การจับผิดตัว
ฝูงชนบนรถไฟ นั่นคือสิ่งที่คนเป็นพนักงานบริษัทต่างต้องเผชิญ ขอบคุณนะครับที่ไปทำงานกันตั้งแต่เช้าตรู่ มันเลยทำให้คุณภาพชีวิตของผมจะต้องถดถอยลงไปเป็นอย่างมาก แต่ก็อย่างที่ผมบอก ปกติแล้วผมจะเดินไปโรงเรียนนะ แต่เนื่องจากเมื่อวานนี้ผมไปนอนที่บ้านของ ยูกิกะ มาน่ะสิ
ยูกิกะ โคโคโนเอะ เธอก็คือน้องสาวของแม่ผม หรือก็คือน้าของผมนั้นเอง แล้ว โคโคโนเอะ ก็คือนามสกุลของแม่ ดังนั้นจึงไม่ต้องไปกังวลอะไรกันไปหรอกนะ ผมน่ะเคยอาศัยอู่กับ ยูกิกะ มาประมาณเดือนนึงก่อนหน้าแล้วด้วย ในตอนที่รับเอาตัวผมเข้าไป แม่ของผมและยูกิกะ ก็ได้ทะเลาะกันครั้งใหญ่เลยในอดีต แล้วก็เพราะผมนั้นถูกเธอบังคับให้มาอยู่กับเธอ เนื่องจากว่าเธอนั้นไม่สามารถที่จะปลอยทิ้งผมไว้ให้อยู่คนเดียวได้ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาเธอก็จะดูเศร้าๆถ้าหากผมไม่ได้ไปหาเธอเป็นประจำ นั่นล่ะก็คือว่าทำไมผมถึงจะต้องขึ้นรถไฟไปโรงเรียน
บางทีคงเป็นเพราะ ยูกิกะ นั้นคงจะเป็นห่วงผมมาก เพราะว่าเธอนั้นดูเป็นคนที่ออกจะปกป้องผมจนมากเกินไปหน่อย เธอนั้นพยายามซื้อใจผมให้ได้ด้วยทุกวิถีทาง แต่แล้วเมื่อวานนั้นก็ดันเกิดหายนะขึ้น ให้ตายสิ มันได้ทำให้จิตใจที่เป็นเหล็กของผมนั้นต้องหลอมละลายกลายเป็นข้าวต้มไปเลยล่ะ “ยูกิโตะ มีอะไรที่เธออยากจะได้บ้างไหมจ๊ะ? อย่างอะไรที่เหมือนกับลูกน่ะจ๊ะ?” เธอกระซิบคำพูดแบบนี้มาที่หูของผม ซึ่งผมก็สงสัยนะว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นในอีกสิบเดือนต่อมาถ้าหากผมพยักหน้าและตอบว่า “ครับ” ไป ผมกลัวนะ กลัวมากด้วย แต่ผมต้องแกล้งทำเป็นหูหนวกไปก่อน
ถึงแม้ว่าบนรถไฟนั้นจะแออัด แต่ผมก็ยังคงนั่งอยู่บนที่นั่งอยู่ เนื่องจากผมนั้นเอาชนะเกมเก้าอี้ดนตรีได้น่ะสิ เลยได้ความรู้สึกถึงความอยู่เหนือกว่าคนอื่นๆอยู่เล็กน้อย และได้พบกับสายตาแห่งความอิจฉาของที่โผล่พุ่งมาหา ผมนั้นเพิ่งจะได้คิดเรื่องนี้ได้แค่แป๊บเดียว แต่แล้วผู้โดยสารกลุ่มใหม่ก็ได้ขึ้นมาบนรถไฟ ก็เลยได้ทำให้มีสุภาพสตรีคนนึงได้มายืนอยู่ตรงหน้าของผม เธอนั้นดูไม่ค่อยจะดี เธอดูเหมือนกับจะมีอาการที่ไม่คอยดีเลย ผมนั้นเคยได้ยินมาว่าทุกวันนี้จะมีคนอารมณ์หงุดหงิดมากกันมากขึ้น หากว่าเขานั้นได้ถูกปฏิบัติราวกับผู้สูงอายุในตอนที่มีคนสละที่นั่งให้กับพวกเขา แต่ผมสงสัยว่ามันจะเป็นแบบนั้นจริงๆเหรอ อย่างไรก็ตามมันไม่มีเหตุอะไรที่ผมจะต้องไปคิดแบบนั้น
“เอ้านี่ครับ” (ยูกิโตะ)
“เอ๊ะ……. ขอบคุณนะ” (สุภาพสตรี)
ผมยืนขึ้นมาอย่างรวดเร็วและก็สละเก้าอี้ของผมให้ ผมนั้นมั่นในใจพลังกายของตัวเองถึงแม้ว่าผมเองจะดูเป็นอย่างนี้ก็เถอะนะ ผมน่ะถึงแม้จะเป็นสมาชิกของชมรมกลับบ้านไปแล้วก็ตาม แต่ว่าผมนั้นก็เคยเป็นสมาชิกชมรมบาสเก็ตบอลมาก่อน ผมนั้นผมจึงมีขาที่แข็งแรง และมันก็ใช้เวลาเพียงแค่ 20 นาทีในการเดินทางไปจากที่นี่ไปโรงเรียนเท่านั้น
แล้วผมตอนนี้ผมก็ไม่ได้ดื้อแพ่งไปอีกต่อไป ในที่สุดผมก็ตัดสินใจที่จะเก็บเอามือถือมาเอากลับใช้เหมือนเดิม ถึงมันจะยังคงมีเพียงแค่คำบางคำที่อยู่ประวัติการค้นหาที่ผมไม่สามารถจะกล้าโชว์ให้กับคืนอื่นๆได้อยู่ เช่น “สิบเดือนให้หลัง” เป็นต้น ดังนั้นผมจะลบมันในเร็วๆนี้แหล่ะ
ในขณะที่ผมกำลังคิดแบบนี้อยู่ สายตาของผมก็จับไปที่นักเรียนผู้หญิงที่อยู่ใกล้ๆกับประตู ผมไม่รู้ว่าเธอกำลังมีปัญหาอะไร แต่เธอนั้นกำลังดูวิตก ราวกับเธอนั้นกำลังรู้สึกอะไรไม่ดีบางอย่าง ดูเหมือนกับว่าเธอนั้นพยายามกำลังจับถืออะไรอยู่ที่ด้านหลังด้วย ผมสงสัยว่าทำไมวันนี้ถึงได้มีคนที่ไม่อยู่ในสภาพไม่ดีเยอะจัง แต่ในสภาพที่มีคนคับคั่งบนรถไฟนี้บางทีมันคงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อาจมีหลายคนที่กำลังรุ้สึกไม่สบาย แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอเองจะไม่เป็นเช่นนั้น เธอดูตัวสั่นเทาในขณะที่ถูกดันไปให้ติดกับผนังของรถไฟ
นี่มันเช้าเกินไปสำหรับเธอรึเปล่านะ?
ในช่วงเช้าตรู่ ผมนั้นคิดว่าผู้คนส่วนใหญ่นั้นคงยังสลืมสลือกันเสียมาก แต่มันก็คงมีคนที่มีความรู้สึกทางเพศมากกว่าคนอื่นอยู่ด้วยเช่นกัน ผมไม่สามารถที่จะพูดออกไปให้กับอื่นแบบนี้ได้หรอก ในฐานะที่ผมก็ยังต้องทนทุขจากเรื่องเมื่อคืนด้วยเช่นกัน แต่มันก็ไม่ดูเหมือนว่าควรจะมาตื่นเต้นอะไรบนรถไฟแบบนี้ได้ ผมจึงเดินเข้าไปที่เธอราวกับไหลลื่นผ่านฝูงคนไป ผมเข้าไปในระห่างนิดหน่อยเพื่อที่จะดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผมน่ะทำอะไรที่มันหวือหวามากไม่ได้หรอกนะ ผมไม่ได้อยากที่จะยอมรับนะ แต่ว่าผมนั้นมั่นใจ ผมสงสัยว่ามันน่าจะเป็นอะไรเช่นอย่างชายที่โตเต็มวัยแล้วจะเข้าไปลวนลามเด็กนักเรียนในตอนเช้า เพราะมันมีพวกโรคจิตอยู่เยอะเหมือนกัน ผมถอนหายใจอย่างช่วยไมได้
(ก็ช่วยไมได้ล่ะนะ…….)
แล้วพวกเราก็ได้มาถึงสถานี ผมไหลไปตามการเคลื่อนของฝูงชนเพื่อที่จะเข้าไปใกล้ แล้วผมก็ยื่นมือออกเพื่อที่จะไปจับมือของชายนักธรกิจที่อยู่ในชุดสูท
“นี่นายทำอะไรของนายกันน่ะห๊ะ” (???)
แล้วถัดมาที่ผมรู้ก็คือ มือของผมถูกใครบางคนจับไว้
และผมก็ได้รู้ตัวแล้วว่าผมนั้นกำลังทำให้ตัวเองต้องตกที่นั่งลำบากเข้าให้อีกแล้ว
——————————————————————————
[มุมมองของ ผู้หญิงคนนึง]
มันเป็นช่วงเวลาที่เพิ่งผ่านมาเมื่อกี้นี้ที่ฉันได้รับข้อความโทรศัพท์จากเพื่อนสนิทของฉัน ยูมิ มิกุโมะ ชัดเจนเลยว่าเธอนั้นกำลังถูกลวนลามเข้าให้อีกแล้ว เธอนั้นตกเป็นเป้าหมายได้ง่าย ก่อนหน้าที่จะได้มาพบกับฉันเธอก็มันที่จะถูกลวนลามอยู่แล้วด้วย แล้วฉันก็อยู่ที่นั่นเมื่อเธอได้พบกับฉันที่สถานีนี้มันก็มะไม่มีปัญหาอะไร แต่กว่าที่เธอจะมาถึงเธอนั้นจะต้องอยู่คนเดียว และฉันก็เป็นห่วงเธออยู่ตลอด แล้ววิธีนี้ก็เป็นวิธีที่ ยูมิ จะใช้ติดต่อกับฉันในบางครั้งที่โดน
พอฉันเห็นข้อความสั้นๆที่อยู่บนมือถือของฉันว่า “ช่วยด้วย….” ฉันก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที บางทีนี่คงเป็นเพราะเรื่องนี้ ทีทำให้ยูมินั้นไม่สามารถที่จะเปิดใจให้กับผู้ชายได้ มันน่าจะมีคนเยอะมากในรถไฟขบวนนั้น ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเป็นคนโรคจิต แล้วทำไมถึงไม่มีใครที่จะพยายามช่วยเหลือเธอบ้างเลยกันล่ะ? ผู้โดยสารที่ได้ทำการเพิกเฉยกับสิ่งที่ได้เห็นอยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้นนี้ยังคงเป็นสิ่งที่ฉันยังกร่นบ่นสำหรับฉัน
(แล้วตอนนี้ จะทำยังไงดี……)
มันขึ้นอยู่กับว่าพวกเขานั้นจะตอบสนองกันอย่างไรสินะ ถ้าหากว่าเขาขออภัยอย่างจริงใจ มันก็ยังพอที่จะให้อภัยกันได้บ้างแต่ถ้าหากว่าพวกเขาไม่ได้คิดอะไรแบบนั้น บางทีฉันก็คงที่จะต้องตัดสินใจที่จะหันไปพึ่งตำรวจแทน ถ้ามันเกิดขึ้นแบบนั้นฉันก็จะต้องไปโรงเรียนสายแน่ แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องของความยุติธรรม เจ้าหน้าที่ที่สถานีหรือไม่ก็ตำรวจก็น่าที่จะช่วยบอกกับโรงเรียนให้ล่ะนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น
รถไฟก็ได้มาถึงแล้ว ยูมิยังคงอยู่บนขบวนรถเช่นเดิม ดังนั้นฉันจึงสามารถที่จะมองหาเธอได้อย่างง่ายๆ แล้วไอ้คนคนนั้นมันเป็นคนแบบไหนกันที่ฉันจะต้องจัดการในวันนี้? ฉันเป็นนักเรียนที่เรียนด้านศิลปะการต่อสู้ ดังนั้นกำลังของฉันค่อนข้างที่จะแข็งแกร่งพอสมควร ก่อนสิ่งอื่นใดเลยในฐานะประธานสภานักเรียน ฉันจะไม่ยอมให้ใครก็ตามมาทำร้ายนักเรียนของโรงเรียนเรา แม้ว่าตอนนี้เราจะไม่ได้อยู่ในโรงเรียนก็ตาม แต่ก็การเดินทางไปโรงเรียนก็ถือว่าเป็นความรับผิดชอบของประธานสภานักเรียน และถือว่าเป็นความยุติธรรมอันภาคภูมิใจของ มุซึกิ ไคโดะ
“นั่นเขา!” (ไคโดะ)
แล้วฉันก็จับแขนของเขา ชายที่กำลังเข้าไปหา ยูมิ แล้วบิดมัน ฉันประหลาดใจที่เห็นว่าเขานั้นเป็นคนแบบนี้ ฉันประหลาดใจที่เห็นว่านั่นน่ะเป็นนักเรียนของโรงเรียนฉัน
“นี่นายทำอะไรของนายกันน่ะห๊ะ?” (ไคโดะ)
—————————————————————————-
[มุมมองของ ยูกิโตะ]
“ไม่ ไม่ใช่ผมนะ…….” (ยูกิโตะ)
ผมรู้สึกได้ถึงแรงกดบนแขนของผม มันเป็นการเคลื่อนไหวที่สง่างาม บางทีนี่คงเกิดจากประสบการณ์ในการฝึกศิลปะการต่อสู้ของเธอ เธอนั้นสูงและหุ่นดี เธอสูงกว่าและดูหน้าตามีสีเลือดฝาดที่เยอะกว่าคนอื่น ที่ตอนนี้เธอกำลังจับผมค่ำหน้าและกดผมเอาไว้อยู่ด้านข้าง ผมรู้สึกเหมือนเคยจะเห็นเธอมาก่อน แต่ก็ไม่สามารถที่จะค้นชื่อออกมาจากสมองของผมได้ เธอดูเหมือนจะเป็นพวกสาวสปอร์ท แต่ก็คงจะเป็นอย่างอื่นอย่างพวกคนสมองดี
“ถ้าหากว่านายยอมที่จะยอมรับและขอโทษ ก็ยังจะพอที่จะมีความปราณีให้ได้บ้างนะ” (ไคโดะ)
“ผมไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่ผมไม่ได้ทำได้หรอก มันว่ามันจะเป็นการละเมิดความยุติธรรมของผมน่ะ” (ยูกิโตะ)
“อย่ามาพูดเรื่องความยุติธรรมนะเจ้าโรคจิต” (ไคโดะ)
“ผมไม่ใช่พวกโรคจิต” (ยูกิโตะ)
“ถ้างั้นฉันคงต้องเรียกตำรวจแล้วล่ะ” (ไคโดะ)
แล้วการสนทนานี้ก็เปล่าประโยชน์ ผมรู้สึกยินดีกับเรื่องนี้ มันจะได้ทำให้ผมได้ถูกตรวจสอบก็ดี แล้วความที่ตัวผมที่เป็นผู้บริสุทธิ์ก็จะได้ชัดเจน แต่ถ้าอย่างนั้น มันก็จะทำให้ผู้หญิงคนนี้ที่จะลำบากแทน แต่ผมก็ไม่ได้รู้สึกเห็นใจอะไรพวกเธอเลยหากพวกเธอนั้นถูกปฏิบัติเป็นคนร้าย ถ้าหากว่าเธอจะต้องทนทุกข์ทรมาณกับมันก็ถือว่าเป็นสิ่งที่พวกเขารับผิดชอบ
“ถ้างั้น ทำไมเธอถึงไม่เรียกซะเลยล่ะ?” (ยูกิโตะ)
“นี่นายคิดจริงๆเหรอว่าการที่เป็นนักเรียนนี่มันจะไม่ทำให้นายมีความผิดน่ะ? นายมันเป็นผู้ชายที่โง่จริงๆไม่ใช่รึไงเนี่ย?” (ไคโดะ)
“ผมคิดว่าคุณโง่กว่าผมนะ” (ยูกิโตะ)
“นายไม่ได้ทำอะไรเพื่อช่วยเหลือตัวนายเลยนะ ฉันเสียใจแต่ฉันจะเรียกตำรวจแล้ว ไอ้คนแบบนายไม่สมควรที่จะอยู่ในโรงเรียนของพวกเรา” (ไคโดะ)
“…….โอ้ งั้นก็เอาเลย” (ยูกิโตะ)
ผู้ที่มีหน้าทีดูแลสถานีพยายามรีบออกมาหลังจากที่ได้ยินที่พูดกันแม้ว่าความจริงจะออกมาแล้ว มันก็คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผมนั้นคงจะต้องถูกพักการเรียน หรือไม่ก็ถูกไล่ออกจากโรงเรียน นั่นก็ไม่เป็นไรหรอกแต่ทำไมผมถึงได้โชคร้ายกับผู้หญิงอย่างนี้นะ? หากผมเริ่มต้นที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับพวกเธอทีไร มันก็จะมักจะต้องเกิดเรื่องไม่ดีออกมาอยู่เสมอ
“หยุดนะ เขาไม่ใช่คนที่ลวนลามหรอก” (สุภาพสตรี)
ขอให้ผมแก้ไขกับสิ่งที่ผมว่าไว้เมื่อกี้นี้หน่อยนะ บางทีโชคที่ผมมีกับเรื่องผู้หญิงอาจจะไม่ได้แย่ไปซะทั้งหมดแฮะ
————————————————————–
[มุมมองของ ประธารกรรมการนักเรียน]
ฉันนั้นประหลาดใจที่ได้พบว่าพวกลวนลามนั้นเป็นนักเรียนของโรงเรียนเรา เขาดูจะเป็นรุ่นน้อง มันกวนใจฉันมากกับสิ่งที่เขานั้นตอบสนองกลับมาให้กับฉัน แต่ฉันก็รู้สึกไม่ค่อยดีอยู่เล็กน้อยที่จะต้องทำลายอนาคตของชายคนนี้ไป อย่างไรก็ตามนักเรียนคนนี้กลับไม่ได้แสดงความสำนึกผิดใดๆออกมา เขายังคงปฏิเสธว่านั่นน่ะไม่ใช่เขา ฉันรู้สึกค่อยๆจะหงุดหงิดขึ้นเรื่อยๆจากท่าทีที่ดื้อดึงของเขา
เขาเป็นนักเรียนของโรงเรียนเรานั่นหมายความว่าถ้าปล่อยเขาไป เขาก็อาจจะไปเจอกับยูมิอีกในโรงเรียน แล้วยูมิ ที่กลัวผู้ชายจะคิดยังไงที่จะต้องอยู่ร่วมโรงเรียนเดียวกันกับคนที่ลวนลามล่ะ? เธอต้องถูกช่วยเหลือในตอนนี้ แต่เธอก็อาจจะถูกจู่โจมเข้าให้ในอีกสักวัน ฉันไม่สามารถที่จะยอมให้มันเกิดขึ้นได้ ฉันไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากที่จะทำให้เขาถูกไล่ออกจากการเป็นนักเรียนซะ การที่มีนักเรียนแบบนี้ในโรงเรียนของเรานั้นมันไม่ใช่เรื่องดี
มันไม่มีที่จะให้ต้องพิจารณากันใหม่อีกต่อไปแล้วและฉันก็พร้อมแล้วที่จะเรียกตำรวจ
“นายไม่ได้ทำอะไรเพื่อช่วยเหลือตัวนายเลยนะ ฉันเสียใจแต่ฉันจะเรียกตำรวจแล้ว ไอ้คนแบบนายไม่สมควรที่จะอยู่ในโรงเรียนของพวกเรา” (ไคโดะ)
“…….โอ้ งั้นก็เอาเลย” (ยูกิโตะ)
เอาล่ะงั้นตอนนี้ฉันคงต้องไปโรงเรียนสายแล้วล่ะนะ แต่ฉันก็ไม่มีทางเลือก ถ้าหากปล่อยเขาไว้ล่ะก็ ไม่ใช่แค่ยูมิ แต่กับเด็กผู้หญิง หรือ คนอื่นๆก็อาจจะต้องได้รับความเสียหายไปด้วย เขาเป็นคนที่ไม่สมควรที่จะได้รับความอดกลั้นอีกต่อไป ทำไมผู้คนพวกนั้นถึงไม่ได้อยากที่จะช่วยยูมิกันนะ? คิดแล้วมันก็ยิ่งทำให้ฉันนั้นยิ่งโกรธมากขึ้น
“หยุด เขาไม่ใช่คนที่ลวนลามหรอกนะ” (สุภาพสตรี)
แล้วคำพูดนั้นก็เข้ามาที่หูของฉันในขณะที่ฉันกำลังนึกหดหู่อยู่ในใจ
————————————————————-
[มุมมองของ ยูกิโตะ]
“เฮ้ คุณเป็นใครกัน?” (ไคโดะ)
“ต้องขอบคุณสำหรับก่อนหน้านี้ด้วยนะคะ” (สุภาพสตรี)
นั่นก็คือผู้หญิงที่ผมสละที่นั่งให้เมื่อสักครู่ใหญ่ในตอนที่ผมเห็นว่าเธอกำลังมีสีหน้าที่ซีดเซียว ก็เห็นได้ชัดอยู่หรอกนะว่าเธอกำลังเขามาช่วยผม คนตัดไม้ในป่าที่ทำขวานตกลงในทะเลสาป คงจะรู้สึกแบบเดียวกันนี้ที่ได้เห็นเทพธิดาออกมา แล้วนี่มันมีพระเจ้าอยู่จริงๆใช่ไหมนี่?
“อะไรนะคะ? ฉันต้องขอโทษด้วย แต่ว่าคุณคือใครกัน?” (ไคโดะ)
“ฉันนั่งที่นั่งที่อยู่ตรงหน้าเขาน่ะค่ะ เขาน่ะไม่ใช่พวกลวนลามหรอก” (สุภาพสตรี)
“คุณนั่งอยู่ตรงด้านหน้าเขา? แต่ฉันเห็นเขากำลังยื่นมือออกไปหายูมิ ทำไม หรือคุณกำลังจะบอกว่าเขาเป็นคนที่ายืนอยู่กลางขบวนที่พยายามจะออกไปช่วยเธอกันรึคะ?” (ไคโดะ)
“ก็เพราะว่าเขานั้นออกไปหาเด็กผู้หญิงนั้นอย่างตั้งใจไงล่ะ” (สุภาพสตรี)
“นั่นไม่ใช่ว่าเขาทำเพื่อต้องการจะไปลวนลามงั้นรึคะ?” (ไคโดะ)
“ไม่ เฮ้ นี่เธอพอจำอะไรได้ไหม ในตอนที่เธอถูกลวนลามน่ะ มันมีคนที่อยู่ในชุดนักเรียนรอบตัวเธออยู่รึเปล่าล่ะ?” (สุภาพสตรี)
แล้วเธอก็หันไปพูดกับเด็กผู้หญิงที่ถูกลวนลาม ผู้ที่ยังไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยจนถึงตอนนี้
“อะ…..? ฉัน….. ฉัน…..” (มิกุโมะ)
“นึกให้ดีๆสิ เขาคิดว่าเธอนั้นน่ะกำลังถูกลวนลามอยู่ ดังนั้นเขาก็เลยเข้าไปหาเธอ เขานั้นน่ะพยายามที่จะช่วยเธอนะ เขาเพิ่งจะเข้าไปใกล้ๆเธอในตอนที่ก่อนจะถึงสถานีแป๊บเดียวเองนะ เธอพอจะจำอะไรสักอย่างรอบๆตัวเกี่ยวกับคนที่พยายามลวนลามเธอบ้างสักหน่อยไหม?” (สุภาพสตรี)
“เอ่อ พวกเขานั้นเป็นผู้ใหญ่กันหมด ฉันกลัวมาก…… บางทีคงเป็นสักคนนึงที่ใส่ชุดสูท…….” (มิกุโมะ)
“แล้วเธอเห็นว่ามีใครสักคนที่ใส่ชุดนักเรียนเหมือนเขาบ้างไหม?” (สุภาพสตรี)
“ฉันไม่แน่ใจ……….ไม่สิ ไม่มีใครเลย” (มิกุโมะ)
“อะไรนะ?” (ไคโดะ)
แล้วรุ่นพี่ที่ไม่ยอมรับฟังอะไรผมเลยก็ยังคงล๊อคแขนผมเอาไว้อยู่อย่างนั้น มีเพียงเรื่องเดียวที่ผมพอจะทำให้รู้สึกดีก็เพียงแค่หน้าอกของเธอที่มาโดนเท่านั้น แต่มันช่างน่าเศร้าที่จะต้องบอกว่านี่มันไม่ใช่สถานะการณ์ที่จะมารื่นรมณ์ได้
“นี่มันด่วนสรุปเกินไปนะ พวกเธอนั้นเกือบที่จะทำลายชีวิตของเขาไปแล้วนะรู้ไม๊? ไม่ใช่แค่นั้น เนื่องจากนี่ก็ทำให้เขานั้นเป็นผู้บริสุทธ์ไปแล้วด้วย เธอน่ะสามารถถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้แจ้งความเท็จเอาได้ด้วยนะ ขอให้เธอช่วยระวังไว้ด้วย โอเค๊?” (สุภาพสตรี)
“โอ๊ะ ไม่นะ……….. นี่นายพยายามที่จะเข้าไปช่วยยูมิ…….” (ประธาน)
“ฉันขอโทษ” (มิกุโมะ)
ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ถึงแม้ว่าพวกเธอจะขอโทษผมอยู่ในตอนนี้ก็ตาม
แต่ผมก็มั่นใจว่าเป็นปัญหาล่ะ แต่ผมก็มั่นใจว่าคงมีอะไรบางอย่างที่ผมนั้นทำพลาดไปด้วยเหมือนเคย มันเป็นความผิดพลาดในการแสดงออก มันเป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้ระวังในเรื่องนั้น ถ้าหากว่าผมนั้นต้องเข้าไม่มีส่วนร่วมด้วยล่ะก็ มันไม่เคยมีอะไรดีออกมาหรอก ผมแน่ใจว่าผมนั้นน่ะดีมากกว่าคนอื่นๆ แต่ว่าวิธีที่ผมเลือกมันก็มักจะผิดอยู่เสมอ…….
“ผมจะไม่พยายามเข้าไปช่วยเธออีกแล้ว” (ยูกิโตะ)
ผมควรที่จะไม่สนใจมัน โดยทั่วไปแล้วถ้าหากว่าคุณถูกลวนลามคุณควรที่จะพูดด้วยตัวเอง การวางใจคนอื่น และพึ่งพาคนอื่น หรืออะไรอย่างนั้น เพื่อให้มาถึงการคุ้มครองปกป้องคุณ มันหมายความว่าที่จริงแล้วมันไม่ได้ช่วยแก้ปัญหาอะไรเลย
“–?” (มิกุโมะ)
“เธอช่วยปล่อยผมซะทีได้ไหม? ไม่ต้องห่วงไปหรอก ผมจะไม่ทำผิดพลาดเหมือนเดิมแล้ว ผมจะไม่เข้าไปพยายามช่วยเหลือเธออีกต่อไปแล้ว”(ยูกิโตะ)
ผมจะต้องไม่ทำผิดพลาดซ้ำอีกครั้งหรอก ครั้งนี้มันก็ชัดเจนแล้ววิธีแก้ปัญหานั้นง่ายมาก จากนี้ไป ถึงแม้ว่าผมจะเห็นผู้หญิงที่กำลังถูกลวนลาม ผมก็จะไม่สนใจเธอ แล้วมันก็จะได้ไม่ต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับผม สิ่งที่ควรจะต้องเปลี่ยนมันก็คือเจ้าตัวของตัวเอง และตัวผู้กระทำความผิดเอง แล้วในฐานะของคนนอกผมก็จะไม่เข้าไปยุ่งอะไรกับเรื่องนี้
“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน! ฉันขอโทษด้วย นายน่ะไม่ผิด สิ่งที่นายทำน่ะมัน-” (ไคโดะ)
“แค่นั้นก็พอ ถ้างั้นก็ขอตัวครับ” (ยูกิโตะ)
ผมสบัดหลุดจากมือของรุ่นพี่ที่จับผมเอาไว้ ผมหันกลับไปก้มหัวให้กับผู้ที่อยู่ข้างเพื่อนของเธอ ถ้าหากว่าไม่เป็นเพราะเธอ ผมก็คงที่จะต้องมีปัญหามากกว่านี้แน่ๆ มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินจริงไปนักที่เธอนั้นน่ะเป็นผู้กอบกู้ของผมเลยล่ะ!
“ต้องขอขอบคุณมาก ถ้างั้นผมจะขอเรียกคุณว่าเมสไซอา จะได้ไหมครับ?” (ยูกิโตะ)
“ฉันเองก็ไม่ได้อยากที่จะรู้สึกไม่ดีในตอนเช้าเลย มันเป็นเพราะโรคโลหิตจางของฉันน่ะ แล้วในวันนี้มันก็ทำให้ฉันลำบากมากเป็นพิเศษเลยล่ะ ดังนั้นฉันดีใจมากที่ได้เธอช่วยสละที่นั่งให้นะ แล้วเธอที่กำลังมีปัญหาแบบนี้ ฉันก็เลยเป็นห่วงน่ะ” (สุภาพสตรี)
“แล้วคุณรู้สึกดีขึ้นรึยังครับ?” (ยูกิโตะ)
“ก็ดีขึ้นเล็กน้อยแล้วล่ะนะ หวาาา…….. นี่ฉันจะต้องไปที่เรียนแล้วล่ะ แต่ฉันก็คิดว่าฉันคงจะต้องลาในช่วงเช้าซะแล้ว” (สุภาพสตรี)
“ผมก็รู้สึกไม่ดีเช่นกัน ผมก็ว่าจะไปหาร้านกาแฟเพื่อนั่งพักสักหน่อย”(ยูกิโตะ)
“-โอ้ นี่เธอก็จะโดดด้วยเหมือนกันรึนี่? ถ้างั้นฉันขอไปกับเธอได้ไหม?” (สุภาพสตรี)
“ก็ผมมันเป็นเด็กมีปัญหาอยู่แล้วนี่นา มันก็ไม่เป็นไรหรอกครับถ้าคุณจะมาด้วย งั้นโปรดให้ผมได้เลี้ยงน้ำก็แล้วกันเพื่อเป็นคำขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือผมก็แล้วกัน” (ยูกิโตะ)
“ฉันไม่คิดว่ามันจะดีหรอกนะ เพราะเธอเองน่ะก็ช่วยฉันไว้บนรถไฟ…….” (สุภาพสตรี)
“แต่ว่าการช่วยกลับของคุณมันใหญ่กว่านะครับ” (ยูกิโตะ)
ในขณะที่พูดคุยกับเธอ ผมก็ตัดสินใจที่จะพักในร้านกาแฟสักพัก เธอบอกว่าเธอนั้นชื่อ มิโอะ นิโนมิยะ และได้ให้เบอร์ติดต่อไว้และพูดว่า “ถ้าหากว่าเธอมีปัญหาอะไรหลังจากนี้ ก็ติดต่อฉันมาได้เลยนะ” ใช่มันยังคงมีผู้หญิงอีกมากในโลกนี้ที่จะคอยตัดสินคนผิดๆอยู่ แต่ก็ยังดีที่ก็ยังมีผู้กอบกู้ที่จะเข้ามาช่วยเหลืออยู่อีกเช่นกัน ถ้าหากว่าถูกพระเจ้าองค์นึงละทิ้งไป แต่มันก็ยังคงมีพระเจ้าองค์อื่นที่จะยังจะมารับไว้ เป็นโลกที่ได้ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีเลยล่ะ นี่มันคงจะเป็นเรื่องที่ผมพอจะพูดออกไปได้
“ผมชักจะไม่อยากไปโรงเรียนซะแล้วสิ…….” (ยูกิโตะ)
ไม่ใช่ว่าผมน้้นไม่อยากไปโรงเรียนเพราะว่าผมนั้นพลาดคาบเช้าไปหรอกนะ ที่จริงผมรู้สึกดีอย่างไรอย่างบอกไม่ถูก ใช่แล้วผมมันพวกนอกรีด ยูกิโตะ โคโคโนเอะ ผมเป็นเด็กที่มักจะมีปัญหาอยู่เสมอ ดังนั้นผมว่ามันคงไม่เป็นอะไรหากผมจะโดดเรียนไปนิดหน่อย พอลองมาคิดๆดู 30 นาทีบนรถไฟที่ขึ้นจากที่นี่ก็เพียงพอที่จะพาออกไปยังแถวๆทะแลได้แล้ว แล้วหนึ่งในงานอดิเรกไม่กี่อย่างของผมนั้นก็คือการไปแถวๆนั้น เพื่อที่จะออกไปหาร้านขนม และมันก็คือร้านที่อยู่ใกล้ๆแถวนั้นที่ขายเค้กจำนวนจำกัด ที่มีขายเพียง 50ชิ้นต่อวันที่กำลังเป็นที่ฮ๊อตมากในตอนนี้
“อืมม งั้นก็ได้ข้อสรุปแล้ว-” (ยูกิโตะ)
ผมยิ้มให้กับตัวเองแล้วเริ่มออกเดินจากที่ๆตัวเองอยู่ไปยังทิศตรงกันข้ามกับโรงเรียน นี่สิความหนุ่มสาว
MANGA DISCUSSION