เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 406 ข้ามาแล้ว!
ตอนที่ 406 ข้ามาแล้ว!
……….
ซ่งจื่อเซวียนชะงักอยู่ที่ประตูพักหนึ่ง
เขาอยากจะตบตัวเองที่ปากพล่อยเกินไปจนโพล่งคำพูดโดยไม่คิดให้ดี
ดูเหมือนว่าตอนนี้…ตาเฒ่าจะพูดตรงประเด็น
เวลานี้เองหวังเฉิงยงก็หันกลับมา ซ่งจื่อเซวียนจึงมองเห็นแววตาของเขาชัดเจน
เขาไม่เคยคิดเลยว่าตาเฒ่าแปลกหน้าคนนี้จะร้องไห้จริงๆ…
“ฟ้ามีตาจริงๆ อาจารย์ อดีตเพื่อนรักของอาจารย์…อยู่ที่เมืองตู้เหมิน!”
ได้ยินคำพูดนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็รู้สึกหนาวเล็กน้อย ราวกับว่าขนลุกขนพอง
“ตาแก่หวัง คุณ…คุณหมายความว่ายังไง”
หวังเฉิงยงรีบก้าวไปข้างหน้าและคว้าแขนของซ่งจื่อเซวียนไว้
“เขาอยู่ที่ไหน ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน”
ซ่งจื่อเซวียนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอยู่พักหนึ่ง
ตามที่ชายชราบอกไว้คือเขายินดีที่จะเจอหวังเฉิงยง และยังบอกอีกว่าหวังเฉิงยงนับว่าเป็นคนรุ่นใหม่
แต่เมื่อเห็นท่าทีแบบนี้ของหวังเฉิงยง…ซ่งจื่อเซวียนปล่อยให้เขาเจอกับชายชราไม่ได้เด็ดขาดแม้ว่าจะตีให้ตายก็ตาม
อย่างไรก็อายุเกินเก้าสิบปีแล้ว หากตาแก่หวังไปกระตุ้นจนมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ซ่งจื่อเซวียนคงเสียใจไปตลอดชีวิต
แต่ก่อนที่ซ่งจื่อเซวียนจะตอบ หวังเฉิงยงก็ค่อยๆ ลดมือลง
เขาถอยหลังไปสองสามก้าว ใบหน้าเต็มไปด้วยความจนใจและแววตาเศร้าหมอง
“แต่…เขาอายุเก้าสิบกว่าแล้ว อาจารย์บอกว่าผมจะท้าทายคนแก่อายุเก้าสิบกว่าไม่ได้…
เหมือนที่อาจารย์บอก ลูกผู้ชายไม่รังแกคนแก่และผู้หญิง แล้ว…ผมจะล้างแค้นอดีตเพื่อนคนนี้ให้อาจารย์ได้ยังไง”
เมื่อเห็นประกายในดวงตาของหวังเฉิงยง ซ่งจื่อเซวียนก็เศร้าใจเล็กน้อย
หวังเฉิงยงอายุเกินห้าสิบปีแล้ว เป็นวัยที่ปลงกับชีวิต แต่ยังมีชายชราอีกคนอยู่ในใจ
เวลานี้เขาเป็นเหมือนเด็กคนหนึ่งที่ระบายสิ่งที่เขาไม่สามารถทำมันได้ออกมา
“ตาแก่หวัง คุณ…”
หวังเฉิงยงยกมือ “ไอ้หนู ฉันอยากเจออาจารย์ของนาย”
อันที่จริงซ่งจื่อเซวียนรู้ว่าชายชรายอมตกลงแล้ว แต่เขาก็ยังลังเล
ตาแก่หวังคนนี้คงไม่ทำอะไรหุนหันพลันแล่นจริงๆ ใช่ไหม
เห็นว่าซ่งจื่อเซวียนเงียบ หวังเฉิงยงก็ก้าวเข้ามาใกล้และประสานหมัด
ซ่งจื่อเซวียนตกตะลึง ล้อเล่นหรือเปล่า หากหวงฟาประสานหมัด เขาคงไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลก
แต่หวังเฉิงยง…ทำแบบนี้เขาไม่ชินเลยจริงๆ เมื่อพิจารณาจากอายุและความอาวุโส ซ่งจื่อเซวียนควรเป็นคนคารวะจึงจะถูก
“ไอ้หนู เรารู้จักกันมานานแล้ว ฉันไม่เคยขออะไรนายเลย”
“วันนี้ฉันอยากขอร้องนายเรื่องหนึ่ง พาฉันไปเจออาจารย์ของนายได้ไหม ฉันหวังเฉิงยงสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเขา”
ขณะที่พูด หวังเฉิงยงก็โค้งคำนับ
ซ่งจื่อเซวียนก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ และรีบก้าวไปประคองหวังเฉิงยง
“ได้ ผมรับปากเรื่องนี้ คุณก็อย่าคำนับเลย”
หวังเฉิงยงเงยหน้ามองซ่งจื่อเซวียนทั้งน้ำตา และพยักหน้าช้าๆ “ขอบใจ”
จากนั้นซ่งจื่อเซวียนและหวังเฉิงยงก็นัดหมายไปเยี่ยมตาเฒ่าฟางในคืนวันอาทิตย์
สิ่งสำคัญคือหวังเฉิงยงก็รู้สถานะของตาเฒ่าฟาง หากต้องการพบกับผู้อาวุโสก็ต้องเตรียมตัวสักหน่อย
หลังออกจากบ้านของหวังเฉิงยง ซ่งจื่อเซวียนก็รู้สึกหนักใจ
อยู่ในวงการมานาน เขาได้เห็นกลอุบายมากเกินไป กระทั่งเป็นอันตรายต่อชีวิต
แต่เรื่องระหว่างผู้คนดูเหมือนจะละเอียดอ่อนกว่า นี่เป็นธรรมชาติของชาวยุทธภพที่สืบสานมาตั้งแต่สมัยโบราณ
เมื่อดูนาฬิกาก็เป็นเวลาเก้าโมงกว่า ซ่งจื่อเซวียนจึงโทรหาเสี่ยเฉิงปา
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเสี่ยเฉิงปาคอยดูแลคลับเฮาส์หลงตูอยู่
ไม่ว่าจะเป็นโรงอาบน้ำหรือคาราโอเกะชั้นบน เขาดูแลจัดการได้ดีทุกอย่าง
ซ่งจื่อเซวียนแทบไม่ต้องกังวลเรื่องนี้อีก เขาทำเพียงแค่นับเงินทุกเดือน
เนื่องจากลักษณะงานที่เขาทำ เสี่ยปาจึงแทบจะนอนตีสี่ตีห้าและตื่นนอนตอนเที่ยงเกือบทุกวัน
แต่เมื่อเขารับสายจากซ่งจื่อเซวียน เขาก็นอนไม่หลับทันที
อย่างไรเมื่อพูดถึงความสัมพันธ์ ตอนนี้เขาเป็นลูกน้องของซ่งจื่อเซวียนไปแล้ว
“เสี่ยปา ผมขอโทษที่มารบกวนเวลาพักผ่อน”
“ไม่หรอก นายท่านรอง เราไม่พูดเรื่องแบบนี้กันอยู่แล้ว มีเรื่องอะไรบอกมาได้เลย”
ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เสี่ยเฉิงปาเลิกเรียกซ่งจื่อเซวียนว่าน้องชาย แต่เรียกว่านายท่านรองแทน
เนื่องจากเขาก็มีสถานะสูง เรียกว่านายท่านรองจะสบายใจกว่า
“เหอะๆ เสี่ยปาชัดเจนดี ผมอยากจะถามว่าในตู้เหมินของเรามีที่ไหนที่ทำสวนได้บ้างครับ”
“หา? ทำสวนเหรอ นายท่านรองจะทำอะไร”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ก็แค่ทำสวน เสี่ยปามีที่ลับๆ บ้างหรือเปล่า ที่เราปลูกแล้วคนอื่นจะขโมยไม่ได้น่ะ”
เสี่ยเฉิงปาใคร่ครวญหลังจากได้ยิน “ที่ส่วนบุคคลใช่ไหม มีสิ นายท่านรอง ฉันมีบ้านเก่าอยู่ที่ชานเมืองฝั่งตะวันออก ถึงจะผุพังหน่อย แต่พื้นที่ใหญ่นะ”
“ดีเลย สภาพแวดล้อมเป็นยังไงบ้างครับ”
“ถึงจะไม่ได้อยู่บนภูเขา แต่แสงแดดก็ดีทุกวัน ในลานบ้านมีต้นไม้ใหญ่หลายต้นที่ให้ร่มเงาคนละช่วงเวลา”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินประโยคนี้ก็ดีใจทันที นี่เป็นสิ่งที่เขาต้องการเลยไม่ใช่เหรอ
สภาพแวดล้อมการเจริญเติบโตของยี่หร่าเก้าเซียนเป็นแบบนี้ ต้องการแสงแดดเพียงพอในทุกวัน แต่ไม่มากเกินไป ดังนั้นส่วนมากจึงมักเติบโตในป่า
เช่นเดียวกับถั่วปากอ้าภูเขาที่เติบโตใต้ต้นไม้ ซ่งจื่อเซวียนกำลังคิดว่าหากมีพื้นที่จะปลูกต้นไม้เพิ่มอีกสองสามต้น
ดูเหมือนว่าตอนนี้คงไม่จำเป็นแล้ว
“เยี่ยมมากเสี่ยปา พื้นที่ของคุณมีรั้วล้อมรอบใช่ไหม”
“ใช่ เป็นบ้านเก่าฉันเอง ฉันอยู่ที่นั่นตอนเด็กๆ” เฉิงปาตอบ
“แล้วใหญ่แค่ไหน”
“มีสามห้อง ลานบ้านน่าจะสี่ถึงห้าร้อยตารางเมตร แต่…นายท่านรอง ที่นั่นไม่มีห้องใหญ่นะ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มและพูดว่า “เหอะๆ ไม่เป็นไรหรอก เสี่ยปาคุณว่างไหม พาผมไปดูหน่อยสิ”
“ตอนนี้เหรอ” เสี่ยเฉิงปาขยี้ตาสุดแรง ไม่อยากลุกจากเตียงจริงๆ…
“อืม”
ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถซ่งจื่อเซวียนก็มาถึงที่พักของเสี่ยเฉิงปา
เขาเห็นเสี่ยเฉิงปาเดินออกมาในชุดคลุมแขนสั้นสีดำ ท่าทางดูง่วงนอนและตาแดง เห็นได้ชัดว่าเขานอนไม่พอ
แต่ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้สนใจ คราวนี้เขากลับมาได้ไม่กี่วันเท่านั้น เขาต้องทำเรื่องเหล่านี้ให้เสร็จ
ก่อนอื่นเขาต้องขอคำแนะนำจากชายชราเกี่ยวกับ ‘บันทึกหย่งซั่น’
จากนั้นก็ปลูกยี่หร่าเก้าเซียน เรื่องสุดท้ายคือใช้หนวดพญามังกรมาถนอมกระทะ
ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้ ซ่งจื่อเซวียนมีแนวโน้มที่จะใช้กระทะเหล็กเมฆม่วงมากกว่าแน่นอน
“อรุณสวัสดิ์นายท่านรอง”
“อรุณสวัสดิ์เสี่ยปา วันนี้ขอโทษด้วยนะครับ รอไปดูสถานที่เสร็จแล้วผมจะเลี้ยงชายามเช้า”
เสี่ยเฉิงปายิ้ม “เอาเถอะ ไม่เป็นไร เสร็จเรื่องแล้วฉันกลับมานอนก็พอ”
ซ่งจื่อเซวียนมีสีหน้ากระอักกระอ่วนและสั่งให้ฟางรุ่ยออกรถทันที ส่วนเสี่ยเฉิงปานั่งบอกทางอยู่ตรงเบาะหน้า
สถานที่แห่งนี้อยู่ไกล เป็นชนบทที่แท้จริง และใช้เวลาเดินทางประมาณหนึ่งชั่วโมงกว่า
เมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่มีตึกสูงระฟ้าหรือโรงแรมและป้ายรถเมล์ มีเพียงทุ่งนาเท่านั้น
ทั้งหมดเป็นพืชผลที่ชาวบ้านในพื้นที่ปลูก
ขับรถไปได้สักพัก ฟางรุ่ยก็ขับรถเข้าไปในถนนเล็กๆ ในทุ่งนาตามที่เสี่ยเฉิงปาบอก
รถก็เริ่มกระแทกหนักขึ้นเรื่อยๆ แทบจะไม่มีพื้นที่ราบเลย ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกราวกับว่ารถจะพลิกคว่ำอยู่หลายครั้ง
แต่โชคดีที่ไม่นานก็เข้าไปในหมู่บ้าน ถนนจึงเรียบขึ้นเล็กน้อย
ขับไปถึงหน้าประตูที่เก่าทรุดโทรม ฟางรุ่ยก็หยุดรถ
ซ่งจื่อเซวียนมองไปที่บ้าน มีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่
ด้านข้างยังมีบับ้านสองสามหลัง แต่ละหลังตกแต่งได้ไม่เลวและดูดีทีเดียว
แต่บ้านเก่าหลังนี้ของเสี่ยเฉิงปาเห็นได้ชัดว่าไม่มีใครอาศัยมาหลายปีแล้ว ประตูก็ผุพังอยู่บ้าง
เฉิงปาหยิบกุญแจเก่าๆ ออกมาจากกระเป๋า และไขแม่กุญแจที่แขวนอยู่ตรงประตู จากนั้นทุกคนก็เดินเข้าไป
สิ่งที่เผยให้เห็นก็คือผืนดินกว้างในลานบ้าน
บ้านในชนบทที่ไม่ต้องการได้ปูพื้นปูนไว้แล้ว แต่เนื่องจากเสี่ยเฉิงปาไปจากที่นี่อย่างน้อยยี่สิบปีแล้ว ที่ดินในตอนนั้นจึงยังอยู่
และนี่คือสิ่งที่ซ่งจื่อเซวียนต้องการ
ในลานบ้านมีต้นไม้สามต้นที่ไม่มีใครดูแลมาตลอด กิ่งก้านและใบไม้จึงพันกันเป็นเถาวัลย์ขนาดใหญ่
ซ่งจื่อเซวียนแอบยิ้ม นี่คือจุดเด่นของต้นไม้ ราวกับว่ามันถูกสร้างมาอย่างประณีต
ประตูบ้านผุพังไปหมดแล้ว กระจกบางส่วนก็แตก แต่ไม่สำคัญ แค่ซ่อมให้เรียบร้อยก็พอแล้ว
“นายท่านรอง ที่นี่เป็นยังไงบ้าง มันสกปรกไปหน่อย”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ไม่มีปัญหา เสี่ยปา ช่วยหาคนในหมู่บ้านมาช่วยเก็บกวาดหน่อยได้ไหม เราจะให้เงินเขา”
“ฮ่าๆ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว หาคุณยายสักสองสามคนมาเก็บกวาดสักหน่อยก็ได้แล้ว แต่ของพวกนี้เก่ามากแล้วต้องเปลี่ยนใหม่” เฉิงปากล่าว
“ไม่ต้องครับ บ้านจะเป็นยังไงไม่สำคัญ ผมต้องการแค่ที่ดินผืนนี้ จริงสิเสี่ยปา ผมอยากจ้างคนมาดูแลสองคน ทำงานเป็นกะ และจะจ่ายค่าจ้างให้ด้วย”
เฉิงปายิ้ม “ไม่มีปัญหา เดี๋ยวเราค่อยไปหาผู้ใหญ่บ้านแล้วให้เขาเตรียมการให้”
ต่อจากนั้นเฉิงปาก็พาซ่งจื่อเซวียนไปหาผู้ใหญ่บ้าน
หลังจากที่เฉิงปาเริ่มใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย เขาก็เคยกลับมาที่หมู่บ้านเช่นกัน
ปีนั้นเป็นช่วงฤดูใบไม้ร่วงสีทอง เขาวางแผนที่จะพาครอบครัวกลับมาชมและสัมผัสกลิ่นอายชนบท
แต่เขาไม่รู้เลยว่าบ้านที่ไม่ได้อาศัยมาหลายปีนั้น กลับถูกเจ้าซิงคนที่บ้าอำนาจในหมู่บ้านยึดไปแล้ว
เรื่องที่ทำให้เฉิงปาโกรธที่สุดคือไอ้หมอนี่ใช้บ้านหลังนี้เลี้ยงดูแม่ม่าย
เฉิงปาทำลายข้าวของทุกอย่างที่เจ้าซิงซื้อมาในบ้านทันที
เจ้าซิงพาคนมาเพื่อขอคำอธิบาย ซึ่งแต่ละคนแข็งแรงกำยำมาก แต่สุดท้ายก็ยังเป็นแก๊งก่อความวุ่นวายเล็กๆ ในหมู่บ้าน
พวกเหลยจื่อที่อยู่ข้างเฉิงปาได้ต่อสู้กับพวกเจ้าซิง
เจ้าซิงไปหาผู้ใหญ่บ้านเพื่อขอความเห็น เดิมทีผู้ใหญ่บ้านวางแผนที่จะไกล่เกลี่ยให้สิ้นเรื่อง แต่ใครจะรู้ว่าเฉิงปาไม่ได้สนใจเรื่องนั้น และแม้แต่ผู้ใหญ่บ้านก็โดนต่อยตีไปด้วย
ดังนั้นจนถึงทุกวันนี้ ไม่ว่าหมู่บ้านนี้จะเปลี่ยนผู้ใหญ่บ้านไปสักกี่คนก็ไม่มีใครกล้ายุ่งกับเฉิงปา
ผู้ใหญ่บ้านจูโหยวซานกำลังดูเอกสารที่เพิ่งมาจากหมู่บ้านในห้องทำงาน
จูโหยวซานอายุเกือบหกสิบปี เขาเป็นผู้ใหญ่บ้านมานานกว่าสิบปีและทำทุกสิ่งอย่างละเอียดรอบคอบ
ในการทำงานของเขาแทบจะมีปัญหาเพียงแค่ครั้งเดียว ไม่ต้องพูดถึงการนำพาชาวบ้านให้ร่ำรวยเท่านั้น แต่เขายังดำเนินโครงการด้านนิเวศวิทยาและยังสร้างรายได้ให้กับทุกคนอีกด้วย
ดังนั้นชาวบ้านจึงให้การยอมรับเขามาก
“ผะ…ผู้ใหญ่บ้าน!”
‘สือเลี่ยง’ สมาชิกในหมู่บ้านวิ่งพรวดพราดเข้ามา เห็นได้ชัดว่าหายใจไม่ทันเล็กน้อย
“มีอะไร ทำไมถึงลุกลี้ลุกลนขนาดนั้น ไม่มีมารยาท!”
หลายปีที่ผ่านมา จูโหยวซานขยันอ่านหนังสือทุกวัน คำพูดของเขาจึงค่อนข้างเป็นทางการ
“ผู้ใหญ่บ้าน ยะ…แย่แล้ว นั่น…มาแล้ว…”
“หืม พูดมาให้หมด ใครมา คนต่างถิ่นเหรอ”
สือเลี่ยงส่ายหัวอย่างแรง “ไม่ใช่…เฉิง เฉิงปา…”
เมื่อได้ยินคำว่าเฉิงปา จูโหยวซานก็ตัวแข็งทื่อ ดวงตาเบิกกว้าง กรอบแว่นตาก็ตกลงไปที่ปลายจมูก
เรื่องใหญ่กว่า…คนต่างถิ่นอีก
“ผู้ใหญ่บ้าน ข้ามาแล้ว ทำไมยังไม่ออกมารับอีกวะ!”
เสียงตะโกนของเฉิงปาดังลอดมาจากประตู จูโหยวซานก็สะดุ้งทันที
แม่งเอ๊ย ปีศาจเข้ามาในหมู่บ้านแล้ว…
………………………………………………
……….