เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 45 แฟตัน[1]เป็นรถที่เรียกจากแอปเหรอ
ตอนที่ 45 แฟตัน[1]เป็นรถที่เรียกจากแอปเหรอ
หมอกในห้องอาบน้ำหนาทึบ บวกกับอยู่ท่ามกลางไอน้ำที่อบอวลและมีกลิ่นผสมปนเปกัน เหมือนว่าบรรยากาศจะแข็งค้างไปชั่วขณะ
ที่โต๊ะม้าหินอ่อนสองข้าง เคอหงเทาและซ่งจื่อเซวียนจ้องตากัน ต่างไม่มีความคิดที่จะหลบเลี่ยงสายตาเลยสักนิด
สายตาของเคอหงเทาค่อยๆ เปี่ยมไปด้วยความดุดันเล็กน้อย ความจริงแล้วเขาคิดจะคุยกับซ่งจื่อเซวียนดีๆ แต่คิดไม่ถึงว่าไอ้เด็กคนนี้ไม่คิดจะไว้หน้าเขาจริงๆ เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอกับสถานการณ์แบบนี้
หากเป็นตามปกติ คนที่ประจบประแจงเขาต่อแถวยาวตั้งแต่ประตูด้านในจนถึงประตูด้านนอก คนข้างกายเรียกเสี่ยซานอย่างสนิทสนม แต่เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กอายุสิบแปดคนหนึ่งจะไม่กลัวเขาขนาดนี้!
ขณะที่ตกอยู่ท่ามกลางบรรยากาศที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน ผู้หญิงข้างกายเคอหงเทาก็ยิ้ม “โธ่ เสี่ยซานคะ เป็นอะไรไป ไม่ใช่ว่าพูดคุยกันหรอกเหรอ ทำไมถึงไม่คุยกันแล้วล่ะคะ”
ได้ยินดังนั้น เคอหงเทาก็หันหน้าไปมองผู้หญิงคนนั้น ยิ้มพลางบีบแก้มเธอทีหนึ่ง พูดว่า “นี่ไม่ได้เรียกว่าคุยกันอยู่เหรอ จริงสิ ซ่งจื่อเซวียน เมื่อกี้นายพูดอะไรนะ”
ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ้ม “ไม่ได้พูดอะไรครับ อ้อ จะว่าไปวันนี้ก็ต้องขอบคุณเสี่ยซานจริงๆ นะครับที่ดูแล”
“ฮ่าๆๆ พูดได้ดี แต่ฉันชอบนายมากนะ วันนี้ฉันจ่ายค่าอาบน้ำค่าเล่นสนุกให้นายแล้วกัน นายคิดจะเชิญฉันไปกินข้าวที่ต้าสือไต้สักมื้อเมื่อไรล่ะ” เคอหงเทาถาม
“แค่ข้าวมื้อเดียวเอง แล้วแต่คุณสะดวกเลยครับ มาเมื่อไรผมเลี้ยงเมื่อนั้น!”
“ฮ่าๆ ที่แท้ก็เป็นคนสบายๆ นี่เอง แต่…ไอ้หนู ถ้านายมาจวี้เสียนจวงของฉันล่ะก็ ไม่แน่ว่าฉันอาจจะให้ไม่น้อยไปกว่าต้าสือไต้เลยนะ” เคอหงเทาพูด
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด พูดด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยซาน น้ำใจนี้ผมได้รับแล้วครับ แต่…ผมคิดว่าผมก็เหมาะกับต้าสือไต้ อีกทั้งพูดตามตรง ไม่แน่ว่าผมอาจจะไม่ได้คุ้มค่าขนาดนั้นก็ได้นะครับ”
“โอ้ เหอะๆ น่าสนใจ ถ้าอย่างนายอายุเท่านี้ได้เงินเดือนสูงๆ ก็คงจะพูดโม้แทบไม่ทันแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะพูดแบบนี้”
“ผมไม่อยากพูดโม้ต่อหน้าเสี่ยซานหรอกครับ แต่ละเดือนผมได้เงินเดือนสูงก็จริง แต่เสิร์ฟได้แค่วันละยี่สิบที่เท่านั้น อีกทั้งเมนูซิกเนเชอร์ที่ราคาสูงก็ใช่ว่าจะขายได้ง่ายๆ จัดการไม่ดีเสี่ยซานจะขาดทุนเอานะครับ”
ได้ยินดังนั้น เคอหงเทาก็หัวเราะเสียงหนึ่ง “จริงเหรอ แต่ฉันเคยคำนวณดูแล้ว ข้าวผัดหนึ่งที่ราคาแปดร้อยเก้าสิบเก้าหยวน จัดเสิร์ฟวันละยี่สิบที่ เดือนหนึ่งก็ฟันกำไรไปได้กว่าครึ่งล้าน หรือนายได้เงินเดือนหกแสนเหรอ”
“นั่นไม่ใช่หรอกครับ แต่…คุณแน่ใจเหรอครับว่าจะขายได้วันละยี่สิบที่จริงๆ ภัตตาคารแต่ละที่มีจุดเด่นเป็นของตนเอง ถ้าเปลี่ยนเป็นจวี้เสียนจวงของคุณแล้ว ก็ไม่แน่ว่าจะกระตุ้นการขายไหว!”
“นายกำลังตั้งข้อสงสัยกับร้านอาหารของฉันอยู่เหรอ” เคอหงเทาพูดเสียงเย็น
“ไม่กล้าหรอกครับ แต่ว่า…เสี่ยซาน เปิดต้าสือไต้ได้ ก็ไม่แน่ว่าเถ้าแก่จะเป็นคนธรรมดานี่ คุณคิดว่าไงครับ”
ได้ยินประโยคนี้ เคอหงเทาก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขายังไม่ได้พิจารณาประเด็นปัญหานี้จริงๆ มีคนคิดอยากเปิดร้านอาหารในเขตเฉิงซี แปดสิบเปอร์เซ็นต์คงจะมาลองสอบถามเสี่ยซานอย่างเขาก่อน แต่ต้าสือไต้ไม่ได้มา บวกกับขนาดของต้าสือไต้ก็ไม่ได้เล็ก บางทีเบื้องลึกเบื้องหลังอาจจะไม่ง่ายจริงๆ
“เอาเถอะ ฉันสืบเอาได้ แต่…ฉันให้เวลานายพิจารณาสามวัน ฉันหวังว่านายจะให้สูตรข้าวผัดจักรพรรดิกับฉันได้ นายวางใจเถอะ เสี่ยซานไม่มีทางไม่ให้ความยุติธรรมกับนายแน่ๆ”
ซ่งจื่อเซวียนคิดในใจ ‘เห็นว่าโค่นล้มไม่ได้ก็เลยเปลี่ยนเป็นอยากได้สูตรแทนซะงั้น ถึงจะบอกว่าเสี่ยเคอซานคนนี้มีชื่อเสียงอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไร ดูท่าคิดคบค้าสมาคมกับเขาจะมาแบบแข็งกระด้างไม่ได้’
“ครับ อีกสามวันหลังจากนี้ผมจะให้คำตอบเสี่ยซาน”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็ลุกขึ้นยืนเดินไป เพิ่งจะเปิดประตูก็ถูกชายฉกรรจ์สองคนขวางไว้ เคอหงเทาโบกมือ “ปล่อยเขาไป แต่…ซ่งจื่อเซวียน เสี่ยซานตามหานายได้อีกนะ”
“รอเลยครับเสี่ยซาน!” ซ่งจื่อเซวียนพูดตอบกลับโดยไม่หันหน้าไปมอง สาวเท้าเดินออกมาทันที
หลังจากซ่งจื่อเซวียนไป เคอหงเทาก็ผ่อนลมหายใจยาวออกมาแล้วโอบกอดผู้หญิงข้างๆ พูดว่า “ที่รัก ไม่เป็นไร อยู่กับฉันไม่เปล่าประโยชน์หรอก มีแผนสำรองไว้แล้ว”
“ค่ะ เสี่ยซาน ฉันคิดว่าเมื่อกี้คุณจะร้อนใจแล้ว ถ้าฉันไม่พูดอะไรออกไปคุณจะไม่กระทืบเขาตายเลยเหรอ”
“ฮ่าๆๆ รู้จักฉันดีจริงๆ แต่ฉันยังไม่คิดจะกระทืบเขาหรอก ใครเกลียดเงินบ้างล่ะ มีความเป็นไปได้ว่าไอ้เด็กนี่จะเป็นบ่อเงินบ่อทอง ฉันต้องเลี้ยงดูเขา” เคอหงเทาพูดพลางยิ้มเย็น “เขาไม่ได้เกลียดเงิน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าฉันจะเลี้ยงไม่ไหว!”
“แล้วถ้าเลี้ยงไม่ไหวจริงๆ ล่ะคะ” หญิงสาวถามด้วยรอยยิ้ม
เคอหงเทาลูบเอวของหญิงสาว “เลี้ยงไม่ไหวงั้นเหรอ หึ ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะทำให้เขาหายไปเสียเลย มาแย่งเสี่ยซานอย่างฉันกินอาหารในวงการนี้ที่เขตเฉิงซี นั่นก็เป็นการรนหาที่ตาย!”
เดินออกมาจากโรงอาบน้ำได้ครู่หนึ่ง ซ่งจื่อเซวียนคิดว่าตนเองผ่อนคลายได้ชั่วคราว ถึงแม้ว่าเมื่อครู่ตอนที่สนทนาอยู่ด้านในกับเคอหงเทาจะไม่ได้แสดงท่าทีกระวนกระวายออกมาชัดเจน แต่ต้องพูดเลยว่าเป็นครั้งแรกที่ซ่งจื่อเซวียนเผชิญหน้ากับคนแบบนี้ จะบอกว่าไม่กระวนกระวายเลยนั่นก็หลอกกันแล้ว
อีกทั้งซ่งจื่อเซวียนรู้ดีอยู่แก่ใจว่าตอนที่เขาส่งสายตาคุมเชิงกับเคอหงเทาเมื่อครู่ ถ้าไม่ได้ผู้หญิงคนนั้นช่วยไกล่เกลี่ย บางทีตอนนี้ตนเองอาจจะจบอีกแบบหนึ่ง
แต่ดีที่หลังจากผู้หญิงคนนั้นเปิดปากพูด ก็ถือว่าเขากับเคอหงเทาค่อนข้างเข้าใจตรงกันไปโดยปริยาย และจงใจเปลี่ยนเรื่องกันทั้งคู่
และด้วยเหตุนี้ ซ่งจื่อเซวียนจึงสามารถแน่ใจได้อย่างหนึ่งว่าเคอหงเทาไม่เป็นอันตรายกับเขาชั่วคราว เพราะสิ่งที่เขาต้องการคือกำไร ไม่ใช่ต้องการให้ตนทำอย่างไร
ความจริงแล้วเขาคิดจะติดต่อหาหลินเทียนหนาน ถึงอย่างไรตอนนี้ บางทีอาจจะมีแค่หลินเทียนหนานที่สามารถช่วยเขาได้ หากพึ่งซางเทียนซั่วหรือยอดฝีมือคนนั้นของกู่เสี่ยวเป่า เดาว่าจะต้องจัดการพวกนักเลงกระจอกได้แน่ แต่กับคนอย่างเคอหงเทา…กลับกันคงเพิ่มความเดือดร้อนให้อีกฝ่าย
แต่ใคร่ครวญดูแล้ว สุดท้ายซ่งจื่อเซวียนก็ไม่ได้โทรศัพท์หาใคร เมื่อครู่ตอนที่ทั้งสองพูดคุยกัน เขาจงใจพูดถึงเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาของเถ้าแก่ต้าสือไต้ไป คิดว่าเคอหงเทาจะต้องไปสืบหาแน่ หากพวกเขาได้พะว้าพะวังบ้างอาจจะสร้างความลำบากให้ตนไม่ได้
เดิมทีคิดว่าคืนนี้จะไปหาตาเฒ่าพูดคุยเรื่องข้าวผัดหยกทองกับข้าวผัดจักรพรรดิเสียหน่อย แต่โดนเสี่ยซานเชิญมาเสียขนาดนี้ ก็เลยเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว ซ่งจื่อเซวียนจึงทำได้แค่ตรงกลับบ้านแล้ว
เช้าวันถัดมา ซ่งจื่อเซวียนเอาชุดสูทชุดนั้นไปต้าสือไต้ด้วย ถึงอย่างไรเขาก็จำได้ว่าวันนี้ต้องไปร่วมชิมอาหารตามคำเชิญของถังหย่าฉี
มาถึงช่วงเที่ยง ข้าวผัดจักรพรรดิก็จัดเสิร์ฟไปแล้วสิบสามที่ นี่กลับทำให้ซ่งจื่อเซวียนค่อนข้างโล่งใจ ถึงอย่างไรห้าโมงถังหย่าฉีก็จะมารับเขาที่ต้าสือไต้ ถ้าขายได้น้อย เขาก็รู้สึกกระดากอายที่จะลางานกับเจิ้งฮุย
ด้วยท่าทีที่เจิ้งฮุยปฏิบัติกับเขาตอนนี้ จะลางานก็คงไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร แต่ถ้าขายได้น้อยล่ะก็…ความจริงสำหรับซ่งจื่อเซวียนแล้วก็รู้สึกเก้อเขินอยู่บ้าง
ตอนบ่าย ก็เสิร์ฟได้ต่อเนื่องอีกสามที่ ซ่งจื่อเซวียนถึงได้วางใจ เขาเดินไปหาเจิ้งฮุย พูดว่า “หัวหน้าเชฟครับ ผมอยากลางานสักหน่อย”
“หืม มีธุระต้องไปทำเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าหงึกหงัก “ครับ วันนี้ผมรับปากกับเพื่อนไว้ว่าจะไปร่วมงานเลี้ยงงานหนึ่งน่ะครับเพราะงั้น…”
เจิ้งฮุยหยิบออร์เดอร์มาดู พูดด้วยรอยยิ้ม “วันนี้ขายได้สิบหกที่แล้วนี่ นายไปเถอะ นี่ก็ไม่แย่แล้ว”
“แหะๆ ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมากครับ”
ซ่งจื่อเซวียนพูดจบก็หันหลังกลับไปเตรียมทำความสะอาดเตา ซางเทียนซั่วเข้ามาใกล้ทันที “อาจารย์ อีกเดี๋ยวจะมีอะไรน่าสนุกเหรอ ผมก็อยากไป!”
“เกี่ยวอะไรกับนายล่ะ ถ้านายอยากดูอะไรก็ลองไปเรียนรู้จากพวกเชฟดู ถ้าไม่อยากก็เลิกงานแล้วตรงกลับบ้านไปซะ!”
ซ่งจื่อเซวียนไม่อยากจะพาซางเทียนซั่วไปด้วยจริงๆ ถ้าคนอื่นยังพอว่า แต่ไปเจอถังหย่าฉี…ไอ้เจ้าก้างขวางคอคนนี้ไม่น่าจะมีความจำเป็นต้องเสนอหน้าไป
“ผมเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์นะ จะเรียนกับพวกเขาไปทำไม” ซางเทียนซั่วถาม
“งั้นนายก็เลิกงาน กลับบ้านเถอะ” ซ่งจื่อเซวียนพูด
ซ่งจื่อเซวียนพูดไปพลางเช็ดเคาน์เตอร์เตา ซางเทียนซั่วก็หยิบผ้าขี้ริ้วมาช่วยเช็ดด้วย พูดด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ ลึกลับขนาดนี้…ไปเจอสาวใช่ไหมเนี่ย อาจารย์แม่ของผมใช่ปะ”
ซ่งจื่อเซวียนชะงัก “อาจารย์แม่อะไร…ฉันยังเด็กกว่านายนะ อาจารย์แม่จะมาจากไหน”
“แค่กๆ…”
ซางเทียนซั่วกระแอมไอเบาๆ จะว่าไปประโยคนี้ก็ทำให้เขาเขินอายเล็กน้อย มีอยู่สองเรื่องที่เขาไม่อยากพูดถึงที่สุด อย่างแรกคือมีอาจารย์ที่เด็กกว่าตนเอง ส่วนอีกเรื่องก็คือ…มีอาเล็กที่เด็กกว่าตนเองยิ่งเข้าไปอีก ก็คือกู่เสี่ยวเป่านั่นเอง
“ถ้าไม่ใช่อาจารย์แม่…ทำไมถึงไม่พาผมไปด้วยล่ะ อาจารย์ ตกลงอาจารย์ไปทำอะไรเนี่ย”
ซ่งจื่อเซวียนที่ถูกถามก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร เขาถลึงตาใส่ซางเทียนซั่ว “นายนี่ชอบฟังเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมากสินะ”
“เรื่องส่วนตัว? นั่น…ไม่ใช่สักหน่อย…” ซางเทียนซั่วรีบหุบปาก
ไม่นานนัก ซ่งจื่อเซวียนก็ได้รับสายจากถังหย่าฉี บอกว่ารถถึงหน้าประตูแล้ว เขารีบเก็บกวาดเล็กน้อยก่อนจะออกไป
ออกจากต้าสือไต้ เขาก็เห็นรถเก๋งสีดำคันหนึ่งจอดอยู่ริมถนน ยี่ห้อคุ้นตาอยู่บ้าง แต่เขาก็นึกไม่ออก ถึงอย่างไรสำหรับเรื่องรถเขาไม่ได้รู้จักอะไรเลยจริงๆ
เห็นซ่งจื่อเซวียนเดินออกมา ถังหย่าฉีก็ลงจากรถพลางกวักมือหาเขา “จื่อเซวียน ทางนี้”
ซ่งจื่อเซวียนเร่งฝีเท้าเดินเข้าไป เมียงมองรถคันนี้ “นี่เธอ…เรียกรถมาเหรอ”
“ฮะ อ้อๆ ใช่ เรียกรถมา รีบขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวก็เริ่มงานแล้ว”
ได้ยินดังนั้น ไต้ทงที่นั่งอยู่ที่นั่งคนขับเกือบหลุดหัวเราะออกมา คุณเคยเห็นคนขับรถในแอปเรียกรถที่ไหนขับแฟตันล่ะ
“รถคันนี้คุ้นตาอยู่หน่อยๆ นะ เหมือนคราวที่แล้วก็คันนี้ คงไม่บังเอิญขนาดนั้นมั้ง เธอเรียกรถคันเดียวกันได้สองครั้งเหรอ”
“โธ่ รูปร่างหน้าตารถก็ไม่ต่างกันมากหรอก ขึ้นรถเถอะ เดี๋ยวจะไม่ทันแล้ว!”
พูดพลาง ถังหย่าฉีก็ดันซ่งจื่อเซวียนเข้าไปนั่งตรงที่นั่งข้างคนขับ หลังจากนั้นตนเองก็ไปนั่งข้างหลัง
ไต้ทงกำลังคิดจะขับรถ ก็ได้ยินเสียงเคาะกระจกรถ ทั้งสามคนมองไปในเวลาเดียวกัน เป็นซางเทียนซั่วที่กำลังเคาะหน้าต่างรถฝั่งคนขับอยู่
เมื่อลดกระจกลง ซางเทียนซั่วก็พูดว่า “อาจารย์ ไหนว่าไม่ได้มาเจออาจารย์แม่ไง พระเจ้า อาจารย์แม่สวยขนาดนี้…”
ซางเทียนซั่วพูดพลางมองไปที่ถังหย่าฉี พูดได้ครึ่งประโยคก็ชะงักไปแล้ว ต้องพูดเลยว่า เขาไม่เคยเจอเด็กสาวที่สวยอย่างนี้มาก่อนจริงๆ
“อะแฮ่ม…” ถังหย่าฉีที่ถูกมอง กระแอมไอขึ้นมาอย่างกระอักกระอ่วนใจ
ซ่งจื่อเซวียนยื่นมือไปหยิกแขนซางเทียนซั่วทีหนึ่ง พูดว่า “ซางเทียนซั่ว นายเป็นบ้าหรือไง มองคนอื่นเขาขนาดนี้ได้ไง”
ซางเทียนซั่วที่ถูกหยิกก็รู้สึกเจ็บ กระโดดตัวโยนเหมือนโดนไฟช็อต ลูบตรงบริเวณที่ถูกหยิกทันทีตามสัญชาตญาณ “ให้ตายสิ อาจารย์ลงมือโหดร้ายจัง เจ็บจะตายอยู่แล้ว”
พูดพลาง เขาก็ไม่ลืมโบกมือให้ถังหย่าฉีด้านหลัง “ไฮ…อาจารย์แม่ สายัณสวัสดิ์”
ถังหย่าฉีก็มึงงง “ซ่งจื่อเซวียน เขาคือ…”
“อ้อ ลูกศิษย์…ฉัน…” ซ่งจื่อเซวียนแนะนำอย่างกระอักกระอ่วน ถึงอย่างไรตอนนี้คนคนนี้ก็ดูเหมือนเป็นบ้าไปแล้ว
“ลูกศิษย์นาย? ไม่งั้น…ไปด้วยกันไหม”
“ได้ครับๆ อาจารย์แม่ ผมขึ้นรถแล้วนะ!” ซางเทียนซั่วกลับไม่เกรงใจ ขณะที่พูดก็เปิดประตูรถ
ถังหย่าฉีมึนงง ความจริงแล้วเธอชวนตามมารยาท ทำไมอีกฝ่ายถึงได้ขึ้นรถมาล่ะ
“ซ่งจื่อเซวียน ถ้างั้น…ให้เขานั่งข้างหน้าได้ไหม” ถังหย่าฉีพูอย่างอึดอัดอยู่บ้าง
ซ่งจื่อเซวียนเปิดประตูลงจากรถทันทีแล้วเดินไปด้านหลัง “นายไปก็ได้ ไปนั่งข้างหน้า”
“อ้อ ก็จริง อาจารย์ต้องนั่งกับอาจารย์แม่”
ซางเทียนซั่วพูดพลางลงจากรถ ซ่งจื่อเซวียนจ้องเขาอย่างดุดัน “อาจารย์แม่อะไร เพื่อนของฉันต่างหาก!”
ซ่งจื่อเซวียนเข้าไปนั่งด้านหลัง ถังหย่าฉีตั้งใจขยับไปข้างๆ ไม่ใช่เพราะรังเกียจ แต่บางทีอาจจะเพราะจับมือกันครั้งที่แล้ว พอทั้งสองอยู่ใกล้กันเล็กน้อย…จึงรู้สึกเขินอายอย่างเลี่ยงไม่ได้
“อาจารย์ รถอาจารย์แม่นี่ไม่เลวจริงๆ นะครับ” ซางเทียนซั่วพูดพลางลูบไปตามเบาะหนังแท้
“รถของเธอที่ไหน นี่เป็นรถที่เรียกมาจากแอป ไม่ได้รู้เรื่องเลย…” ซ่งจื่อเซวียนกลอกตามองซางเทียนซั่ว
พรืด!
ซางเทียนซั่วอดสำลักออกมาไม่ได้ “อาจารย์ล้อผมเล่นปะเนี่ย อาจารย์เคยเห็นแฟตันที่ไหนเป็นรถที่เรียกได้จากแอปเหรอ”
……………………………………………
[1] แฟตัน (Phaeton) เป็นรถซีดานเรือธงที่ถูกผลิตออกมาเพียงรุ่นแรกและรุ่นเดียวของ Volkswagen