เส้นทางแห่งโชคชะตา - ตอนที่ 25: ผู้สังหารบอสอัจฉริยะคนแรก
เล่มที่ 1 ตอนที่ 25: ผู้สังหารบอสอัจฉริยะคนแรก
มู่หรงเสี่ยวเทียนก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง แม้ว่าทอรัสจะนอนหลับตาอยู่และดูอ่อนแรงเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ ดูจากการต่อสู้ที่ดุเดือด เขาเข้าใจดีว่าทอรัสแข็งแกร่งมากแค่ไหน ในที่สุดตอนนี้เขาก็เข้าใกล้ทอรัสประมาณ 5 เมตร “ดูเหมือนว่าทอรัสจะไม่ได้เจ็บอะไรมากมายเท่าไหร่” มู่หรงเสี่ยวเทียนกังวลเล็กน้อยและพยายามสงบสติอารมณ์ของเขา เขาค่อย ๆ หยิบดาบไม้ออกมา นี่คืออาวุธที่ดีที่สุดของเขาตอนนี้
มู่หรงเสี่ยวเทียนค่อย ๆ รวบรวมสติและสูดลมหายใจลึก ๆ พร้อมกับเปิดใช้สกิลแฟนธ่อมดริฟ เขาพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงเกิดร่างเงาของเขาที่เป็นภาพติดตาขึ้นมาสองสามร่าง เขาแทงเข้าไปที่ลูกตาของทอรัสอย่างดุดันด้วยดาบของเขา
“อ้าก ! ” ทอรัสร้องลั่นออกมา จากนั้นก็ใช้ไม้เท้าในมือของเขาฟาดไปมาขณะที่นอนอยู่ เขาฟาดถูกร่างของมู่หรงเสี่ยวเทียนอย่างจังจนทำให้อีกฝ่ายกระเด็นห่างออกไปมากกว่า 2 เมตร
ช่วงเวลานั้นมันทำให้ร่างกายของมู่หรงเสี่ยวเทียนเต็มไปด้วยเหงื่อ และทอรัสเองก็สามารถสร้างบาดแผลให้เขาได้เล็กน้อยจากการสะบัดมือเพียงครั้งเดียว พวกนักเวทย์นั้นจะมีพลังโจมตีทางกายภาพและร่างกายที่ค่อนข้างอ่อนแอ เทียบไม่ได้กับพวกที่เป็นนักสู้หรืออัศวินเลย และดูเหมือนว่าตอนนี้มานาของทอรัสก็มีไม่พอที่จะใช้สกิล จึงเป็นโอกาสดีของมู่หรงเสี่ยวเทียน แม้ว่าจะมีความต่างระหว่างเลเวลอยู่มาก แต่ในเมื่อทอรัสอ่อนแรงจนลุกยืนแทบไม่ไหว นี่อาจจะทำให้มู่หรงเสียวเทียนจัดการกับทอรัสได้ ตอนนี้เขาไม่มีเวลามากพอที่จะรักษาบาดแผลบนร่างกาย และเขาก็ไม่มีเวลามากพอที่จะคิดว่ามีพลังชีวิตเหลือมากมายเท่าไหร่ สิ่งเดียวที่มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกได้ในตอนนี้ก็คือต้องไม่ให้โอกาสทอรัสได้พักหายใจ เพราะถ้าหากว่าเมื่อไหร่ที่อีกฝ่ายรวบรวมมานาได้มากพอ เขาจะต้องเป็นฝ่ายที่ต้องตายอย่างแน่นอน
โดยไม่รอให้ร่างกายล้มลง มู่หรงเสี่ยวเทียนรีบใช้มือขวาดันลงไปบนพื้นเพื่อทำให้ร่างกายเขาลุกขึ้นยืนอีกครั้ง เขาตีลังกากลับมาและใช้ทักษะแฟนธ่อมดริฟ พุ่งเข้าหาทอรัสอย่างรวดเร็ว
คราวนี้มู่หรงเสี่ยวเทียนใช้สกิลอย่างรอบคอบ แทนที่จะต่อสู้ตรง ๆ กับทอรัส เขาโจมตีโดยหมุนไปรอบ ๆ ตัวของอีกฝ่าย ทอรัสที่กำลังได้รับบาดเจ็บสาหัส เขากระวนกระวายกับการโจมตีนี้เป็นอย่างมาก ขณะนี้แค่ยืนยังลำบาก ยิ่งมู่หรงเสี่ยวเทียนใช้สกิล เขาก็ยิ่งตาลาย มองตามอีกฝ่ายแทบไม่ทัน
มู่หรงเสี่ยวเทียนเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว และโจมตีออกไปที่ตัวของทอรัสอย่างรวดเร็ว เขาใช้หมัด เท้า เข่า และศอก แม้ว่าการโจมตีนั้นจะทำให้เขาเสียพลังชีวิตเล็กน้อยในทุก ๆ ครั้ง แต่ทว่าเขาก็ยังยอมแลก เขายอมทำทุกหนทางเพื่อให้ได้รับชัยชนะ นี่คือทั้งหมดที่มู่หรงเสี่ยวเทียนกำลังคิดในตอนนี้
“ตึ๊ง ! ” ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นชื่อโจร คุณสามารถฆ่าบอสอัจฉริยะ รางวัลที่ได้รับเป็นค่าโชคลาภ 1 หน่วย และค่าชื่อเสียง 2,000 หน่วย
“ตึ๊ง ! ” ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นชื่อ โจร คุณเป็นคนแรกที่ฆ่าบอสอัจฉริยะ ได้รับรางวัลเป็นค่าชื่อเสียง 1,000 หน่วย
“ตึ๊ง ! ” ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นชื่อโจร เลเวลอัพขึ้นหนึ่งระดับ
“ตึ๊ง ! ” ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นชื่อโจร เลเวลอัพขึ้นหนึ่งระดับ
“ตึ๊ง ! ” ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นชื่อโจร เลเวลอัพขึ้นหนึ่งระดับ
…………………………….
“ประกาศจากระบบ เนื่องจากผู้เล่นที่ชื่อโจรเลเวลถึง 10 ระบบจะอัพเกรดให้โดยอัตโนมัติ และประตูมิติจากหมู่บ้านโนวิซจะถูกเปิดใช้งานได้ทั้งหมด”
“ตึ๊ง ! ” ขอแสดงความยินดีกับผู้เล่นที่ชื่อว่าโจร คุณเป็นคนแรกที่มีเลเวลถึง 10 คุณจะได้รับรางวัลเป็นค่าชื่อเสียง 1,000 หน่วย คุณสามารถไปเปลี่ยนอาชีพได้ที่สำนักงานหลักในหกเมืองใหญ่เพื่อเปลี่ยนอาชีพ
มู่หรงเสี่ยวเทียนหยุดการโจมตีทันทีที่ได้ยินระบบแจ้งเตือนเช่นนั้น เขานั่งลงบนพื้นและหอบหายใจอยู่ตรงที่ที่ทอรัสตาย แต่ทันทีที่เขานั่งลงไป เขาก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่กองอยู่ตรงหน้าเขาเต็มไปหมด
“เงิน ! ฮ่าฮ่าฮ่า” มู่หรงเสี่ยวเทียนยิ้มอย่างมีความสุข “ในที่สุดฉันก็สามารถทิ้งการขุดเหมืองอันแสนยากลำบากไปได้แล้ว” เขารีบลุกขึ้นมาและเก็บเหรียญทองเหล่านั้นพร้อมกับนับมันอย่างมีความสุข
“ทอรัส แกนี่มันรวยชะมัด ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนนับจำนวนเหรียญทองได้ทั้งหมด 3,886 เหรียญ นับเสร็จเขาก็เก็บใส่กระเป๋ามิติทันที
“เอ๊ะ ! อะไรอีกเนี่ย ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนพบกับของสองสิ่งใต้เหรียญทองเหล่านั้น เขาเอื้อมมือไปหยิบลูกปัดที่ขนาดพอ ๆ กันกับลูกปิงปอง สิ่งนั้นคือหินวิญญาณโลหิต (ไอเทมสำหรับภารกิจ) เขาที่ยังไม่ได้รับภารกิจ จึงไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่
เมื่อหยิบของอีกอันขึ้นมา มันเหมือนกับว่าเป็นตราประทับของหน่วยงานทางราชการสมัยโบราณ ตราประทับนี้เป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส มันให้ความรู้สึกราบเรียบในตอนที่สัมผัสครั้งแรก สีของมันเป็นสีครีมออกเหลือง มันเปล่งแสงสีเหลืองจาง ๆ ออกมา ดูรวม ๆ แล้วมันให้กลิ่นอายเหมือนกับมองดูวัดเหวินหวู่อย่างไรอย่างนั้น อีกทั้งมันยังมีคำสองคำติดอยู่ด้านหลังแต่ทว่ามันถูกประทับเอาไว้
“บัดซบ ของอะไรก็ไม่รู้ แต่เอามันกลับไปก็คงไม่เสียเวลาหรอกมั้ง ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนยิ้มออกมาอย่างไม่พอใจจากนั้นก็โยนมันลงไปในกระเป๋ามิติของเขา เขาเดินไปสองสามก้าว แล้วก็หยิบไม้เท้าของทอรัสขึ้นมา
‘สิ่งของที่ไม่ได้ระบุชื่อ’ มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นประโยคนี้บนไม้เท้า “ให้ตายเถอะ มันเป็นของที่ทอรัสเคยใช้ เมื่อเจ้าของเก่าตายไป มันเลยกลายเป็นไม้เท้าที่ไม่มีชื่อสินะ ฮ่าฮ่าฮ่า ฉันนี่ช่างโชคดีจริง ๆ ! ” เขาพูดไปส่ายหัวไปก่อนที่จะยัดมันลงไปในกระเป๋ามิติ
“ในที่สุดก็จบสักที ! ” สุดท้ายมู่หรงเสี่ยวเทียนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่ทว่าก้นกบของเขายังคงเจ็บอยู่ไม่น้อย ทั้งร่างกายปวดร้าวไปแทบจะทุกส่วน ลมที่พัดมาเบา ๆ ทำให้ร่างกายของมู่หรงเสี่ยวเทียนที่เหนื่อยล้าได้รับการผ่อนคลาย ดวงจันทร์ที่เจิดจ้าบนฟากฟ้าก็สะท้อนผืนน้ำที่กว้างใหญ่ของบริเวณนั้นให้คล้ายกับผืนฟ้าอีกผืนที่สะท้อนแสงระยิบระยับของดวงดาว มันทั้งเงียบสงบและเต็มไปด้วยจินตนาการ
“ทอรัส ตาเฒ่าคนนี้เลือกสถานที่ได้ดีจริง ๆ ” มู่หรงเสี่ยวเทียนก็รู้สึกหลงใหลในแสงจันทราที่สวยงามเช่นกัน
แต่ทว่าทันใดนั้นดูเหมือนว่าเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง ก่อนจะสบถออกมาด้วยความตกใจ “ให้ตายเถอะ ! ” หลังจากที่เจอสถานการณ์แบบนี้มาเป็นเวลานาน เขาก็ดันลืมลูกหมาป่าเอาไว้ในแหวนมิติ เขารีบเปิดมันออกมาอย่างรวดเร็วจากนั้นก็รีบจับลูกราชาหมาป่าโลหิตกลายพันธุ์ออกมาด้วยความกังวล
มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าราชาหมาป่าโลหิตตัวจิ๋วนั้นลืมตาขึ้นมา สายตาที่น่ารักคู่นั้นจับจ้องมาที่ใบหน้าของเขา มันส่งเสียงร้องเรียกมู่หรง “หงิง หงิง” สองครั้ง จากนั้นก็ยืดตัวบิดขี้เกียจ ลิ้นเล็ก ๆ ที่น่ารักของมันเลียมาที่นิ้วของมู่หรงและพยายามดูดมันราวกับว่ากำลังหิวนม
“เจ้าตัวเล็ก กำลังหิวใช่มั้ย ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกจั๊กจี๋เล็กน้อยขณะที่ราชาหมาป่าโลหิตตัวน้อยกำลังดูดนิ้วของเขาอยู่ จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา
“เอาล่ะเจ้าตัวเล็ก ฉันจะนำแกกลับไปและหาอะไรให้กิน” มู่หรงเสี่ยวเทียนลูบหัวเจ้าตัวเล็กอย่างเบามือ จากนั้นก็เปิดหน้าต่างแผนที่ออกมา
“ชิบบบหายยยย ! ! ” เมื่อเห็นแผนที่ มู่หรงเสี่ยวเทียนก็ถึงกับกรีดร้องออกมาอย่างน่าสังเวช !
To be continued…