เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 339 เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง สวนร้อยบุปผาตระกูลหลันครื้นเครงยิ่งนัก (3)
- Home
- เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค
- ตอนที่ 339 เทศกาลไหว้บ๊ะจ่าง สวนร้อยบุปผาตระกูลหลันครื้นเครงยิ่งนัก (3)
แม้คุณหนูในอดีตจะวางตัวสง่างามและมีความเป็นกุลสตรี แต่กลับกักขังความรู้สึกนึกคิดของตนมากจนเกินไป! อ่อนแอจนเพียงแค่ลมพัดเพียงแผ่วเบาก็ทำให้นางตกใจ! มองดูอ่อนโยน แต่ความเป็นจริงเปราะบางยิ่งนัก!
ดังนั้น เทียบกันแล้ว พวกนางสองคนชื่นชอบคุณหนูในตอนนี้มากกว่า
เห็นท่าทีเกียจคร้านของคุณหนู และรอยยิ้มที่คล้ายแมวน้อยลำพองใจของนาง ชูอีและสืออู่สบตากัน จากนั้นหัวเราะ รถม้าโคลงเคลง ในที่สุดก็ไปถึงสวนดอกไม้
รถม้าของมั่วเชียนเสวี่ยเพิ่งจอด รถม้าที่ขับมาจากอีกด้านหนึ่งก็เพิ่งจอดเช่นเดียวกัน
แคว้นเทียนฉีแบ่งบรรดาศักดิ์อย่างชัดเจน ระดับชั้นสูงต่ำของบรรดาสตรีชั้นสูงดูได้จากพาหนะของพวกนางยามออกนอกเรือน
รถม้าของมั่วเชียเสวี่ยถือว่าอยู่ในขั้นแรกของระดับกลาง ไม่หรูหราจนเกินไป ไม่โดดเด่นเกินหน้าเกินตาบรรดาสตรีชั้นสูงที่บรรดาศักดิ์สูงกว่า ทั้งยังไม่ได้ดูซอมซ่อจนทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะ
แต่รถม้าที่อยู่ข้างๆ แตกต่างจากรถม้าของนาง แตกต่างอย่างสิ้นเชิง
รถม้าของนางหรูหราอย่างถ่อมตน แต่รถม้าคันข้างๆ โดดเด่นยิ่งนัก
รถม้าสีแดงทอง ไม่ได้บ่งบอกเพียงบรรดาศักดิ์ แต่ยังแสดงถึงเกียรติของราชวงศ์
เปิดม่านรถม้า ตอนที่รถม้าสีแดงทองปรากฎสู่สายตา มั่วเชียนเสวี่ยยิ้มร่า!
นางกำลังกังวลเรื่องไม่มีเพื่อนเข้าร่วมงาน เวลานี้กลับมีสหายปราฎกายตรงหน้า เสมือนยามง่วงนอนแล้วมีคนยื่นหมอนมาให้ ช่างเป็นเวลาที่สมควรยิ่งนัก
หลังจากชูอีและสืออู่กระโดดลงจากรถม้า ทั้งสูงยื่นมือมาพยุงมั่วเชียนเสวี่ย นางกระโดดลงจากรถม้า แล้วเดินไปยังรถม้าสีแดงทอง
“ซูซู?”
ถูกต้อง รถม้าที่อยู่ข้างๆ เห็นชัดว่าเป็นรถม้าของท่านหญิงซูซู ถึงอย่างไรก็เป็นคนของราชวงศ์ ย่อมมีเอกลักษณ์ไม่มากก็น้อย
ซูซูที่นั่งอยู่ในรถม้าเดิมทีกำลังจัดเสื้อผ้าอาภรณ์ของตนเอง เมื่อได้ยินเสียงด้านนอกดังขึ้นกะทันหัน นางรีบเปิดม่านรถม้า เห็นมั่วเชียนเสวี่ยที่สวมกระโปรงสีขาวพระจันทร์ทับด้วยเสื้อคลุมสั้นสีส้มยืนอยู่ด้านนอกรถม้า ส่งยิ้มให้นางจากที่ไกลๆ
“ข้าคิดว่า…”
“คิดว่า…”
ทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน เสียงของทั้งสองดังประสาน ต่างฝ่ายต่างมองกันด้วยความตกตะลึง ทั้งสองกลั้นหัวเราะไม่อยู่!
ยามอยู่กับซูซู มั่วเชียนเสวี่ยผ่อนคลายอย่างไม่ต้องสงสัย ไม่ต้องคอยเกร็งและสังเกตดูว่ามีคนไม่ชอบนางหรือไม่ อยากจะขัดขานางหรือไม่
ยามอยู่กับซูซู ไม่ต้องคิดถึงอุบายชั่วร้ายต่างๆ!
เพราะซูซูเป็นคนตรงไปตรงมา หากไม่ใช่เพราะนิสัยและการเลี้ยงดูเยี่ยงคนโบราณที่แสดงออกมาชัดเจนเช่นนั้น บางทีมั่วเชียนเสวี่ยก็คิดจริงๆ ว่า แท้จริงแล้วซูซูทะลุมิติมาเหมือนนาง!
เพราะว่า การจัดการเรื่องต่างๆ ของซูซู มีความเฉียบขาดและตรงไปตรงมาเหมือนสตรีในยุคปัจจุบัน แต่เมื่ออยู่ในยุคโบราณพฤติกรรมเหล่านี้เป็นพฤติกรรมของหญิงปากร้าย เป็นพฤติกรรมของพวกที่ไม่ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี
โชคดีที่ซูซูเกิดในตระกูลที่ดี แม้คนนอกหลายต่อหลายคนจะไม่ชอบนาง แต่เพราะบิดาของนางเป็นจิ่งชินอ๋อง ทั้งยังมีพี่ชายอีกสามคนคอยปกป้อง โดยทั่วไปแล้วคนที่ไม่มีความกล้าหาญ ไม่มีอำนาจ ไม่กล้าแตะต้องท่านหญิงซูซูแม้แต่น้อย!
ซูซูมองมั่วเชียนเสวี่ยที่ยืนอยู่นอกรถม้า ยิ้มบางๆ
เกิดเป็นมนุษย์ เพียงมีเพื่อนที่รู้ใจก็เพียงพอแล้ว!
ซูซูจัดเสื้อผ้าของตนเองอย่างรวดเร็ว ไม่กล้าชักช้า นางรีบกระโดดลงจากรถม้า เมื่อเห็นสาวใช้ด้านหลังท่านหญิงซูซูที่ชินกับพฤติกรรมของคุณหนูของตน มั่วเชียนเสวี่ยรู้ทันที สาวใช้คนนี้ต้องผ่านการฝึกฝนท่ามกลางความลำบากและตกใจเป็นเวลานาน
มั่วเชียนเสวี่ยเดินไปจับมือท่านหญิงซูซู ยิ้มแล้วพูด “เดิมทีคิดว่าเจ้าจะไม่มาแล้ว ขณะที่ข้าคิดว่าต้องเดินเข้าไปร่วมงานด้วยความเบื่อหน่ายตามลำพัง ก็เห็นรถม้าของเจ้า”
“ข้าเองก็คิดไม่ถึง แต่ได้ยินว่า…” พูดถึงตรงนี้ ท่านหญิงซูซูผู้ตรงไปตรงมา เขินอายอย่างเห็นได้ชัด ดวงหน้าที่แดงระเรื่อของนางก้มลง มองนิ้วเท้าของตนเองด้วยความกระมิดกระเมี้ยนเล็กน้อย แล้วนิ่งเงียบ
มั่วเชียนเสวี่ยมองดูท่าทีของซูซู นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
งานชมดอกไม้ครั้งใหญ่นี้ กล่าวอีกนัยหนึ่งว่าเป็นงานเลี้ยงหาคู่ มีหญิงงาม คนเพียบพร้อม ย่อมต้องมีคุณชายรูปหล่อคารมดีมาร่วมงานด้วยจึงจะเรียกเชื่อมโยงคนไกลได้
เช่นเฟิงอวี้เฉิน ซูชี ย่อมถูกเชิญมาสวนร้อยบุปผามาร่วมงานชมดอกไม้!
แน่นอน มั่วเชียนเสวี่ยยังไม่รู้ว่า แท้จริงแล้วตระกูลหลันซึ่งเป็นเจ้าภาพงานชมดอกไม้ได้ส่งเทียบเชิญไปให้ตระกูลชั้นสูงเยี่ยงตระกูลหนิง แต่น่าเสียดาย คล้ายว่าหัวหน้าตระกูลหนิงจะงานยุ่งมาก ดังนั้นจึงไม่ได้มาร่วมงาน
คนหนึ่งคือเพื่อนชาย คนหนึ่งคือเพื่อนหญิง จับพวกเขาคู่กัน…จู่ๆ มั่วเชียนเสวี่ยก็รู้สึกว่าตนกลายเป็นหญิงจอมจุ้น
หลังจากคิดจินตนาการจบลง มั่วเชียนเสวี่ยพูดหยอกล้อ “แต่ว่า…ได้ยินว่าคุณชายซูชีก็มาร่วมงานด้วย ดังนั้นเจ้าจึงมาร่วมงาน ใช่หรือไม่”
ท่าทีของซูซูเมื่อวานชัดเจนอย่างมาก แววตาของนางยามมองซูชีร้อนรุ่มเช่นนั้น แม้ซูซูจะยังไม่ได้บอกกับนาง แต่มีหรือที่นางจะเดาไม่ออก เมื่อครู่หลังจากรถม้าจอดสนิท ซูซูไม่ได้ลงจากรถม้าทันที คาดว่านางน่าจะกำลังจัดเสื้อของตนในรถม้า!
การพบเจอคนในดวงใจ เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก! มั่วเชียนเสวี่ยเข้าใจได้ ยามหญิงสาวตกอยู่ในห้วงแห่งความรักนั้นบริสุทธิ์ ราวกับบทกลอนที่อบอวลด้วยกลิ่นอายแห่งรัก! หลังจากมั่วเชียนเสวี่ยพูดหยอกล้อ นางก็คลี่ยิ้ม
“เชียนเสวี่ย!” ซูซูกระทืบเท้าด้วยความเชินอาย มองมั่วเชียนเสวี่ยด้วยความตำหนิเล็กน้อย
มั่วเชียนเสวี่ยรู้ว่าท่านหญิงซูซูเขินอาย หยอกล้อเล็กน้อยไม่เป็นเช่นไร! หากหยอกล้อมากจนเกินไป ซูซูเขินอาย โกรธเคืองแล้วไม่ยอมเข้าไปในงาน คงเป็นเรื่องไม่ดีนัก!
ด้วยเหตุนี้ มั่วเชียนเสวี่ยจึงรีบปลอบโยนราวกับชายชาตรีที่ปรับตัวเข้าได้กับทุกสถานการณ์ “ได้ๆๆ! ไม่พูดแล้ว! ไม่พูดแล้ว! พวกเราเข้าไปด้านในกันเถอะ”
ดวงหน้าของซูซูยังคงแดงระเรื่อ เข้ากับชุดกระโปรงหรูสีชมพูอ่อนที่นางสวมในวันนี้ ขับให้นางงดงามยิ่งกว่ามวลดอกไม้
ปกตินางเป็นคนโผงผาง แต่วันนี้กลับสงบเสงี่ยม ดูสง่างามขึ้นมาก
มั่วเชียนเสวี่ยครุ่นคิดในใจ เวทมนตร์ของความรักช่างยิ่งใหญ่จริงๆ
ทว่า แม้จะเห็นความยิ่งใหญ่ของความรักแม้จะตื้นตัน แต่นางก็ไม่ได้หยอกล้อซูซูอีก มีความสุภาพและมีขีดจำกัด เช่นนั้นมิตรภาพจึงจะคงอยู่ยาวนาน ทั้งสองจับมือกัน ไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบเล็กน้อยแล้วเดินเข้าไปในสวนดอกไม้
งานชมดอกไม้ในครั้งนี้จัดขึ้นที่สวนร้อยบุปผาของตระกูลหลัน แน่นอนว่าเจ้าภาพย่อมเป็นสตรีชั้นสูงของตระกูลหลัน
ในฐานะที่หลันรั่วเมิ่งเป็นบุตรีสายตรงของตระกูลหลัน เป็นสตรีชั้นสูงอย่างแท้จริง แม้อุปนิสัยของนางจะเย็นชาเล็กน้อย แต่เป็นคนถ่อมตนมาก ทั้งยังมีมารยาท
นางไม่ได้ทำเหมือนองค์หญิงอวี้เหอที่รอให้ทุกคนในงานมาก่อนแล้วค่อยมาปรากฎตัวในทางตรงกันข้ามนางออกมาต้อนรับตั้งแต่งานเริ่มแรกๆ คอยดูแลทุกคนในโถงใหญ่
บรรดาสตรีชั้นสูงและคุณชายทุกท่านที่มาร่วมงานชมดอกไม้ในสวนร้อยบุปผา ล้วนเป็นผู้ที่ทั้งตระกูลร่วมแรงร่วมใจคัดเลือก มีเพียงมั่วเชียนเสวี่ยเท่านั้นที่หลันรั่วเมิ่งเชิญชวนด้วยตนเองเมื่อครั้นตอนเจอกันที่งานเลี้ยงดอกท้อ
ดังนั้น ตอนที่มั่วเชียนเสวี่ยเดินมาถึงโถงใหญ่ หลันรั่วเมิ่งรีบมาต้อนรับนางทันที ใบหน้าและแววตาของนางเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มที่จริงใจ