เส้นทางแห่งโชคชะตา - ตอนที่ 68: ปราสาทราชาแห่งผี (3)
เส้นทางแห่งโชคชะตา เล่ม 1 ตอนที่ 68: ปราสาทราชาแห่งผี (3)
เล่ม 1 ตอนที่ 68: ปราสาทราชาแห่งผี (3)
มู่หรงเสี่ยวเทียน วูเฟิง สายฟ้าซวน สายฟ้าโพสายฟ้าปาฉีหยางซ่ง หมิงซวนและกวยหลง ทุก ๆ คนได้เดินทางเข้าไปยังบ้านผีสิงหลังที่หมิงซินบอกผีทาสนั้นถูกกําจัดไปจนหมดสิ้นแล้วพวกเขาสามารถเดินเข้าไปยังประตูห้องกลางของบ้านได้อย่างง่ายดาย
“มีคนอยู่ในนั้น” สายฟ้าชวนพูดขึ้น
มู่หรงเสี่ยวเทียนพยักหน้าพร้อมกับเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปทั้งสเกลเลอร์ตันและซอมบี้ไฟฟ้าในห้องกลางนั้นถูกกําจัดไปหมดแล้วเช่นกัน แต่เสียงการต่อสู้ที่ดุเดือดและรุนแรงนั้นได้ดังมาจากห้องสุดท้าย ทุกคนเร่งฝีเท้าเข้าไปยังห้องนั้นอย่างรวดเร็ว
ในห้องด้านหลัง ผู้เล่น 6 คนกําลังต่อสู้กับผีแม่ทัพและผีชุดขาวกับผีชุดดํา 4 ตัว เมื่อเห็นว่ามู่หรงเสี่ยวเทียนและคนอื่นๆเข้ามามันก็เหมือนราวกับว่าตอนนี้มีคนแปลกหน้าเข้ามารบกวน จากนั้นพวกเขาก็หันมามองดูมู่หรงเสี่ยวเทียนและคนอื่น ๆ อย่างระมัดระวัง ขณะนี้เห็นได้ชัดว่าผู้เล่นเหล่านี้นั้นได้ทําผิดพลาดในการได้รับตราสัญลักษณ์ ผู้เล่นคนหนึ่งได้ล่อผีแม่ทัพให้ไปอยู่ด้านหลัง ส่วนอีก 5 คนที่เหลือนั้นก็พยายามโจมตีผีชุด ขาวกับผีชุดดําอย่างสิ้นหวัง
“นี่พวกนาย พวกนายสู้แบบนี้ไม่ชนะพวกมันหรอก อย่างแรกพวกนายต้องจัดการผีแม่ทัพก่อน หลังจากนั้นค่อยจัดการลูกน้องของมัน ไม่งั้นผีชุดขาวและผีชุดดําจะเพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่าไปเรื่อย ๆ จากการที่พวกนายฆ่ามัน” ดาราดังจื่อเฟิงไม่สามารถทนเห็นผู้เล่นเหล่านั้นได้จึงพูดออกมาแนะนําพวกเขา แน่นอนว่าเขายังมีความเห็นแก่ตัวซ่อนอยู่ เพราะว่าเขาจะเข้าไปยังปราสาทราชาแห่งผีได้ยังไง หากว่าคนเหล่านี้ยังต่อสู้อยู่แบบนี้ !
ผู้เล่นเหล่านั้นรู้สึกสับสนเล็กน้อย แต่ทว่าพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนกลยุทธ์ ผู้เล่น 4 คนลากผีชุดขาวกับผีชุดดํา 4 ตัวออกไปและปล่อยให้อีก 2 คนจัดการกับผีแม่ทัพ แต่แล้วผลลัพธ์ของมันนั้นก็ไม่ได้ดีมากนัก เห็นได้ชัดว่าผู้เล่นเหล่านี้ค่อนข้างอ่อนแอ มันกลายเป็นเรื่องยากสําหรับสี่คนนั้นที่จะกันผีชุดขาวกับผีชุดดํา 4 ตัวเอาไว้ที่มุมห้อง ส่วนอีก 2 คนที่กําลังต่อสู่กับผีนายพลก็ถูกมันกระทืบกลับอย่างน่าอับอาย
“ให้ฉันช่วยนะ” สายฟ้าปาฉีถามขึ้นมาอย่างไม่อดทนเธอ โบกสะบัดดาบยักษ์ไปมา จากนั้นก็พุ่งเข้าไปด้วยฝีเท้าที่หนักแน่น “ยาก ! ย้าก เฉีบ เฉิบ ! ” เพียงแค่ไม่ถึง 2 วินาทีผีชุดขาวกับผีชุดดําก็ถูกดันเข้าไปยังมุมของห้อง
“ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะไม่แย่งมอนสเตอร์ของพวกนายฉันแค่กันมันเอาไว้ก็เท่านั้น หลังจากที่นายจัดการกับเจ้าผีแม่ทัพได้นายก็ค่อยกลับมาสู้กับมันเอาเองก็แล้วกัน” เมื่อเห็นท่าที่ที่กังวลของผู้เล่นเหล่านั้น สายฟ้าปาฉีก็ปลอบโยนพวกเขาจากนั้นพวกเขาก็วิ่งเข้าไปหาผีแม่ทัพ ส่วนผีชุดขาวกับผีชุดดําทั้งสองนั้นก็ถูกกันเอาไว้ที่มุมห้อง
“ขอบคุณมาก” ผู้เล่นเหล่านั้นมองสายฟ้าปาฉีด้วยความซาบซึ้ง พวกเขาหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นก็รีบปรี่เข้าไปที่ผีแม่ทัพ
ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก ผู้เล่นทั้งหกนั้นสามารถปิดล้อมผีแม่ทัพได้อยู่หมัด มู่หรงเสี่ยวเทียนและคนอื่น ๆ ไม่สนใจที่จะดูการต่อสู้ของคนเหล่านี้อีกต่อไปจากนั้นพวกเขาก็สํารวจไปรอบ ๆ ห้องอย่างระมัดระวัง
ในที่สุดผู้เล่นเหล่านั้นก็สามารถจัดการมอนสเตอร์ได้ทั้งหมด พวกเขาขอบคุณมู่หรงเสี่ยวเทียนและพรรคพวกก่อนที่จะจากไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาสามารถจินตนาการได้ว่าทีมของมู่หรงแข็งแกร่งเพียงใดจากการมองดูพละกําลังของสายฟ้าปาฉีเพียงแค่คนเดียว มู่หรงเสี่ยวเทียนและคนอื่น ๆ ไม่ได้สนใจจะมองดูไอเท็มที่ตกจากผีแม่ทัพเสียด้วยซ้ํา เพียงเท่านี้มันก็บอกพวกเขาได้แล้วว่าการจะหาเรื่องพวกมู่หรงเสี่ยวเทียนไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จุดประสงค์ที่แท้จริงของมู่หรงเสียวเทียนสําหรับการมาที่นี่เพื่ออะไร แต่เมื่อเห็นมู่หรงเสี่ยวเทียนและพรรคพวกไม่ได้เดินออกไปแถมยังเดินวน ๆ อยู่ในห้อง พวกเขาก็เลยกลับออกไปด้วยความสนใจเล็กน้อย แต่ว่าบ้านผีสิงนั้นก็มีอยู่มากมายมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรที่จะ ย้ายไปหลังอื่น
ทุกคนพยายามค้นหาทั่วทุกซอกทุกมุมแต่ก็ไม่พบกับสิ่งใดพวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะหันไปหาหมิงซิน
“หมิงซิน เป็นยังไงบ้าง เธอพบกับอะไรบ้างรึเปล่า?” มู่หรงเสี่ยวเทียนมองไปที่หมิงซินอย่างคาดหวัง
“พี่เทียน ฉันมั่นใจว่าทางเข้ามันจะต้องอยู่ด้านล่างนี้ แต่ทว่าฉันไม่สามารถตามหากลไกในการเปิดได้เลย ขอเวลาให้ฉันสักพักหน่อยก็แล้วกัน” หมิงซินใช้จิตสัมผัสอย่างเต็มที่เพื่อตามหาทุกตารางนิ้วในห้อง
“ไม่ต้องรีบร้อนนะ ตามสบายเลย พวกเรายังมีเวลาเหลืออีกเยอะ” มู่หรงเสี่ยวเทียนจับมือหมิงซินเพื่อให้กําลังใจ
ทุกคนจ้องมองไปที่หมิงซินอย่างเงียบ ๆ พวกเขาไม่กล้าแสดงอาการใด ๆ ออกมา ดวงตาที่คาดหวังของทุกคนที่รอคอยอย่างกังวัลและเงียบเชียบ หากว่ามีเข็มสักเล่มหล่นลงบนพื้น พวกเขาจะต้องสามารถได้ยินมันอย่างแน่นอนตอนนี้ในห้องนั้นมีเพียงแค่เสียงลมหายใจเบา ๆ ของทุกคนเท่านั้นทุกคนกลัวว่าหากทําอะไรที่เสียงดังจะส่งผลต่อการค้นหาขอ งหมิงซิน
“ใช่แล้ว !” หมิงซินยิ้มอย่างมีความสุขบนใบหน้าของเธอ
“โอ้” ทุกคนส่งเสียงเชียร์ดังออกมา เพราะในช่วงเวลานั้นพวกเขากังวลจนเกือบจะตาย แต่ตอนนี้ในที่สุดพวกเขาก็สามารถถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“พี่เทียน คลายเกลียวที่จับบนตะเกียงอันที่สามนับจากซ้ายไปขวาบนกําแพงด้านซ้ายดูสิ”
มู่หรงเสี่ยวเทียนเดินไปที่ตะเกียงน้ํามันดวงที่สามจากทางด้านซ้าย เขาคว้าที่จับของมันและบิดอย่างรุนแรง “แกร่ก แกร่ก แกรก ! ” เสียงดังลั่นออกมาจากพื้นห้อง แผ่นหินตรงกลางห้องนั้นถูกตัดให้ตกลงไปข้างล่าง มันเผยให้เห็นช่องว่างประมาณ 1 ตารางเมตร เนื่องจากการเปิดช่องนี้ออกมา สายลมเบา ๆ ก็ไหลผ่านออกมาพร้อมกับกินเหม็นสาบที่เน่าเบื่อยซึ่งหมักหมมมาเป็นเวลานานนับพันปีก็แผ่กระจายไปทั่วทุกสารทิศจนทําให้ผู้เล่นหลายคนนั้นเริ่มรู้สึกกลัวและแทบจะอ้วก
ทันใดนั้นร่างเงาสีดําก็ปรากฏขึ้นมาจากทางเข้าช่องนั้นมือของมันน่าเกลียดน่ากลัวเป็นอย่างมาก กลิ่นเหม็นสาบตลบอบอวลไปทั่วทุกที่ จากนั้นมือที่ว่าก็ได้คว้าเอาตัวหมิงซินที่อยู่ใกล้ที่สุดลงไปอย่างรวดเร็ว
“ปกป้องหมิงซิน ! ?
“ระวังนะทุกคน” หลายคนอุทานออกมาพร้อมกัน
โชคยังดีที่สายฟ้าปาไม่ได้ลืมเรื่องความรับผิดชอบในการปกป้องหมิงซิน เธอสามารถคว้าหมิงซินเอาไว้ได้จากนั้นก็ใช้ดาบยักษ์ฟันลงไปที่มือมอนสเตอร์ตัวนั้นอย่างรุนแรง
“บัง ! ” สายฟ้าปาฉีถูกกระแทกจนปลิวออกไปหลายฟุตร่างของเธอนั้นเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงเข้ม นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจ็บปวดจากการพ่ายแพ้จนทําให้เธอนั้นตกใจเป็นอย่างมาก จากนั้นเธอได้ทําการหยิบขวดยาขึ้นมาเพื่อเพิ่มพลังชีวิต เธอรีบเปิดฝาและดื่มมันลงไปอย่างรวดเร็ว
ด้วยพลังป้องกันอันทรงพลังของสายฟ้าโพที่เข้าไปช่วยได้ทันเวลา เขาจึงสามารถดึงหมิงซินเอาไว้และถอยกลับมาอย่าง ปลอดภัย ในเวลานี้ทั้งมู่หรงเสียวเทียนจือเฟิงสายฟ้าชวนสายฟ้าโพ หยางซ่งและกวยหลงก็ต่างกระโจนเข้าใส่มอนสเตอร์ตัวนั้น
“กลับมาก่อน ! ” หมิงซินตะโกนออกมาอย่างดังในทันใด
เมื่อทั้งหกได้ยินคําเตือนถึงอันตรายของหมิงซินในขณะนั้นพวกเขาก็ถอยกลับมาทันที “อ๋ว !!” มอนสเตอร์ตัวนั้นได้ส่งเสียงร้องที่แปลกประหลาดออกมา ฟังดูแล้วมันน่าสยดสยองยิ่งนักจากเสียงดัง “ปัง ปัง!” สองครั้ง น้ําเหนียว ๆ ที่น่าขยะแขยงของมอนสเตอร์ระเบิดขึ้นมา น้ํานั้นกระเด็นไปทั่วทุกสารทิศจากนั้นมันก็ราวกับละลายแล้วเปลี่ยนเป็นหมอกพิษกระจายไปทั่วรัศมี 2 เมตร
หยางซ่งและกวยหลงนั้นอยู่ห่างที่สุด และโชคดีที่พวกเขานั้นถอยหลังกลับได้ทันเวลา ทั้งมู่หรงเสี่ยวเทียนและจื่อเฟิงมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็ว ดังนั้นพวกเขาทั้งสองจึงหลบหลีกมันได้อย่างปลอดภัย ส่วนสายฟ้าซวนและสายฟ้าโพยืนอยู่ในตําแหน่งที่ใกล้ที่สุด แม้ว่าพวกเขาจะได้ยินคําเตือนของหมิงซินแต่หยุดยั้งตัวเองไว้ แต่ก็ไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีของมอนสเตอร์ตัวนั้นได้ น้ําเหนียว ๆ มากมายติดอยู่บนลําตัวของพวกเขาเต็มไปหมด จากนั้นสักพักใบหน้าของพวกเขานั้นก็เปลี่ยนเป็นสีเขียว ควันที่เกิดจากการกัดกร่อนได้ปรากฏขึ้นตรงบริเวณที่มันเปรอะเปื้อน มันทําให้พลังชีวิตของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็ว
เหงื่อไหลท่วมร่างของทุกคน ถ้าไม่ใช่เพราะคําเตือนและทุกคนวิ่งเข้าไปใกล้มากกว่านี้อีกเพียงแค่ 2 เมตรมู่หรงเกรงว่าทั้งหมดนั้นก็คงจะต้องกลับไปยังจุดเกิดกันหมดแล้ว
ชื่อ: ผู้พิทักษ์แห่งประตูนรก
เลเวล: 30
สถานะ: บอสระดับสูง
ค่าพลังโจมตี: 500
พลังชีวิต: 5,000
สกิล: ซากศพดูดเลือด สามารถสร้างความเสียหาย 500หน่วยต่อเป้าหมายที่อยู่ในรัศมี 2 เมตร มีโอกาส 5 เปอร์เซ็นที่จะเปลี่ยนคนให้กลายเป็นศพ
สกิล: พิษของซากศพ ผู้เล่นที่ถูกโจมตีด้วยสกิลนี้จะมีผลทําให้พลังชีวิตลดลงอย่างต่อเนื่องและถูกลดความว่องไว
หมิงซินกล่าวถึงคุณสมบัติของเจ้ามอนสเตอร์ตัวนี้ในครั้งเดียว เธอเตือนทุกคนว่าการโจมตีทางกายภาพของมันนั้นมากและทักษะการโจมตีของมันก็ค่อนข้างน่ากลัว พลังโจมตีของมันน่าจะเทียบได้กับของสายฟ้าปาฉี 2 คนเลยทีเดียว
“ไม่นะ ชวนกับโพเริ่มเคลื่อนที่ช้าลงแล้ว !” ดาราดังจื่อเพิ่งเห็นว่าสายฟ้าชวนและสายฟ้าโพนั้นหยุดชะงักอย่างกะทันหัน ส่วนเจ้ามอนสเตอร์ตัวนั้นก็เข้ามาใกล้อย่างรวดเร็วการแสดงออกบนใบหน้าของเขานั้นเปลี่ยนไปเป็นอย่างมากเขารีบวิ่งออกไปช่วยพร้อมกับตะโกนออกมา
To be continued…