เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 504 ความขมปนหวานของเตาหนูผู้ขโมยเคล็ดลับ (3)
มิฉะนั้นหลังจากฝ่าบาทขึ้นครองราชย์แล้ว พี่น้องมากมายเหล่านั้นล้วนตายหมดแล้ว จะเหลือเพียงเขาคนเดียวที่ถูกแต่งตั้งเป็นอ๋องและยังปลอดภัยดีได้อย่างไร คนผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดาๆ อย่างแน่นอน
ที่สำคัญกว่านั้นคือการตายของบิดา หากว่ากันตามที่หนิงเซ่าชิงบอก แม้ว่าไม่ใช่อย่างที่เขาคิดแต่ก็ถูกเขาลากมาเหนื่อยด้วย
“หนานหลิงคงมารุกรานแน่แล้ว!”
หากว่ากันตามหลักแล้ว เรื่องพวกนี้ล้วนไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาควรสนใจ และไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาควรกังวล ที่วันนี้มีหัวข้อสนทนานี้เกิดขึ้นก็เป็นเพียงเพราะว่ากลัวฮ่องเต้จะแอบเล่นตุกติกอะไร แล้วส่งผลไปยังชีวิตของพวกเขาก็เท่านั้น
อย่างไรเสียมั่วเชียนเสวี่ยในยามนี้หลังจากที่แตกหักกับฮ่องเต้เมื่อคราวก่อนแล้ว ฮ่องเต้ก็คงจะเห็นนางเป็นเสี้ยนหนามแน่
ซ้ำชายแดนตะวันตกก็มาหนุนหลังนางอีก
อยู่ในช่วงวิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนในสังคมที่โหดร้ายและดุดันพอดี นึกไม่ถึงว่าเจิ้นหนานอ๋องจะถูกฮ่องเต้เรียกกลับ ทำเอามั่วเชียนเสวี่ยอดคิดมากไม่ได้
เจิ้นหนานอ๋องกลับเมืองหลวงเป็นเพราะหนานหลิงเกิดสงครามขึ้นอีกครั้งหรือเพราะพวกเขาคิดหาวิธีอะไรดีๆ ที่จะจัดการกับชายแดนตะวันตกและริบอำนาจทหารของชายแดนตะวันตกได้แล้วกันแน่
“ตราบใดที่หัวลูกศรไม่หันมาเล็งที่พวกเราก็ไม่มีอะไรต้องระแวง!” หนิงเซ่าชิงก็แอบกังวลอยู่เช่นกัน แต่กลัวว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะกังวลแต่ไม่พูดออกมา จึงเอ่ยปลอบโดยเลี่ยงประเด็นหนักๆ ไป
มั่วเชียนเสวี่ยพยักหน้าเห็นด้วย หากฝ่าบาทไม่หันหัวศรมาเล็งทางพวกนางก็ปล่อยให้พระองค์เรียกใครเข้าวังก็ได้ เพราะมันไม่เกี่ยวอะไรกับพวกนางเลยสักนิด
ทว่า…
ทว่านางรู้อยู่แก่ใจว่าฮ่องเต้ไม่มีทางคิดเช่นนี้แน่
เพียงแต่นางไม่อาจให้หนิงเซ่าชิงเป็นกังวลอีกได้ จึงได้เก็บไว้ในใจไม่เอ่ยถึง
…
ณ จวนตระกูลสวี่
นายท่านตระกูลสวี่นั่งอยู่ในห้องลูกสาวหัวแก้วหัวแหวน มองลูกสาวตวาดลั่นโยนข้าวโยนของระบายความคลั่งอยู่นิ่งๆ ก่อนจะรู้สึกสงสารขึ้นเล็กน้อย
“ลูกสาวคนดีเอ๋ย…อย่าโยนอีกเลย พอได้แล้ว” ยามนี้เขาไม่กล้าเดินไปหา เมื่อครู่เพราะห้ามลูกสาวขว้างปาของ สุดท้ายนางโยนแจกันดอกไม้ใส่ เกือบจะกระแทกโดนหน้าผากเขาเข้า
เพล้งงง ตุ้บบบ ปั้กกก
มีใครกำลังพูดอยู่รึ ไม่มีกระมัง
“จะปล่อยข้าออกไปหรือไม่! ท่านจะให้ข้าพบสามีข้าหรือไม่ ท่านยังเป็นพ่อข้าหรือไม่!”
เพล้งงง ตุ้บบ
นายท่านตระกูลสวี่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องนี้เช่นกัน
เขาไม่ได้เสียดายข้าวของอย่างพวกแจกันดอกไม้ เครื่องกระเบื้องเคลือบเหล่านั้นที่ลูกสาวขว้างปาหรอก แต่กลัวว่าลูกสาวจะเหนื่อย เกิดไม่ทันระวังแล้วบาดเจ็บขึ้นมาจะทำอย่างไร
“ลูกเอ๋ย นั่นไม่ใช่สามีของเจ้านะ คนเขาชื่ออะไรเจ้ายังไม่รู้เลย เจ้าจะเรียกเขาเช่นนั้นได้อย่างไร”
เกิดมีใครมาได้ยินเข้า ชายคนนั้นมาเอาเรื่องเขาอีกรอบ เขาคงต้องยกสมบัติที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้อีกฝ่ายไปจนหมดจริงๆ แน่
นี่เขาออกเงินไปอีกเพื่อเรื่องนี้ ซ้ำยังขอโทษขอโพยไป แล้วยังสร้างไมตรีจนสมบัติของตระกูลเกือบเกลี้ยงแล้ว
จวนตระกูลสวี่ในยามนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว
“จะไม่ใช่สามีข้าได้อย่างไร”
สวี่หยวนหยวนได้ยินบิดาปฏิเสธว่าหนิงเซ่าชิงไม่ใช่สามีนาง ก็ไม่แสร้งเมินบิดาอีก สีหน้านางเดือดดาลถลึงตามองบิดาตัวเอง
คนที่รู้ก็คงจะบอกว่าเป็นบิดาของนาง คนที่ไม่รู้คงได้คิดว่านี่เป็นศัตรูคู่อาฆาตของนางแน่
“ข้าบอกว่าเขาเป็นก็เป็นสิ! ข้าบอกว่าเขาเป็นสามีข้า เขาก็ต้องเป็นสามีข้า! ใครกล้าเถียงข้า”
นั่นเป็นบุรุษที่นางเล็งไว้แล้ว ใครจะกล้ามาแย่งนางล่ะ ใครกล้าแย่งนางจะฆ่าให้ตายเลย!
สวี่หยวนหยวนนางนี้ถูกนายท่านตระกูลสวี่เลี้ยงตามใจจนเสียนิสัยหมดแล้ว ไม่สนขื่อสนแปจนถึงขั้นไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลยสักนิด!
เห็นท่าทาง ‘ข้าจะพาลเช่นนี้แล้วจะทำไม’ แล้ว ทำเอานายท่านตระกูลสวี่ทั้งโมโหทั้งร้อนใจ
ทว่าต่อให้ร้อนใจและโมโหเท่าใด เขาก็หักใจตีลูกสาวตัวเองไม่ได้สักครั้ง ก่อนหน้านี้ที่ตบหน้าลูกสาวตรงหน้าประตูจวนไป ตีเสียจนตอนนี้มือเขายังเจ็บไม่หาย และปวดใจด้วย!
ลูกสาวคนนี้เขาเฝ้ารักทะนุถนอมไว้กลางใจตั้งแต่ยังเล็ก ไม่ตบตี ไม่ดุด่า หากมิใช่เพราะคราก่อนเกินจะรับผิดชอบต่อทั้งสองคนนั่นไหวแล้ว เขาจะตีลูกสาวตัวเองได้อย่างไร
“ลูกเอ๋ย เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนผู้นั้นคือใคร นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะล่วงเกินคนเขาต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนั้น พวกเขาเห็นแก่หน้าพ่อเจ้าจึงได้ปล่อยเจ้าไป มิฉะนั้นล่ะก็ เจ้าตายอย่างไรคงไม่อาจคาดคิดได้แน่!” เห็นสวี่หยวนหยวนไม่ฟังคำเกลี้ยกล่อมของตน สุดท้ายนายท่านสวี่ก็โดนบีบให้จนใจ จำต้องอธิบายให้กระจ่าง
เขาจะเอาแต่กลัวลูกสาวเสียใจไม่ได้ วันดีคืนดีนางวิ่งออกไปอีก ทำคนเขาจับไว้แล้วฆ่าตายจะทำอย่างไร
คนที่ตระกูลเก่าแก่เหนือชั้นเช่นนั้นเรื่องฆ่าคนง่ายดายเสียยิ่งกว่าบี้มดตายสักตัวอีก!
การหามดยังต้องเสียเวลาหาสักพัก แต่ฆ่าคนสบายๆ นัก หิ้วมาก็ฆ่าได้เลย!
สวี่หยวนหยวนเชิดใส่
เห็นแก่หน้าเขาอย่างนั้นรึ
“หน้าท่านมันคุ้มเงินสักเท่าใดกันเชียว สามีข้าถูกข้ากอดอยู่บนถนนยังไม่ถือสาเลยสักนิด แต่คนรับใช้เขาน่ะสิ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าโยนคุณหนูอย่างข้าได้! รอวันหน้าข้าแต่งเข้าไปก่อนเถอะ จะถลกหนังเลาะกระดูกคนรับใช้สมควรตายสองคนนั่นให้ดู!”
ทำเช่นนี้จึงจะสามารถระบายความแค้นในใจนางได้!
“เหลวไหล!”
นายท่านตระกูลสวี่เห็นลูกสาวยังรั้นไม่เชื่อฟังอยู่ก็ทนตะล่อมนางช้าๆ ไม่ไหวแล้ว
เด็กคนนี้มันช่างถูกเขาตามใจจนเกินไปแล้ว! ลูกหลานตระกูลเก่าแก่ชื่อดังต่างรู้จักรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง แต่ลูกสาวเขากลับดียิ่งนัก ยังทำตัวเป็นที่สนใจอีก!
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร คนเขาเป็นหัวหน้าตระกูลของตระกูลเก่าแก่สุดยอดของเมืองหลวง หนิงเซ่าชิงนะ!”
สวี่หยวนหยวนได้ยินดังนั้นก็กลอกตาใส่นายท่านตระกูลสวี่
“หัวหน้าตระกูลของตระกูลเก่าแก่สุดยอดอย่างนั้นรึ พอดีเลย คู่ควรกับฐานันดรของข้า เดิมทีข้านึกว่าเขาเป็นคนธรรมดาเสียอีก ยามนี้ไม่พอเหมาะพอเสาะดีหรือไร”
ในสายตานางตระกูลเก่าแก่สุดยอดหมายความว่าอย่างไรน่ะหรือ นางเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
นายท่านตระกูลสวี่ฟังถ้อยคำของลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนแล้วแทบจะกระอักเลือดออกมา!
เด็กคนนี้…เด็กคนนี้…เหตุใดจึงไม่รู้ความเช่นนี้
แม้ว่าตระกูลของพวกเขาจะร่ำรวย แต่หัวหน้าตระกูลของตระกูลเก่าแก่สุดยอดใช่ตระกูลธรรมดาๆ ไร้ยศไร้ศักดิ์อย่างพวกเขาไปเกี่ยวดองด้วยหรือ นี่มันความฝันของคนเขลามิใช่หรือไร
“เจ้าจะไปรู้อะไร ครอบครัวธรรมดาๆ อย่างพวกเราต่อให้ถือรองเท้าให้ตระกูลเก่าแก่สุดยอดอย่างพวกเขายังไม่คู่ควรเลยด้วยซ้ำ เจ้ายังมีหน้ามาบอกว่าอะไรนะ ฐานะเหมาะสมกัน ลูกสาวเอ๋ย เจ้าตื่นได้แล้ว พ่อกลัวจริงๆ ว่าคราหน้าเจ้าจะกระโดดโลดเต้นออกจากบ้านไปแล้วตอนกลับมาจะต้องคลานกลับมาแทน!”
เขากลัวจริงๆ!
สำหรับเขาที่มีลูกสาวโง่เขลาขั้นสุดเช่นนี้ เขาก็จนปัญญาเช่นกัน ไหนๆ ก็คลอดมาแล้ว จะยัดกลับไปก็คงไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นก็เลี้ยงมาจนโตแล้วด้วย!
ทว่าเขากลัวจริงๆ ว่าตัวเองจะเห็นภาพคนหัวหงอกส่งคนหัวดำ
แต่เทียบกับสวี่หยวนหยวนแล้ว นางไม่ได้สนใจเลยสักนิด
นางคิดว่าที่บิดานางพูดมาก็แค่จะขู่นางเท่านั้น
จะไปมีปัญหาอะไรได้