เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 372 ก่อเรื่อง ตามรอยเบาะแส (1)
“ย่อมต้องเป็นสามีของข้าอยู่แล้ว ข้าจะจำสามีของข้าไม่ได้หรืออย่างไร เจ้ามันปีศาจจิ้งจอกน่าไม่อาย! ถึงกับยั่วยวนสามีข้า ข้าจะไม่ให้เจ้าได้อยู่สบายแน่!”
เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามั่วเชียนเสวี่ยถามแค่ประโยคเดียว แต่สตรีนางนี้กลับกล่าววาจาออกมาเป็นพรวน เมื่อจบเเล้ว ยังโบกมือไปทางข้างหลังด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยอำนาจ!
“พวกเจ้า โยนนางปีศาจจิ้งจอกนี่ลงไปในทะเลสาบเสีย ให้สมองของนางแจ่มใสสักหน่อย!”
จากนั้น เหล่าบ่าวรับใช้ที่อยู่ด้านหลังนาง ก็เดินออกมาจากข้างหลังนางอย่างยิ่งใหญ่ และเดินเข้ามาใกล้มั่วเชียนเสวี่ยมากขึ้นทีละก้าวๆ
มั่วเชียนเสวี่ยส่ายหน้า ทอดถอนใจ ในสถานที่ที่มีผู้คนมากมายนั้นขาดคนชั่วร้ายไปไม่ได้! การมีตัวตนอันน่าพิสดารเช่นนี้ ท่านเง็กเซียนฮ่องเต้ก็คงจะไม่รู้ว่าจะให้อภัยโทษโลกมนุษย์อย่างไร!
“เจ้า…”
“กุ่ยซา!”
เดิมมั่วเชียนเสวี่ยยังอยากจะถามอีก แต่กลับถูกเสียงตวาดของหนิงเซ่าชิงขัดขึ้นมา จากนั้นกุ่ยซาในอาภรณ์สีดำทั้งร่างก็ปรากฏตัวขึ้นข้างกายหนิงเซ่าชิง พร้อมกับก้มหน้า และค้อมกาย…
“โยนลงทะเลสาบ” หนิงเซ่าชิงพูดเพียงไม่กี่คำเท่านั้น หลังจากนั้นก็เบนสายตาเย็นชาไปทางอื่น โดยไม่มองรอบด้าน
คุณหนูสติวิปลาสที่จินตนาการล้ำเลิศรู้สึกลำพองใจเป็นอย่างมากในตอนนี้
“ยังคงเป็นสามีที่ดีต่อข้า! รู้ว่าข้าถูกรังแกจึงระบายความแค้นแทนข้า เจ้าอะไรซานั่นน่ะ รีบโยนสตรีน่ารังเกียจผู้นี้ลงไปในทะเลสาบเดี๋ยวนี้!”
ใบหน้าเย็นชาที่ไร้ความรู้สึกมาโดยตลอด ตอนนี้เกิดมีรอยร้าวขึ้นมาในที่สุด!
คนเช่นนี้ คนในครอบครัววางใจปล่อยออกมาได้อย่างไรกัน
ช่างมันเถอะ ในเมื่อผู้อื่นต้องการให้ตัวเองโยน เช่นนี้ก็โยนเป็นใช้ได้!
“เอ๊ะ…นี่เจ้าทำอะไรน่ะ โยน…โยนผิดคนแล้ว! กรี๊ด…”
ตูม…
ผิวน้ำมีน้ำสาดกระเซ็นเป็นฝอย จากนั้นก็มีเงาร่างคนคนหนึ่งที่ดิ้นรนสุดชีวิต!
“ช่วยด้วย…ช่วยด้วย…ข้า…ข้าว่ายน้ำไม่เป็น…กรี๊ด…กรี๊ด…”
เหตุการณ์ตรงหน้าสร้างความตกตะลึงให้กับทุกคน! จะมีใครคิดบ้างว่า สตรีที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่อย่างกำเริบเสิบสาน ทั้งยังขู่ว่าจะโยนมั่วเชียนเสวี่ยลงทะเลสาบเมื่อครู่ ดันถูกคนโยนลงทะเลสาบเสียเอง?
มั่วเชียนเสวี่ยทำปากขมุบขมิบด้วยความรู้สึกไม่หนำใจ นางยังเล่นสนุกไม่พอ ก็ถูกหนิงเซ่าชิงจัดการเสียแล้ว ช่างเป็นเรื่องที่ทำให้รู้สึกเสียดายในชีวิตจริงๆ…
หลังจากที่คุณหนูคนนั้นตกลงไปได้ไม่กี่วินาที ริมทะเลสาบก็คึกคักขึ้นมาทันที! เหล่าคนที่เรียกตนเองว่าเป็นบ่าวรับใช้ของคุณหนูสติวิปลาสคนนี้ ก็แย่งกันกระโดดลงไปในทะเลสาบ เพื่อไปช่วยคุณหนูใหญ่ของพวกเขาเป็นคนแรก ราวกับกลัวว่าตนเองจะรั้งท้าย
“คุณหนูใหญ่ไม่ต้องกลัวนะเจ้าคะ…”
“คุณหนูใหญ่บ่าวมาช่วยแล้วเจ้าค่ะ!”
“คุณหนูใหญ่ทนไว้นะขอรับ!”
เห็นเหตุการณ์วุ่นวายชวนให้ขบขันนี้แล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็ส่ายหน้าไปมา
“ตัวหายนะ…ตัวหายนะ…”
หนิงเซ่าชิงเพียงแค่เหลือบมองไปทางทะเลสาบด้วยสายตาเย็นเยียบแวบหนึ่ง แต่ทุกครั้งที่ศีรษะของคุณหนูผู้นั้นโผล่ขึ้นมา ก็จมลงไปอีกครั้งอย่างน่าประหลาด หลายต่อหลายครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในที่สุดคุณใหญ่คนนั้นก็ทนไม่ไหว หมดสติไปอย่างงดงาม
“ไปทำอะไรมา” หนิงเซ่าชิงถามกุ่ยซาและเตาหนูที่รีบมาถึงในภายหลังด้วยน้ำเสียงเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยโทสะ
กุ่ยซาสบตากับเตาหนูอย่างไร้คำตอบ จะให้พวกเขาบอกว่าเมื่อครู่ไปถ่ายเบามาอย่างนั้นหรือ
“ผู้นำตระกูลโปรดลงทัณฑ์ขอรับ!”
“ไสหัวกลับไปรับโทษโบยยี่สิบครั้งที่โถงรับโทษ ให้พวกเจ้าได้รับบทเรียนจากความผิดในครั้งนี้!”
“ขอรับ! ขอบคุณท่านหัวหน้าตระกูลที่ให้อภัยขอรับ!” กุ่ยซากับเตาหนูที่คุกเข่าอยู่ ยอมรับการลงโทษด้วยความสมัครใจ โดยไม่ได้มีสีหน้าท่าทางไม่ยินยอมใดๆ
“เซ่าชิง ไม่โทษพวกเขา อย่างไรเสียใครก็ล้วนมีธุระเล็กน้อย พวกเราก็ไม่ได้เป็นอะไรไม่ใช่หรือ” มั่วเชียนเสวี่ยโน้มน้าวไกล่เกลี่ย เพราะนางรู้ว่า พวกเขาสองคนเป็นคนที่ควบคุมตนเองได้ดีเยี่ยมขนาดนั้น จะต้องเป็นเพราะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นจะจากไปกะทันหันได้อย่างไร
หนิงเซ่าชิงที่กำลังโมโห เมื่อหันไปมองมั่วเชียนเสวี่ย ความเย็นยะเยือกในแววตาก็หายไป ตอนนี้หลงเหลือเพียงแค่ความกังวลใจเท่านั้น
“เชียนเสวี่ยเจ้ารู้ไหม สิ่งที่ข้าไม่อยากเห็นมากที่สุดในชีวิตนี้ก็คือ การที่เจ้าได้รับบาดเจ็บแม้เพียงเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นแต่ก่อนหรือหลังจากนี้!”
แม้ว่าเขาจะมีวรยุทธ์เป็นเลิศ แต่คนเราไม่สามารถประมาทเลินเล่อได้ เพราะใครก็ไม่รู้ว่าอันตรายตรงหน้า ก้าวถัดไปจะอยู่ที่ใดกันแน่!
มั่วเชียนเสวี่ยเข้าใจความรู้สึกของหนิงเซ่าชิงจึงไม่ได้เตือนเขาอีก
เมื่อมั่นใจแล้วว่ามั่วเชียนเสวี่ยไม่ได้รับความตื่นตระหนก หนิงเซ่าชิงก็หันไปสั่งเตาหนูที่คุกเข่าอยู่บนพื้น “เตาหนู ไปสืบดูซิว่าสตรีคนเมื่อครู่นั้นเป็นคนบ้าจากตระกูลใด…”
เตาหนูเอ่ยตอบ “ขอรับ” แต่ในใจกลับคิดเงียบๆ ว่า กำลังจะมีคนโชคร้ายแล้ว
สีหน้าสุภาพอ่อนโยนของหนิงเซ่าชิงที่ยืนต้านลมอยู่นั้นเย็นยะเยือก
พิรุณบุปผาที่สุดแสนจะโรแมนติกถูกคนบ้าคนหนึ่งทำลายลงไปทั้งอย่างนี้ หนิงเซ่าชิงจะอารมณ์ดีได้อย่างไร
เดิมหนิงเซ่าชิงยังคิดว่า อีกครู่หนึ่งจะถือโอกาสตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยกำลังดีใจ เอ่ยถึงความปรารถนาที่นางพูดถึงก่อนหน้านั้น โดยจะหลอกล่อนางให้ติดต่อกับซูซูอะไรนั่นและซูชีในภายหลังน้อยลงหน่อย ไม่ว่าจะแซ่ซูหรือชื่อซูล้วนไม่มีดีสักคน!
ไม่ถูกต้อง แซ่เจี่ยนนั่นก็ไม่ได้เรื่องเช่นกัน!
จนกระทั่งตอนนี้ หนิงเซ่าชิงยังจำวิธีการใช้ปากประกบปากที่มั่วเชียนเสวี่ยช่วยชีวิตเจี่ยนชิงโยวในตอนแรกได้
แม้ว่าในภายหลังมั่วเชียนเสวี่ยจะอธิบายกับเขาว่านั่นคือการผายปอด เป็นวิธีปฐมพยาบาลคนตกน้ำวิธีหนึ่ง ทว่า ริมฝีปากสตรีของเขาถูกผู้อื่นล่วงละเมิดไปแล้ว หนี้แค้นนี้ เขาจะจดจำไว้ชั่วชีวิต!
และดูเหมือนว่าความปรารถนาบางอย่างจะไม่อาจบรรลุได้ในสถานการณ์ตอนนี้
“ไปเถอะ พวกเราไปเดินเล่นที่อื่นกัน”
หนิงเซ่าชิงยื่นมือไปจับมือมั่วเชียนเสวี่ยเอาไว้ พานางเดินไปด้านหน้าอย่างไม่ยินดียินร้อน โดยไม่สนใจสายตาและสีหน้าต่างๆ ของกลุ่มคนที่ดูเรื่องสนุกรอบๆ และไม่สนใจเสียงร้องขอความช่วยเหลือจนต้องร้องไห้หาบิดา ตะโกนเรียกมารดาด้านหลังแม้แต่น้อย
เตาหนูนั้นหายตัวไปนานแล้ว ภารกิจสำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้คือการไปสืบสวนสอดแนมสตรีที่ไม่กลัวตายผู้นี้ว่ามาจากตระกูลใดกันแน่ อำนาจตระกูลพวกเขายิ่งใหญ่เสียจนทำให้นายท่านไม่กล้าลงมือหรือไม่
ความจริงแล้ว ในใจของเขา ความเป็นไปได้นี้ลดลงไปเป็นศูนย์
บนโลกใบนี้ นอกจากอำนาจของฮ่องเต้ ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีตระกูลใดที่นายท่านไม่กล้าแตะต้อง จะกล่าวให้ถูกต้องก็คือ แม้ว่าจะเป็นพระราชอำนาจของฮ่องเต้ นายท่านของเขาก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากแตะต้อง แต่ไม่อยากและไม่มีค่า
กุ่ยซาตามอยู่ด้านหลังคนทั้งคู่ติดๆ ครั้งนี้ ถึงเขาจะปัสสาวะรดกางเกง ก็ไม่กล้าออกห่างแม้แต่ครึ่งก้าวแล้ว!
เจ้านายแค่เป็นกังวลมากเกินไป!
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าวรยุทธ์ของนายแข็งแกร่ง จะปล่อยให้คุณหนูเชียนเสวี่ยได้รับบาดเจ็บได้อย่างไรกัน
เขาหันหน้ากลับไปมองชูอีกับสืออู่ที่ตามอยู่ข้างกายตนเองแวบหนึ่งด้วยสีหน้าเย็นชาดั่งปกติ ทว่าในใจกลับเต็มไปด้วยน้ำตา…
เมื่อครู่สตรีสองนางนี้ก็ไม่ได้พุ่งตัวออกไปเช่นกันไม่ใช่หรือ เหตุใดคนที่ได้รับโทษมีเพียงตัวเองเล่า
ชูอีกับสืออู่ไม่รู้ว่ากุ่ยซาคิดอย่างไร แต่ในใจของชูอี กูเหยียเหมือนกับเทพเจ้า ถ้าหากว่าเรื่องเล็กน้อยเพียงนี้ กูเหยียยังปกป้องคุณหนูไม่ได้ เช่นนั้นก็เป็นเรื่องขบขันที่สุดในใต้หล้าแล้วจริงๆ