เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 632 ตอนพิเศษ กิจการตระกูลซู รังแกคนเกินไปแล้ว (2)
จนกระทั่งตอนนี้ ซูซูถึงได้โทษตนเองว่าไร้ความสามารถ พอถึงตอนที่เกิดเรื่อง ก็ทำได้แค่มองซูชีโมโหอยู่ตรงนั้นคนเดียว ส่วนนางก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย…
สมมติ…สมมติว่าเชียนเสวี่ยอยู่ก็ดี…
เมื่อคิดเช่นนี้ นางจึงรู้สึกหดหู่เล็กน้อย
เรื่องที่แต่ก่อนไม่เคยเข้าใจ มาถึงตอนนี้ นางเข้าใจขึ้นมารางๆ
ที่แท้ไม่ใช่ว่าซูชีดูถูกตนเองที่เป็นแบบนี้ แต่เขาเคยพบสิ่งที่ดีกว่า เมื่อหันกลับมาสำรวจตนเอง ก็ไปไม่ถึงมาตรฐานของเขาแล้ว
หรือความรักที่ซูชีมีต่อเชียนเสวี่ยจะหยั่งรากลึกซึ้งจนถอนตัวออกมาไม่ได้แล้ว…
จ้าวเฟยลู่ยืนอยู่หลังซูซู ย่อมเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลันของซูซูชัดเจน เขาไม่รู้ว่าท่านหญิงซูซูเป็นอันใดไป เมื่อครู่ยังอารมณ์ดีอยู่เลย ทำไมพริบตาเดียวถึงได้เปลี่ยนไปเสียแล้ว
ทำไมความรู้สึกถึงได้เปลี่ยนเป็นโศกเศร้าขนาดนี้
ส่วนบัณฑิตผู้นั้น เมื่อได้ยินวาจาของพวกซูซู
เขาจึงมองซูชีที่ยังคงยืนโมโหอยู่ตรงนั้นด้วยความประหลาดใจ แล้วถามอย่างระมัดระวังว่า “หรือว่า…หรือว่าพวกเจ้าจะรู้จักกับเจ้าของร้านนี้?”
เขาไม่กล้าเอ่ยว่าพวกซูชีมีความเกี่ยวข้องกับร้านแร่หยก หรือแม้แต่กิจการตระกูลซูทั้งหมดในอำเภอเฟ่ย ถึงได้ถามเช่นนี้
เพราะเขาไม่กล้าคิดว่า จู่ๆ จะได้พบกับคนที่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลซูบนถนนคนหนึ่ง!
อีกอย่าง ฐานะของคนผู้นี้ ก็ไม่ธรรมดาด้วย!
ซูชีสูดลมหายใจลึก สงบโทสะในใจตนเอง!
“พี่ชาย ไม่ทราบว่าผลงานการเขียนตัวอักษรด้วยพู่กันและภาพวาดนั่นมีลักษณะแบบใดหรือ ท่านช่วยเล่ารายละเอียดเรื่องในตอนนั้นให้ชัดเจนหน่อยไดัไหม”
ในใจซูชีนั้นรู้สึกโมโหจริงๆ!
เขาคาดไม่ถึงเลยสักนิดว่า สถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับกิจการตระกูลซู จะถึงกับมีเรื่องการอาศัยอำนาจแย่งชิงประเภทนี้ด้วย! ไม่รู้จริงๆ ว่าอะไรทำให้พวกเขามีความกล้าราวกับกินดีหมีหัวใจเสือ ไม่รักตัวกลัวตายเช่นนี้!
ที่แท้การออกมาครั้งนี้ เขาพกพาความคิดที่จะสังเกตการณ์แต่ละพื้นที่มาด้วย ตอนนี้ก็พอดีเลย! เขาจะกำจัดคนที่ทำให้ตระกูลเสื่อมเสียชื่อเสียงแล้ว!
ตระกูลซูไม่ได้เป็นของเขาคนเดียว แม้ว่าเขาจะไม่สนใจ แต่กลับไม่อาจให้พี่ใหญ่ถูกคนในพื้นที่ห่างไกลด่าเปิงได้! นี่คือสิ่งที่เขาไม่อนุญาต!
อย่ามองว่าบางครั้งซูชีมีท่าทางเอ้อระเหยลอยชาย แต่เมื่อจริงจังขึ้นมา ความรวดเร็วเฉียบขาดของเขานั้นไม่ใช่สิ่งที่ผู้อื่นจะเทียบได้!
ทว่าบนถนนไม่ใช่สถานที่ที่จะสนทนากัน โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่อากาศหนาวเย็น ดังนั้นขบวนของพวกเขาจึงย้ายไปโรงน้ำชาที่อยู่ข้างเคียงแทน
ร่างกายอุ่นขึ้นมาก แต่โทสะในใจของซิ่วไฉ[1]กลับไม่ได้ลดลงเลยสักนิดเดียว!
“พี่ชายท่านนี้ แม้ว่าข้าน้อยจะไม่รู้ว่าท่านมีฐานะอะไร แต่คาดว่าคงมีฐานะไม่ธรรมดา! หากให้กล่าวถึงเรื่องในวันนี้ เดิมก็เป็นข้าที่ไร้ความสามารถ ปกป้องคนในครอบครัวตนเองไม่ได้ ปกป้องทรัพย์สินของครอบครัวตนเองไม่ได้ ช่างขายหน้าเสียจริง แต่ข้าน้อยยังใจคะนึงหาจริงๆ ดังนั้น…”
ครึ่งชั่วยามหลังจากนั้น เสียงของซิ่วไฉก็หยุดลง
ความจริงแล้วไม่ใช่แค่เสียงของซิ่วไฉที่หยุด กระทั่งเสียงของลูกค้าในโรงน้ำชาก็เงียบลงเช่นกัน
ไม่ใช่อะไร เพียงแต่เป็นเพราะเมื่อครู่ซิ่วไฉกล่าววาจาด้วยท่าทางฮึกเหิมเกินไปหน่อย เสียงจึงดังมากพอที่จะดึงดูดความสนใจคนอื่นๆ
“พวกเจ้าเอ่ยถึงร้านวัตถุโบราณ กับผลงานการเขียนตัวอักษรด้วยพู่กันและภาพวาด ร้านแร่หยกร้านนั้นหรือ”
ในตอนที่ทุกคนกำลังจมอยู่กับการครุ่นคิด พลันมีคนหนึ่งที่อยู่โต๊ะข้างๆ เข้ามาสนทนาด้วย
ซูชีหันไปมองคนผู้นั้นแวบหนึ่ง รูปร่างหน้าตาธรรมดา แค่มองก็รู้ว่าเป็นครอบครัวชาวบ้าน
“ใช่แล้ว พี่ชายท่านนี้คือ?”
ปัง!
“ข้าจะบอกพวกเจ้านะ! คนของร้านแร่หยกนั่น ตั้งแต่เจ้าของร้านจนถึงหุ้นส่วนล้วนไม่ใช่คนดีอะไร! หลายวันก่อนข้าไปจำนำหยกพกชิ้นหนึ่ง นั่นเป็นสิ่งที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษของครอบครัวพวกเรา! เดิมคิดจะใช้รักษาผู้ป่วย ถึงได้นำไปจำนำแบบจะไถ่คืน! ไหนเลยจะคิดว่าเมื่อข้าไปเยือนอีกครั้งในสิบวันหลังจากนั้น ตัวอักษรบนกระดาษขาวแผ่นนั้นจะกลายเป็นระบุว่า ข้าจำนำขาด!”
“นั่นสิ! เคยเกิดเรื่องเช่นนี้กับข้าเหมือนกัน นั่นเป็นตอนที่…”
ชั่วขณะหนึ่ง ในโรงน้ำชาพลันคึกครื้น! ทุกคนเจ้าคำ ข้าคำล้วนราวกับระบายความคับข้องใจต่อกันและกัน เกือบจะทั้งหมดของคนที่นั่งอยู่ มีไม่กี่คนที่ไม่เคยเสียเปรียบให้ร้านแร่หยกแห่งนี้!
หรือไม่ก็ ไม่อาจกล่าวว่าเพียงแค่เสียเปรียบให้กับร้านแร่หยก เพราะในขณะที่ทุกคนด่าว่าคนในร้านแร่หยกใจดำ ก็ด่าคนตระกูลซูพวกนั้นด้วย
อย่างไรเสีย ร้านที่เกิดเรื่องแบบนี้ล้วนเป็นกิจการของตระกูลซู!
ในสถานที่ห่างไกล อำนาจจากศูนย์กลางมาไม่ถึง ผู้ที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชาก็มักจะเริงร่า ที่กล่าวมานั่นก็คือคนตระกูลซูที่อยู่ในอำเภอเฟ่ย ซึ่งห่างไกลจากเมืองหลวงพวกนี้ใช่หรือไม่
ใบหน้าของซูชีนั้นดำทะมึนเหมือนน้ำหมึกแล้ว!
“ใช่แล้วพี่ชาย ไม่รู้ว่าพวกท่านสอบถามเรื่องพวกนี้ไปทำไม หรือว่าพวกท่านก็อยากจะจำนำของเหมือนกัน” ตอนนั้นเองก็มีบุรุษผู้หนึ่งส่งเสียงถามพวกซูชี แต่เห็นเสื้อผ้าที่พวกเขาสวมล้วนงดงาม ไม่เหมือนคนไม่มีเงิน ทว่าครอบครัวชาวนาล้วนเรียบง่ายมาก แม้ในใจจะรู้ว่าคนกลุ่มนี้ไม่ธรรมดา แต่กลับอดเตือนประโยคหนึ่งไม่ได้
“หากว่าพวกท่านจะจำนำของ อย่าไปหากิจการที่ผูกขาดโดยตระกูลซูเชียว! สถานที่ที่กินคนไม่คายกระดูก[2]เช่นนี้ ใครไปก็เท่ากับรนหาที่ตาย!”
ผู้คนไม่ได้กลัวว่าจะขาดทุน แต่อย่างน้อยหลังจากขาดทุนแล้ว สามารถได้รับความเที่ยงธรรมก็พอ แต่ที่ทำให้คนคับข้องใจที่สุดก็คือ แม้ว่าพวกเขาเหล่านี้จะขาดทุน แต่กลับยังคงไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม นี่เป็นสิ่งที่ในใจพวกเขาโมโหที่สุด!
ซูชีเงยหน้า ยิ้มบางๆ ให้คนผู้นั้น แล้วกำหมัดประสานมือ
ถือว่าเป็นการยอมรับความปรารถนาดีของเขา
หลังจากนั้นก็จ่ายเงินค่าน้ำชาโดยไม่กล่าวอันใด นำพวกซูซูจากไปด้วยสีหน้าทะมึน
ทิ้งซิ่วไฉที่ไม่เข้าใจเหตุผลเอาไว้คนเดียว เขามองเงาร่างที่จากไปของพวกซูชี แล้วใคร่ครวญ
“ซูชี ซูชี!”
ซูชีออกจากโรงน้ำชาแล้วก็ก้าวเท้ายาวเดินไป ไม่สนใจกระทั่งซูซูที่อยู่ข้างหลัง ซูซูก็รู้ว่าตอนนี้ซูชีอารมณ์ไม่ดีมาก ดังนั้นนางจึงทำได้แค่หาเรื่องอื่นมาเบนความสนใจของซูชี
“ซูชี ข้าหิวแล้ว! พวกเราไปหาอะไรกินกันดีไหม” นางเร่งฝีเท้าเดินขึ้นหน้าไปคว้าแขนเสื้อซูชีเอาไว้
ซูชีที่มีสีหน้าอึมครึมเช่นนี้ ทำให้ซูซูรู้สึกกลัว
ซูชีสูดลมหายใจลึก นี่ก็คือกูเสี่ยวซู เจ้าอย่าได้หวังว่าปากนางจะสามารถกล่าววาจาดีๆ อะไรออกมาได้
เขาไม่มีอารมณ์จะทะเลาะกับนาง “กูเสี่ยวซู ตอนนี้ข้าหงุดหงิดมาก เจ้าให้ข้าอยู่เงียบๆ คนเดียวได้ไหม”
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ซูชีใช้น้ำเสียงหารือในการกล่าววาจา เดิมซูซูควรจะดีใจมาก แต่ตอนนี้นางกลับดีใจไม่ลงเลยสักนิดเดียว…
นางปล่อยแขนเสื้อเขาอย่างเชื่อฟัง แล้วก้มหน้า เอ่ยเสียงเบามาก “อ่อ…เช่นนั้นก็ได้ ท่านอยู่เงียบๆ เถอะ”
ซูชีไม่ได้คิดอันใดมาก เสี้ยววินาทีที่ซูซูปล่อยเขา ก็หมุนตัวก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าทันที
อาจ้าวย่อมตามซูชีไป ดังนั้นสุดท้าย บนท้องถนนที่คนพลุกพล่าน ก็เหลือแค่ซูซูกับจ้าวเฟยลู่ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกับรูปปั้นสองคน
[1] ซิ่วไฉ คือผู้สอบผ่านระดับอำเภอ
[2] กินคนไม่คายกระดูก เป็นการอุปมาถึงคนที่มีจิตใจอำมหิตและโลภมาก