เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 520 เชียนเสวี่ยวางหมาก อวิ๋นอิ๋นรนหาที่ตาย (2)
กำลังทหารของชายแดนตะวันตก? สองชนเผ่าและสองแม่ทัพ!
อวิ๋นอิ๋นหรี่ตาลง และฟันธงว่าป้ายที่ชูอีเอ่ยถึง จะต้องเป็นป้ายไม้ดำที่คุณชายต้องการหาป้ายนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย!
ที่แท้ มั่วเชียนเสวี่ยก็พกป้ายนั้นติดตัวมาโดยตลอด มิน่านางค้นเรือนเสวี่ยหว่านหลายต่อหลายครั้ง ก็ยังคงไม่มีเบาะแสเลยสักนิดเดียว!
ได้ยินข่าวใหญ่ขนาดนี้ อวิ๋นอิ๋นสงบเยือกเย็นไม่ได้อีกต่อไป!
หัวใจเต้นระรัวตึกตักๆ นางรีบเอามือกุมหน้าอก ราวกับกลัวว่าหัวใจจะเต้นจนหลุดออกมาข้างนอก ทั้งยังกลัวว่าเสียงหัวใจเต้นจะดังเกินไปจนถูกคนได้ยิน
อวิ๋นอิ๋นแนบใบหูใกล้ยิ่งกว่าเดิม แอบฟังด้วยความระมัดระวัง
โดยไม่ปล่อยเสียงใดๆ เล็ดรอดไปแม้แต่น้อย
“โวยวายอะไรกัน! ข้าย่อมรู้ว่าสิ่งนั้นสำคัญ คุณหนูของเจ้าไม่ได้โง่จนถึงขั้นทำของสำคัญขนาดนั้นหายไปหรอกนะ”
“เช่นนั้น…ป้ายนั้นไปไหนแล้วเจ้าคะคุณหนู…”
อวิ๋นอิ๋นที่ฟังอยู่ด้านนอก ก็ประหลาดใจต่อท่าทีตื๊อไม่เลิกของชูอีอยู่บ้าง
แต่ทว่าเมื่อลองคิดกลับกัน ชูอีกับสืออู่ สองคนนี้เป็นคนที่ปรนนิบัติมั่วเชียนเสวี่ยจนเติบใหญ่ ระหว่างนายบ่าว แม้ว่าจะมีชื่อนายกับบ่าว แต่ความรู้สึกของพวกนั้นเหมือนพี่สาวน้องสาว
ก็เหมือนกับคุณหนูของตนเองและตนเองในตอนแรก นั่นก็เหมือนกัน เรื่องใดก็ล้วนคุยกันได้ ถามกันได้ ความลับอะไรก็สามารถแบ่งปันกันได้ รวมไปถึง…บุรุษ
คิดถึงตรงนี้ นางก็หวนนึกถึงคุณหนูที่เป็นเหมือนพี่สาวน้องสาวของตนเอง และคิดถึงคนที่อยู่ในใจผู้นั้น
เพียงแต่ นางรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดถึง จึงส่ายหน้าเล็กน้อย อวิ๋นอิ๋นเก็บงำความรู้สึก
คิดว่าเป็นเพราะชูอีกังวลเรื่องป้ายนั่นมากเกินไป ถึงได้ซักถามเช่นนี้!
พลันสบายใจขึ้นมาทันที
คิดว่า ทางที่ดีที่สุดให้ชูอีถามไม่เลิกจนกว่าจะรู้ว่า ป้ายนั่นอยู่ที่ใด! แบบนี้นางก็จะมีเพียงเป้าหมายเดียว สามารถหาป้ายนั้นออกมามอบให้คุณชายได้
“ชูอี เจ้าล่วงเกินแล้ว!”
ทันใดนั้น เสียงเรียบๆ ของมั่วเชียนเสวี่ยก็ดังขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าน้ำเสียงจะเรียบเฉยมแต่กลับแฝงไปด้วยพลังอำนาจและความเด็ดขาด!
ทำให้อวิ๋นอิ๋นที่แอบฟังอยู่ข้างนอกอกสั่นขวัญแขวนเล็กน้อย!
เสียงชูอียอมรับผิด ขอความเมตตาดังออกมาจากในห้อง ในใจอวิ๋นอิ๋นแอบวิตกกังวล!
สวรรค์ รีบให้คุณหนูใหญ่เอ่ยเถอะเจ้าค่ะ บอกอวิ๋นอิ๋นว่า ป้ายนั่นอยู่ที่ไหนกันแน่
สวรรค์คล้ายกับได้ยินวาจาของนาง วินาทีถัดไป นางก็รู้สึกสถานการณ์มีแนวโน้มที่จะดีขึ้น!
คาดว่าการยอมรับผิด ร้องขอความเมตตาของชูอีทำให้คุณหนูใหญ่ใจอ่อนลงมา
“พอแล้ว! อย่าทำท่าทางเหมือนข้ารังแกเจ้าสิ ที่จะบอกเจ้าก็คือ ข้ามอบป้ายนั้นให้หนิงเซ่าชิงไปแล้ว”
ให้หนิงเซ่าชิงไปแล้ว อวิ๋นอิ๋นมึนงง
“อะไรนะเจ้าคะ คุณหนู!”
เห็นได้ชัดว่า ชูอีที่อยู่ในห้องก็ตื่นตะลึงมากเช่นกัน!
“คุณหนู! ป้ายนั้นเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตท่านนะเจ้าคะ! ท่านให้กูเหยียตามใจชอบแบบนี้ได้อย่างไรกัน”
อวิ๋นอิ๋นที่แอบฟังอยู่ข้างนอกก็โกรธจัดอยู่ในใจ
นั่นสิ! ให้หนิงเซ่าชิงตามใจชอบได้อย่างไร
ถ้าหากป้ายไม้ดำอยู่ที่มั่วเชียนเสวี่ย นางยังมีโอกาสสับเปลี่ยนของจริงเป็นของปลอมได้ แล้วขโมยป้ายนั้นออกไป
แต่ถ้าหากให้หนิงเซ่าชิงไปแล้วจริงๆ เช่นนั้น แม้ว่านางจะมีความสามารถอย่างไร ก็ไม่มีทางขโมยของสิ่งนั้นมาจากหนิงเซ่าชิงได้!
ความหวังในการมอบของล้ำค่าพังทลาย อวิ๋นอิ๋นก็มีสีหน้าหม่นหมอง ในใจก็ลอบด่าเงียบๆ อย่างไม่สงบ
บื้อจริงๆ! ถึงกับมอบของสำคัญที่สุดให้คนอื่น!
ปัญญาอ่อน!
ตอนนี้ อวิ๋นอิ๋นก็ดูเหมือนจะแยกแยะตำแหน่งฐานะของตนเองได้ไม่ชัดเจนเล็กน้อย ถึงกับตำหนิมั่วเชียนเสวี่ยที่มอบป้ายไม้ดำให้กับหนิงเซ่าชิง ทำให้นางไม่สามารถขโมยมาไว้ในมือได้อย่างราบรื่น!
ไม่ก็ต้องกล่าวว่า คนเรา เมื่อสูญเสียตัวตนในห้วงความปรารถนา ก็เป็นเรื่องที่น่าหวาดกลัวมากเรื่องหนึ่ง!
ภายในห้องมีเสียงมั่วเชียนเสวี่ยดังออกมาอีก ได้ยินแค่เสียงเรียบๆ ของนาง แสดงท่าทีต่อป้ายไม้ดำ เจ้าของสิ่งนี้ว่าจะมีหรือไม่มีก็ได้ “ไม่เป็นไรหรอก ให้ของสิ่งนี้กับกูเหยียของพวกเจ้า ความจริงข้าวางใจยิ่งกว่า”
“แต่ว่า…”
“พอเถอะ ปรนนิบัติข้าอาบน้ำเถอะ อีกครู่ยังต้องหารือเรื่องจะจัดการดูแลสินสอดพวกนั้นให้เหมาะสมเรียบร้อยอย่างไรอีก พวกนั้นเป็นสิ่งที่คุณหนูของพวกเจ้าต้องนำไปที่ตระกูลหนิง เป็นต้นทุนในการตั้งหลัก…”
อวิ๋นอิ๋นที่เดิมฟังอย่างเคลิบเคลิ้ม แต่เมื่อได้ยินมั่วเชียนเสวี่ยเอ่ยคำว่าอวิ๋นอิ๋น ใจพลันกระตุก!
ใช่แล้ว นางลืมไปได้อย่างไรว่านี่คือเรือนเสวี่ยหว่าน ลืมไปได้อย่างไรว่า จื่อจู้กับจื่อจิงไปเตรียมอาหารให้คุณหนูใหญ่ แล้วจะกลับมาในเร็วๆ นี้
ถ้าหากให้คนเห็นนางแนบตัวติดมุมกำแพง แอบมองแอบฟังเช่นนี้ ก็จะมีปัญหาแล้ว
อวิ๋นอิ๋นรีบถอยหลังไปสองก้าว ยืนเฝ้ายามห่างจากประตูห้องประมาณหนึ่งฉื่อตามมาตรฐาน จากนั้นก็มีสีหน้าเคารพนับถือ ท่าทางเหมือนบ่าวที่ซื่อสัตย์คนหนึ่ง
ความจริงแล้วอวิ๋นอิ๋นไม่รู้ว่าทั้งหมดที่ตนเองทำถูกคนเห็นอยู่ในสายตานานแล้ว
คนผู้นั้นยิ้มมุมปากน้อยๆ มองอวิ๋นอิ๋นเล่นตลกอยู่ตรงนั้นคนเดียว
กุ่ยซาแสดงท่าทีว่า ถ้าหากไม่ใช่ว่าคุณหนูใหญ่มั่วเชียนเสวี่ยสั่งห้ามเขาไม่ให้หุนหันพลันแล่น เขาจะต้องจับสตรีนางนี้เอาไว้ แล้วก็ทรมานอย่างโหดเหี้ยมจนตายแน่นอน!
ถึงกับมีความกล้าทำลายพิธีหมั้นหมายของหัวหน้าตระกูลและคุณหนูใหญ่ ความผิดนี้ก็มากพอที่จะให้นางตายนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว!
อีกอย่าง สตรีรนหาที่ตายนางนี้ยังทำให้ชูอีของเขากังวลและสิ้นเปลืองความคิดเช่นนี้ ก็ยิ่งสมควรตาย!
อวิ๋นอิ๋นนึกว่าสิ่งที่ตนเองทำทั้งหมดล้วนมิดชิดมาก ยืนอยู่ครู่หนึ่ง ก็ได้ยินเสียงสนทนาของจื่อจู้กับจื่อจิงดังมาจากที่ไกลๆ จึงเดาว่ามั่วเชียนเสวี่ยน่าจะอาบน้ำใกล้เสร็จแล้ว
ดังนั้นจึงปรับแต่งรอยยิ้มแล้วก้าวเข้าไปเคาะประตูห้องมั่วเชียนเสวี่ย
แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องทั้งหมด อวิ๋นอิ๋นพลางเคาะประตู พลางเอ่ยว่า “คุณหนูใหญ่อาบเสร็จหรือยังเจ้าคะ ต้องการให้อวิ๋นอิ๋นช่วยหรือไม่ เมื่อครู่ได้ยินเสียงของจื่อจู้กับจื่อจิง เกรงว่าอาหารใกล้จะเสร็จแล้วเจ้าค่ะ”
มั่วเชียนเสวี่ยกับชูอีที่อยู่ในห้องสบตากันแวบหนึ่ง ล้วนเห็นแววขบขันในสายตาของกันและกัน
ทว่ากลับมีความเกลียดชังด้วยเช่นกัน แบบนี้อวิ๋นอิ๋นยังคิดจะเข้ามาดูอีก คงไม่เชื่อสินะ
ก็ได้ ในเมื่อนางไม่เชื่อ ก็ให้นางเข้ามาดูให้ชัดเจน
สองมือกวักน้ำขึ้นมาอย่างไม่รู้สึกยินดียินร้อน หลังจากนั้นก็สาดลงไปในถังไม้จนเสียงน้ำดังซ่า
มุมปากมั่วเชียนเสวี่ยปรากฏรอยยิ้มหยันอย่างไม่แยแส พลางส่งสายตาให้ชูอีไปเปิดประตู
ชูอีที่เข้าใจดีก็เดินไปเปิดประตู
“พี่อวิ๋นอิ๋น ท่านให้พวกนางจัดวางอาหารให้เรียบร้อยก่อน คุณหนูใหญ่อาบน้ำเสร็จแล้ว รอผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ ก็จะไปกินสักหน่อย”
อวิ๋นอิ๋นมาจากตระกูลใหญ่ มีสมองอยู่บ้าง จึงไม่ได้ถูกหลอกง่ายๆ
ในใจนางแม้จะดีใจ แต่กลับไม่ได้ถูกความดีใจทำให้เสียสติ
ตอนนี้ยังคงสงสัยบทสนทนาเมื่อครู่ของมั่วเชียนเสวี่ยกับชูอีอยู่บ้าง ว่าเป็นการเล่นเล่ห์เหลี่ยมหรือไม่ ตอนนี้มีโอกาสยืนยันแล้ว จะปล่อยไปได้อย่างไร
ดังนั้นจึงเอ่ยเสียงอ่อนเต็มที่ แสดงให้เห็นว่ามีใจที่ภักดี ไร้ซึ่งเจตนาร้าย “ล้วนเป็นสตรี ความจริงแล้วก็มิมีอันใดต้องเขินอาย อวิ๋นอิ๋นช่วยปรนนิบัติคุณหนูใหญ่ให้ลุกขึ้น ก็สามารถช่วยให้คุณหนูได้กินอาหารเร็วขึ้นได้ จะได้ไม่ทำให้ท้องหิว หากสุขภาพได้รับความเสียหายก็จะแย่เอาได้”