เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 488 ซูซูที่ยิ่งแพ้ยิ่งกล้า (1)
ในระหว่างที่กำลังลำพองนั้น เขาก็เลิกม่านเตียงขึ้น
กระบี่เล่มหนึ่งยื่นออกมาจากม่านเตียง จ่อลงบนคอหอยของเขาอย่างแม่นยำและว่องไว
ฮวาหูเตี๋ยดวงตาพลันเป็นกระกาย เขาหัวเราะเยาะคราหนึ่ง แล้วเบี่ยงหน้าหลบกระบี่ที่แทงเข้ามา แล้วยื่นนิ้วคีบกระบี่ไว้
ก่อนเอ่ยล้อว่า “มาเห็นยามราตรีแล้ว เจ้างามกว่าตอนกลางวันเสียอีกนะ”
แน่นอนว่าเขารู้ว่าเกิดการเปลี่ยนตัวคนบนเตียงไปแล้ว
เขาไวต่อกลิ่นอายบนร่างของสตรีมาแต่ไหนแต่ไร ก่อนที่จะเข้ามาในห้องเมื่อครู่นี้ เขาฟังเสียงลมหายใจดูก็รู้แล้วว่าด้านในมีการเปลี่ยนตัว
ที่แท้ของรางวัลวันนี้ของเขาก็เป็นสตรีหรือนี่
ซ้ำยังเป็นสาวงามที่งดงามเสียยิ่งกว่าคุณหนูคนนั้นที่เล็งไว้เมื่อเช้าเสียอีก
โชคหล่นทับโดยแท้
“แม่นางผิวพรรณขาวกระจ่างยิ่งนัก ทั้งยังเผ็ดพอสมควรด้วย…ถูกปากข้าน้อยพอดี…”
เขาเอ่ยพลางยื่นมือไปหมายจะลูบมือของท่านหญิงซูซู
ท่านหญิงซูซูถูกหยอกล้อ ซ้ำยังเห็นมือหมาป่าที่ยื่นมาหาจึงเดือดดาลขึ้นมาทันที
นางชักกระบี่หมายจะแทงอีกครา ทว่านางกลับพบว่าตัวเองโดนยาไปตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจทราบได้ ร่างกายอ่อนยวบลงไร้เรี่ยวแรงแม้แต่กระผีกเดียว
เสียงกระบี่ตกพื้นดัง เคร้ง
ทันใดนั้นตัวนางก็ล้มพับลงบนเตียง
“เหตุใดแม่นางจึงได้ใจร้อนเช่นนี้เล่า ข้าน้อยมาแล้ว…”
ฮวาหูเตี๋ยเอ่ยหยอกล้อ พร้อมกับถอดชุดคลุมตัวนอกออกแล้วโยนไปที่มุมหัวเตียง
สะบัดพู่ที่ผูกบนเข็มขัดตรงบั้นเอวไปมา ทำท่าละล้าละลังจะแก้ก็ไม่แก้เสียที สายตาเอาแต่จดจ้องใบหน้าท่านหญิงซูซู
เขายิ้มเจ้าชู้แพรวพราวยิ่งนัก ซ้ำยังมีเสน่ห์ร้ายเหลือด้วย
ท่านหญิงซูซูตัวสั่นเทาภายใต้แววตาเช่นนี้
นางวิตกขึ้นมาแล้ว เป็นความวิตกที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ในระหว่างที่ซูซูกำลังวิตก นางก็คิดจะตะโกนเรียกซูชีให้มาช่วย นางรู้ว่าซูชีต้องอยู่ไม่ไกลนี่แน่
ทว่าพอเปล่งเสียงออกมากลับพบว่าเสียงตะโกนของตัวเองแผ่วเบาราวกับเสียงยุง ทั้งๆ ที่ออกแรงทั่วทั้งร่างแท้ๆ แต่เสียงนั้นกลับทั้งเบาทั้งแผ่ว ยิ่งเหมือนคนละเมอเพ้อเข้าไปใหญ่
น้ำตาไหลพลันรื้นตาขอบตาไหลลงมาทันที
ไอ้ซูชีสมควรตาย ไอ้ซูชีหน้าเหม็น ไอ้คนไม่เอาไหน คนตัวโตเพียงนี้เดินเข้ามา เหตุใดเจ้ายังไม่มาจับไปอีก เจ้าไปไหนเสียแล้ว
แน่นอนว่าซูชีเห็นเงาร่างสายหนึ่งเข้าไปในห้องนอนของคุณหนูแล้ว
ยามนี้เขากำลังครุ่นคิดว่าอีกเดี๋ยวเขาจะอาศัยจังหวะที่ฮวาหูเตี๋ยกำลังทำกิจอยู่เข้าไปจับตัวเลยดี หรือว่ารอให้มันเสร็จกิจก่อนค่อยเข้าไปจับดี
แต่พอครุ่นคิด ดวงตาของซูชีหลับลง ตั้งใจฟังเสียงรอบด้านอยู่ในมุมลับอย่างสงบนิ่ง
อย่างไรเสียเขาก็ไม่ได้สนใจจะดูคนเปลือยอยู่แล้ว ซ้ำยังไม่มีความสนใจต่อการออกกำลังกายของคนเปลือยสองคนด้วย
รอมันเสร็จกิจก่อนแล้วกันค่อยเข้าไป รบกวนคนเขาทำเรื่องดีๆ มันดูใจแคบไปหน่อย
เสียงแผ่วเบาราวกับยุงของซูซู แม้แต่ฮวาหูเตี๋ยที่ขยับมาใกล้มากยังฟังไม่ชัด
ทว่า ดูจากรูปปากของนางแล้วกลับรู้ได้ว่านางกำลังร้องขอให้ช่วยอยู่
เขาแย้มยิ้ม เชยคางซูซูขึ้นมา “แม่นางร่างอ่อนยวบเช่นนี้ จึงอยากให้ข้าน้อยช่วยหรือ ไม่ต้องวิตกไป ข้าน้อยจะช่วยเจ้าเดี๋ยวนี้ล่ะ”
ฮวาหูเตี๋ยเอ่ยขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มชั่วร้ายบนใบหน้าที่หยักยกมากกว่าเดิม ปลายนิ้วที่เชยคางอยู่คลายลงเล็กน้อย
ท่านหญิงซูซูด่าว่า “เจ้ามันโจรบ้ากาม หากเจ้ากล้าแตะต้องข้า ข้าจะทำให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตายเลย จะประหารพวกเจ้าทั้งตระกูล จะระเบิดศพเจ้าไปทิ้งป่าช้า…”
เสียงด่าของท่านหญิงซูซูไร้ประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด
แววตาฮวาหูเตี๋ยเป็นประกายวาบ ก่อนหน้าสตรีเหล่านั้นที่เขาเคยทำ ส่วนใหญ่ยังไม่ทันได้เริ่มทำอะไรก็ตกใจจนสลบไปก่อนแล้ว บางคนก็เอาแต่หน้าแดงไม่ส่งเสียงอะไรสักคำ
เคยมีใครมาด่าทอกันแรงๆ ตั้งแต่ต้นจนจบแบบนี้ที่ไหน
แม้ว่าเสียงนางจะไม่ดัง แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงความเดือดดาลและความรุนแรงของนาง สนุกกว่าเล่นกับหุ่นไม้เป็นไหนๆ
ปลายนิ้วไล้วนอยู่บนท้องน้อยก่อนจะชะงักหยุด
ก่อนจะเกี่ยวเบาๆ เข็มขัดของท่านหญิงซูซูก็ขาดแล้ว ชุดตัวนอกพลันแหวกออกทันที
ท่านหญิงซูซูเกิดประกายท้อแท้วาบผ่านดวงตา
นางเสียใจยิ่งนัก
ทว่าบนโลกนี้ไม่มียาแก้รักษาโรคเสียใจภายหลัง
แม้ว่านางจะวิตก แม้ว่านางจะกลัว แม้ว่านางจะเสียใจภายหลังเสียแล้ว แต่นางกลับเป็นคนที่มีนิสัยอารมณ์ร้ายปากจัด ยามนี้จึงไม่มีทางเอ่ยขอร้องอ้อนวอนออกมา
นางด่าขึ้นอีกว่า “โจรบ้ากามสมควรตาย ข้าท่านหญิงซูซูแห่งจวนจิ่งอ๋อง หากเจ้ากล้าแตะต้องข้าแม้แต่ปลายเล็บ ข้ารับรองเลยว่าจะฆ่าเจ้าให้ไร้ที่กลบฝัง…”
น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้นางพูดมากเกินไป ยามนี้เรี่ยวแรงจึงยิ่งน้อยลงกว่าเดิม อีกทั้งนางยังพูดเร็วและรัวด้วย ดังนั้นเสียงจึงยิ่งเบายิ่งแผ่ว
“แม่นางอย่าร้อนใจไปสิ แสงจันทร์วันนี้งามนัก…”
เวลาแมวจับหนูก็มักจะหยอกเล่นก่อนแล้วค่อยกิน
เพราะอย่างไรเสียหนูมันก็หนีไปไหนไม่รอดอยู่แล้ว
ท่านหญิงซูซูเม้มปากแน่นไปหมด
เกิดความคิดยอมตายขึ้นมาแล้วด้วย
ทว่านางกลับมีนิสัยดื้อรั้น ไม่มีทางอ้อนวอนใครมาตั้งแต่เล็กๆ และรู้ว่ายามนี้พูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ด้วย
ฝืนข่มความจั๊กจี้เอาไว้ เอาแต่ถลึงตาจ้องฮวาหูเตี๋ยเขม็ง
ไม่ว่าวันนี้จะเกิดอะไรขึ้น นางก็ไม่มีทางเอาอย่างพวกสตรีไร้ค่าที่รนหาที่ตายเหล่านั้นเด็ดขาด ก็แค่ชาตินี้ไม่ออกเรือนแค่นั้นเอง
ทว่า ขอแค่นางยังมีลมหายใจอยู่ นางจะทำให้ฮวาหูเตี๋ยผู้นี้กลายเป็นโจรเละที่ทั้งแหลกละเอียดและขาดวิ่น
เขาต้องการสตรีมิใช่หรือไร
นางจะทำให้ไอ้ชั่วนี่ตายอยู่ใต้ร่างสตรีให้ได้
จากนั้นก็ค่อยลากเขาออกไปให้หมามันกิน
แสงจันทร์ส่องลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาตกกระทบบนใบหน้าของท่านหญิงซูซู สีหน้านางแดงเรื่อเล็กน้อย แต่แฝงไว้ด้วยความขัดขืนและเคียดแค้น ทำให้นางยิ่งงดงามขึ้นไม่น้อย
ทำเอามือฮวาหูเตี๋ยสั่นไม่หยุด ใจพลันเต้นแรงขึ้น
สตรีงามนางนี้ช่างงดงามไม่ธรรมดาเสียจริง
เทียบกับสาวงามคนนั้นที่เขาหมายตาเมื่อก่อนหน้านี้แล้ว ดีกว่าไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
ทว่ายามนี้กลับมีคนทุบหน้าต่างเข้ามา
อานุภาพนั้นมันช่างมโหฬารพันลึกยิ่งนัก
ความแข็งแรงและลมปราณที่ฝ่ามือไม่มีทางที่จะออกมาจากคนธรรมดาได้
ฮวาหูเตี๋ยไม่กล้าปะทะตรงๆ
เขาคว้าเอาท่านหญิงซูซูที่อยู่บนเตียงโยนไปทางผู้โจมตีโดยไม่หยุดคิดสักนิด
ขอแค่ผู้โจมตีรับตัวสาวงามไปหรือไม่ก็โจมตีใส่ร่างสาวงามแทน เขาก็จะอาศัยจังหวะชุลมุนหนีออกไป
แต่ก็น่าเสียดายสาวงามของเขานัก
ฮวาหูเตี๋ยมองสาวงามที่ถูกโยนออกไปอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะเตรียมตัวเร้นกายหนี
ขอแค่ออกจากประตูไปได้ก็เป็นใต้หล้าของเขาแล้ว
ต่อให้จะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้มาเยือน แต่เขาก็ยังมั่นใจอยู่ดีว่าจะหนีได้
ไหนเลยจะรู้ ผู้โจมตีหาได้โจมตีลมปราณจากฝ่ามือใส่สาวงามไม่และเก็บฝ่ามือไปแล้ว อีกทั้งยังไม่ได้รับตัวสาวงามไว้ด้วยเช่นกัน
แต่เป็นการใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ สาวงามแค่ลดทิศทางลง แต่ก็ยังล้มลงกับพื้นไปทั้งตัวอยู่ดี ก่อนจะแค่นเสียงเฮอะขึ้น
ซูซูล้มลงกับพื้นก้นจ้ำเบ้า บริเวณนั้นเจ็บแปลบๆ ขึ้นมา
แต่ความเจ็บนี้กลับทำให้เรี่ยวแรงบนร่างนางฟื้นคืนขึ้นมาบ้าง
“เจ้าไปไหนมา เพิ่งจะมาเอาป่านนี้…” นางโพล่งขึ้นเพราะเริ่มมีแรงบ้างแล้ว ทว่าน้ำเสียงแจ่มใสขึ้นเล็กน้อย
ซูชีไม่ได้มองนางสักนิด สีหน้าเขาอึมครึมยิ่ง
แต่ซูซูกลับรู้ว่าเขาโมโหขึ้นมาแล้ว
โกรธมากเสียด้วย
ซูชีใช้กำลังทั้งหมดลงไปในความโกรธ
ในระหว่างที่ยกฝ่ามือขึ้นก็ตัดขาดหนทางหนีของฮวาหูเตี๋ยทันที แล้วบีบคั้นให้ฮวาหูเตี๋ยจนมุมตรงมุมห้อง