เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 333 ไล่ออก ทำให้พวกนางกระอักกระอ่วน (1)
ผู้อาวุโสใหญ่มั่วยิ้มเสแสร้งแล้วพูดขึ้น “เมื่อก่อนคิดว่าเจ้าจะแต่งสามีเข้าจวน กราบไหว้บูชาบิดาของเจ้าต่อ ดังนั้นในตระกูลจึงไม่อาจพูดอะไรมากได้ แต่เวลานี้…”
ผู้อาวุโสรองมั่วพูดเห็นด้วย “ท่านหัวหน้าตระกูลและผู้อาวุโสใหญ่พูดถูก ตระกูลหนิงคือตระกูลอันดับหนึ่งในใต้หล้า เจ้าเป็นฮูหยินเอก เช่นนั้นบุตรและบุตรีของเจ้าล้วนมีฐานันดรศักดิ์ สำหรับเจ้าแล้วฐานันดรศักดิ์นี้ มีหรือไม่มีก็ได้…”
มีหรือไม่มีก็ได้หมายความว่าอย่างไร พวกเขาช่างใจกล้าจริงๆ! กั๋วกงคือขุนนางขั้นหนึ่ง บุตรและบุตรีสายตรงของตระกูลชั้นสูง เมื่อไม่ได้ทำคุณงามความดีก็มียศถาบรรดาศักดิ์เพียงขุนนางขั้นห้า
พูดวกไปวนมา สุดท้ายก็เพียงของนอกกาย กล่าวตามความจริง แท้จริงแล้วนางกับหนิงเซ่าชิงไม่สนใจตำแหน่งจอมปลอมเหล่านี้ แต่…แม้นางกับเขาจะไม่สนใจ ก็ไม่อาจยกให้กับพวกคนชั่วช้า
มั่วเชียนเสวี่ยพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เรื่องนี้ไม่รบกวนทุกท่านแล้ว ทุกวันที่หนึ่งและวันที่สิบห้าเชียนเสวี่ยย่อมกลับจวนกั๋วกง กลับมาจุดธูปกราบไหว้ท่านพ่อและท่านแม่ ทั้งยังจะให้คนดูแลเรื่องในจวนให้เรียบร้อย”
คำตอบของนางไม่ได้ทำให้หัวหน้าตระกูลมั่วและบรรดาผู้อาวุโสของตระกูลมั่วประหลาดใจ พวกเขาไม่คิดว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะยอมตกลงง่ายๆ อยู่แล้ว
หัวหน้าตระกูลมั่วหัวเราะแห้งๆ “เชียนเสวี่ยรู้จักกตัญญูก็ดีแล้ว…”
คุณชายทั้งสามของตระกูลมั่วล้วนไม่อยู่ เห็นชัดว่าเจตนาของพวกเขาไม่ใช่เรื่องนี้ เพียงอยากใช้เรื่องนี้เป็นเครื่องมือเท่านั้น มั่วเชียนเสวี่ยหลบตาลง หยิบฝาแก้วน้ำชาเกลี่ยใบชาในแก้ว ถามออกไปตามตรง “ยังมีเรื่องอื่นอีกหรือไม่”
ผู้อาวุโสใหญ่มั่วยิ้มแล้วชี้ไปยังสตรีทั้งสองที่อยู่ด้านหลังตนเอง คล้ายก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดเรื่องน่ากระอักกระอ่วนใจมาก่อน “พวกเจ้าสองคนน้อมทำความเคารพเชียนเสวี่ยบุตรีสายตรงตระกูลมั่วของจวนกั๋วกงเสียสิ”
สตรีทั้งสองคนเดินมาด้านหน้ายกมือทั้งสองข้างวางซ้อนกันที่ด้านขวาแล้วย่อตัวลง “ปี้หรุ่ย/ปี้หรง น้อมทำความเคารพพี่เชียนเสวี่ย”
สีหน้าของหัวหน้าตระกูลมั่วเปี่ยมไปด้วยความพอใจ “พวกนางสองคนล้วนเป็นบุตรีสายตรงของตระกูลมั่ว ไม่ว่าจะรูปโฉมหรือว่าความประพฤติและคุณธรรม ล้วนโดดเด่น เจ้าจะเข้าพิธีปักปิ่น เตรียมออกเรือน ข้างกายไม่มีพี่น้องคอยช่วย ไม่ถูกหลักเกินไปแล้ว” ในที่สุดก็พูดแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยใช้ฝาแก้วน้ำชาเกลี่ยใบชาไปข้างๆ จากนั้นยกแก้วน้ำชามาใกล้ปากแล้วกินใบชา
“มารดาของข้ามีข้าเพียงคนเดียว เชียนเสวี่ยไม่เคยมีพี่น้อง วันข้างหน้าก็ไม่มีวันมี”
คำพูดของผู้อาวุโสใหญ่มั่วสองแง่สองง่าม คำพูดของมั่วเชียนเสวี่ยก็สองแง่สองง่ามเช่นเดียว พี่น้องมีความหมายว่าพี่น้องในปัจจุบัน ทั้งยังมีความหมายว่าอนุภรรยาในอนาคต
หัวหน้าตระกูลมั่วเคืองขุ่นอีกครั้ง ครั้งนี้ทำให้เขาโมโหยิ่งกว่าครั้งก่อน “สามหาว! เรื่องดีๆ เจ้าไม่เรียนรู้ การกระทำที่ไร้ศีลธรรมของมารดาเจ้า จิตใจคับแคบ เจ้ากลับเรียนรู้ได้รวดเร็วยิ่งนัก ตระกูลเฟิงสอนบุตรีเช่นไรตระกูลมั่วของข้าไม่สนใจ แต่บุตรีของตระกูลมั่วไม่อาจให้คนนอกหัวเราะเยาะเด็ดขาด ไม่อาจถูกคนนินทาว่าร้าย”
เขารู้แต่แรกแล้วว่านางไม่มีวันยอม และไม่ได้คิดว่านางจะยอมง่ายๆ หลังจากพูดตำหนิเสร็จ สายตาของหัวหน้าตระกูลมั่วมองไปทางผู้อาวุโส
ผู้อาวุโสใหญ่มั่วพูด “ท่านหัวหน้าตระกูลโปรดใจเย็น วันข้างหน้าจะเป็นเช่นไรยังไม่อาจพูดได้ ให้พวกนางเข้ามาอยู่ในจวนก่อน รอจบพิธีปักปิ่นของเจ้าก่อนค่อยว่ากัน มิเช่นนั้น คนนอกจะมองตระกูลมั่วของเราอย่างไร” ผู้อาวุโสรองมั่วพูด “ท่านหัวหน้าตระกูลโปรดใจเย็น มั่วเชียนเสวี่ยอายุยังน้อย ยังไม่รู้เรื่องในเรือนใหญ่ วันข้างหน้าค่อยให้บรรดาอาสะใภ้มาสอนนางก็พอแล้ว”
ผู้อาวุโสสามพูด “พิธีปักปิ่นของเจ้าไม่ใช่พิธีเล็กๆ วันนั้นจะมีคนมาร่วมยินดีคับคั่งอย่างแน่นอน ต้องมีพี่น้องสองสามคนคอยช่วยดูแลและต้อนรับแขก…”
ให้พวกนางช่วยต้อนรับแขก? คาดว่าอยากจะให้พวกนางยั่วยวนหนิงเซ่าชิงในพิธีปักปิ่นเสียมากกว่า สร้างโอกาสในการรับเป็นอนุภรรยากระมัง
เห็นชัดว่าคนหนึ่งแกล้งทำเป็นพูดร้าย คนหนึ่งแกล้งทำเป็นพูดดี มั่วเชียนเสวี่ยหัวเราะหึในลำคอ
แต่ว่า นางก็เบื่อหน่ายยิ่งนัก เก็บพวกนางไว้ดูเป็นเรื่องตลกก็ไม่เป็นเช่นไร หากพวกนางกล้าทำสิ่งใดบุ่มบ่าม ประจวบเหมาะใช้พวกนางในการสร้างอำนาจ
“หากพวกนางจะอยู่ ก็ให้พวกนางอยู่ ถึงอย่างไรจวนกั๋วกงก็มีเรือนว่างมากมาย ว่างไว้ก็ไร้ประโยชน์”
ก่อนหน้านี้ตอนที่มั่วปี้หรุ่ยและมั่วปี้หรงได้ยินมั่วเชียนเสวี่ยปฏิเสธข้อเสนอของหัวหน้าตระกูลมั่ว สีหน้าของพวกนางหม่นหมอง แต่เวลานี้เมื่อได้ยินว่าสามารถอยู่ในจวนหลังนี้ได้ พวกนางก็ดีใจยิ่งนัก หางตาของพวกนางเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
ขอเพียงได้อยู่ที่นี่ เช่นนั้นก็มีโอกาสตีสนิทมั่วเชียนเสวี่ย ไม่แน่เมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า พวกนางรับใช้มั่วเชียนเสวี่ยอย่างดีเช่นนั้นนางก็จะชื่นชอบพวกนาง เมื่อถึงเวลาอาจจะเป็นฝ่ายพูดเสนอพาพวกนางเข้าตระกูลหนิงพร้อมกันก็ได้
แค่ว่าพวกนางดีใจเร็วเกินไปแล้ว
มั่วเชียนเสวี่ยเปลี่ยนบทสนทนา แววตาของนางยื่นคำขาดไม่ให้มีข้อสงสัย “แต่ว่า อย่างมากที่สุดพวกนางสองคนอยู่ได้ถึงพิธีปักปิ่นเท่านั้น”
จากท่าทีของหัวหน้าตระกูลมั่ว นางดูออกตั้งแต่แรกแล้วว่า หากไม่ให้บุตรีสายตรงตระกูลมั่วสองคนนี้พักในจวน เช่นนั้นพวกผู้เฒ่าเหล่านี้คงจะไม่ยอมแพ้ คอยสร้างปัญหาให้นางอยู่ร่ำไป อีกทั้ง แม้วันนี้ไม่ให้พวกนางอยู่ในจวน เมื่อถึงวันพิธีปักปิ่น พวกนางก็มาร่วมงานอยู่ดี
เช่นนั้นสู้แผนซ้อนแผนยังจะดีเสียกว่า อาศัยโอกาสนี้ใช้พวกนางสองคนเป็นเครื่องมือ โต้กลับพวกผู้เฒ่า ให้พวกเขายิ้มไม่ออก
ทั้งยังจะเตือนพวกที่อยากจะยัดเยียดอนุภรรยาให้หนิงเซ่าชิง ‘เส้นทางนี้ไม่อาจสัญจร! อย่ามาทำให้นางรังเกียจ’
อยากอุ่นเตียง ได้ แค่ว่า วันหน้าอย่าคิดมายุ่งกับนาง
หัวหน้าตระกูลมั่วไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ ผู้อาวุโสสามมั่วรีบพูดขึ้น “แน่นอน” สีหน้าของเขากลัวว่ามั่วเชียนเสวี่ยจะเปลี่ยนใจเหลือเกิน
เมื่อถึงเวลา ไปหรือไม่ไปขึ้นอยู่กับพวกเขา
ทางด้านมั่วปี้หรุ่ยและมั่วปี้หรงก็ไม่ได้โง่เขลา รีบเดินมาด้านหน้าแล้วกล่าวขอบคุณ
คิดไม่ถึงว่าเรื่องนี้จะราบรื่นเช่นนี้ ใบหน้าของผู้อาวุโสตระกูลมั่วแต่ละคนเปื้อนยิ้ม
เห็นชัดว่ามั่วเชียนเสวี่ยทิฐิสูงเหมือนบิดาของนาง ไม่มีวันให้ผลประโยชน์กับตระกูลมั่วอย่างแน่นอน คนที่พวกเขาคาดหวังได้ มีเพียงสตรีตระกูลมั่วทั้งสองที่อยู่ในห้องโถงเท่านั้น หวังว่าพวกนางจะได้รับความรักจากหนิงเซ่าชิง ขอเพียงสตรีตระกูลมั่วสองคนนี้ได้รับความรัก ยังจะกลัวว่าตระกูลหนิงจะไม่ไว้หน้าตระกูลมั่วอีกหรือ นั่นต่างหากถึงจะเกี่ยวโยงกับตระกูลหนิงอย่างแท้จริง
สีหน้าของหัวหน้าตระกูลมั่วเปี่ยมไปด้วยความเจ้าเล่ห์ “พ่อบ้าน ยังไม่สั่งงานอีก ทำความสะอาดและเตรียมเรือนให้คุณหนูสองคนนี้”
บรรดาผู้อาวุโสตระกูลมั่วต่างพูดขึ้น “ถูกต้อง! เก็บกวาดเรือนที่ใกล้เรือนเสวี่ยหว่านมากที่สุด”
เข้ามาอยู่ง่าย แต่ออกไปยาก!
พ่อบ้านมั่วตกตะลึงเล็กน้อย คุณหนูใหญ่กำลังหาเรื่องใส่ตน หัวหน้าตระกูลมั่วคือคนเนรคุณ หากหญิงสาวทั้งสองคนย้ายเข้ามาอยู่จริงๆ เช่นนั้นยากที่จะไล่ออกไป
ทางด้านมั่วเหนียงกลับยืนนิ่ง นางเชื่อมั่นในตัวคุณหนูของตน แม้แต่บุตรีอนุภรรยาใสซื่อที่จย่าฮูหยินมอบให้คุณหนูใหญ่ยังไม่รับ แล้วคุณหนูใหญ่จะยอมให้หญิงตระกูลมั่วทั้งสองคนขึ้นเป็นอนุภรรยาได้อย่างไร
เกรงว่า คุณหนูใหญ่คงจะคิดหาวิธีทำให้หญิงตระกูลมั่วทั้งสองคนอับอายขายหน้าได้แล้ว
สำหรับคำสั่งของหัวหน้าตระกูลมั่ว พ่อบ้านมั่วทำราวกับไม่ได้ยิน ตอบ “จวนกั๋วกงมีคุณหนูเพียงท่านเดียว ซึ่งก็คือคุณหนูใหญ่เชียนเสวี่ย สตรีตระกูลมั่วคนอื่นๆ แม้จะย้ายเข้ามาอยู่ ก็ไม่อาจเรียกว่าคุณหนูได้ เรียกได้เพียงแม่นาง”
หัวหน้าตระกูลมั่วถูกพ่อบ้านมั่วโต้กลับ เจ็บใจยิ่งนัก ขณะที่เขากำลังจะตำหนิ มั่วเชียนเสวี่ยพูดขึ้น “พ่อบ้านคอยดูแลทุกอย่าง พ่อบ้านทำตามสมควรเถอะ”
แม้พ่อบ้านมั่วจะรู้สึกไม่สบอารมณ์เท่าใดนัก แต่นั่นก็เพราะเป็นห่วงคุณหนูของตน ด้วยความจงรักภักดีของเขาแน่นอนว่าไม่มีวันขัดเจตนาของคุณหนู ด้วยเหตุนี้จึงโค้งตัวลงคำนับ “ขอรับ ข้าน้อยจะให้คนไปเก็บกวาดเรือนให้แม่นางปี้หรุ่ยและแม่นางปี้หรงขอรับ”