เส้นทางแห่งโชคชะตา - ตอนที่ 21: ราชาหมาป่าโลหิต
เล่มที่ 1 ตอนที่ 21: ราชาหมาป่าโลหิต
เมื่อมู่หรงเสี่ยวเทียนตื่นขึ้นมาก็เป็นเวลาเกือบบ่ายโมงแล้ว เขารีบวิ่งไปยังห้องอาหารอย่างไม่รีรอ ก่อนที่จะเข้ามาออนไลน์หลังจากทานอาหารอันแสนอร่อย ด้วยความรวดเร็วจากจอบเวคิน เขาก็สามารถนำเหรียญทองมาให้เด็กสาว NPC ผู้น่าสงสารได้ภายในไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นเขาก็เริ่มทำการเก็บเลเวลอย่างเมามัน จนกระทั่งแสงสว่างจากพระอาทิตย์เริ่มหายไป
“พระอาทิตย์ตกดินนี่เป็นวิวทิวทัศน์ที่สวยจริง ๆ แต่มันก็เป็นการเตือนว่าใกล้จะมืดแล้วสิ” มู่หรงเสี่ยวเทียนที่กำลังพักผ่อนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่พึมพำออกมาขณะที่กำลังมองดูใบไม้หลากสีปลิวไปในสายลม
ภูเขาที่อยู่ไกลออกไปนั้นตั้งสูงตระหง่านภายใต้แสงอาทิตย์อัสดง และยอดเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆหมอกสีแดงอ่อนที่สลับซับซ้อน ซึ่งเผยให้เห็นถึงความลึกลับที่สวยงามของผืนฟ้าแห่งนี้
“ช่างเป็นทิวทัศน์ที่สวยงามจริง ๆ ทั้งภูเขาและแม่น้ำสวยงามจนแทบไม่อยากลุกไปไหนเลย เฮ้อ” มู่หรงเสี่ยวเทียนถอนหายใจออกมา ด้วยความที่ไม่ค่อยเข้าใจธรรมชาติมากนัก เขาจึงไม่รู้ว่าจะแสดงความรู้สึกยังไงออกมา
“ไปดูที่อีกด้านหนึ่งของภูเขาดีกว่า” มู่หรงเสี่ยวเทียนถูกล่อลวงจากวิวทิวทัศน์ที่เห็นอยู่ตรงหน้าอย่างไม่รู้ตัว จนทำให้อยากจะอ้อมไปดูอีกฝั่งหนึ่งของภูเขาว่าจะเป็นอย่างไรอย่าง แต่เขาเองก็ลังเลอยู่ไม่น้อยเนื่องจากตอนนี้ก็เริ่มมืดแล้ว “คงไม่เป็นอะไร ถ้าหากว่ามันไม่สวยหรือมีอันตรายก็แค่วิ่งกลับมา” มู่หรงเสี่ยวเทียนคิดอยู่ภายในใจ จากนั้นก็ยิ้มให้กำลังใจตัวเอง “มันคงไม่ดีแน่หากว่าต้องตายจริง ๆ แต่ก็นะ ฉันชินกับมันแล้วล่ะ ฮ่าฮ่า”
เมื่อคิดถึงเรื่องการตายนับครั้งไม่ถ้วนของเขา มู่หรงเสี่ยวเทียนก็ไม่ลังเลอีกต่อไป เขาใช้สกิลแฟนธ่อมดริฟพุ่งหายไปอีกด้านหนึ่งของภูเขาทันที ในช่วงแรก ๆ ก็พอจะเห็นเงาจาง ๆ ของผู้เล่นคนอื่น ๆ อยู่บ้างแต่เมื่อเข้าไปใกล้ตีนเขามากขึ้นเท่าไหร่ มันก็ไม่เหลือผู้เล่นคนอื่นอีกเลย เพราะตีนเขาที่มู่หรงมาถึงนั้นมันเป็นอีกด้านหนึ่งของป่าซึ่งมืดกว่าและมีต้นไม้สูงใหญ่เต็มไปหมด มู่หรงเสี่ยวเทียนเลือกสถานที่ที่ลับตาและพุ่งเข้าไปในทันที แสงของดวงอาทิตย์เริ่มที่จะริบหรี่ลงเรื่อย ๆ มันส่องผ่านกิ่งก้านและใบไม้ลงมาทำให้เห็นเป็นเงาของต้นไม้จาง ๆ ทอดยาวออกไป เมื่อแหงนขึ้นไปก็พบกับกลุ่มดาวมากมายบนท้องฟ้า
มู่หรงเสี่ยวเทียนเดินไปด้านหน้าอย่างระมัดระวัง แต่เขาก็ไม่เห็นสิ่งผิดปกติเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่เดินต่อไปสักพัก ก็มีหมอกหนาปรากฏขึ้นมาต่อหน้าของเขา เขาลังเลอยู่ครูหนึ่งจากนั้นก็พุ่งเข้าไป เมื่อเดินเข้าไปในหมอกนั้นก็ทำให้ทัศนวิสัยของเขาลดลงอย่างมาก เขามองเห็นข้างหน้าแค่เพียง 5 เมตรเท่านั้น
โชคดีที่ระยะของกลุ่มหมอกนั้นไม่กว้างมากเท่าไหร่ มู่หรงเสี่ยวเทียนเดินไปข้างหน้าไม่ถึง 50 เมตร เขาก็พบว่ามันมีแสงอาทิตย์รำไรทะลุผ่านหมอกออกมา เขารู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที “โชคดีจริง ๆ ที่หมอกนี้ไม่ได้ครอบคลุมพื้นที่กว้างมาก ไม่งั้นเราก็คงจะหลงทางไปแล้ว”
เมื่อเดินออกจากหมอกมา มู่หรงเสี่ยวเทียนก็ต้องตกตะลึงกับทิวทัศน์ตรงหน้าของเขาทันที มันมีหุบเขาขนาดใหญ่อยู่ตรงนั้น มีฝูงนกอาศัยอยู่มากมาย ดอกไม้ที่บานสะพรั่งก็ส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลไปทั่วทั้งพื้นที่ ฝูงวัวและฝูงแกะหากินกันบนพื้นหญ้าอย่างไม่กังวลสิ่งใด มันราวกับว่าเป็นสวรรค์บนดินเลยก็ว่าได้ มีสัตว์ไม่ต่ำกว่าสิบชนิดอาศัยอยู่บนภูเขาลูกนี้ แต่พวกมันทั้งหมดนั้นกลับอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างปรองดอง
มู่หรงเสี่ยวเทียนสังเกตอย่างระมัดระวัง และเขาก็เห็นว่าพวกมันเป็นสัตว์กินพืชทั้งหมด “ไม่แปลกใจเลยที่มันอยู่กันอย่างสันติ” มู่หรงเสี่ยวเทียนคิดในใจลับ ๆ จากนั้นเขาก็เผยรอยยิ้มแปลก ๆ ออกมา เขาไม่รู้ว่าการต่อสู้กับมอนสเตอร์เหล่านี้จะเพิ่มค่าประสบการณ์ให้กับตัวเองรึไม่ แต่ท้ายที่สุดเขาก็ล้มเลิกความคิดเหล่านี้ไป เพราะเขารู้ว่าสุนัขจะหันกลับมาต่อสู้ในยามที่มันจนตรอก ในกรณีที่สัตว์กินพืชเหล่านี้ถูกโจมตี มันก็คงจะหันกลับมาต่อสู้สุดชีวิตไม่ต่างกัน
มู่หรงเสี่ยวเทียนเดินเข้าไปใกล้สัตว์พวกนี้อย่างช้า ๆ เขาพบว่าไม่เพียงแต่พวกมันจะไม่โจมตีเขา แต่พวกมันก็ยังไม่กลัวเขาเลยแม้แต่น้อย พวกมันไม่ได้สนใจต่อการปรากฏตัวของเขาเลยด้วยซ้ำ การที่เขาเห็นแบบนี้ทำให้เขานึกอะไรสนุก ๆ ขึ้นมา เขาอดไม่ได้ที่จะนึกถึงกวางเพราะว่าเขาอยากจะลองขี่มันสักครั้งหนึ่ง แต่สิ่งที่ทำให้เขากลับต้องล้มเลิกความคิดก็คือ ไม่ว่าเขาจะตะโกนใส่พวกมันยังไง พวกมันทั้งหลายก็ไม่ฟังคำสั่งของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ดูเหมือนว่าจะต้องใช้งานสกิลของผู้อันเชิญสินะ ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนถอนหายใจออกมา เพราะตอนนี้เขาพบกับความผิดหวังอย่างเลี่ยงไม่ได้
ดวงตะวันสีแดงระยิบระยับได้จมหายจากยอดเขาลงไปครึ่งหนึ่งแล้ว ความงามในเวลานี้ถูกบังบดด้วยเงาของภูเขา เมื่อถึงตอนนั้นเขาก็เริ่มคิดแล้วว่าจะกลับออกไป มันคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีนักหากจะรอจนกว่าฟ้ามืดก่อนแล้วค่อยถอยกลับไป
เมื่อมู่หรงเสี่ยวเทียนกำลังจะกลับ เขาก็บังเอิญสังเกตเห็นช่องทางบางอย่างตรงหน้าผานั่น แต่เพราะมันมืดสลัวจึงทำให้เห็นไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก ด้วยความสงสัยที่ครอบงำ จึงทำให้เขาต้องเดินเข้าไปดูให้ใกล้กว่าเดิม “มันจะใช่หุบเขาลึกไหมนะ ? ”
เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลาอยู่ เขาก็รีบเดินไปที่หุบเขานั่น เมื่อเดินเข้ามาได้สักพัก เขาถึงรู้ว่าในหุบเขานี้มันแคบมาก กว้างแค่เพียงไม่ถึง 2 เมตร มันทอดยาวออกไปราว ๆ 100 เมตร เมื่อแหงนมองขึ้นไปก็เห็นท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ข้าง ๆ เป็นกำแพงหินทั้งสองฝั่งสูงชันขึ้นไป ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังขี่เมฆและพุ่งหายไปในท้องฟ้าสีคราม
เขาเดินตามทางนั้นไปด้วยความสงสัย และก่อนที่เขาจะถึงจุดสิ้นสุด เขาก็ได้ยินเสียงคำรามของเสือโคร่งเบา ๆ มันผสมปนเปกับเสียงเห่าหอนอันน่ากลัวของหมาป่า เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกังวลเล็กน้อย เสือกับหมาป่านั้นไม่ใช่สัตว์กินพืช เขาควรจะระมัดระวังเอาไว้ให้ดี แม้ว่าเขาจะคิดแบบนั้น แต่เขาก็ยังเร่งฝีเท้าให้เข้าไปใกล้มากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้มันก้ำกึ่งกันระหว่างความกลัวและความอยากรู้อยากเห็น ท้ายที่สุดความอยากรู้อยากเห็นก็ได้รับชัยชนะ
เขาเดินเข้าไปใกล้ถึงทางออกเรื่อย ๆ พอไปถึง กลิ่นของอากาศอันบริสุทธิ์ที่ผสมผสานกับกลิ่นไอดินได้ลอยมาตามสายลม ผืนป่าที่กว้างใหญ่ เมฆสีขาวนวล ภูเขา ลำธาร และทุ่งหญ้าปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาราวกับว่าเป็นภาพวาดที่มีสีสัน
“มันเป็นภูเขา ทุ่งหญ้า และแม่น้ำ ไม่มีทางออก และไม่มีหมู่บ้านอื่น ๆ อีกด้วย ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนพูดออกมาเมื่อเห็นทิวทัศน์ตรงหน้า เขาคิดว่าไม่น่าจะมีอย่างอื่นในที่นี่แห่งนี้อีกแล้ว
ในโลกที่มองออกไปไกลสุดลูกหูลูกตา นอกจากเสือโคร่งขาวที่มองเห็นได้เลือนรางจากระยะไกลแล้ว บนทุ่งหญ้าก็ยังเต็มไปด้วยหมาป่าโลหิตที่เดินไปทั่วราวกับกำลังลาดตระเวน
ในเวลานั้นเสียงของระบบก็แจ้งเตือนดังขึ้นในหัวของมู่หรงเสี่ยวเทียน ช่างเหมาะเจาะอะไรเช่นนี้ !
“ตึ๊ง ! ” “ผู้เล่นชื่อโจร ค้นพบแผนที่ที่ซ่อนอยู่ ‘อาณาจักรราชาหมาป่าโลหิต’ คุณได้รับคะแนนชื่อเสียง 2,000 หน่วย ข้อมูลของราชาหมาป่าโลหิตจะปรากฏบนแผนที่ของผู้เล่นชื่อโจร”
ในเกมเดสตินี่ ผู้เล่นแต่ละคนจะมีแผนที่เป็นของตัวเอง เริ่มแรกหน้าต่างแผนที่ของแต่ละคนจะไม่มีสิ่งใดปรากฏออกมาให้เห็นเลย แต่เมื่อผู้เล่นเดินไปยังสถานที่แห่งไหน สถานที่แห่งนั้นก็จะปรากฏขึ้นในแผนที่
เมื่อมู่หรงเสี่ยวเทียนได้ยินเช่นนั้น เขาก็รีบเปิดหน้าต่างแผนที่ออกมาและพบว่าสถานที่แห่งนี้ปรากฏขึ้นบนแผนที่ของเขาจริง ๆ
หลังจากที่เขาใช้เวลาศึกษาบนเว็บไซต์หลักของเกม ระบบได้อธิบายเกี่ยวกับรายละเอียดระดับและเลเวลของมอนสเตอร์ในเกมเดสตินี่ไว้แล้ว พวกมันถูกแบ่งกันอยู่ 10 ระดับ
ระดับ 1 มอนสเตอร์ทั่วไป เลเวล 0-10
ระดับ 2 มอนสเตอร์ขั้นสูง เลเวล 11-20
ระดับ 3 อสูรขั้นต้น เลเวล 21-30
ระดับ 4 อสูรขั้นกลาง เลเวล 31-40
ระดับ 5 อสูรขั้นสูง เลเวล 41-50
ระดับ 6 อสูรภูติขั้นต้น เลเวล 51-60
ระดับ 7 อสูรภูติขั้นกลาง เลเวล 61-70
ระดับ 8 อสูรภูติขั้นสูง เลเวล 71-80
ระดับ 9 สัตว์อสูร เลเวล 81-90
ระดับ 10 อสูรในตำนาน เลเวล 91-99
แม้ว่าระดับของมอนสเตอร์จะอยู่ในระดับที่สูงแค่ไหน แต่หากพวกมันให้กำเนิดลูกออกมา ไม่ว่าจะเป็นตัวหรือว่าเป็นไข่ มันก็จะเป็นมอสเตอร์ที่มีเลเวลเริ่มต้นที่ 0 ทั้งหมด
เมื่อเห็นหมาป่าโลหิตเป็นจำนวนมาก มู่หรงเสี่ยวเทียนก็อดไม่ได้ที่จะโผล่จากที่ซ่อนออกไปดู ก่อนจะพึมพำออกมาว่า “นี่ล่อเล่นกันใช่มั้ยเนี่ย ทำไมมันเยอะขนาดนี้ ! ”
พวกมันเป็นมอนสเตอร์ระดับที่ 3 และมีจำนวนมากมาย การออกไปตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตายเลยก็ว่าได้ แต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น มู่หรงเสี่ยวเทียนยังไม่อยากที่จะหันหลังกลับตอนนี้ เขาเฝ้าดูสถานการณ์อย่างระมัดระวัง แต่เขาก็ต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าไม่มีมอนสเตอร์ตัวไหนเข้าใกล้บริเวณรอบ ๆ ภูเขาทางด้านซ้ายมือเลยแม้แต่ตัวเดียว ! นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก
To be continued…