เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 78 นายท่าน ผมผิดไปแล้ว
ตอนที่ 78 นายท่าน ผมผิดไปแล้ว
จนถึงตอนนี้ในใจฟางรุ่ยก็ยังสุขุมเยือกเย็น แม้ว่าเขาจะติดตามเคอหงเทามาไม่นานและไม่ต้องพูดถึงเรื่องความภักดีอะไรนั่น แต่อย่างน้อยก็ไม่มีความคิดไม่ซื่อสัตย์ ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่ตกลงตอนเคอหงเทาให้เขามาฆ่าซ่งจื่อเซวียนหรอก…
แต่คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าสิ่งที่เขาได้รับจะไม่ใช่รางวัลหรือความไว้วางใจ แต่เป็นปืนพกที่เย็นเฉียบกระบอกหนึ่ง
เขาถอนหายใจ “เสี่ยซานให้นายมาฆ่าฉันสินะ”
ท่าทางของต้าลี่แฝงความรู้สึกขอโทษเล็กน้อย อย่างไรนี่ก็ไม่ใช่เจตนาเดิมของเขา เขาพยักหน้า “น้องชาย ฉันจะไม่ปิดบังนาย เสี่ยซานให้ฉันมาจัดการกับนาย พี่ชายไม่อยากให้นายมาเข้าใจทีหลังตอนโดนฝังอยู่ใต้ดินแล้ว”
ได้ยินดังนั้น ฟางรุ่ยก็ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “ฉันอุทิศชีวิตของฉันให้เสี่ยซาน กระทั่งฆ่าคนก็ทำให้ได้ แต่เขากลับทำกับฉันแบบนี้ อะไรที่เรียกว่าใจคน วันนี้ฟางรุ่ยคนนี้ได้เรียนรู้แล้วจริงๆ”
“พอเถอะน้องชาย มาพูดตอนนี้จะมีประโยชน์อะไรล่ะ เส้นทางนี้นายเป็นคนเลือก มีสามร้อยหกสิบอาชีพนายไม่ทำเอง ก้าวมาในวงการเราแล้วนายก็ควรจะเตรียมใจล่วงหน้าไว้”
“เหอะๆ แน่นอนว่าฉันเตรียมไว้ แต่ว่า…ไม่ได้เตรียมจะถูกพวกเดียวกันเล่นถึงตาย”
ต้าลี่ส่ายหัว “อย่าเกลียดพี่ชายกับเสี่ยซานเลย เข้ามาในวงการนี้แล้วไม่อาจทำตามใจตัวเองได้!”
ขณะที่พูดต้าลี่ก็หรี่ตาลงเล็กน้อย และเริ่มขยับนิ้วมือไปด้านหลังอย่างช้าๆ
ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น ต้าลี่หันกลับไปและเล็งปืนไปยังทิศห้องน้ำก็เห็นเพียงไม้ดูดส้วมถูกโยนออกมาจากห้องน้ำ ต้าลี่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็เหวี่ยงแขนและเหนี่ยวไกปืนทันที แต่เพราะว่าเขาเสียหลักกระสุนจึงพุ่งชนเพดานแทน
โชคดีที่เป็นปืนเก็บเสียง ไม่อย่างนั้นเกรงว่าลูกปืนนี้อาจปลุกทุกคนที่นอนอยู่ในโรงแรมให้ตื่นได้
จังหวะนี้เอง จู่ๆ ซางเทียนซั่วก็พุ่งตัวออกจากห้องน้ำ และเมื่อต้าลี่ก้าวพลาดไปข้างหลังก็พลันส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดออกมา
ไม่รู้ว่ามีเข็มหมุดปักฝ่าเท้าอยู่มากเท่าไร ความเจ็บปวดแทรกซึมเข้าไปในขั้วหัวใจทันที เข็มหมุดเหล่านี้ซางเทียนซั่วจัดวางไว้อย่างดี หากวางไว้ตรงทางเดินต้าลี่จะต้องรู้ตัวก่อนแน่นอน ดังนั้นเขาจึงวางไว้ในตรงที่มืดที่แสงส่องไม่ถึง เมื่อต้าลี่ได้รับผลกระทบไม่ว่าจากสิ่งใด เพียงแค่เขาก้าวถอยหลังก็จะเหยียบเข็มหมุดพวกนั้น
ขณะเดียวกัน ฟางรุ่ยก็ลุกขึ้นยืนและเอื้อมไปคว้าปืนจากในมือต้าลี่ทันที ส่วนซางเทียนซั่วก็ยกเท้าขึ้นและเตะเข้าน่องเขา ต้าลี่เสียหลักล้มลงกับพื้นในทันใด ตามมาด้วยเสียงร้องเจ็บปวดอีกเสียง เข็มหมุดแทงเข้าที่หัวเข่าของเขาเพิ่มอีก
ฟางรุ่ยเล็งกระบอกปืนไปที่ต้าลี่ “ขอโทษด้วย ฉันยังอายุยืนได้อีกหน่อย วันนี้ตายไม่ได้แล้ว!”
“แก…แกวางกับดักหลอกฉัน!” ต้าลี่ขมวดคิ้วพูด
“นายสิวางกับดักฉันถึงจะถูก ตั๊กแตนจับจักจั่น มีนกขมิ้นตามมา คาดไม่ถึงจริงๆ ว่าฉันจะเป็นตั๊กแตน แต่โชคดีที่พวกเขาเตือนฉัน ไม่งั้น…ตอนนี้ฉันคงตายไปแล้วล่ะมั้ง”
“พะ…พวกเขา” ขณะที่พูดเขาก็มองไปยังซ่งจื่อเซวียนที่นอนอยู่บนเตียง
เมื่อซ่งจื่อเซวียนได้ยินเสียงเขากระตุกยิ้มและลุกขึ้นนั่ง “ในที่สุดก็ได้พักสายตานิดนึง เหอะๆ ฟางรุ่ย เดิมพันนี้…ฉันชนะแล้วใช่ไหม”
ฟางรุ่ยมองกลับไปที่ซ่งจื่อเซวียน “ขอบคุณ ฉันจะจำเรื่องนี้ไว้”
“งั้นก็ดี” ซ่งจื่อเซวียนยืนขึ้นและเดินไปข้างหน้าต้าลี่ “คิดไม่ถึงว่าเคอซานจะทำเรื่องสุดโต่งขนาดนี้ เขาอยากได้ของของฉัน พอฉันไม่ให้เขาก็จะแย่ง พอแย่งไม่ได้ก็จะเอาชีวิตฉัน ถึงขั้นต้องกำจัดให้สิ้นซากแบบนี้เลยเหรอ”
ต้าลี่มองซ่งจื่อเซวียนโดยไม่เปิดปากพูดอะไร อย่างไรที่ซ่งจื่อเซวียนพูดก็คือความจริง และเรื่องนี้เคอหงเทาก็เป็นผู้ร้ายของแท้
“อาจารย์ ให้ผมจัดการกับไอ้หมอนี่เถอะ” ซางเทียนซั่วกล่าว
ต้าลี่ตะคอกอย่างเย็นชา “ปืนอยู่ในมือแก อยากฆ่าฉันก็ฆ่าเลย หยุดพูดเรื่องอื่นได้แล้ว!”
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหัวแล้วยิ้ม: “ฆ่านาย ฉันทำไม่ได้ เคอหงเทาเป็นอันธพาลแต่ฉันซ่งจื่อเซวียนไม่ใช่ เทียนซั่ว ปล่อยเขาไป”
“หา อาจารย์ แต่เขาจะฆ่าเรานะ!” ซางเทียนซั่วพูดอย่างดื้อรั้น
“หรือว่านายอยากเป็นเหมือนพวกเขา ทั้งตัวมีแต่ชีวิตของคนอื่น”
ซ่งจื่อเซวียนพูดอย่างนี้ซางเทียนซั่วก็ไม่พูดอะไรอีกแล้ว พูดตามตรงเขาไม่อยากเป็นแบบนั้น ไม่ว่าเขาจะดูถูกเหยียดหยามคนอื่นแค่ไหนก็จะไม่ทำเกินเหตุขนาดนี้ การฆ่าคน…เขาจะไม่ทำ
จากนั้นซ่งจื่อเซวียนก็มองไปที่ฟางรุ่ยอีกครั้ง “นายเองก็ไม่อยากจริงไหม”
ฟางรุ่ยมองซ่งจื่อเซวียนและยกมือขึ้นปลดกระสุนทั้งหมดในกระบอกปืนออกมา แล้วขว้างปืนไปตรงหน้าต้าลี่
ต้าลี่มองซ่งจื่อเซวียนแล้วพูดอย่างท้าทาย “ไม่กล้าฆ่าฉันเหรอ ไม่กลัวว่าถ้าฉันเจอตัวแกครั้งหน้าฉันจะฆ่าแกหรือไง”
“เหอะๆ ไม่กลัวหรอก ต้าลี่ถ้านายยังเป็นลูกผู้ชายก็จำไว้ ที่ไม่ฆ่านายวันนี้ไม่ใช่เพราะฉันไม่กล้า แต่เพราะฉันไม่อยากเป็นเหมือนเคอซาน ในชีวิตนี้ฉันจะไม่ยุ่งกับเรื่องสกปรก!” ซ่งจื่อเซวียนพูดจริงจัง ท่วงท่าของเขาไม่เพียงทำให้ต้าลี่ตกใจเท่านั้น แต่ซางเทียนซั่วและฟางรุ่ยยังรู้สึกถึงพลังที่แผ่ออกมาด้วย
ต้าลี่ไม่ได้พูดอะไรอีกแค่พยักหน้า หยิบปืนขึ้นมาแล้วเดินกะโผลกกะเผลกจากไป
เมื่อเห็นต้าลี่จากไปซางเทียนซั่วก็พูด “อาจารย์ เราเปลี่ยนโรงแรมกันดีกว่า”
ซ่งจื่อเซวียนมองดูนาฬิกา “ตีสามกว่าแล้ว อีกไม่นานก็จะสว่างแล้ว ไม่งั้น…เราไปหาที่กินอาหารโต้รุ่งกันดีไหม”
“อาจารย์ของผม ในที่สุดก็เปิดใจแล้วเหรอ ผมคิดว่าอาจารย์มีกิจวัตรทุกวันเหมือนคนแก่ซะอีก” ซางเทียนซั่วพูดปนหัวเราะ
“เหอะๆ ฉันไม่เคยกินดึกขนาดนี้ก็แค่รู้สึกแปลกใหม่ดี ไป ออกไปหาร้านกันเถอะ” พูดแล้วซ่งจื่อเซวียนก็มองไปที่ฟางรุ่ย “หิวหรือยัง จะไปด้วยกันหรือเปล่า”
ฟางรุ่ยชะงัก “ฉัน…”
“อาจารย์ พาเขาไปด้วยทำไม ไม่กลัวเขาจะฆ่าเหรอ”
พอได้ยินแบบนั้นฟางรุ่ยก็หน้าแดง อันที่จริงเขารู้สึกเสียใจมาก เขาจะฆ่าซ่งจื่อเซวียน แต่ซ่งจื่อเซวียนกลับช่วยชีวิตเขาไว้ นี่เป็นหนี้ที่ชำระคืนไม่ได้!
ซ่งจื่อเซวียนตบไหล่เขา “ไปเถอะ ไปหาอะไรกินหน่อย”
เมื่อทั้งสามคนเดินถึงหน้าประตู ฟางรุ่ยก็ก้าวไปข้างหน้าและคุกเข่าตรงหน้าซ่งจื่อเซวียน
การคุกเข่าครั้งนี้ทำให้สองคนผงะ ชายร่างใหญ่ขนาดนี้จู่ๆ ก็คุกเข่าลงงั้นเหรอ
“ฟางรุ่ย นายหมายความว่ายังไง”
ฟางรุ่ยน้ำตาคลอเบ้า เขาก้มหน้าลงแล้วเอ่ย “นายท่าน คุณมีคุณธรรมนัก ผมผิดไปแล้ว!”
ซ่งจื่อเซวียนและซางเทียนซั่วมองหน้ากันราวกับรู้สึกเกินคาด เขารีบพูดว่า “ไม่ต้องขนาดนั้น นายลุกขึ้นก่อน”
“ไม่ ผมใคร่ครวญเรื่องในวันนี้ดีแล้ว ผมเกือบจะฆ่าคุณแต่คุณกลับมอบชีวิตให้ผม วันนี้ผม…แม่งโคตรไม่ใช่คนจริงๆ!”
ซ่งจื่อเซวียนก้มลงประคองฟางรุ่ยขึ้นมา “เรื่องใหญ่ขนาดไหนถึงกับต้องร้องไห้เนี่ย ยิ่งกว่านั้นเราเดิมพันกันและฉันก็ชนะแล้ว เดี๋ยวไว้มากินข้าวด้วยกันสักมื้อ แล้วนายก็รีบกลับตู้เหมินเถอะ แต่ฉันจะเตือนนายสักหน่อย อย่าไปยุ่งกับเคอซานอีกเลย”
ฟางรุ่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นลุกขึ้นยืนพร้อมพยักหน้า “นายท่าน ผมเชื่อคุณจากใจจริง ผมจะเชื่อฟังคุณครับ”
“เหอะๆ งั้นก็ดี เทียนซั่วอีกเดี๋ยวจองตั๋วรถให้ฟางรุ่ยให้เขารีบกลับไปเร็วที่สุด”
“ได้เลย ผมทำเอง คนคนนี้จะฆ่าอาจารย์ อาจารย์ยังจะจองตั๋วรถให้เขาอีก เจ๋งจริงๆ…” ซางเทียนซั่วพูดพลางหยิบมือถือขึ้นมาและจะกดจองตั๋ว “เลขบัตรประชาชนอะไร”
“ผม…” สีหน้าฟางรุ่ยดูสับสน แต่ไม่นานก็ถอนหายใจหนึ่งเฮือก “นายท่านซ่ง ผมอยากติดตามคุณ”
“ติดตามฉัน ฉันไม่ได้อยู่ในวงการใต้ดิน จะมาติดตามฉันทำไม ตามมาผัดข้าวเหรอ” ซ่งจื่อเซวียนพูดกลั้วหัวเราะ
“ทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น ผมนับถือตัวคุณ นับถือนิสัยใจคอของคุณ จะขัดหม้อ ล้างจานหรือเช็ดโต๊ะผมก็ทำตามที่คุณสั่งได้หมด ชีวิตที่เหลือต่อจากนี้ผมจะเรียนรู้วิธีประพฤติตัวและคุณสมบัติที่ดีจากคุณ!” ฟางรุ่ยยืนตัวตรงขณะพูดราวกับทหารคนหนึ่งที่กำลังสาบานตน
ซ่งจื่อเซวียนลำบากใจเล็กน้อย เขามองไปที่ซางเทียนซั่ว อีกฝ่ายรีบเอ่ยทันที “น่าปลื้มใจจริงๆ ยังช่วยฉันทำงานด้วย แต่อาจารย์ต้องระวังหน่อยนะ เมื่อกี้ไอ้หมอนี่อยากจะฆ่าอาจารย์ ใครจะไปรู้ว่าครั้งนี้อาจจะแค่ซื้อใจก็ได้”
“ถ้าผมฟางรุ่ยโกหกนายท่านซ่ง ขอให้ออกจากบ้านแล้วถูกรถชนตาย ฟ้าผ่าห้าครั้ง!”
“เชอะ ถ้าสาบานว่าให้ฉิบหาย ฉันก็สาบานได้เหมือนกัน โอเคไหม”
“ฉัน…” ฟางรุ่ยถึงกับพูดไม่ออก อันที่จริงสิ่งที่ทำไปเมื่อครู่เขาไม่กล้าคาดหวังให้ซ่งจื่อเซวียนเชื่อใจเขา
“ช่างเถอะ ในเมื่อพวกคุณไม่เชื่อผม นายท่านซ่ง ผม…”
“อาจารย์ฉันเป็นลูกคนที่สอง เรียกนายท่านรองสิ!” ซางเทียนซั่วกลอกตาใส่เขา
“ครับ นายท่านรอง ในเมื่อคุณไม่อยากเก็บผมไว้งั้นผมก็จะไป แต่ต่อไปผมจะไม่เป็นศัตรูกับนายท่านรองอีกแน่นอนครับ!”
พูดจบฟางรุ่ยก็กำลังจะไป แต่เมื่อเขาจะก้าวออกไปโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นเคอหงเทาโทรเข้ามาเขาก็มองไปที่ซ่งจื่อเซวียนทันที “เคอหงเทา…”
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิดแล้วส่งสัญญาณให้เขารับสาย “เปิดลำโพง!”
“ครับ!”
ฟางรุ่ยกดรับสาย “เสี่ยซาน!”
“ฟางรุ่ย เกิดอะไรขึ้น ฉันโทรหานายสิบกว่าสายแล้วนะ”
“ขอโทษครับ เสี่ยซาน ผมกำลังจัดการอยู่ครับ!” ฟางรุ่ยตอบ
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็โบกมือทันที ฟางรุ่ยเข้าใจจึงตอบไปว่า “ยังไม่เริ่มครับ!”
“ดี ฉันขอสั่งให้นายหยุดเดี๋ยวนี้ แต่นายต้องสะกดรอยตามซ่งจื่อเซวียน อย่าให้คลาดสายตา”
“รับทราบ!”
ฟางรุ่ยสบตาซ่งจื่อเซวียนเกือบทุกครั้งที่เขาพูด นั่นก็คือจะทำตามที่เขาสั่ง หลังจากวางสายซ่งจื่อเซวียนก็กัดริมฝีปาก “เอ่อ…จู่ๆ ทำไมเขาตัดสินใจไม่ฆ่าฉันแล้วล่ะ แปลกแฮะ”
ฟางรุ่ยกล่าวว่า “นายท่านรอง ผมคิดว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง เคอซานไม่มีทางใจอ่อน ต้องมีเหตุผลอื่นอยู่แน่นอนครับ”
“ใช่ ฉันก็ไม่เชื่อว่าเคอซานจะกลับใจ ช่างเถอะ อย่างน้อยก็หมายความว่าฉันปลอดภัยแล้ว” ซ่งจื่อเซวียนยกยิ้มเล็กน้อย
แต่สีหน้าฟางรุ่ยกลับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก อันที่จริงไม่ว่าเคอซานจะโทรมาหาหรือไม่ก็ตาม ถ้าเมื่อครู่เขาลงมือทำสำเร็จ ตอนนี้ซ่งจื่อเซวียนคงตายไปแล้ว
“นายท่านรอง ผม…”
“เอาล่ะไม่ต้องพูดแล้ว ไปกินอาหารโต้รุ่งด้วยกัน ถ้าทุกอย่างราบรื่นพรุ่งนี้เราจะกลับตู้เหมินด้วยกัน”
ซ่งจื่อเซวียนพูดจบเขาก็เดินไปที่ลิฟต์
ฟางรุ่ยเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ “นายท่านรอง คุณยังต้องการผมเหรอ”
ซางเทียนซั่วส่ายหัว “พ่อพระน่ะ เฮ้อ…จิตใจแบบนี้อนาคตจะถูกคนอื่นหลอกเอา แต่ก็หวังว่าจะไม่ถูกคนของตัวเองหลอกนะ”
พอได้ยินอย่างนั้นฟางรุ่ยก็เม้มริมฝีปากก้มหน้าลง เห็นได้ชัดว่าอายที่จะเปิดปากอีก ซ่งจื่อเซวียนเหลือบมองไปที่ซางเทียนซั่ว “เอาล่ะ อย่ามัวแต่สาวความยืด เป็นลูกผู้ชายกันทั้งนั้น อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ช่างมัน”
ซ่งจื่อเซวียนพูดอย่างนี้ฟางรุ่ยก็รู้สึกละอายใจยิ่งขึ้น น้ำตาไหลลงมาทันที
“นายท่านรอง ถ้าภายหน้าผมรุ่ยจื่อกลับกลอก ขอให้ครอบครัวตายยกโคตร!”
คำสาบานนี้รุนแรงจริงๆ…
ในลิฟต์พลันเงียบลง ในที่สุดซ่งจื่อเซวียนก็ทำลายความเงียบนั้น เขาเอ่ยยิ้มๆ “งั้นอาหารโต้รุ่งคืนนี้นายเลี้ยงแล้วกันโอเคไหม”
ทั้งสามคนมองหน้ากันและหัวเราะร่า
………………………………………………..