เส้นทางแห่งโชคชะตา - ตอนที่ 22: เท้าที่แตกต่าง
เล่มที่ 1 ตอนที่ 22: เท้าที่แตกต่าง
มู่หรงเสี่ยวเทียนเคลื่อนตัวออกไปช้า ๆ ตามขอบหน้าผา ขณะที่กำลังเคลื่อนตัวอยู่ เขาก็จ้องมองไปยังหมาป่าโลหิตที่อยู่ไกลออกไปอย่างระแวดระวัง
โชคไม่ดีนักที่เวลานี้ดวงอาทิตย์ได้ลับยอดเขาลงไปแล้ว ความมืดมิดในยามค่ำคืนบดบังวิสัยทัศน์ในการมองเห็นของเขาเป็นอย่างมาก แต่กลับกันมันทำให้ระยะการมองเห็นของพวกหมาป่าเพิ่มขึ้นมาอีกในระดับหนึ่ง !
อาจจะเป็นเพราะว่ามู่หรงเสี่ยวเทียนก้าวไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ และระมัดระวัง จึงทำให้หมาป่าโลหิตไม่ได้สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย จากนั้นเขาก็ไปถึงบริเวณแห่งนั้นอย่างปลอดภัย ก่อนที่เขาจะถอนหายใจออกมายาว ๆ และยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่ชุ่มอยู่เต็มหน้าผาก เมื่อตั้งหลักได้เขาก็หันไปสังเกตการณ์รอบ ๆ
“ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษนี่” มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย มันไม่มีอะไรพิเศษอย่างที่คิดไว้ ขณะที่เขากำลังสำรวจสถานที่แห่งนี้ เขาก็คอยระแวดระวังและจับตาดูการเคลื่อนไหวของหมาป่าโลหิตอยู่ตลอดเวลา มอนสเตอร์ระดับที่สามนั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะจัดการกับมันได้ด้วยตัวเองได้
ขณะที่เดินสำรวจอยู่นั้น มู่หรงเสี่ยวเทียนก็เห็นแสงระยิบระยับลอยไปมาอยู่ตรงหน้าเขาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว สิ่งนี้มันจึงทำให้เขาตื่นเต้นอย่างมาก เพราะในที่สุดเขาก็ได้พบกับบางสิ่งบางอย่างที่น่าสนใจ เมื่อเดินตามแสงนั้นเข้าไป เขาก็พบว่าแสงนั้นออกมาจากในถ้ำและมันก็สว่างไปทั่วข้างในนั้น
เมื่อตั้งสติได้ ในที่สุดมู่หรงเสี่ยวเทียนก็ตัดสินใจ แต่ในเมื่อมาถึงขนาดนี้แล้ว ถ้าคิดจะถอยไปมันก็คงไม่ทัน และเขาอาจจะต้องเสียใจในภายหลังที่พลาดโอกาสนี้ไป เพราะของที่อยู่ในนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นทั้งสมบัติหรือคำสาป สิ่งที่เขาทำได้ในตอนนี้คือเดินหน้าต่อไป เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาก็เดินเข้าไปในทันที
ในถ้ำนั้นว่างเปล่า พื้นที่ด้านในมีขนาดประมาณ 50 ตารางเมตรและมีความสูงราว ๆ 7 – 8 เมตร มีแสงบางอย่างส่องสว่างออกมาจากตรงกลางของผนังถ้ำ มันฉายแสงระยิบระยับแพรวพราวออกมา และตรงผนังที่ลึกเข้าไปก็ถูกประดับประดาไปด้วยลูกปัดขนาดเท่าหัวแม่มือ มันเปล่งประกายแสงสีฟ้าจาง ๆ ออกมาอีกด้วย
บริเวณแห่งนั้นถูกปกคลุมไปด้วยแสงสีฟ้าอ่อน ๆของลูกปัด แสงนั้นมันน่าดึงดูดใจไม่น้อย บนพื้นด้านในสุดของถ้ำ ลูกหมาป่าโลหิตตัวเล็กสีแดงอ่อนกำลังนอนอยู่บนรางหญ้า
มู่หรงเสี่ยวเทียนไม่ได้ใส่ใจกับลูกหมาป่าโลหิตระดับ 3 นี้มากนัก อย่างแรกนั้น เนื่องจากมันพึ่งจะเกิด เหมือนจะพึ่งคลอดได้ไม่กี่วันด้วยซ้ำ พวกมันเป็นเพียงมอนสเตอร์ระดับที่ต่ำที่สุด อย่างที่สองเพราะเขาไม่ใช่ซัมมอนเนอร์ แม้ว่าเขาจะขโมยออกไปได้ แต่ยังไงเขาก็ไม่มีสกิลที่จะทำพันธสัญญากับมอนสเตอร์ สิ่งที่ดึงดูดใจเขามากที่สุดในเวลานี้ก็คือลูกปัดที่มีขนาดเท่าหัวแม่มือ มันเปล่งแสงสีฟ้าจาง ๆ และฝังอยู่ในผนังของถ้ำ
หลังจากที่เกิดมาบนโลกได้ไม่กี่วัน ลูกหมาป่าเหล่านั้นยังไม่ลืมตาขึ้นมา ดังนั้นพวกมันจึงไม่ทันสังเกตเห็นว่ามู่หรงเสี่ยวเทียนกำลังเดินเข้าไปและคิดที่จะขโมยลูกปัด ในขณะนั้นลูกหมาป่าโลหิตตัวเล็กก็อ้าปากหาวอย่างเกียจคร้าน มันแลบลิ้นออกมาด้วยความไร้เดียงสาก่อนที่จะหันหลังกลับและหลับต่อไป
“พระเจ้า……” มู่หรงเสี่ยวเทียนที่กำลังจะหยิบจอบออกมาและเตรียมที่จะโจมตี จู่ ๆ เขาก็พบว่ามีหนึ่งในสี่ของลูกหมาป่าโลหิตมีเท้าสีขาว มันแยกตัวออกมาและร้องด้วยความตกใจ
ก่อนหน้านี้ เขาศึกษาข้อมูลบนเว็บไซต์ทางการของเดสตินี่อย่างมาก บนเว็ปไซต์นั้นมีข้อมูลของมอนสเตอร์จำนวนมากที่ให้คำแนะนำอย่างละเอียดอยู่ และหมาป่าโลหิตนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน ในรายละเอียดได้บอกว่าหมาป่าโลหิตระดับที่ 3 ธรรมดาจะไม่มีความแตกต่างอะไร แต่ทว่าราชาหมาป่าโลหิตจะมีตัวสีแดงและข้อเท้าสี่ข้างจะเป็นสีขาว ส่วนราชาหมาป่าโลหิตกลายพันธุ์ระดับที่ 5 ลำตัวของมันจะเป็นสีแดงและท้องของมันจะเป็นสีขาว เว็บไซต์ทางการยังมีคำอธิบายสำหรับฝึกสัตว์ของซัมมอนเนอร์อีกด้วยว่า มอนสเตอร์ที่เพิ่งเกิดอยู่มันจะมีเลเวลเริ่มต้นที่ 0 จาก จากนั้นเลเวลมันก็จะขึ้นไปเรื่อย ๆ ตามทรัพยากรที่ใช้ในการเลี้ยงดู ซึ่งหมาป่าตัวน้อยที่อยู่ตรงหน้าเขานี้ก็คือเป็นราชาหมาป่าโลหิตกลายพันธุ์ที่คาดว่าถ้าหากเลี้ยงมันอย่างดี มันมีโอกาสถึง 80 เปอร์เซ็นต์ที่มันจะเพิ่มไปอีกระดับ ?
มู่หรงเสี่ยวเทียนยื่นมือออกไปและกอดลูกราชาหมาป่าโลหิตกลายพันธุ์เอาไว้ในอ้อมแขนของเขา ลูกราชาหมาป่าโลหิตกลายพันธุ์ที่ตัวเล็กและน่ารักได้แลบลิ้นของมันพร้อมกับเลียลงไปที่ฝ่ามือของมู่หรงเสี่ยวเทียน และนอนบนอ้อมกอดของเขาอย่างง่ายดาย
มู่หรงเสี่ยวเทียนลูบขนที่อ่อนนุ่มสีแดงก่ำของลูกราชาหมาป่าอย่างตื่นเต้น แต่เขาก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ที่ว่าทำไมเขาไม่เลือกอาชีพผู้อัญเชิญตั้งแต่แรก ? ดูเหมือนว่าจะมีเพียงเด็กกะโปโลหยางซ่งและซัมมอนเนอร์ที่เลือกอาชีพนี้ มู่หรงเสี่ยวเทียนวางลูกราชาหมาป่าลงบนพื้นอย่างระมัดระวัง และจ้องมองไปที่ลูกปัดข้างฝาผนังนั้น ราชาหมาป่าโลหิตมีค่าสำหรับผู้อื่น แต่สำหรับเขาแล้ว ลูกปัดพวกนี้ย่อมมีค่ามากกว่า
มู่หรงเสี่ยวเทียนค่อย ๆ งัดลูกปัดออกมาด้วยจอบเวคินของเขา ขณะที่เขาจ้องมองมันอย่างใกล้ชิด เขารู้สึกได้ถึงอากาศที่บริสุทธิ์และเย็นสบาย แต่ทันใดก็รู้สึกถึงการสั่นสะเทือนของพื้นดินเล็กน้อย พร้อมกับเสียงเห่าหอนดังมาจากข้างนอกถ้ำ มันเริ่มใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จากการสั่นสะเทือนเบา ๆ ตอนนี้เริ่มรุนแรงขึ้นราวกับแผ่นดินไหว
“พระเจ้า ! นี่มันเกิดอะไรขึ้นวะเนี่ย ? ” มู่หรงเสี่ยวเทียนตะโกนขึ้นมา เขารีบยัดลูกปัดลงไปในแหวนแห่งความโกลาหล พร้อมกับอุ้มลูกราชาหมาป่าโลหิตแล้ววิ่งออกไปจากถ้ำทันที
ท้องฟ้าข้างนอกนั้นเริ่มมืดครึ้มไปด้วยเมฆหมอก แสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ได้ลับขอบฟ้าไปนานแล้ว ความมือสลัวเข้ามาปกคลุม สิ่งที่พุ่งเข้ามาในดวงตาของมู่หรงเสี่ยวเทียนนั้นคล้ายกับกลุ่มเมฆสีแดงที่ปกคลุมท้องฟ้าและพื้นดินขนาดใหญ่ เสียงเห่าหอนดังก้องกังวานไปทั่วทุกสารทิศโดยที่กองทัพอันเกรียงไกรนับพันชีวิตปรากฏขึ้นมาล้อมรอบ
“บ้าเอ้ย นี่มันอะไรกันเนี่ย ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกสับสน ไม่รู้จะทำอะไรต่อไปดี หมาป่าโลหิตหลายพันตัวพุ่งเข้าหาเขาราวกับพายุโถมกระหน่ำ แม้ว่าราชาหมาป่าโลหิตยังอยู่ห่างไกลออกไป แต่รับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายมันนั้นสูงกว่าหมาป่าโลหิตทั่วไปมาก
“ฉันอุ้มแกต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว ! ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เขาโยนลูกราชาหมาป่าโลหิตกลายพันธุ์เข้าไปในแหวนแห่งความโกลาหล เขาจะรู้สึกหายใจสะดวกได้อย่างไรในเวลานี้ ? และอีกอย่างเขาจะเอาปัญญาที่ไหนไปรับมือกับสถานการณ์แบบนี้ การไล่ล่าของกองทัพหมาป่าที่รวดเร็วแบบนี้มันทำให้เขาต้องใช้สกิลแฟนธ่อมดริฟเพื่อหลบหนีไปให้ไกลที่สุด
แต่ทว่าหมาป่าโลหิตนั้นรวดเร็วอย่างมาก ขณะที่มู่หรงเสี่ยวเทียนกำลังวิ่งมาถึงทางออกของหุบเขาลึก หมาป่าโลหิตก็ตามมาถึงด้านหลังของเขาแล้ว เมื่อสัตว์กินพืชในหุบเขาที่อยู่ด้านหน้าสัมผัสได้ถึงลมหายในที่อันตราย มันก็เริ่มวิ่งหนีไปทั่วทุกหนทุกแห่ง จากสัญชาตญาณของพวกมัน มันรับรู้ได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งและดุร้ายที่ออกมาจากปากหุบเขาลึกอย่างรวดเร็ว !
ราชาหมาป่าโลหิตที่เป็นจ่าฝูงรีบวิ่งไปยังทางออกของหุบเขา ทันทีที่ถึงที่นั่นมันก็รีบหยุดกะทันหันและผ่านเข้าไปยังช่องเล็ก ๆ ของหุบเขาอย่างระมัดระวัง
มู่หรงเสี่ยวเทียนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่เขายังรู้สึกตื่นตระหนกไม่หาย ในเวลาเพียงแค่ 10 วินาที มานาของเขานั้นก็ถูกใช้ไปมากกว่าครึ่ง ยังดีที่เขาได้ใช้คะแนนจากการเลื่อนเลเวลถึง 4 ระดับนี้นำไปอัพความฉลาด (Int) ไม่งั้นแล้ว มู่หรงเสี่ยวเทียนคงจะไม่สามารถยืนยิ้มอย่างภูมิใจได้ในขณะนี้ และดูเหมือนว่าเขาจะปลอดภัยแล้ว !
มู่หรงเสี่ยวเทียนวิ่งออกจากบริเวณนั้นทันทีและมุ่งหน้าสู่เขตแดนของพวกสัตว์กินพืช ราชาหมาป่าโลหิตที่กำลังลังเลก็เงยหน้าขึ้นมาและส่งเสียงหอนดังลั่นไปทั่วทั้งทั้งป่า เมื่อสิ้นเสียงร้องอันน่าเกรงขาม ราชาหมาป่าโลหิตก็ได้นำกองทัพของมันมุ่งหน้าไล่ล่าต่อ
มู่หรงเสี่ยวเทียนที่เพิ่งจะวางใจได้ไม่นาน เขาก็ต้องรีบใส่เกียร์หมาอีกครั้ง “บ้าแล้ว มันยังไม่จบอีกหรือเนี่ย ? ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย ! ? ” เสียงคร่ำครวญดังออกมาจากลำคอของเขา
To be continued…