้งด้วย ฉันเป็นคนสูงและหน้าอกของฉันก็โตขึ้นพอควร ฉันรู้ว่าฉันนั้นกำลังเติบโตได้ดีเลยล่ะ ฉันรู้สึกได้ว่าสายตาของเหล่าเด็กผู้ชายนั้นชอบจ้องมาที่ร่างกายฉัน
แต่เขานั้นแตกต่าง เขาไม่ได้มองมาที่ฉันเลย ในทางตรงข้าม ฉันหวังว่าเขานั้นจะยอมรับใจตัวฉัน ฉันหวังว่าเขาจะสนใจฉันด้วยเช่นกัน แต่ไม่ว่ายังไง การรับรู้ของเขาต่อผู้อื่นนั้นดูจะน้อยมากจากที่ฉันนั้นสัมผัสได้
ฉันหวังว่าฉันได้เห็นอะไรบางอย่างในแววตาของเขา แต่มันช่างดำมืด ลึก และดูเรียบเฉย ที่นั่นทำให้ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดในเรื่องนั้น สิ่งที่เขามองออกมานั้นมันช่างดูเย็นชามาก แม้จะดูมีความน่าหวาดกลัว แต่ว่าด้วยท่าทีและคำพูดของเขานั้นก็ดูอ่อนโยนเสมอ มันมีอะไรบางอย่างที่ไม่สมดุลและดูแปลกประหลาดเกี่ยวกับตัวเขา ที่ฉันนั้นไม่สามารถปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวต่อไปได้ นั่นล่ะคือ ยูกิโตะ โคโคโนเอะ
เขาได้กลายมาเป็นเพื่อนที่พึ่งพาได้ให้กับฉัน เป็นเพื่อนคนสำคัญที่เป็นเพศตรงข้าม มันไม่ได้ใช้เวลานานเลยสำหรับฉันที่จะเห็นว่าเขานั้นเป็นมากกว่านั้น ฉันเริ่มที่จะเรียกเขาว่ายูกิ และเขาเองก็เริ่มที่จะเรียกฉันว่าชิโอริ เช่นกัน ที่จริงฉันเป็นคนขอให้เขาเรียกฉันแบบนั้นเองแหล่ะ
ในทัวร์นาเม้นของฤดูใบไม้ร่วงในปีสองของฉัน ทีมบาสเก็ตบอลชายนั้นก็ได้กลายเป็นทีมที่มีการป้องกันที่แข็งแกร่งในระดับท๊อป 16 ของทัวร์นาเม้นระดับจังหวัด(ทีมตัวแทนของแต่ละจังหวัด ไทยเราจะเรียกระดับประเทศ) นี่มันเป็นความสำเร็จที่ยอดมาก ทีมบาสเก็ตบอลชายที่โดยปกติแล้วจะแพ้ไปแล้วตั้งแต่รอบแรกหรือรอบที่สองของทัวร์นาเม้นระดับท้องถิ่น(ไทยเรียกแข่งระดับจังหวัด)นั้น กลับมาได้จนถึงทัวร์นาเม้นระดับจังหวัด แล้วเขาก็ได้รับรางวัลจากโรงเรียนด้วย มันเรียกได้ว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่สำหรับเขาเลย แต่ว่าบาสเก็ตบอลนั้นเป็นกีฬาที่เล่นกันเป็นทีม ไม่ว่าเขาจะยิ่งใหญ่ขึ้นด้วยตัวเองได้แค่ไหนมันก็ย่อมมีขีดจำกัด แต่ด้วยผลลัพที่ได้นี้มันจึงทำให้พวกเด็กผู้ชายนั้นเปลี่ยนความคิดไป
ถ้าพวกเรานั้นเล่นดีขึ้น พวกเราก็สามารถเล็งไปยังระดับที่สูงขึ้นได้ ด้วยความหวังแบบนี้เริ่มที่จะโผล่ขึ้นมาในสมาชิกของบาสเก็ตบอลทีมชาย ถ้าเราปรับปรุงตัวเองเราก็อาจทำผลผลลัพธ์ได้ดีขึ้น แล้วจนถึงจุดนึง เหล่าเด็กผู้ชายก็เริ่มทุ่มเทตัวเองอย่างจริงจังให้กับบาสเก็ตบอลพร้อมด้วยทัศนะคติที่แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง
เขาได้เปลี่ยนทีมบาสเก็ตบอลไปด้วยมือของเขาเอง
เขานั้นไม่ได้พูดอะไรออกมาจากตัวเขาเอง เขาไม่ได้บังคับให้ทุกคนให้ต้องทำอะไร เขาเปลี่ยนผู้คนรอบๆตัวเขาเพียงแค่การกระทำของเขา
เขานั้นเป็นทั้งเพื่อนร่วมห้องและเป็นเพื่อนที่ดี
ในเวลาเดียวกัน ฉันก็ได้ชื่นชมในอิทธิพลอันมากมายและความเข็งแกร่งของเขา
แล้วผลพวงจากความกระตือรือล้นก็ได้ค่อยๆแพร่มายังทีมบาสเก็ตบอลหญิง พวกเขานั้นเริ่มต้นที่จะฝึกอย่างจริงจังขึ้นกว่าแต่ก่อน แล้วในช่วงเวลานั้นก็ยิ่งมีผู้คนรอบตัวฉันได้เริ่มให้ความสนใจเขามากขึ้นเรื่อยๆ สมาชิกบางคนเฝ้ามองมาที่เขาอย่างกระตือรือร้น แน่นอน เพราะเขานั้นเป็นคนที่ดูดี เขาเปล่งประกายอย่างชัดเจนและก็ยังมีความมืดบางอย่างที่ฉันนั้นอดที่จะสังเกตเห็นไม่ได้
ฉันรู้สึกได้ว่าฉันอยู่เหนือกว่าคนอื่นเพียงเล็กน้อย แต่ในขณะเดียวกันฉันก็เริ่มที่จะรู้สึกไม่สบายใจ ฉันยังเด็กเกินไปที่จะเข้าใจว่าความรู้สึกเหล่านั้นคืออะไร ฉันได้ออกกำลังกายมาตลอดชีวิตของฉัน แต่ฉันยังไม่เคยมีประสปการณ์ที่จะรู้จักได้ว่านั่นคือ ความรัก
ความสัมพันธ์กับเขายังคงต่อเนื่องไปจนกระทั่งถึงจุดนึง ในตอนนั้นฉันก็ได้ตกหลุมรักเขาไปแล้ว ฉันนั้นตื่นเต้นที่ฉันนั้นได้รู้ว่านี่มันคือความรัก ฉันรู้สึกยินดีที่จะได้คุยกับเขา ฉันต้องการอยู่กับเขา ด้วยความรู้สึกเหล่านี้ก็ได้เข้ามากลืนกินตัวฉัน
และในที่สุด ฉันก็ไม่สามารถที่จะเก็บมันไว้ได้อีกต่อไป และฉันก็ได้บอกกับเขา แต่ฉันก็ไม่ได้คาดคิดว่ามันจะออกมาเป็นแบบนั้น….. นับจากวันนั้น การเฝ้าแต่สำนึกผิดของฉันก็ได้เริ่มต้นขึ้น ฉันไม่ควรที่จะบอกเขาแบบนั้น ฉันควรที่จะซื่อสัตย์กับเขาให้มากกว่านี้ ฉันก็ควรที่จะซื้อสัตย์กับตัวเองมากกว่านั้นด้วยเช่นกัน
“ยูกิ นายรู้อะไรไม๊? มีอะไรบางอย่างที่ฉันอยากจะบอกกับนายในวันนี้น่ะ…….” (ชิโอริ)
“มีอะไรงั้นเหรอ ชิโอริ?” (ยูกิ)
มันเป็นการปล่อยด้านมืดให้ออกมาด้านนอก ยูกิ นั้นใช้เวลาหลังเลิกเรียนในการฝึกซ้อมจนถึงนาทีสุดท้ายเสมอ พอถึงเวลาที่เขาต้องกลับ ดวงอาทิตย์ก็กำลังจะตกดินพอดี ฉันได้เลือกที่จะรอจนกว่ายูกิ จะเลิกเพื่อจะได้กลับบ้านกับเขา พอเขาเห็นว่าฉันที่กำลังออกอาการประหม่า เขาไมได้พูดอะไรออกมาเป็นพิเศษ แต่กลับให้กำลังใจฉันเหมือนอย่างเคย
“ฉันชอบนายนะ ยูกิ” (ชิโอริ)
ดวงตาของเขานั้นสั่นไหวเล็กน้อย เขาดูเหมือนจะประหลาดใจ ฉันคิดว่านี่คงจะเป็นครั้งแรกเลย เพราะว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะฉันจะสังเกตเห็นอารมณ์ของเขาได้ ฉันไม่เคยเห็นเขาแสดงอะไรออกมาเลย ทั้งหมดที่ฉันรู้เกี่ยวกับเขานั้น คือท่าทางที่สุภาพอ่อนโยนตามปกติที่เขาเป็น หรือไม่ก็ในตอนที่เขานั้นทุ่มเทให้กับกิจกรรมของชมรมจนถึงจังหวะที่เขานั้นเหนื่อยล้าจนถึงที่สุดเท่านั้น ดังนั้นสายตาที่เขานั้นแสดงออกมาให้ได้เห็นจึงทำให้ใจของฉันนั้นเต็มไปด้วยความสุข นั่นคือสิ่งที่ฉันคิด ว่าฉันพอที่จะทอดอะไรบางอย่างไปถึงเขาได้ ฉันจ้องเข้าไปที่ดวงตาของยูกิ เพื่อที่จะรอให้เขานั้นได้พูดอะไรบางอย่างออกมา
“ฉันขอโทษนะ ชิโอริ เธอช่วยรอจนกว่าจะจบทัวร์นาเม้นเพื่อที่จะฟังคำตอบได้ไหม?” (ยูกิ)
“ใช่ นี่มัน………นี่เป็นทัวร์นาเม้นสุดท้ายของนายแล้ว ใช่ไหมล่ะ?” (ชิโอริ)
กับคำตอบที่ไม่ได้คาดคิด ไม่ว่าฉันจะชอบมันหรือไม่ก็ตาม ฉันก็ยอมรับมันได้หมด ฉันคิดว่าฉันนั้นใช้ความกล้าและความมุ่งมันที่จะสารภาพความรู้สึกของตัวเองไปแล้ว แต่สิ่งที่ได้รับกลับมานั้น มันคือตัวเลือกที่สามซึ่งไม่ใช่ทั้งสองอย่างที่คิดไว้ มันคือการ “รอ”
พอคิดเรื่องนี้แล้ว สำหรับยูกิ ผู้ที่ได้อุทิศตัวไปมากมายเพื่อกิจกรรมชมรม การแข่งครั้งสุดท้ายของเขาในรุ่นเยาว์ของปีนี้มันคือเป้าหมายหลัก มันจะต้องมีอารมณ์ที่หลากหลายตีอยู่ในตัวของเขา แล้วสมาชิกคนอื่นๆในทีมต่างก็กำลังรอคอยที่จะได้เข้าแข่ง พวกเขากระตือรือร้นที่จะได้ออกไปอวดความสามารถกัน ฉันเข้าใจได้เลยว่าทำไมพวกเขาถึงจำเป็นที่จะต้องมีสมาธิให้ได้ในเวลานี้
“นายจะตอบฉันหลังจะจบลงใช่ไหม?” (ชิโอริ)
“แน่นอน” (ยูกิ)
“….ตกลง ฉันจะรอ…..ฉันไม่อยากที่จะต้องเสียใจในตอนที่ได้ยินคำตอบของนายนะ!” (ชิโอริ)
ฉันไม่สามารถทนกับความอึดอัดและความอายของตัวได้อีกต่อไป ดังนั้นหลังจากพูดให้เขาเสร็จฉันก็ได้วิ่งออกไป บางทีโอกาสที่จะได้ฟังคำตอบที่ดีก็คงมีมากกว่า ฉันนั้นหวังเอาไว้แบบนี้อยู่ในใจของฉันสักแห่งนึง
ถ้าหากว่ายูกิเขาไม่ได้ชอบฉัน ถ้าหากเขาไม่ได้สนใจอะไรฉัน เขาก็คงที่จะบอกกับฉันตรงนี้ตอนนี้ มันไม่มีเหตผลอะไรที่จะเก็บเอาไว้ แต่เขานั้นกลับให้ฉันรอจนกว่าจะจบทัวร์นาเม้น ซึ่งฉันมั่นใจว่ามันก็คือเวลาที่ยูกิ จะต้องใช้มันเพื่อมาเผชิญหน้ากับฉัน
ถ้าเป็นแบบนั้น ยูกิจะต้องให้คำตอบที่ฉันอยากได้กับฉันแน่ แล้วฉันก็ได้ออกวิ่งไปด้วยความรู้สึกลิงโลดแบบนี้ไปจนถึงบ้าน
เมื่อเวลาผ่านไปอีกสักพัก ฉันก็กำลังถูกถามคำถามจากเพื่อน ตรงหน้าห้องเปลี่ยนชุดผู้หญิง พวกเราสามคนที่มาจากคนละห้อง แต่พวกเรานั้นก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยประถม และพวกเราก็ยังคงสนิทกันดี ที่จริงฉันกำลังออกท่าทางแปลกๆอยู่ในตอนนี้ เนื่องจากพวกเขานั้นถามฉันด้วยรอยยิ้มกริ่มที่เหมือนจะมีเรื่องอะไรสักอย่างกับฉัน
“ชิโอริ นี่เธอสารภาพความรู้สึกให้กับโคโคโนเอะแล้วรึยัง?” (เพื่อนA)
“อะไรนะ? ทำไมน่ะ? มันไม่มีอะไรซักหน่อย……..!” (ชิโอริ)
“งั้นทำไมเธอจะต้องดูตกอกตกใจอย่างนี้ล่ะ?” (เพื่อนA)
“นี่เธอถึงกับแสดงออกมามากขนาดนี้นี่นะกับ โคโคโนเอะน่ะ หรืออีกอย่างนึงที่เค้าว่าเรียกว่าเป็นโป๊กเกอร์เฟซนี่” (เพื่อนB)
“โอ้ ตายจริง นี่ฤดูใบไม้ผลิได้มาเยือนชิโอริแล้วใช่ไหมนี่?” (เพื่อนA)
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเคยถูกล้ออะไรแบบนี้ ฉันไม่สามารถที่จะคิดอย่างตรงไปตรงมาได้ กับฉันมันเป็นรักแรก ความรู้สึกนี้มันช่างมีความสำคัญแลหอมหวาน ฉันต้องการที่จะเก็บมันไว้ให้ปลอดภัย ฉันไม่ต้องการที่จะทำร้ายมัน ฉันไม่ต้องการที่จะถูกทำร้าย ฉันไม่ต้องการที่จะถูกนำไปเล่นตลก ดังนั้นฉันก็เลยพูดสิ่งที่ไม่ได้ทันแม้แต่จะคิดออกไป
“ก็เธออยู่กับเขาตลอดเลยนี่นา มันก็ไม่ประหลาดหรอกนะที่เธอจะชอบเขาน่ะ” (เพื่อนA)
“ไม่! ยูกิ กับฉันไม่ใช่อะไรอย่างนั้น มันไม่มีทางที่จะรั…. มันก็แค่ตั้งแต่ฉันเห็นว่ายูกินั้นอยู่คนเดียวมตลอดก็เลยสงสารน่ะ ดังนั้นฉันก็เลยเข้าไปดูแลเขา มันไม่มีอะไรแบบนั้นนะ……..” (ชิโอริ)
“งันแปลว่าเธอก็ไม่ได้ชอบเขาเหรอ?” (เพื่อนA)
“มันไม่เป็นแบบนั้น! ฉันไม่ได้รู้สึกสนใจเกี่ยวกับยูกิ จริงๆซะหน่อย” (ชิโอริ)
ฉันไม่รู้ว่าฉันกำลังพูดอะไรอยู่ ฉันได้แย้งเพื่องของฉัน ผู้ที่ยิ้มกริ่มมาที่หน้าแดงๆของฉัน การแสดงออกของเพื่อของฉันนั้นอยู่ๆก็เปลี่ยนไปเป็นสลด สายตาของพวกเขานั้นเหลือบไปจังจ้องที่ด้านหลังของฉัน ฉันรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย เกิดอะไรขึ้น? แล้วฉันก็หันกลับไปเจอยูกิ ที่กำลังออกมาจากห้องเปลี่ยนชุดผู้ชาย
“อะไร…? ทำไมยูกิมาอยู่ตรงนี้ได้….?” (ชิโอริ)
ฉันได้แต่สงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป ทุกคนสามามรถที่จะใช้ห้องอาบน้ำที่นี่ได้ แล้วในหัวของฉันก็เริ่มสับสนที่ฉันนั้นเข้าใจอะไรไม่ได้อีกต่อไป นี่เขาได้ยินสิ่งที่ฉันพูดออกไปไหม? ยูกิ? นี่ฉันพูดอะไรออกไป? ฉันได้สารภาพความรู้สึกออกไปให้กับยูกิแล้ว และตอนนี้ฉันกำลังปฏเสธสิ่งนั้น ความคิดของฉันยังคงวนเวียนอยู่ในทางเดินราวกับไม่มีทางออก
“โอ้ เฮ้ ว่าไง โคโคโนเอะคุง……” (เพื่อนA)
เพื่อนที่หน้าซีดของฉันกำลังพยายามคุยกับเขา แต่ยูกิดูเหมือนจะไม่ได้สนใจอะไร ไม่แม้แต่จะมองมาที่พวกเรา และเดินจากไปราวกับเขานั้นไม่ได้สังเกตุเห็นพวกเราเลย
“ละ ละ แล้วจะทำยังไงดี ชิโอริ? เขาคงได้ยินที่พวกเราคุยกันแน่ ที่เธอเพิ่งพูดไป!” (เพื่อนA)
“มันเป็นความผิดของพวกเรา เพราะแค่อยากจะแหย่เล่นกับชิโอริ….” (เพื่อนB)
“นี่เธอแน่ใจนะว่าเธอไม่ได้สารภาพกับเขาน่ะ? ถ้ามันเป็นเรื่องโกหก พวกเราควรที่จะไปปฏิเสธซะเดียวนี้เลยนะ” (เพื่อนA)
“ชิโอริ ถ้าเธอไม่ซึ่่อสัตย์กับตัวเอง เธอจะลำบากเอานะ…….” (เพื่อนB)
“อะไรนะ! เดี๋ยวก่อน นั่นไม่-” (ชิโอริ)
ฉันรู้สึกหงุดหงิดอย่างมาก ฉันจำเป็นที่จะต้องทำอะไรสักอย่าง แต่ฉันก็กลัวจนขาไม่ขยับ จะทำยังไงดี? ฉันควรจะบอกเขาไหมว่ามันเป็นเรื่องไม่จริง? มันก็มีโอกาสที่เขาไม่ได้ยินฉันเช่นกัน หากเป็นแบบนั้นมันคงจะดีกว่าที่จะไม่ต้องทำอะไรที่ไม่จำเป็น แต่ถ้าเขาได้ยินล่ะ? ฉันไม่มีคำตอบ มีแค่คำว่าอดทนเท่านั้นที่ครอบลงมาในจิตใจฉัน
สองสามวันผ่านไป และฉันก็ยังไม่ได้คุยอะไรเลยกับยูกิ ดูผิวเผินแล้วฉันก็ไม่ได้เห็นอะไรเปลี่ยนไปจากพฤติกรรมที่ยูกิมี เขายังคงใจดีและเหมือนอย่างเคย แต่อย่างไรก็ตามฉันก็มีความรู้สึกว่าระยะห่างของพวกเรานั้นไกลกันมากขึ้น แต่มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ดูจะเล็กน้อยมากไม่เพียงพอที่จะรู้สึกได้อย่างชัดเจน บางทีแล้วฉันคงจะเป็นกังวลและจิตนาการไปมากเกินไป บางทีฉันก็คงแค่เข้าใจผิดเพราะความกังวล
แต่คำโกหกที่ฉันได้ส่งออกไปนั้นก็ยังดำเนินต่อไปโดยที่ฉันไม่รู้ตัว
“ทัวร์นาเม้นกำลังจะมาถึงแล้วนะ ใช่ไม๊?” (ชิโอริ)
“ใช่แล้วล่ะ” (ยูกิ)
วันนี้ฉันกำลังกลับบ้านด้วยกันกับยูกิอีกครั้ง พวกเรากำลังเดินขึ้นบนสะพานลอยคนข้ามกันอยู่ มันไม่มีอะไรเป็นพิเศษเกิดขึ้นนับแต่นั้นมา ดังนั้นฉันจึงค่อนข้างที่จะโล่งใจกับความผิดพลาดของฉัน ถ้าหากบอกเขาไปอย่างตรงไปตรงมาตั้งแต่แรก ก็น่าจะไม่มีการเข้าใจผิดหรือทำให้การสือสารนั้นผิดพลาด…..
“แล้วฉันจะรอคำตอบของนายนะ!” (ชิโอริ)
โดยที่ไม่ได้คิดถึงว่ายูกินั้นกำลังรู้สึอย่างไร และไม่พยายามยืนยันอะไรเลย ฉันที่ตื่นเต้นก็ได้ถามอะไรแบบนั้นออกไป
“คำตอบ?” (ยูกิ)
“อืมม นี่นายไม่ได้กำลังจะบอกว่านายลืมใช่ไหม? ฉันกำลังพูดถึงเรื่องที่ฉันสารภาพความรู้สึกน่ะ”
แล้วการแสดงออกของยูกิ ก็เปลี่ยนไปเป็นรู้สึกลำบาก ปกติยูกิจะไม่ใช่เป็นคนที่จะหลบเลี่ยงคำถามหากเขารู้เรื่องนั้นๆ ถ้าเขาไม่ได้คิดอะไรจริงๆ เขาก็คงจะไม่ตอบสองในแบบที่เขาทำ
“โอ้ โอ้ นั่นน่ะ…. ชิโอริ เธอไม่ต้องมาอยู่กับฉันอีกต่อไปแล้วล่ะ” (ยูกิ)
“เอ๋?” (ชิโอริ)
“ไม่ใช่ว่าฉันนั้นรู้สึกโดดเดี่ยวหรอกนะ ฉันแค่ชอบมันมากกว่า ฉันอยู่คนเดียวเพราะว่าฉันอยาก เธอไม่ต้องมารู้สึกเสียใจอะไรกับฉันหรอกนะ” (ยูกิ)
“อะไร…….นี่นาย…..?” (ชิโอริ)
ยูกิ นั้นก็ยังคงเป็นเหมือนอย่างเคย ถึงแม้จะเป็นเวลาอย่างนี้ มันไม่มีอะไรเปลี่ยนไปในสายตาหรือเสียงของเขาเลย แต่คำพูดนั้นกลับเต็มไปด้วยการปฏิเสธอย่างชัดเจน
“ฉันไม่คิดว่าเธอควรจะมาทำอะไรเล็กน้อยๆอย่างการโกหกฉันหรอกนะ” (ยูกิ)
ยูกิ แสดงออกมาอย่างง่ายดายราวกับว่ามันไม่มีอะไรเลย
อย่างที่คิดเขาได้ยินฉัน! ฉันควรที่จะบอกเขาในตอนนั้นเลย แทนที่จะปล่อยให้เขาต้องเหมือนถูกแขวนอย่างนี้! ความเสียใจก็ได้เข้ามาท้วมท้นหัวใจฉันแล้วในตอนนี้ ฉันพยายามจะบอกเขาว่าฉันรู้สึกอย่างไร แต่ฉันเสียงของฉันกลับไม่ออกไป
“ถ้าเธอต้องการที่จะได้ยินคำตอบ ฉันจะบอกเธอตอนนี้เลย ชิโอริ คำตอบก็คือ ไม่” (ยูกิโตะ)
“ไม่นะ! นายกำลังเข้าใจผิด มันไม่ใช่แบบนั้น ยูกิ! มันไม่ใช่ อันที่จริงแล้วฉัน–” (ชิโอริ)
“มันน่ารำคาญสินะ ชิ….คามิชิโระ กับการต้องกลับบ้านไปด้วยกันกับคนอย่างฉันน่ะ เรามาเลิกทำแบบนี้กันตั้งแต่วันนี้เถอะ” (ยูกิโตะ)
คามิชิโระ? นี่มันเหมือนอย่างกับกลับไปเริ่มต้นตั้งแต่แรกเลย แบบในตอนนั้นของการพูดคุยของเรา ฉันเกลียดมัน ไม่ ไม่ ไม่! ฉันนั้นชอบนายจริงๆ และฉันก็ไม่ได้โกหกนายนะ!
ด้วยความตกใจ ฉันพยายามจะเข้าไปหายูกิ ที่ได้เดินนำออกไปจากฉันอย่างไม่ได้สนใจอะไร แต่ฉันก็ก้าวเท้าพลาดที่พื้นบนบันได มันไม่ได้มีพื้นตรงนั้นที่ควรจะมี ขาที่พันกันของฉันก็ได้โยนตัวของฉันออกไปในอากาศ และฉันก็เสียสมดุล ร่างของฉันก็ได้ตกลงไปตรงๆที่พื้นด้านล่าง
“ชิโอริ!” (ยูกิ)
เขาเรียกชื่อของฉัน ในสถานะการณ์แบบนี้ ฉันช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจ แต่ร่างของฉันก็ไม่ได้หยุดตก แล้วก็ฉันพบว่าตัวของฉันนั้นอยู่ในอ้อมกอดของยูกิ ฉันว่าฉันบอกได้เลยว่ามันเป็นการตกที่แย่มาก ฉันดูเหมือนจะไม่ได้บาดเจ็บอะไร มีบางคนรองรับฉันอยู่ คือยูกิเพียงคนเดียวที่รองรับฉัน ยูกิ แล้วยูกิล่ะเป็นอย่างไรบ้าง?
ยูกินั้นอยู่ใต้ตัวของฉันด้วยการที่เข้านั้นช่วยปกป้องฉัน แล้วก็มีเสียงร้องของความเจ็บปวดรอดออกมาให้ได้ยินแผ่วๆ
“นี่เธอเป็นอะไรไหม ชิโอริ?” (ยูกิ)
ขอบคุณพระจ้า เขายังคงมีสติ ยูกิปลอดภัย! ฉันนั้นดีใจในตอนนั้น แต่พอฉันได้เห็นมัน แขนขวาของยูกิ นั้นได้งอไปในทิศทางที่ดูจะเป็นไปไม่ได้ แล้วก็เพราะว่าฉันนั้นก็เป็นคนเล่นกีฬาเหมือนกัน ฉันจึงรู้ได้ในทันทีว่านั่นมันหมายความว่าอะไร
ยูกิ นั้นกระดูกหักที่แขนขวา ทั้งที่อีกนิดเดียวการแข่งขันทัวร์นาเม้นนั้นก็กำลังจะมาถึงอยู่แล้ว
-ยูกิ ไม่สามารถเข้าร่วมการแข่งขันทัวร์นาเม้นนี้ได้อีกแล้ว
MANGA DISCUSSION