เหนียงจื่อของคุณชายขี้โรค - ตอนที่ 167 เปลี่ยนฉาก คนรู้จัก (1)
ดูเหมือนว่าหนิงเซ่าชิงจะรอจนรู้สึกเบื่อหน่าย จึงดึงผมของมั่วเชียนเสวี่ยอยู่บ่อยครั้ง ทั้งบีบหูของนาง ทำให้นางใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวตลอด มองหาอยู่เป็นเวลานาน แต่ก็ไม่เห็นว่าบนตำรากล่าวถึงสิ่งใด
มั่วเชียนเสวี่ยนั่งลงด้วยความโกรธ กำลังจะตีโพยตีพาย ทว่าหนิงเซ่าชิงกลับยิ้มพลางกล่าว “หวังเชิงเป็นคนบ้ากาม ถูกล่อลวงจากปีศาจในจิตใจจนตาย ปีศาจปรากฎตัวให้นักพรตจับเอาไว้ เพื่อที่จะช่วยหวังเชิงเอาไว้ ภรรยาของเขาจึงได้กินน้ำลายของขอทาน สุดท้ายหวังเชิงก็รอด ช่างสะอิดสะเอียนเสียจริง”
ความรักที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินนี้ ถูกเขาพูดใส่เสียจนดูจืดชืด มั่วเชียนเสวี่ยจึงงุนงงในทันที
ที่แท้ ตำราเล่มนี้เขาก็เคยอ่านแล้ว! อ่านแล้ว ยังจะรบกวนนางอีก เดี๋ยวก็ให้เปลี่ยนหน้า เดี๋ยวก็ว่านางอ่านช้า หาเรื่องกันชัดๆ ได้เลย!
พอมั่วเชียนเสวี่ยได้สติกลับมา ก็โกรธเสียจนอยากจะข่วนหน้าเขาในทันที
นางคิดเช่นนั้น ก็ทำเช่นนั้น โยนตำราทิ้งแล้วโผขึ้นไปอยู่บนตัวของหนิงเฉ่าชิง พลางจี้ไปที่เอวของเขาบนทีล่างที ที่หน้าอกบ้างล่ะ ที่แขนขาบ้างล่ะ
หนิงเซ่าชิงคว้ามือของนางเอาไว้ ใช้แรง ทำให้ตัวนางเอนลงไปอย่างช่วยไม่ได้
แน่นอนว่านางไม่ยอม เห็นว่าก้มลงมา อยู่ตรงคอที่เหมือนกับหยกขาวพอดี จึงอ้าปากแล้วกัด
ในขณะที่หัวเราะเสียงดัง แต่กลับมีเสียงเคาะประตูดังมาจากข้างนอก
เสียงเคาะประตูนี้ทำให้ฟันของมั่วเชียนเสวี่ยที่แวววาว ปากอันหอมหวานที่กำลังจะกัดเขาได้หยุดลง
ทุกการเคลื่อนไหวได้หยุดลงในทันที
จากนั้นเสียงของอาอู่ก็ดังขึ้นมา “ฮูหยิน อาซ้อฟางบอกว่ามีเรื่องสำคัญที่จะขอร้องขอรับ”
หนิงเซ่าชิงคว้าหมอนแล้วปาไปที่ประตูในทันที มั่วเชียนเสวี่ยคิดว่าโดยปกติอาซ้อฟางไม่ค่อยจะมาหานาง ในเมื่อมาแล้ว จะต้องมีเรื่องสำคัญเป็นแน่
ดังนั้นเสียงของหนิงเซ่าชิง “ออกไป” กับเสียงของมั่วเชียนเสวี่ยที่ว่า “ข้ากำลังไป” ดูเหมือนว่าจะตะโกนออกไปพร้อมๆ กัน
อันที่จริงแล้วอาอู่ก็รู้สึกหดหู่ใจมากจริงๆ เหตุใดคนที่ต้องได้รับบาดเจ็บจะต้องเป็นเขาทุกครั้งด้วย ต้องเป็นเขาทุกที อาซานไปเทียนเซียงยังไม่กลับมาเลย หนีจื่อพาหมิงเย่ว์ไฉ่สยาไปทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อม ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าไปไหนกันอีกแล้ว
ก่อนหน้านี้ อาซ้อฟางก็เข้ามาที่ลานบ้านด้านในโดยตรง แต่ตั้งแต่หลังจากที่ถงจื่อจิ้งมา มีอยู่ครั้งหนึ่งที่อาซ้อฟางเข้ามาใกล้โดยไม่ได้ตั้งใจ ก็ถูกถงจื่อจิ้งซึ่งเป็นผู้ขออยู่อาศัยขับไล่ออกไป นางจึงไม่กล้าเข้ามาอีก
อาซ้อฟางยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าลานบ้านด้านในอย่างกระสับกระส่าย
เขาได้ยินเสียงหัวเราะดังลั่นมาจากด้านในห้อง ก็อยากจะหลบเลี่ยงออกมา ทั้งยังอยากจะไปนั่งอยู่ใต้ต้นหลิวเก่าแก่ที่ลานด้านนอก แต่ท้ายที่สุดแล้วหัวหอกก็พุ่งมาหาตนเอง…
มั่วเชียนเสวี่ยดันมือของหนิงเฉ่าชิงออกไป ลุกขึ้นจากเตียง ในใจก็แอบโกรธอยู่เหมือนกัน อย่างที่คิดไว้กลางวันไม่อาจทำเรื่องบัดสีอย่างประเจิดประเจ้อได้ นางพบว่าเพียงแค่นางกับหนิงเซ่าชิงแอบพลอดรักกันในห้อง ก็จะมีเสียงเคาะประตูคอยขัดจังหวะตลอด
ไม่รู้ว่า ถ้ามีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง นางจะบาดแผลในใจเรื่องนี้หรือไม่
มั่วเชียนเสวี่ยจัดเสื้อผ้าหน้ากระจกไปพลาง ตะโกนสั่งอาอู่ไปพลาง “เจ้าไปบอกให้อาซ้อฟางเข้ามารอข้าในห้องโถงก่อน”
พอพูดจบ ก็นึกถึงสาเหตุที่อาซ้อฟางไม่เข้ามาที่ลานด้านในได้ นางก็หัวเราะเล็กน้อยก่อนที่จะพูดเสริมต่ออีกหน่อย “บอกนางด้วยว่าถงจื่อจิ้งไปที่โรงแกะสลักแล้ว ไม่ต้องเป็นกังวลเข้ามาได้เลย”
อาอู่รับคำสั่งแล้วก็ไป กว่าที่มั่วเชียนเสวี่ยจะไปถึงห้องโถง อาซ้อฟางก็ได้ยืนรออยู่ที่นั่นแล้ว
พอเห็นมั่วเชียนเสวี่ยเข้ามา อาซ้อฟางก็ก้าวเข้าไปหาพลางกล่าว “เถ้าแก่เนี้ย ไปอวิ๋นจวีส่งคนมาที่นี่แล้ว”
พอหนิงเซ่าชิงที่อยู่ด้านในห้องได้ยินคำว่า ‘ไป๋อวิ๋นจวี’ สามคำนี้ ร่างก็เหยียดตรงทันที กำหมัดแน่น จนกระดูกลั่นดังกรอด
หนิงเซ่าชิงหรี่ตาลงเล็กน้อย ลุกขึ้นนั่ง ท่าทางของเขาจะสง่าราวเสือดำ แววตาที่หรี่ลงนั้นดูอันตราย
ก่อนหน้านี้มั่วเชียนเสวี่ยจะติดต่อกับเจี่ยนชิงโยวเพียงเพื่อการรักษาพยาบาลเท่านั้น แต่กลับทำให้เขารู้สึกหึงหวง หลังจากบดขยี้ริมฝีปากของนาง…สุดท้าย ก็ใช้เวลานานกว่าที่ความหึงหวงนั้นจะจางหายไป
ต่อมา จึงให้ถงจื่อจิ้งผู้นั้นไปส่งมั่วเชียนเสวี่ย พวกเขาหัวเราะกันคิกคัก เขาจึงหยุดรถม้า และฆ่าวัวที่ลากรถเสีย แม้ว่าหลังจากนั้นจำเป็นจะต้องรับถงจื่อจิ้งกลับมา ก็แอบสั่งจี้ซวี่เหยาเอาไว้ให้หาวิธีทำให้ถงจื่อจิ้งยุ่งจนไม่มีเวลา
ซูชีผู้นี้ กลับเป็นความเจ็บปวดที่สุดในชีวิตของเขา การกัดนั้นได้ทิ้งรอยเอาไว้ที่คออย่างชัดเจน เสื้อชั้นเดียวที่เปียกโชก อ่างอาบน้ำนั้น…
เขาไม่กล้าคิดต่อ และโมโหเสียใหญ่โต ทั้งยังหึงหวงเป็นอย่างมาก ทว่าต่อหน้ามั่วเชียนเสวี่ยเขาไม่กล้าแสดงความหึงหวงให้เห็นแม้แต่น้อย
เพราะว่า เขาคิดว่าเรื่องนั้น ขนาดคุณสมบัติที่จะหึงหวงเขายังไม่มีเลย การหึงหวงเช่นนั้น เพียงแค่ซ่อนเอาไว้ในใจ ซ่อนเอาไว้!
และ เขารู้มาโดยตลอดว่ามั่วเชียนเสวี่ยต้องการให้ซูชีเป็นเส้นทางการขายซีอิ๊วและน้ำส้มสายชู แล้วมันจะเป็นไปได้อย่างไร! หากยังต้องข้องเกี่ยวกันอยู่เช่นนี้ ก็จะไม่มีวันสิ้นสุดลงใช่หรือไม่
ดังนั้น เขาเพิ่งจะโยนเหยื่อชิ้นใหญ่ออกไป เพื่อตอบแทนน้ำใจของเขา ขณะเดียวกันก็เพื่อดึงตัวเขาไปจากเทียนเซียง พอเขากลับเมืองหลวง ย่อมจะมีคนติดต่อกับเขาเพื่อตัดสินใจเรื่องสัญญานั้นแน่นอน
ส่วนเรื่องซีอิ๊วนั้น โดยส่วนตัวเขาก็ไม่ได้มีเพียงการค้าของทิงเฟิงเฉวียนเท่านั้นเขายังมีกิจการชาอีกเล็กน้อย ซึ่งมีสาขาอยู่ทุกที่ เรื่องการขายไม่จำเป็นต้องพึ่งพาซูชีเลย
ถึงเวลานั้น เขาจะให้ผู้จัดการร้านเข้ามาพบเอง แล้วค่อยแนะนำให้มั่วเชียนเสวี่ย
“อะไรนะ” ไป๋อวิ๋นจวีก็ส่งคนมาทุกวันอยู่แล้วนี่ มั่วเชียนเสวี่ยนั่งลงบนเก้าอี้ มือนึงเคาะโต๊ะ รอคำพูดต่อไปของอาซ้อฟาง
“คนที่มาจากไป๋อวิ๋นจวีครั้งนี้ไม่เหมือนเดิม ไม่ได้จะมาเอาสินค้า แต่คนที่มาคือพ่อครัว บอกว่ามาเรียนการทำเต้าหู้ พวกฟองเต้าหู้และอื่นๆ ทั้งยังบอกอีกว่า…ว่าเถ้าแก่เนี้ยอนุญาตแล้ว”
“แล้วมีปัญหาอะไรหรือ”
“เถ้าแก่เนี้ยอนุญาตจริงๆ ด้วย เช่นนั้น…ต่อไปไป๋อวิ๋นจวีก็ทำเต้าหู้ได้เอง แล้วยังจะต้องการเต้าหู้จากพวกเราอีกหรือ” อาซ้อฟางกระวนกระวายใจ
มั่วเชียนเสวี่ยเข้าใจความรู้สึกของนางดี จึงยิ้ม ไม่ให้นางร้อนใจไป
“เถ้าแก่เนี้ยมีเรื่องที่อัดอั้นตันใจที่มิอาจบอกผู้ใด ใช่หรือไม่” อาซ้อฟางกลับคิดว่าเรื่องนี้จะต้องมีเงื่อนงำอะไร “จะให้ข้าแอบวางอุบายดีไหม”
“อาซ้อฟาง คิดมากเกินไปแล้ว เขาอยากมาเรียน เจ้าก็สอนเขาให้ดี” นึกไม่ถึงว่าซูชีผู้นี้จะรีบร้อนถึงเพียงนี้ ตนเองยังไม่ได้คิดไตร่ตรองเลย ขนาดเวลาแค่หนึ่งถึงสองวันยังรอไม่ได้จนต้องส่งคนมา ทั้งยังต้องการเรียนรู้การทำเต้าหู้ ฟองเต้าหู้ เนื้อไก่เจ และอื่นๆ ให้เสร็จในคราเดียวอีก
แม้ว่าของเหล่านั้นจะทำได้ไม่ยากนัก หากต้องคิดอย่างรอบคอบ ก็ต้องใช้เวลาไม่น้อย อย่างไรเสียก็หยิบยื่นไมตรีมาแล้ว ถ้าจะให้ก็ให้ไปเสียทั้งหมด
ความจริง มั่วเชียนเสวี่ยเข้าใจซูชีผิดไป ตอนนี้เขากำลังเดินทางกลับเมืองหลวง ทั้งหมดนี้เป็นความคิดของเถ้าแก่หลี่
เขาได้ยินประโยคสุดท้ายของเจ้านาย หากเรียนไม่ไหว ก็ให้ไปฝึกทำที่หมู่บ้านหวังจยา เมื่อทำเป็นแล้วก็ให้รีบส่งคนมาที่เมืองหลวง
ในเมื่อไปเรียนได้เลย เหตุใดเขาถึงยังต้องให้คนของเขาคิดค้นเอง ทั้งเสียเวลา ทั้งเปลืองวัตถุดิบ ดังนั้น พอเลือกคนเรียบร้อยแล้ว เขาเลยมาเรียนทำทุกอย่างที่นี่ทันที
ฤดูใบไม้ผลิช่วงเดือนมีนาคมใกล้มาถึงแล้ว โรงงานซีอิ๊ว และโรงงานน้ำส้มสายชูได้สร้างเสร็จนานแล้ว
อันที่จริง นางไม่จำเป็นต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อเงินอีก เดือนแรกของปีก็ผ่านไปแล้ว หนิงเซ่าชิงมอบตั๋วเงินให้นางห้าแสน ยังมีเรื่องหมอประหลาดที่ไปตามหายาอีก นางเองก็รู้นานแล้ว เรื่องการรักษาไม่ต้องกังวลอะไรเลย