เส้นทางแห่งโชคชะตา - ตอนที่ 18: สัญญาที่ยังติดค้างตลอด 10 ปี (ตอน 3)
เล่มที่ 1 ตอนที่ 18: สัญญาที่ยังติดค้างตลอด 10 ปี (ตอน 3)
ก่อนที่มู่หรงเสี่ยวเทียนจะพูดจบ เขาก็รีบคว้าข้อมือของหลี่ซูไขว้เอาไว้ด้านหลัง มัดมือทั้งสองข้างติดกันด้วยเชือกอย่างรวดเร็วและถีบเจ้าอ้วนนั้นลงไปนอนกับพื้น จากนั้นก็ลากไปที่โต๊ะ มือขวาของมู่หรงรีบสอดเข้าไปในตะกร้าดอกไม้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบเอาขวานที่คมกริบออกมา จากนั้นก็ก้าวเข้าไปพร้อมกับเหยียบลงบนหน้าอกของหลี่ซูโดยที่อีกฝ่ายพยายามปัดป้องอย่างสุดชีวิต
“อ้าก ! ! ” เสียงร้องอันน่าสังเวชของหลี่ซูดังก้องออกมาปะปนกับเสียงกรีดร้องด้วยความกลัวของหญิงสาว จากนั้นเลือดสีแดงสดก็กระเซ็นไปทั่วห้อง
มู่หรงเสี่ยวเทียนรีบพุ่งเข้าไปที่ประตู เขาลงมือด้วยความเด็ดขาด รวดเร็ว ในช่วงเวลาที่ลงมือจัดการกับเจ้าอ้วนหลี่ มันทั้งแม่นยำ ไร้ความปราณี รวมถึงยังดูเป็นมืออาชีพอย่างมาก เขาลงมือกระทำทั้งหมดในเวลาเพียงแค่อึดใจเดียวเท่านั้น
“ปัง ! ” ขณะที่มู่หรงเสี่ยวเทียนหันหลังกลับมา ประตูก็ถูกพังจนเปิดอ้าออก ชายร่างใหญ่ทั้งสองรีบวิ่งเข้ามาในห้องอย่างเร่งรีบ ตอนนี้มู่หรงเสี่ยวเทียนกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ไม่ค่อยจะสู้ดี จากนั้นชายทั้งสองก็พุ่งตรงเข้ามาหาเขาอย่างบ้าคลั่ง เมื่อได้จังหวะมู่หรงเสี่ยวเทียนก็วิ่งหลบชายร่างใหญ่สองคนนั้นแล้วรีบออกจากประตูตรงไปที่บันไดด้วยใบหน้าที่ดูสิ้นหวัง เขารีบวิ่งลงไปชั้นสองโดยที่ชายทั้งสองยังคงไล่ตามมาติด ๆ
มีชายสองคนปรากฏตัวขึ้นมาตรงบันใดเพิ่มอีก แล้วตะโกนขึ้นมาว่า “หยุดมันไว้ ! ” จากนั้นผู้คนมากมายก็วิ่งไล่และตะโกนออกมาอย่างดุเดือด เมื่อสิ้นเสียงลง มู่หรงเสี่ยวเทียนก็หันหลังกลับมา เขาถีบไปที่ชายร่างใหญ่ทั้งสองคนนั้นอย่างสุดกำลัง มันส่งผลให้ชายคนนั้นต้องทรุดลงไปคุกเข่าอยู่บนพื้นทันที ส่วนอีกคนก็ถูกเขาฟันด้วยขวานเล่มนั้น เมื่อเห็นศัตรูเสียเปรียบเขาก็สับลงไปอีกครั้งที่หัวไหล่อย่างไร้ปราณี ก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดไปที่ชั้นหนึ่ง
ลูกน้องของหลี่ซูมีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็ว โดยไม่พูดพล่ำทำเพลงใด ๆ ขณะที่มู่หรงเสี่ยวเทียนวิ่งลงไปถึงบันไดขั้นสุดท้าย ชายร่างใหญ่ห้าหกคนก็รีบวิ่งตามเขาไปอย่างไม่ลังเล เมื่อเขาเห็นอย่างนั้นก็รีบคว้าราวบันไดพร้อมนั่งสไลด์ลงไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงตัวของพวกมัน มู่หรงก็ใช้หมัดของตัวเองต่อยไปอย่างแรงจนทำให้ร่างของลูกน้องหลี่ซูลอยออกไปชนเข้ากับล็อบบี้ที่ชั้นหนึ่งเต็มๆ เมื่อชายร่างใหญ่ที่เป็นลูกน้องอีกสองสามคนมาเห็น พวกเขาก็หันหลังกลับไปและไล่ล่ามู่หรงเสี่ยวเทียนที่ชั้นหนึ่งต่อ ตอนนี้มู่หรงเสี่ยวเทียนก็มาถึงประตูล็อบบี้ของบลูมูนไนท์คลับแล้ว
“ปัง ! ” ขณะที่มู่หรงเสี่ยวเทียนกำลังรีบหนีออกจากบลูมูนไนท์คลับ อุบัติเหตุก็ดันมาเกิดขึ้นกับเขา มู่หรงเสี่ยวเทียนได้ไปชนเข้ากับแขกที่กำลังจะเข้าไปข้างในอย่างรุนแรง ร่างของเขาถูกกระแทกโดยตรง จนไม่สามารถทรงตัวได้ เขาก้าวถอยหลังและเซถลาไปพร้อมกับล้มก้นจ้ำเบ้าลงไป
การที่วิ่ง ๆ อยู่แล้วถูกชนอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว มันทำให้มู่หรงเสี่ยวเทียนรู้สึกแน่นขนัดที่หน้าอกอย่างรุนแรง ถึงขนาดที่ว่าเขาแทบจะอ้วกออกมา ด้วยความพยายามที่จะลุกขึ้นยืน จู่ ๆ ลูกน้องทั้งหมดของหลี่ซูก็ล้อมตัวเขาไว้แล้ว มู่หรงเสี่ยวเทียนตกใจกลัวเป็นอย่างมาก เขาลนลานและไถลตัวไปข้างหลังอย่างตื่นตระหนก มีเสียงมีดและขวานกระทบกับพื้นเสียงดังจนแสบแก้วหู ในช่วงเวลานั้นร่างกายของเขาก็เริ่มรู้สึกอ่อนเพลีย ตอนนี้ตาของเขาพล่ามัว เลือดมากมายที่ไหลเข้าตามันทำให้มองไม่ชัด และเปลี่ยนฉากตรงหน้าให้กลายเป็นภาพเลือนราง
เขาพยายามลุกขึ้นยืนในขณะที่กำลังเอื้อมมือไปเช็ดเลือดในตา จากการโดนต่อยโดนเตะหลายต่อหลายครั้งมันจึงได้สร้างความเจ็บปวดมากมายให้กับร่างกายของเขา ตอนนี้เขาล้มลงไปอย่างอ่อนแรง พร้อมทั้งพยายามเช็ดคราบเลือดที่อยู่บนหน้าอีกครั้ง มีแสงวับวาบมากมายต่อหน้าของเขา แสงเหล่านั้นก็คือแสงจากคมมีดคมขวานที่ส่องประกายออกมาตอนกระทบกับแสงไฟ คนพวกนั้นทั้งรวดเร็วและมีจำนวนมาก จนเขาไม่มีโอกาสได้หยุดพักเลย
“ไม่นะ ฉัน ฉันจะต้องมาตายแบบนี้หรือเนี่ย ? ” ร่องรอยแห่งความเศร้าโศกและใบหน้าของน้องชายน้องสาวของเขาก็ปรากฏขึ้นในใจของมู่หรงเสี่ยวเทียน “โชคชะตาช่างโหดร้ายซะจริง ! ”
มู่หรงเสี่ยวเทียนอ่อนแรงจนฝืนสู้ต่อไม่ไหว แต่แล้วไม่นานก็มีร่างของคนคนหนึ่งพุ่งเข้ามาตรงหน้าของมู่หรงเสี่ยวเทียน เขาป้องกันความตายจากทั้งคมมีดและขวาน คนคนนั้นปกป้องมู่หรงเสี่ยวเทียนอย่างไม่ลดละก่อนที่ทั้งคู่จะสามารถฝ่าวงล้อมออกมาได้
“ไปเร็วเข้า ฉันจะไม่ไหวแล้ว” ตู้หมิงหยวนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เลือดสีแดงสดเริ่มไหลออกมาจากหลายจุดบนร่างกายของเขา เหงื่อที่ผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขาจากความเจ็บปวดเริ่มเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เขาดึงร่างของมู่หรงเสี่ยวเทียนให้ยืนขึ้นและผลักเข้าไปที่ประตู เขามองไปรอบ ๆ และรีบหนีไปก่อนที่พวกคนกลุ่มใหญ่จะมาถึงที่แห่งนี้
“ไปเถอะ หนีไปด้วยกัน” สมองที่สับสนของมู่หรงเสี่ยวเทียนนั้นเริ่มจะได้สติขึ้นมาเล็กน้อย จนถึงกับร้องไห้ออกมา เขารีบเข้าไปช่วยและดึงร่างของตู้หมิงหยวนพร้อมกับล่าถอยไปด้วยกันจนถึงประตู
“ไปเอารถมา” ตู้หมิงหยวนตะโกนบอกมู่หรงเสี่ยวเทียนทันทีที่เขาออกจากประตู
มู่หรงเสี่ยวเทียนไม่ได้ตอบใด ๆ เขาอดทนกับความเจ็บปวดและฝืนวิ่งไปจนถึงรถที่จอดที่อยู่ข้างทาง เขาเข้าไปในรถและรีบขับไปที่ประตูของบลูมูนไนต์คลับทันที “หมิงหยวน ขึ้นรถเร็วเข้า ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนจอดอยู่ตรงหน้าประตูและตะโกนเรียกหมิงหยวน
ทันทีที่หมิงหยวนขึ้นมาบนรถ มู่หรงเสี่ยวเทียนก็เหยียบคันเร่งจนมิดไมล์และหายไปในค่ำคืนอันมืดมิด
“หมิงหยวน อดทนเอาไว้ พวกเราใกล้จะถึงโรงพยาบาลแล้ว” มู่หรงเสี่ยวเทียนขับรถไปอย่างสิ้นหวัง เมื่อเห็นว่าสีหน้าของหมิงหยวนซีดลงไปมาก มันทำให้หัวใจของเขาถูกบีบจนแทบจะแตกสลาย
“เทียนไซ หยุดเถอะ” ตู้หมิงหยวนร่างกายเต็มไปด้วยเลือด โดยที่มีมีดเล่มหนึ่งเสียบอยู่ใต้ชายโครงด้านซ้ายของเขาอย่างน่ากลัว
“หยุด ! ” ตู้หมิงหยวนตะโกนออกมาด้วยกำลังทั้งหมดที่มี เขากระอักเลือดออกมาเพราะว่าใช้แรงมากเกินไป มู่หรงเสี่ยวเทียนเหยียบเบรคจากนั้นก็หันไปหาตู้หมิงหยวนที่นั่งเบาะข้าง ๆ ด้วยความเจ็บปวด “หมิงหยวน นายจะไม่เป็นอะไร ได้โปรด ให้ฉันพานายไปส่งที่โรงพยาบาลเถอะ ! ”
“เทียนไซ” หมิงหยวนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น จากนั้นเขาส่ายหัวเล็กน้อยและพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ไม่มีประโยชน์ ฉันบาดเจ็บมาก ฉันรู้ดี สัญญา สัญญากับฉันมาสิ สัญญาว่านายจะต้องดูแลน้องสาวของฉัน อย่า อย่าปล่อย ให้ เธอ ต้อง ตาย…” ขณะที่เขาพูดนั้นใบหน้าของเขาก็เริ่มหม่นหมองลงไปเรื่อย ๆ น้ำเสียงเขาจางหายและร่างกายก็แน่นิ่งลงไปอย่างช้า ๆ
“หมิงหยวน ! ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนตะโกนออกมาด้วยความเจ็บปวด เขากอดร่างของหมิงหยวนเอาไว้และน้ำตามากมายก็ไหลลงมาเต็มใบหน้าของเขา “นายจะทิ้งฉันไว้คนเดียวไม่ได้ ! ไหนนายบอกว่าถ้าจบงานนี้เราจะเปิดร้านด้วยกันเพื่อหารายได้มารักษาตาของหมิงซิน น้องสาวของนายไง ! ”
ทำไมโชคชะตาถึงมอบความสูญเสียมากมายให้เขาแบบนี้ ? ทำไมโชคชะตาถึงไม่เคยเข้าข้างเขาเลยสักครั้ง ? หรือเป็นเพราะว่ามันไม่เคยมีจริง ? ความสิ้นหวังทำให้เกิดความเศร้าโศกอย่างมหาศาล ? จากนั้นน้ำตาของหมิงหยวนก็ไหลออกมาอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับร่างที่จากไปอย่างสงบ
……….
“หมิงหยวน ฉันขอโทษนะ นี่มันก็ล่วงเลยมาถึง 10 ปีแล้ว ! ” มู่หรงเสี่ยวเทียนกำหมัดแน่นขณะที่ร่างกายอันเปลือยเปล่าเต็มไปด้วยความหม่นหมอง น้ำตาเอ่อล้นออกมาบนใบหน้าของเขาอย่างเศร้าโศก “สิบปีที่ผ่านมานี้ ฉันไม่ได้ดูแลหมิงซินน้องสาวของนายเลย ฉันติดค้างสัญญานี้มานานสิบปี ฉันคนนี้เป็นเหมือนขยะ ช่างไร้ค่าจริง ๆ ! ”
หมิงหยวนตายเพื่อช่วยตัวเขาเอาไว้ ส่วนเจ้าอ้วนหลี่ซูก็เริ่มออกล่าเขาอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่ตำรวจก็ยังเข้าแทรกแซงและบอสกวนก็ถูกกำจัดโดยมือปืนลอบยิง
ไฮซีหวังจะเข้าไปสังหารเจ้าอ้วนหลี่ซู แต่เขาก็กลับถูกทรยศโดยเจ้าหัวล้านดาบาล เขาไม่สามารถมีชีวิตรอดกลับออกมาได้ มู่หรงเสี่ยวเทียนได้ให้เงินกับอาของหมิงซินเป็นจำนวน 200,000 หยวนจากค่าจ้างของหมิงหยวนที่ได้รับมา เพื่อที่จะให้อาของหมิงซินรับอุปการะเธอ หลังจากนั้นมู่หรงเสี่ยวเทียนก็ถูกจับเข้าคุกข้อหาฆ่าเจ้าหัวล้าน สิบปีผ่านไป เมื่อนึกถึงใบหน้าของหมิงซินทีไร ก็มักจะทำให้หัวใจของเขาเจ็บปวดอยู่เสมอ
สายลมเย็น ๆ ในยามเช้าพัดพาหมอกและน้ำค้างในยามค่ำคืนให้จางหายไป แต่มันไม่สามารถพัดพารอยบาดแผลในใจของมู่หรงเสี่ยวเทียนได้
“ฉันอยากจะแข็งแกร่ง ฉันไม่สามารถพ่ายแพ้ได้ เพราะว่ามีหน้าที่อีกมากมายที่ฉันยังต้องแบกรับ” มู่หรงเสี่ยวเทียนเช็ดน้ำตาออกไปจากนั้นก็ลุกขึ้นยืน ด้วยสายตาอันมุ่งมั่นของเขา
“มอนสเตอร์หัวม้า มาเจอกันอีกสักตั้ง ! ” สายตาของเขาดูดุดันขึ้นมาอย่างมาก จากนั้นก็เดินเข้าไปหามอนสเตอร์หัวม้าเลเวล 7 อย่างมั่นใจ
To be continued…