เส้นทางแห่งโชคชะตา - ตอนที่ 57: ทีมสายฟ้า (6)
เล่ม 1 ตอนที่ 57: ทีมสายฟ้า (6)
สายฟ้าซวนและคนอื่น ๆ ถอนตัวออกมาจากหุบเขาผีสิงแล้ว ชุดสวมใส่ธรรมดาที่ไม่มีสเตตัสถูกนำมาสวมใส่แทนที่ชุดสวมใส่ที่เพิ่มสเตตัส จากนั้นแสงสีม่วงต่าง ๆ ก็เริ่มจางหายไป เผยให้เห็นชุดเท่ ๆ ของพวกเขาเหล่านั้นอย่างชัดเจน แต่ทว่าสีหน้าท่าทางของพวกเขานั้นดูหดหู่เล็กน้อย
“พี่เล่ยถิง” มู่หรงเสี่ยวเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้มเมื่อมองไปยังกลุ่มคนเหล่านั้นที่ล่าถอยกลับมา “มันน่าทึ่งมาก 5 คนสามารถจัดการพวกพันธมิตรเจียจู๋ได้ตั้ง 20 คน”
“ก็ถือว่าไม่เลว” สายฟ้าซวนพูดออกมา จากนั้นสายฟ้าปาฉีก็พูดขึ้นว่า “มันน่าอายมาก ที่ปล่อยให้พันธมิตรเจียจู๋โจมตีพวกเราได้ถึงขนาดนี้ ! ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า 5 คนสู้กับคน 100 คน แม้ว่าจะแพ้มาแต่ก็ไม่น่าเกลียดเลยสักนิด” มู่หรงเสี่ยวเทียนยิ้มให้คนเหล่านั้น
“พี่โจร ฉันขึ้นไปดูข้างบนด้วยได้ไหม ? ” สายฟ้าปาฉีมองขึ้นไปบนดาดฟ้าด้วยแววตาอันตื่นเต้น ความทุกข์ตอนนี้เหมือนจะหายไปในกลีบเมฆแล้ว
“ลองถามพวกเขาดูสิ” มู่หรงเสี่ยวเทียนชี้นิ้วไปที่เทียนหยาและสองคนที่เหลือ ท้ายที่สุดพวกเขานั้นเป็นคนที่ตัดต้นไม้มา ดังนั้นเขาจึงต้องการความเห็นของพวกเทียนหยาซะก่อน “ถ้าหากว่าพวกเขาตกลง ฉันก็ไม่ขัดข้องอะไร”
“เทียนหยา” สายฟ้าปาฉีเอ่ยปากตะโกนถามเขา “ถ้าหากว่านายไม่ให้พี่สาวคนนี้ขึ้นไปล่ะก็ ฉันจะหักกระดูกของนายซะ”
“ทำไมจะต้องมาทำร้ายฉันด้วย ฉันไม่ได้พูดอะไรเลย ? ” เทียนหยามองไปที่ผู้เล่นอีกสองคนซึ่งกำลังนั่งอยู่บนหอสังเกตการณ์ด้วยใบหน้าที่เศร้าโศก
สองคนนั้นมองหน้ากัน จากนั้นพวกเขาก็ยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้า หนึ่งในนั้นหันหน้าไปหามู่หรงเสี่ยวเทียนและพูดขึ้น “พี่ชาย ให้พวกเขาขึ้นมาเถอะ พื้นที่ข้างบนนี้ยังมีอีกมาก ถ้าไม่งั้นน้องชายเทียนหยาของเราจะต้องกระดูกหักแน่ ๆ ฮ่าฮ่าฮ่า”
“ไม่จำเป็นหรอกมั้ง” มู่หรงเสี่ยวเทียนมองไปที่เทียนหยาด้วยรอยยิ้ม “ฉันว่าบางคนอาจจะชอบมันมากกว่าก็ได้ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ถูกทรมานจนตาย แต่คนคนนั้นก็ยังจะชอบใจอยู่ไม่น้อย”
“ฮ่าฮ่าฮ่า” หลายคนที่อยู่ในที่แห่งนั้นหัวเราะออกมา จนใบหน้าของเทียนหยาเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ
หลังจากมู่หรงเสี่ยวเทียนยิ้มเสร็จ เขาก็ไม่ได้จ้องมองไปที่เทียนหยาที่กำลังมีท่าทางกระอักกระอ่วนอีกต่อไป เขาก็หันไปหาคนอื่น ๆ และพูดขึ้นว่า “มาเถอะ ทุกคน ยินดีต้อนรับสู่จุดชมวิวอันแสนมีเสน่ห์ ส่วนตั๋วค่าขึ้นมาอย่าไปคิดถึงมันเลย”
“ว้าว เราขึ้นไปกันเถอะ” สายฟ้าไป่เหอรีบหยิบน้ำอดลมออกมา ร่างอ้วนท้วนของเธอนั้นกระโดดดีใจสูงสามฟุตและเธอก็เป็นคนแรกที่รีบปีนบันไดขึ้นไปบนหอสังเกตการณ์
เมื่อเธอถึงที่นั่น สายฟ้าซวนและคนอื่น ๆ ก็ตามขึ้นไปทันที
“พี่โจร ดูบรรยากาศที่ล่างนั่นสิ ที่นี่มันดีมาก ๆ เลยนะ” สายฟ้าซวนอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
“ใช่แล้วพี่โจร พี่สามารถมองเห็นสถานการณ์ทั้งหมดของหุบเขาผีสิงได้จากที่นี่” สายฟ้าปาฉีตะโกนออกมา
“แน่นอน ทุกการกระทำอยู่ภายใต้สายตาของพวกเราทั้งหมด” เทียนหยาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ได้พูดออกมาราวกับว่าเป็นผู้ชนะ จากนั้นเขาก็เอนตัวลงเล็กน้อย
“ลุกขึ้นมา ทำไมนายถึงไม่รู้จักเสียสละให้พี่สาวคนนี้เลย” สายฟ้าปาฉีก้าวไปข้างหน้าและผลักเทียนหยาออกจากเก้าอี้จากนั้นเธอก็นั่งลงพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ปล่อยให้ฉันออกไปต่อสู้แทบตาย แต่ตัวเองกลับมานั่งดูอย่างสบายอยู่ที่นี่ ฉันเสียใจมากจริง ๆ ” หญิงสาวตัวเล็กและน่ารักดึงเทียนหยาเข้าไปหา ท่าทางของเธอผ่อนคลายเรากับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เทียนหยาที่กำลังหน้าแดง เขาอยากที่จะขัดขืนแต่เขานั้นไม่กล้าพอ เขาแค่พึมพำกับตัวเองเบา ๆ ว่า “ฉันไม่ได้สร้างที่นี่ขึ้นมาสักหน่อย ทำไมถึงจะมาคอยด่าคอยว่าแต่ฉันด้วย ทำไมไม่ไปถามพวกเขาบ้างล่ะ ? ”
“กำลังพูดอะไรออกมา ? ไหนลองว่ามาอีกสักทีสิ ? ! ” สายฟ้าปาฉีเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง
มู่หรงเสี่ยวเทียนอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดัง ๆ เพราะทั้งสองนั้นสนิทสนมกันมากเสียจริง
“ว่าแต่พวกนายจะทำอะไรกันต่อ ? หรือว่ายอมแพ้เพียงเท่านี้ ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนยิ้มและหันกลับไปมองที่สายฟ้าซวน
“แล้วพี่จะทำอย่างไรต่อ ถ้าหากว่าไม่ได้ยอมแพ้ ? ” สายฟ้าซวนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “พี่ก็เห็นสถานการณ์ในหุบเขาผีสิงแล้ว พันธมิตรเจียจู๋นั้นสามารถเรียกกำลังออกมาจากบ้านผีสิงได้ตลอดเวลา พวกเราไม่สามารถรับมือพวกเขาได้เลย แนวป้องกันของนักรบรวมถึงนักเวทย์ที่อยู่ด้านหลังก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะรับมือไหว พวกนั้นมีจำนวนมากเกินไป”
“นอกจากนี้ โล่ป้องกันก็มีเวลาคูลดาวน์ถึง 24 ชั่วโมง ถ้าหากว่าฉันรีบร้อน พวกเขาก็จะฆ่าพวกเราได้” ทีมสายฟ้าถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
“ถ้ายังงั้นก็ลองคิดดูดี ๆ จากสถานการณ์เมื่อครู่ ทำไมพวกนายถึงแพ้กันล่ะ อะไรคือกุญแจสำคัญที่ทำให้แพ้ ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนจ้องมองทุกคน สีหน้าของเขานั้นสงบนิ่งเป็นอย่างมาก จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา
“ฉันคิดว่ากุญแจสำคัญก็คือพวกนักเวทย์ของพันธมิตรเจียจู๋” เทียนหยาพูดต่ออีกว่า “การโจมตีด้วยเวทมนตร์ของพวกเขานั้นรุนแรงมากจริง ๆ แถมยังมีจำนวนมากด้วย”
“พูดต่อสิ” มู่หรงเสี่ยวเทียนยิ้มขึ้นมา เขามองไปที่ใบหน้าของเทียนหยาด้วยสายตาให้กำลังใจ
เมื่อเห็นมู่หรงเสี่ยวเทียนส่งสายตามาเช่นนั้น เทียนหยาก็รู้สึกกล้าหาญขึ้นมาทันที เขามองไปที่สายฟ้าปาฉีจากนั้นก็กล่าวต่ออย่างมั่นใจ “แม้ว่าพลังป้องกันของโล่สายฟ้าจะทรงพลังมาก แต่ขอบเขตของการป้องกันก็ยังแคบไป การซ่อนอยู่ภายใต้เกราะนั้นอันที่จริงแล้วนอกเหนือจากสายฟ้าปาฉีที่เป็นกองหน้า คนอื่น ๆ ก็ไม่สามารถใช้ความสามารถและความแข็งแกร่งได้อย่างเต็มที่”
“ในที่สุดก็พูดอะไรดี ๆ เป็นเหมือนกันนะ” สายฟ้าปาฉียิ้มและพูดขึ้น
“นายพูดถูก” มู่หรงเสี่ยวเทียนยิ้มและพยักหน้า “หากว่าไม่มีการโจมตีด้วยพลังเวทมนตร์ที่ทรงพลังจากพันธมิตรเจียจู๋ ทีมสายฟ้าก็ไม่จำเป็นจะต้องเปิดเกราะป้องกันเลยแม้แต่น้อย อาศัยเพียงแค่ความแข็งแกร่งของพวกนายเพียงแค่สองสามคนก็สามารถสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงในเวลาอันสั้นได้อย่างแน่นอน”
“ถูกต้อง” สายฟ้าซวนพูดด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “ถ้าหากว่าเราไม่พึ่งพาน้องรองในการสร้างโล่ป้องกัน พวกเราคงจะไม่สามารถต้านทานการโจมตีของพวกนักเวทย์ได้เลยแม้แต่น้อย”
มู่หรงเสี่ยวเทียนพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของสายฟ้าซวน จากนั้นก็มองไปที่สองสามคนอย่างสงบและพูดว่า “วิธีที่จะจู่โจมเข้าไปในหุบเขาผีสิงให้สำเร็จ ฉันว่า คนของเราคนหนึ่ง จะต้องลอบเข้าไปด้านหลังตรงที่พวกนักเวทย์อยู่ ความรวดเร็วในการโจมตีของเขาจะสามารถทำลายกองทัพนักเวทย์เหล่านั้นได้”
“อย่างแรกก็คือการสร้างความโกลาหล จากนั้นก็สร้างความเสียหายอย่างรุนแรงในการโจมตีครั้งที่สองเพื่อทำลายความมั่นใจของพวกเขา” สายฟ้ากวงจ้านผู้ที่ไม่ได้พูดเลยตั้งแต่เจอกัน เขาพึ่งจะปริปากพูดออกมาตอนนี้
“เมื่อเราได้เปรียบเช่นนั้น พวกเราก็สามารถโจมตีอย่างเต็มกำลังได้” สายฟ้าซวนพูดอย่างหนักแน่น
“ถ้าหากว่าฉันสร้างความปั่นป่วนเช่นนั้นได้ล่ะ พวกนายจะสามารถทำลายการป้องกันของพวกนักรบตรงด่านหน้าได้ไหม ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนถามอย่างใจเย็น
“แน่นอน ! ” สายฟ้าซวนตอบกลับอย่างเคร่งขรึม น้ำเสียงของเขามั่นใจเป็นอย่างมาก
“งั้นเอาตามนี้” มู่หรงเสี่ยวเทียนพยักหน้าและพูดออกมาอย่างหนักแน่น “พวกนายพักกันก่อน เราจะบุกเข้าไปในหุบเขาผีสิงในอีก 10 นาทีข้างหน้า” น้ำเสียงของเขาเผยให้เห็นถึงความสนิทสนมยิ่งขึ้น จากนั้นดวงตาของเขาก็จับจ้องไปยังหุบเขาผีสิงอย่างลึกซึ้ง