เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 345 ปลาบปลื้ม สมปรารถนาแล้ว (1)
หากเป็นเชียนเสวี่ยคนเดิมในอดีต บางทีเวลานี้นางอาจจะทำได้เพียงซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้วร่ำไห้ ไม่มีวันเป็นเหมือนตอนนี้ เมื่อหาเรื่องนาง นางก็พร้อมที่จะโต้กลับโดยไร้ความปรานี ถึงขั้นที่ว่าเหี้ยมโหดยิ่งกว่าศัตรู
นาง…โตแล้วจริงๆ! รู้จักปกป้องตนเองแล้ว
เช่นนี้เขาก็วางใจ
แววตาของเฟิงอวี้เฉิน เต็มไปด้วยมั่วเชียนเสวี่ย โดยไม่รู้เลยว่า เวลานี้ มีสตรีคนหนึ่งมองเขาด้วยแววตาเปี่ยมรัก
ส่วนอีกคนหนึ่ง คือซูชี
เดิมทีเขาไม่อยากมามาร่วมงานนี้ แต่เขาจนปัญญายิ่งนักเพราะคนในตระกูลบังคับให้มา เดิมทีเขาอยากจะหนีอย่างแยบยล แต่กลับได้ยินว่านางก็มาร่วมงานนี้ด้วย ดังนั้นเขาจึงมาร่วมงานโดยไม่รู้ตัว สวมหน้ากากเข้าหาพวกคุณหนูคุณชาย
แม้จะพูดคุยกับพวกเขาเรื่องที่ตนไม่ได้สนใจ แต่สายตาของซูชีกลับมองไปทางมั่วเชียนเสวี่ยเป็นครั้งคราว
เขาพบว่า ขอเพียงมีนางอยู่ สายตาของเขาไม่อาจมองหญิงอื่น!
นางยังคงไม่ชอบถูกใช้ไม้แข็ง ยังคงโต้กลับแม้จะเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย!
ซูชีส่ายหน้า เคยได้ยินแต่ลมแรงไม่กลัวลิ้นพัน ไม่เคยได้ยินลมแรงพัดฟันร่วงมาก่อน ความคิดของนางแปลกประหลาดเสมอ
มั่วเชียนเสวี่ยที่เป็นเช่นนี้ไม่เพียงไม่ทำให้ซูชีรังเกียจ แต่กลับทำให้เขาชื่นชอบ
ไม่ว่านางจะเปลี่ยนไปเช่นไร ขอเพียงนางยังเป็นมั่วเชียนเสวี่ย เขาล้วนชอบ ล้วนรัก ล้วนชื่นชม ล้วนชมชอบ
สำหรับ ญาติผู้น้องตระกูลหนิงคนนั้น…
ตอนซูชีมองไปทางอวี่เหวินหันเหล่ย แววอ่อนโยนเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น หนาวถึงกระดูก!
ในเมื่อสตรีคนนี้กล้าหาเรื่องเชียนเสวี่ย เช่นนั้นเขาก็ไม่รังเกียจที่จะทำให้นางอับอาย ทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะ!
นิ้วโป้งและนิ้วกลางข้างซ้ายของซูชีแตะกัน งอนิ้วมือเล็กน้อย ขับเคลื่อนพลังปราณไปทางอวี่เหวินหันเหล่ย หลังจากนั้นเขาก็นั่งพิงอยู่บนกิ่งไม้ด้วยสีหน้านิ่งเฉย มองด้วยรอยยิ้ม
กล้าวางแผนกลั่นแกล้งเชียนเสวี่ย เช่นนั้นต้องดูว่าจะทนต่อการโต้กลับของเขาได้หรือไม่!
อวี่เหวินหันเหล่ยญาติผู้น้องจอมโอหังแห่งตระกูลหนิง ที่เมื่อครู่ยังยืนอยู่ข้างมั่วเชียนเสวี่ย จู่ๆ “โอ๊ย…” ส่งเสียงร้อง
วินาทีต่อมา ยืนทรงตัวไม่อยู่ ล้มหน้าคะมำกับพื้น!
เสียงร้องด้วยความตกใจดังขึ้น ทันใดนั้นเอง ทุกสายตาในงานชมดอกไม้มองไปทางเดียวกัน
บุรุษมากมายอยากจะเข้าไปช่วยพยุง แต่ที่น่าขันคือ คนที่มีความคิดเช่นนี้มีมากเกินไป คนที่อยู่รอบตัวต่างเบียดเสียดกรูเข้าไปหา จึงทำให้ไม่มีผู้ใดคว้าอวี่เหวินหันเหล่ยทัน
ทันเพียง…
“ญาติผู้น้องตระกูลหนิงระวังขอรับ!”
“ญาติผู้น้องตระกูลหนิงอย่ากลัวขอรับ!”
“ตระกูลหนิง…”
“ตระกูล…”
ช่างครึกครื้นจริงๆ!
มั่วเชียนเสวี่ยกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ทว่านางไม่ได้ลำพองใจ สตรีเช่นอวี่เหวินหันเหล่ย ยโสโอหัง ย่อมไม่มีวันปล่อยให้ตนอับอายขายหน้าแม้แต่น้อย!
ล้มหน้าคะมำตอนใดไม่ล้ม มาล้มตอนนี้ คาดว่าต้องมีเงื่อนงำบางอย่างแน่นอน
การที่อวี่เหวินหันเหล่ยสะดุดล้มเพราะอยากจะป้ายสีตน มีความเป็นไปได้ต่ำ เช่นนั้นก็หมายความว่า มีคนอยากจะช่วยนาง!
มั่วเชียนเสวี่ยมองคนที่อยู่รอบๆ นางบังเอิญมองเห็นบุรุษชุดสีม่วงนั่งพิงต้นไม้ อยู่ด้านหลังสุดของฝูงชน
ซูชีเห็นว่ามั่วเชียนเสวี่ยเห็นเขาแล้ว หัวใจของเขาเต้นแรงอย่างไม่อาจควบคุม ทว่าใบหน้าของเขากลับยิ้มร่าเหมือนทุกครั้ง ยักคิ้วให้นาง
ยังมีสิ่งใดไม่เข้าใจอีก คาดว่า อวี่เหวินหันเหล่ยล้มหน้าคะมำเมื่อครู่ ต้องเป็นความดีความชอบของซูชีอย่างแน่นอน!
มั่วเชียนเสวี่ยส่ายหน้าแล้วส่งยิ้มให้ซูฉี ถือเป็นการกล่าวขอบคุณ บางครั้งสหายชายก็ดียิ่งนัก ภาพวาดสิบแปดใบนั้นช่างมีราคายิ่ง
มั่วเชียนเสวี่ยส่งยิ้มให้ซูชี หัวใจของซูชีได้รับการปลอบประโลม! ในที่สุด ก็เห็นรอยยิ้มเช่นนี้อีกครั้ง
ทำให้มั่วเชียนเสวี่ยยิ้มได้ อย่าว่าแต่ทำให้สตรีคนนี้หกล้มหน้าคะมำ แม้จะต้องตบนางฟันร่วงเหมือนสืออู่ ด้วยนิสัยของเขา ย่อมทำได้!
ทว่า ในเวลานี้เอง รอบตัวมีสาวใช้หลายคนกรูกันเข้ามา รีบพยุงอวี่เหวินหันเหล่ยที่ล้มหน้าคะมำกับพื้น คนที่คอยดูแลก็ดูแล คนที่คอยรับใช้ก็รับใช้! ภายใต้การปรนนิบัติรับใช้ของพวกสาวใช้ อวี่เหวินหันเหล่ยร้องโอดครวญ มือทั้งสองข้างจับข้อเท้า ราวกับบาดเจ็บจนไม่มีเรี่ยวแรงลุกขึ้น ทิ้งน้ำหนักตัวไปที่สาวใช้ น้ำตาคลอเบ้า
อวี่เหวินหันเหล่ยไม่ใช่คนโง่ หลังจากความรู้เจ็บแปลบที่ขาแล่นขึ้นมานางก็ล้มลง ย่อมมีคนลอบทำบางอย่างแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นฝีมือของผู้ใด ก็ต้องโยนความผิดไปให้มั่วเชียนเสวี่ย
“คุณหนูเชียนเสวี่ย แม้เจ้าจะชิงชังข้า แต่ข้าเป็นญาติผู้น้องของพี่เซ่าชิง เจ้าไม่ควรผลักข้าเช่นนี้ เจ้าทำให้ข้าขายหน้า หันเหล่ยจะมีชีวิตต่อไปได้อย่างไร ฮึกฮือๆ…”
เสียงสะอื้นที่เคล้าไปด้วยความเสแสร้ง และท่าทีอ่อนปวกเปียกแม้สาวใช้จะคอยพยุงก็มีทีท่าจะล้มลง เข้ากับเสื้อตัวยาวของนาง ราวกับสาวน้อยใสซื่อยืนโต้ลม เวลานี้ มั่วเชียนเสวี่ยไม่รู้จะร้องไห้หรือหัวเราะ สายตาของเหล่าคุณชายและคุณหนูที่มองมาทางนางก็แปรเปลี่ยนเป็นแปลกพิกล
“ใส่ร้ายป้ายสี! คุณหนูของข้าผลักท่านเมื่อใด” สิ่งที่สืออู่รับไม่ได้ที่สุดก็คือคุณหนูของตนถูกผู้อื่นครหา!
กลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ คุณหนูของนางถูกคนครหามากมายเพียงใด ตอนนี้ยังถูกครหาอีก! นางแทบอยากจะพุ่งตัวไปตบหญิงไร้ยางอายคนนี้สักสองฉาดจริงๆ!
ทางที่ดีที่สุด ตอนขับเคลื่อนกำลังภายใน กรีดดวงหน้าของนางให้เสียโฉม!
ระหว่างมางานชมดอกไม้ มั่วเชียนเสวี่ยก็รู้แล้วว่า งานเลี้ยงในครั้งนี้ ต้องไม่ผ่านไปอย่างเงียบสงบแน่นอน!
ในเมืองหลวงแห่งนี้ มีสตรีมากมายที่ไม่ชอบนาง พวกผู้น้อยที่คอยขัดขาก็ย่อมมีไม่น้อย นางเตรียมพร้อมตั้งแต่แรกแล้ว!
แต่ว่าระดับของอวี่เหวินหันเหล่ยต่ำเกินไปแล้ว! ทำได้แค่เพียง เสแสร้งแกล้งทำ ยั่วยวนบุรุษ พูดถึงความเจ้าแผนการ ไม่อาจเทียบองค์หญิงอวี้เหอได้แม้แต่น้อย
ฝีมือแค่นี้อยากจะสู้กับนาง อาบน้ำนอนหลับก่อนเถอะ
มั่วเชียนเสวี่ยเดินไปตรงหน้าอวี่เหวินหันเหล่ย ก้มหน้าลงเล็กน้อย มองอวี่เหวินหันเหล่ยทิ้งน้ำหนักตัวไปที่สาวใช้ เอ่ยถาม “เหตุใดข้าต้องผลักเจ้าด้วย”
อวี่เหวินหันเหล่ยทำตัวน่าสงสาร “เพราะเจ้าริษยาข้า!”
“หื้ม ข้าริษยาเจ้าเรื่องอะไรหรือ”
“เจ้าริษยาที่ข้างดงามกว่าเจ้า! ริษยาที่ข้ารู้จักพี่เซ่าชิงก่อนเจ้า พี่เซ่าชิงมีใจให้ข้าข้ามานานแล้ว เหล่าฮูหยินลั่นวาจาแล้วว่า วันข้างหน้าข้าต้องเป็นคนที่อยู่เคียงข้างพี่เซ่าชิง!”
“หึ…” มั่วเชียนเสวี่ยกลั้นหัวเราะไม่อยู่ ตลกกับฝันกลางวันของหญิงสาว
“เจ้างดงามอย่างไร เหตุใดเชียนเสวี่ยจึงรู้สึกว่าตนงดงามกว่าเจ้า ผู้ใดพบเจอข้าก็ชมชอบข้ากันถ้วนหน้า ดอกไม้ผลิบาน รถราหยุดขับเคลื่อน งามสุดในแผ่นดิน นกน้อยขับร้องดอกไม้ส่งกลิ่นหอม งามเทียบชั้นหญิงงาม ด้อยกว่าเจ้าอย่างไร”
ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยพูดถ้อยคำเหล่านี้ สีหน้านิ่งงัน หายใจตามจังหวะ แม้นางจะซึมซับโลกประหลาดนี้แล้ว ทว่า เนื้อแท้ของนางยังคงเป็นคนในยุคปัจจุบัน
สืออู่แสดงตัว ซูชีแอบช่วยเงียบๆ ทำให้วันนี้นางอารมณ์ดียิ่งนัก ทั้งยังตลกกับการแสดงสุดโง่เขลาของหญิงเบาปัญญา พลาดพลั้งไม่ระวัง เผลอพูดบางอย่างออกมา