เส้นทางแห่งโชคชะตา - ตอนที่ 32: ผู้เล่นที่ไม่สามารถเปลี่ยนอาชีพได้ (2)
เล่มที่ 1 ตอนที่ 32: ผู้เล่นที่ไม่สามารถเปลี่ยนอาชีพได้ (2)
เมื่อมู่หรงเสี่ยวเทียนกลับไปที่เมืองฟินิกซ์อีกครั้ง นี่ก็เป็นครั้งที่ 4 แล้วที่เขาได้พบกับรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์ของยามเฝ้าหน้าประตูมิติ การเปลี่ยนอาชีพล้มเหลวถึง 3 ครั้ง และเขานั้นก็รู้สึกหดหู่มากเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วมันเป็นเพราะคะแนนโชคลาภของเขาสูงเกินไป หรือเป็นเพราะโม่เทียนพยายามเล่นงานจุดอ่อนของเขา โม่เทียนรู้ว่าเขามีการศึกษาในระดับที่ต่ำ แต่ก็ยังพยายามจงใจกลั่นแกล้งเขาที่ทำการทดสอบ โดยการตอบคำถามครั้งแล้วครั้งเล่า
ในรอบแรกเขายังไม่ได้โต้ตอบอะไรมากมาย คิดว่ารอบหน้าคงจะผ่านแล้ว แต่คำถามในรอบที่สองนั้น โม่เทียนก็ถามเขาว่าเกิดมาเคยพบเจอกับคนที่มีหูข้างเดียวหรือไม่ ? เขาก็รีบตอบกลับไปในทันทีว่าเคย เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยตัดหูของใครบางคนออกไป จนเหลือเพียงหูแค่ข้างเดียว แต่โม่เทียนก็ยังบอกว่าคำตอบของเขาถูก แต่เหตุผลนั้นผิด ! เพราะคำตอบที่ถูกต้องก็คือว่าทุก ๆ คนต่างมีหูแต่ละข้างเพียงแค่ข้างเดียว มันเป็นเรื่องไร้สาระสิ้นดีที่เขาพูดออกมาเช่นนั้น และเรื่องที่น่ารำคาญใจมากกว่านั้นก็คือครั้งที่สาม โม่เทียนถามเขาว่าแกะสองตัวรวมกับแกะอีกสองตัวจะเท่ากับเท่าไหร่ ? เขาลังเลที่จะตอบออกไปเป็นอย่างมาก เขาต้องการที่จะตอบว่าสี่ แต่ก็กลัวว่าโม่เทียนนั้นจะตอบว่ามันเท่ากับแกะฝูงหนึ่งอีก เขาต้องการตอบว่าคำตอบคือแกะหนึ่งฝูง แต่เขาก็กลัวว่าโม่เทียนจะตอบว่าเท่ากับสี่ ในตอนท้ายเขาก็ตอบง่าย ๆ ว่าเท่ากับสี่หรือว่าเท่ากับแกะหนึ่งฝูง เขาคิดว่าไม่ว่ายังไงเขาก็น่าจะผ่านคำถามนี้ได้อย่างแน่นอน แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น โม่เทียนบอกว่าคำตอบคือหกหรือเจ็ด นั่นเป็นเพราะว่ามีแกะสองตัวได้ให้กำเนิดลูก ให้ตายเถอะพระเจ้า เขาน่าจะจงใจไม่ยอมให้มู่หรงเสี่ยวเทียนเปลี่ยนอาชีพ !
มู่หรงเสี่ยวเทียนโดนเตะก้นอย่างไม่ทันตั้งตัวอีกครั้ง และตอนนี้รวมแล้วเขาก็ถูกโม่เทียนเตะไปแล้วถึง 3 ครั้ง เมื่อไรก็ตามที่เขาตะโกนสาปแช่งโม่เทียน เขาก็จะถูกเตะกลับไปที่เมืองโนวิซ 110 ทันทีและราวกับว่าได้สัมผัสความรู้สึกของการกระโดดออกจากเครื่องบินและตกลงมานอนกองอยู่บนดินจนรู้สึกชินไปโดยปริยาย
สมาชิกทั้งหลายของกลุ่มหนานเทียน ต่างก็ไปเปลี่ยนอาชีพที่เมืองคิริน เพราะว่าในหมู่เมืองใหญ่ ๆ ทั้งหก เมืองคิรินเป็นเมืองที่อยู่ในตำแหน่งศูนย์กลางระหว่างเมืองเหล่านั้น เป็นเมืองที่สะดวกสบายต่อการพัฒนาและเจริญรุ่งเรืองมากกว่าเมืองอื่น ๆ !
ทั้งวู่เฟิงและคนอื่น ๆ ต่างก็แนะนำให้เขาไปเปลี่ยนอาชีพที่เมืองคิริน แต่มู่หรงเสี่ยวเทียนเองกลับไม่ได้ทำแบบนั้น เพราะเขามีแผนการเป็นของตัวเองอยู่แล้ว นั่นคือในทุก ๆ วันเขาจะต้องมอบเหรียญทอง 1 เหรียญให้แก่ NPC เด็กสาวตัวเล็กตรงปากทางเข้าหมู่บ้าน ถ้าหากว่าเขาจะต้องไปยังเมืองเมืองคิริน มันจะเป็นเรื่องยุ่งยากที่จะต้องวิ่งไปวิ่งมาหลาย ๆ ครั้ง เขาเองยังไม่ได้วางแผนที่จะออกจากหมู่บ้านโนวิซ 110 จนกว่าจะเปลี่ยนอาชีพได้
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ซัมมอนเนอร์ได้เข้าไปทำการทดสอบเพื่อเปลี่ยนอาชีพ แต่เขาก็รู้สึกไม่ต่างจากมู่หรงเสี่ยวเทียนเลย พวกเขาเจอกันทุกวันที่สำนักงานเปลี่ยนอาชีพ ทั้งคู่รู้สึกราวกับว่าโดนกลั่นแกล้งจาก NPC เจ้าหน้าที่เปลี่ยนอาชีพ มู่หรงเสี่ยวเทียนสาปแช่งโม่เทียน ส่วนซัมมอนเนอร์ก็สาปแช่งโม่เหรินไม่หยุด ตอนที่เขาเห็นหยางซ่งดีใจราวกับผู้ที่ได้รับชัยชนะขณะที่เปลี่ยนอาชีพสำเร็จ ซัมมอนเนอร์เองก็ไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใด เดิมทีเขามาถึงเลเวล 10 ก่อนอีกฝ่าย แต่หยางซ่งสามารถทำการเปลี่ยนอาชีพได้ก่อน แต่เมื่อเห็นว่าหยางซ่งกำลังโอ้อวดพร้อมกับอุ้มลูกราชาหมาป่าโลหิตไปด้วยแล้ว ซัมมอนเนอร์ก็กัดฟันแน่นด้วยความโกรธแค้น
“ตาเฒ่าสารเลวโม่เหรินมอบภารกิจตีกระต่าย 10 ตัวให้กับหยางซ่ง แต่กับฉันดันให้ไปฆ่ามอนเตอร์หน้าหมูที่อยู่ในระดับ 9 ตั้ง 200 ตัว แบบนี้มันลำเอียงชัด ๆ ? ไม่อย่างงั้นหมาป่าโลหิตตัวเล็กก็คงไม่ไปอยู่ในมือของหยางซ่งหรอก
มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกตลกเล็กน้อยเมื่อนึกถึงว่าซัมมอนเนอร์ก็สาปแช่งโม่เหรินเหมือนกัน เขายิ้มออกมาและส่ายหัวอย่างไม่รู้ตัว หลังจากคิดเรื่องนี้อยู่สักพัก เขาก็รีบไปที่ห้องตรวจสอบระดับอาวุธก่อนเพื่อดูว่าไม้เท้าของเขาอยู่ในระดับที่เท่าไหร่ ตอนนี้รายการอันดับรวมถึงรายการของอุปกรณ์ได้ถูกประกาศออกมาแล้ว ในรายการเขียนว่ามีอุปกรณ์ 5 อันที่เป็นสีม่วงซึ่งเป็นอุปกรณ์ระดับสาม ส่วนเกราะที่ลึกลับที่วางอยู่ในดับแรกนั้นเป็นของจื่อเฟิง และเขายังอยู่ในอันดับแรกของการจัดอันดับของผู้เล่นอีกด้วย
คนคนนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในเกมเดสตินี่ ทั้งการเปลี่ยนอาชีพคนแรก เก็บเลเวลถึงระดับใหม่คนแรก รวมถึงได้รับอุปกรณ์สวมใส่สีม่วงที่อยู่ระดับ 3 และก็ยังมีเกราะลึกลับสีม่วงระดับ 3 และอาวุธสีม่วงระดับ 3 บางคนบนเว็บไซต์หลักของเดสตินี่ถึงกับเสนอเงิน 500,000 เพื่อซื้อของสองชิ้นนี้จากเขาเลยทีเดียว
หลังจากเห็นข่าวนี้แล้ว มู่หรงเสี่ยวเทียนก็อดใจรอไม่ไหวที่จะตรวจสอบไม้เท้าของเขา ในตอนนี้เองในใจของเขาที่ซึ่งไม่เคยลืมภาพที่หมิงหยวนที่ตายไปต่อหน้าต่อตา จู่ ๆ ก็ฉายขึ้นมาในหัว คำสัญญาที่ให้ไว้ก่อนจะจากไป และภาพของหมิงซินได้คอยเป็นแรงผลักดันให้เขามุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งอยู่เสมอ
เมื่อมู่หรงเสี่ยวเทียนนึกถึงหมิงซิน เขาก็อดไม่ได้ที่จะกระตุ้นความอยากที่จะก้าวหน้า เมื่อเดินมาถึงห้องตรวจสอบระดับไอเทมที่แสนธรรมดา มันเป็นบังกะโลเล็ก ๆ และมีป้ายธรรมดา ๆ ที่ไม่สะดุดตาแขวนอยู่ !
มู่หรงเสี่ยวเทียนเปิดประตูและเดินเข้าไป แต่ไม่ว่ายังไงมันก็ดูเหมือนโรงจำนำในชีวิตจริงไม่มีผิด ที่เคาท์เตอร์ตรงกลาง ชายวัยกลางคนที่สวมแว่นขอบทองกำลังคำนวณอะไรบางอย่างจนไม่สังเกตว่ามีคนเดินเข้ามาเลย มองดูแล้วเขาน่าจะไม่ใช่ผู้เล่นอย่างแน่นอน
มู่หรงเสี่ยวเทียนลังเลอยู่สักพัก จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปข้างหน้าพร้อมกับหยิบไม้เท้าออกมาจากกระเป๋ามิติของตัวเองและยื่นไปให้
“สวัสดีครับ ช่วยตรวจสอบไม้เท้านี้ให้ผมหน่อย”
เมื่อได้ยินดังนั้น ชายคนนั้นก็หยุดทำสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ เขาวางลูกคิดลงและรับไม้เท้าของมู่หรงเสี่ยวเทียนกลับไป “ฮ่าฮ่า เจ้าเป็นคนแรกในเมืองฟินิกซ์ที่นำสิ่งของมาตรวจสอบระดับ ตอนนี้ที่เมืองอื่น ๆ มีสิ่งของระดับ 3 มากมายที่ถูกตรวจสอบไปแล้ว”
“ถ้างั้นก็ขอรบกวนท่านด้วย” มู่หรงเสี่ยวเทียนกล่าวอย่างสภาพ ผู้ตรวจสอบมีท่าทางใจดี ‘ดีกว่าตาเฒ่าโม่เทียนหลายร้อยเท่า’ มู่หรงเสี่ยวเทียนคิดอยู่ในใจ
“ไม่ต้องสุภาพไปหรอก นี่เป็นงานของข้าอยู่แล้ว” ชายวัยกลางคนยิ้มออกมาอย่างยินดี
มู่หรงเสี่ยวเทียนซาบซึ้งจนอยากจะร้องไห้ นี่มันคือหัวใจของการบริการอย่างแท้จริง !
ผู้ประเมินวัยกลางคนมองดูมันอย่างระมัดระวัง ดวงตาของเขาเป็นประกาย เสียงของเขาสูงขึ้นเล็กน้อยแฝงไปด้วยความตื่นเต้น แต่ไม่นานเข้าก็กลับมาสงบอย่างรวดเร็ว “น้องชาย นี่ไม่เลวเลย มันเป็นสิ่งของที่ดีมาก ค่าประเมิณของมันอยู่ที่ 500 ทอง”
มู่หรงเสี่ยวเทียนหยิบเหรียญทองจำนวน 500 ทองออกมาอย่างรวดเร็ว อารมณ์ของเขาผันผวนเล็กน้อย ยิ่งค่าระดับของไอเทมมีระดับสูงมากเท่าไหร่ ราคาของมันก็จะสูงมากขึ้นตามไปด้วย ดูเหมือนว่ามันอาจจะเป็นอุปกรณ์สีฟ้าระดับ 4 และระดับต่ำสุดที่เขาคาดเดาก็คงไม่น้อยกว่าระดับ 3 สีม่วง จากนั้นมู่หรงเสี่ยวเทียนก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ภายในใจ
ชายวัยกลางคนรับเงินไปและเอื้อมมือออกไปจับที่ไม้เท้า ไฟสีเขียวสะท้อนแสงขึ้นมาจากเคาน์เตอร์ แสงสีเขียวฉายวาบออกมาจนแสบตา จากนั้นมันก็ค่อย ๆ หรี่ลง
“พระเจ้า ! อุปกรณ์สีเขียวระดับที่ 6 ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนอุทานออกมาอย่างตื่นเต้น
To be continued…