เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 401 ความสัมพันธ์
ตอนที่ 401 ความสัมพันธ์
…………….
มองซ่งจื่อเซวียนที่อยู่ตรงหน้า หลังจากถังหย่าฉีดีใจชั่วขณะก็มุ่ยปากขึ้นมา
เธอทุบไปที่อกของซ่งจื่อเซวียนหนึ่งที “ไอ้คนโกหก นายบอกว่าเจ็ดวันไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้กลับมาแล้วล่ะ”
“เหอะๆ เรื่องมันยาวน่ะ เดี๋ยวฉันไปดูตาเฒ่าสักหน่อย พรุ่งนี้จะเล่าให้เธอฟังนะ!”
ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางบีบจมูกถังหย่าฉีเล็กน้อย
“ฉันไม่สน ฉันจะไปกับนายด้วย!”
ถังหย่าฉีกอดซ่งจื่อเซวียนไว้แน่น ทำท่าทางให้ตายก็ไม่ยอมปล่อยไป
ที่จริงก่อนหน้านี้ทั้งสองก็กอดกันอย่างสนิทสนมได้ กระทั่งจูบกันเล็กน้อย
แต่หลังจากแยกกันหนึ่งวัน เหมือนความรู้สึกจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งในพริบตา ถังหย่าฉีก็เหมือนกับเป็นแมวน้อยตัวหนึ่ง ออดอ้อนออเซาะซ่งจื่อเซวียนอย่างไม่สนใจอะไรสักนิด
ซ่งจื่อเซวียนก็ทนน้ำเสียงโทนนี้ของถังหย่าฉีไม่ได้อยู่แล้ว จึงตกปากรับคำเธอทันที
คืนนั้น สวนสวินเฟิงปิดร้านก่อนเวลาปกติ อย่างไรก็กลัวตาเฒ่านอนเร็ว ซ่งจื่อเซวียนก็ต้องรีบไป
ระหว่างทาง ถังหย่าฉีก็เตือนให้ซื้อเหล้าเหมาไถไปสองขวด ซ่งจื่อเซวียนพลันเข้าใจ ขอแค่เห็นของสิ่งนี้ ตาเฒ่าจะไม่โกรธอะไรทั้งนั้น
ถึงบ้านของฟางจิ่งจือ ก็เห็นตาเฒ่านั่งเปลือยหลังอยู่ในลานบ้าน
ซ่งจื่อเซวียนรีบเข้าไปหา “โอ้โห ปู่อายุมากขนาดนี้แล้ว เล่นอะไรอยู่เนี่ย แถมยังเปลือยท่อนบนอยู่อีก”
ฟางจิ่งจือเหลือบมองซ่งจื่อเซวียน ในแววตามีความดีใจพาดผ่าน แต่กลับหันหน้าไปนิ่งๆ
เหมยจื่อข้างๆ ยกอ่างล้างหน้ายิ้มพูด “พี่จื่อเซวียน ฉันเพิ่งเช็ดหลังให้ปู่เมื่อกี้เองค่ะ วันนี้ร้อนมาก วันหนึ่งเช็ดหลายๆ ครั้ง เย็นสบายดี”
“เหอะๆ เหมยจื่อ เธอนี่รอบคอบจริงๆ นะ ตาเฒ่ากินข้าวหรือยัง” ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าพูด
“ยังค่ะ ปู่บอกว่าอากาศร้อนไม่อยากกินอะไร ฉันซื้อก๋วยเตี๋ยวเย็นกับไก่ย่างมาให้เขา ยังวางอยู่เลย!”
พอได้ยินเช่นนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ้มทันที “งั้นก็ช่างมัน ตาเฒ่านี่มีโชคเรื่องการกินจริงๆ”
ฟางจิ่งจือถึงได้หันหน้ามาอย่างเกียจคร้าน “พูดล้อเล่นกับฉันให้มันน้อยๆ หน่อย มีเหล้าดียังไม่เอาออกมาอีก จะตุกติกกับฉันหรือไง”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ้มแหย รีบคว้าเหมาไถจากมือรุ่ยจื่อมาทันที
“เอ้า ใส่ร้ายผมเฉย เราสองคนปู่หลานจัดสักหน่อยไหม”
ฟางจิ่งจือเบ้ปากมองเขา “ผู้เฒ่าไว้หน้าแกแล้วกัน”
“ฮ่าๆ ขอบคุณสำหรับการให้เกียรติของท่านครับ!”
จากนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ประคองตาเฒ่าเข้าห้อง หันหลังมามองถังหย่าฉี
“หย่าฉี ฉันจะดื่มกับตาเฒ่าหน่อยนะ พวกเธอคุยกันในลานไปแล้วกัน”
ถังหย่าฉีแลบลิ้นปลิ้นตา “ไม่ต้องใส่ใจหรอก เดี๋ยวเข่อเอ๋อร์ก็มา แถมเอาน้ำแข็งไสมาด้วย”
“โอ้โห ดูมีความสุขจริงๆ!”
“พี่หย่าฉี มีส่วนของฉันไหมคะ” เหมยจื่อยิ้มถาม
“มี วางใจเถอะ แถมยังสั่งถ้วยใหญ่ให้เธอด้วยนะ”
“ว้าว ขอบคุณค่ะพี่หย่าฉี งั้นฉันไปผ่าแตงโมนะคะ เรากินแตงโมกันสักหน่อย คราวก่อนพี่เทียนซั่วเอามาให้น่ะ”
ในห้อง ซ่งจื่อเซวียนกางโต๊ะตัวเล็ก จัดไก่ย่างและก๋วยเตี๋ยวเย็น เทถั่วลิสงออกมาจากโถขนาดเล็กของฟางจิ่งจือ
“ปู่ เราดื่มกันหน่อยนะ!”
ทั้งสองชนแก้วกัน ฟางจิ่งจือซดจนหมดในอึกเดียว “ถูกต้อง น่าเสียดายอายุไม่ได้แล้ว”
“เหอะๆ ปู่แก่แล้วยังไม่รู้จักพอนะ ขวดละพันห้าแน่ะ”
“เท่าไรไม่สำคัญ รสชาติไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ แต่ว่า…ก็ดีกว่าสิบห้าหยวนเยอะ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “เอาน่าปู่ ช่วงนี้ให้ปู่ดื่มสิบห้าหยวนตอนไหนกัน”
ฟางจิ่งจือไม่พูดอะไร ทำเพียงหยิบถั่วลิสงเขาปาก
ซ่งจื่อเซวียนก็ไม่สนใจ อย่างไรหลายปีมานี้ตาเฒ่าคนนี้ก็เป็นแบบนี้ เดี๋ยวก็ร่าเริง เดี๋ยวก็ดูถูก…
“จริงสิปู่ ปู่เคยได้ยินเรื่องวิทยาลัยอาหารปักกิ่งไหม”
ซ่งจื่อเซวียนถามจบก็รู้สึกว่าตนเองค่อนข้างโง่ ปกติตาเฒ่าไม่ได้ออกจากบ้านเลย จะรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง
คนที่คุยกับเขาก็นับด้วยนิ้วได้ เป็นคนแก่ประสบการณ์โชกโชนในลานทั้งนั้น ใครจะพูดเรื่องพวกนี้กับเขา
แต่ฟางจิ่งจือกลับเลิกคิ้ว “โอ้ ให้ความสำคัญดี ตอนนี้ยังมีที่แบบนี้ด้วยเหรอ”
“ครับ สร้างมาได้เจ็ดปี ตอนนี้เป็นวิทยาลัยอาหารที่ชั้นยอดที่สุด ประเทศให้การยอมรับ”
ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางเติมให้ตาเฒ่าอีกเต็มแก้ว
ฟางจิ่งจือพยักหน้า “ดีนะ การทำอาหารไม่ใช่งานง่ายๆ นั่นเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง
ฉันดูทีวี ไอ้โรงเรียนเชฟอะไรนั่นในนั้นน่ะ ดูก็รู้แล้วว่าหลอกเอาเงิน จีนเรานี่ ต้องการวิทยาลัยอาหารที่แท้จริง”
“เหอะๆ ปู่นี่ใช่ได้จริงๆ รู้ด้วยเหรอว่าพวกนั้นมันหลอกเอาเงินกัน” ซ่งจื่อเซวียนพูด
“ไร้สาระ แกคิดว่าตาแก่อย่างฉันไม่เข้าใจอะไรเลยหรือไง โรงเรียนเชฟพวกนั้นเก็บเงินแล้วบอกว่าจะได้รับการจัดสรร จะจัดสรรงานอะไรให้เด็กพวกนั้นได้ล่ะ
เชฟที่แท้จริง นั่นก็คือมีความพิถีพิถัน เข้าเรียนกับคุณแล้ว ออกมาก็ต้องเป็นคน ต่อให้ไม่โอเค ก็ไม่ถึงขนาดกับเด็กฝึกงาน”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ตามที่ปู่พูด ต้องออกมาเป็นเชฟใหญ่กันหมด ไม่ต้องลงมือทำจริงหรือไง”
“ไร้สาระ ลงมือทำจริงนั่นต้องจัดการตอนเรียนทั้งนั้นแหละ อาจารย์ทำอะไรอยู่ล่ะ ต้องสอนสิ!”
“ใช่ ผมสู้ปู่ไม่ได้หรอก ชนแก้ว!”
ฟางจิ่งจือยกแก้วขึ้นดื่ม “วิทยาลัยที่แกพูดนั่น เป็นไงบ้างล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนแนะนำวิทยาลัยอาหารปักกิ่งให้ฟางจิ่งจือฟังทันที น้อยมากที่ตาเฒ่าจะสนใจเรื่องอะไรสักอย่างขนาดนี้
ฟังสิ่งที่เขาพูดมาทั้งหมด ตาเฒ่าแทบจะทำสายตาว่าถูกต้องแล้ว
“ดังนั้นที่ไปครั้งนี้ ที่จริงผมมุ่งไปที่ ‘บันทึกหย่งซั่น’ แต่ผมได้รู้ว่าวิทยาลัยนี้น่ะของจริง”
ซ่งจื่อเซวียนพูดจบ ฟางจิ่งจือก็พยักหน้า “ตั้งใจดี ถึงขนาดสร้างเขตป่าโดยเฉพาะได้ ไม่ธรรมดานะ”
“ตาเฒ่า เอ่อ…ผอ.วิทยาลัยนั่นยังถามผมด้วยว่าอาจารย์ผมเป็นใคร”
ฟางจิ่งจือทำตาโตมองซ่งจื่อเซวียน “แกว่ายังไงล่ะ”
“ผมก็บอกไปว่าอาจารย์ผมอยู่อย่างสันโดษมาหลายปีแล้ว ไม่เจอใคร ใช่ไหมอาจารย์ ผมพูดถูกไหม”
ฟางจิ่งจืออดยิ้มไม่ได้ “หมายความว่าอย่างนั้นแหละ แต่ว่าเรื่องนี้เขากลับทำได้ไม่เลวเลยนะ ทำเรื่องดีๆ เพื่อวงการอาหารจีน”
“ใช่ๆ ผมก็คิดแบบนั้น แต่ว่าในเมื่อเป็นวิทยาลัยแล้ว ก็มีความขัดแย้ง ผมพบว่าด้านในมีเรื่องรังแกคนอยู่มากเลย”
“นั่นก็ไม่ผิดหรอก จีนแผ่นดินใหญ่ก็เป็นยุทธภพขนาดใหญ่ คนที่สัญจรในยุทธภพก็มีทั้งผู้แข็งแกร่งและผู้อ่อนแอ ถ้าฉันเป็นผอ. ฉันก็จะปล่อยให้พวกหลานๆ ตีไป เลือดออกเยอะๆ สิดี โดนตี…นั่นเรียกว่าไม่มีความสามารถ!”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็หัวเราะออกมา
“ฮ่าๆ แข็งแกร่งจริงๆ แต่ปู่พูดถูก ผอ.วิทยาลัยนี้ก็ทำแบบนี้เหมือนกัน”
ฟางจิ่งจือพยักหน้าน้อยๆ “น่าสนใจอยู่นะ”
“ปู่ ผอ.ชื่อว่าเฉิงหวาลี่ ปู่รู้จักไหม”
ได้ยินประโยคนี้ ตอนแรกฟางจิ่งจือไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร อย่างไรในวงการอาหารจีน ก็ยังไม่มีใครเข้าตาเขา
แต่ไม่นานนัก เขาก็อึ้งไปเล็กน้อย “เฉิง? ใส่แว่นตาไหม ตาเล็กๆ หรือเปล่า”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าอย่างแรง “ใช่ ท่าทางอายุประมาณเจ็ดสิบกว่าๆ แล้ว แต่ใจดี สะอาดสะอ้าน”
“คงไม่บังเอิญขนาดนั้นมั้ง เจ้าตาบอดเฉิง?”
“อะไรนะ เจ้าตาบอดเฉิงเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนเกือบจะพ่นสุราออกมา
ถ้าที่ตาเฒ่าพูดเป็นคนคนเดียวกันผอ.เฉิง งั้นชื่อเล่นผอ.วิทยาลัยนั่นก็ดังเอาการเลย
“เจ้าตาบอดเฉิงนี่ก่อนหน้านี้เป็นผู้ช่วยเชฟ แต่เขามีการศึกษา แถมยังไม่เหมือนกับฉันด้วย
ที่เราเรียนกันคือโรงเรียนกวดวิชา คนเราเรียกกันว่าโรงเรียน ฉันเลยคิดมาตลอดว่าเจ้าหลานคนนี้ทำงานไม่ตั้งใจ
จากนั้นเขาก็ไม่ทำแล้ว บอกว่าต้องไปเรียนอีก เราล้อเขากันหมดว่าคร่ำครึ
เจ้าหลานคนนี้ตอนนี้ทำวิทยาลัยแล้วเหรอ ใช้ได้นี่เขาน่ะ…”
ฟางจิ่งจือพยักหน้า ยกแก้วขึ้นดื่ม
“อัจฉริยะนี่ก็นับว่ามีบทบาทสำคัญ”
ซ่งจื่อเซวียนขยับเข้าไปมองฟางจิ่งจือใกล้ๆ “ปู่ ไม่อย่างนั้นปู่…ไปเจอเขาไหม”
ซ่งจื่อเซวียนมองออก เฉิงหวาลี่มีความคิดจะมาเยี่ยนเยือนจริงๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถามถึงตาเฒ่าแบบนี้
ฟางจิ่งจือได้ยินก็นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“หลายปีมานี้…ฉันไม่ได้เจอใครเลย เพราะกลัวจะถูกตามหา มาหลบที่ตู้เหมิน จากนั้นก็มาอยู่แถวนี้
แต่ถ้าเป็นเพื่อนเก่า แถมยังทำเรื่องดีๆ อีก…ถ้าเขามา ก็ให้เขารอที่หน้าประตูก็พอ”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็คลี่ยิ้ม “รับทราบ!”
เขาไม่รู้ว่าเจ้าตาบอดเฉิงที่ตาเฒ่าพูดถึงคือเฉิงหวาลี่หรือไม่ แต่มีจุดหนึ่งที่เขามั่นใจได้
นั่นก็คือวงการอาหารจีน ถ้าบอกว่าตาเฒ่าเปิดตัวในที่สาธารณะ จะต้องมีตำแหน่งที่สูงมากแน่นอน
กระทั่ง…เหนือกว่าหลิงเจิ้นด้วยซ้ำ
“ไอ้หนู ดูบันทึกหย่งซั่นแล้วเป็นไงบ้างล่ะ”
“หา? ยังไม่ได้ดูเลย บอกกับปู่ไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าผมต้องเป็นผู้สอนก่อน ถึงจะเข้าร่วมวิจัยบันทึกหย่งซั่นได้น่ะ”
“อ้อ…เมื่อกี้แกพูดไปแล้วเรอะ”
ซ่งจื่อเซวียนกลอกตา ตาเฒ่านี่เลอะเลือนอีกแล้ว…
“‘บันทึกหย่งซั่น’ นี่…เป็นของบางอย่าง เพียงแต่เป็นดอกไม้ที่ไม่มีผล ตอนที่อ่าน ก็ศึกษาไม่ได้ทั้งหมด”
ซ่งจื่อเซวียนอึ้งไปเล็กน้อย “หืม แต่ว่า…ปู่ ผมจะแยกแยะเมนูอาหารด้านในได้ยังไงว่าควรเรียนหรือไม่ควรเรียนล่ะ”
“‘บันทึกหย่งซั่น’ มาจากอ๋องหย่งซั่น แต่ชินอ๋องก็รักในชื่อเสียง ดังนั้นจึงทำ ‘บันทึกหย่งซั่น’ ออกมายิ่งใหญ่มาก แต่เนื้อหากลับกลวงโบ๋”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มพูด “ปู่จะบอกว่าหย่งชินอ๋ององค์นี้เดิมก็หวังจะเหลือ ‘บันทึกหย่งซั่น’ เล่มนี้ไว้อยู่แล้ว เพราะงั้นจึงหาสูตรอาหารมากมายผสมเข้าไปในเนื้อหาเหรอ”
“ถูกต้อง ฉันไม่เคยเห็นของจริงมาก่อน แต่หลายปีก่อนกลับมี ‘บันทึกหย่งซั่น’ ฉบับฝีพระหัตถ์อยู่
หมูผัดเต้าเจี้ยวปรุงรสใช้สูตรชาววัง แต่ของแบบนี้ถ้าทิ้งสูตรเสฉวนไป ก็ไม่ถูกต้องแล้ว
น้ำแกงไข่สามสหายใช้สูตรอาหารของเผ่าแมนจู แต่มันเป็นอาหารเจียงซูชัดๆ ล้วนเป็นปากลาไม่ตรงกับปากม้า[1]”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าน้อยๆ
“ถ้าตามที่ปู่พูด ‘บันทึกหย่งซั่น’ ก็ไม่จำเป็นต้องดูแล้วใช่ไหม”
“ไม่ใช่อย่างนั้นอยู่แล้ว ด้านในของ ‘บันทึกหย่งซั่น’ มีอาหารชาววังอยู่ห้าตำรับ จนตอนนี้สูญหายไปหมดแล้ว”
“หืม” ได้ยินประโยคนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็สนใจ หูสองข้างตั้งขึ้นมา
“ข้าวผัดจักรพรรดิ น้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสาย โต้วหลงเหมิน มังกรทะยานสี่ย่านน้ำ…”
ซ่งจื่อเซวียนชะงัก “ปู่ นี่…นี่มันอาหารในหนังสือสูตรอาหารราชวงศ์ชิงนั่นของปู่ทั้งนั้นเลยนะ ปู่จำผิดหรือเปล่า”
ฟางจิ่งจือยิ้มน้อยๆ
“ไอ้หนู อาหารสี่ตำรับนี้ปู่ของแกอย่างฉันเป็นคนตระหนักออกมาเอง แล้วก็ยังมีที่ไม่ได้ตระหนักออกมาด้วย
แต่ไม่ว่าอาหารตำรับไหนจะจริงหรือจะปลอม ล้วนต้องเริ่มจากความสัมพันธ์ระหว่าง ‘บันทึกหย่งซั่น’ และหนังสือสูตรอาหารราชวงศ์ชิง!”
“สูตรอาหารสองตำรับนี้…เกี่ยวข้องกันเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนมึนงงจริงๆ เรื่องพวกนี้ออกไปจากห้องนี้ก็น่าจะไม่มีใครรู้แล้ว
…………………………………….
[1] ปากลาไม่ตรงกับปากมา อุปมาว่าไม่ตรงกันไม่สอดคล้องกัน
…………….