เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 388 บอกลา
ตอนที่ 388 บอกลา
…………….
ลูกน้องของหวงฟาอาจจะไม่ใช่ยอดฝีมือทั้งหมด หรืออาจไม่ใช่คนอย่างอู๋ชิ่งด้วยซ้ำ
แต่…มีคนอยู่ในรถเต็มทั้งสองคัน และในมือของแต่ละคนก็พกอาวุธมาด้วย
เพียงแค่เห็นรัศมีนั้น คนของเผยเทียนหู่ก็ตกตะลึงตาค้าง
เมื่อครู่นี้ยังรีบรุดไปที่ใจกลางทะเลสาบ แต่ตอนนี้พวกเขากลับยืนอยู่ตรงจุดเดิมและเริ่มถอยหลังทีละก้าว
เผยเทียนหู่กัดฟันกรอด “หวงฟา แก…แกจะทำอะไร…”
หวงฟากระตุกยิ้ม “คนของนายท่านรองลำบากมานานแล้ว ถึงเวลาที่คนของฉันควรจะเคลื่อนไหวแล้ว เผยเทียนหู่ นายคิดว่านายเจ๋งมากพอที่จะจัดการเรื่องต่างๆ ในตู้เหมินได้เหรอ”
เผยเทียนหู่มองไปที่อู๋ชิ่งอีกครั้ง ซึ่งในขณะนี้เขาถูกฟางรุ่ยและเหลียงฮั่นตรึงไว้ที่พื้นจนขยับตัวไม่ได้
หากจะกล่าวว่าเมื่อครู่นี้เหลียงฮั่นเอาชนะอู๋ชิ่งได้อย่างง่ายดาย เช่นนั้นตอนนี้ทั้งสองคนร่วมมือกันแล้วก็แทบไม่ต้องเปลืองแรงเลย
“หึ ฉันไม่เชื่อว่าแกจะกล้าแตะต้องฉัน!”
ได้ยินเช่นนี้ หวงฟาก็เหลือบมองซ่งจื่อเซวียน
“เสี่ยหวง ตลาดทางเมืองสือโจวเป็นยังไงบ้างเหรอครับ”
“ก็ไม่เลว แต่เทียบกับตู้เหมินไม่ได้” หวงฟากล่าว
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าช้าๆ “เอาเถอะ การพัฒนาสือโจวในเร็วๆ นี้คงไม่เป็นปัญหา”
หวงฟาคลี่ยิ้มและเข้าใจความหมายของซ่งจื่อเซวียนทันที
ในไม่ช้า ลูกน้องเหล่านั้นก็รีบพุ่งเข้ามา
แม้ว่าพละกำลังของพวกเขาจะไม่แข็งแกร่งเท่าคนของเผยเทียนหู่ แต่ก็มีหลายคน แม้จะสู้สามรุมหนึ่งก็เพียงพอแล้ว
ไม่นานนัก คนของเผยเทียนหู่ทั้งหมดก็ถูกโยนลงไปในทะเลสาบ
เมื่อเห็นฉากนี้ เผยเทียนหู่ก็สิ้นหวังอย่างยิ่ง
เดิมทีเขาคิดว่าการมาที่ตู้เหมินครั้งนี้จะจัดการกับหวงฟาและได้ปฏิวัติวงการใต้ดินของตู้เหมิน
ในอนาคตยังสามารถว่าราชการหลังม่านได้อีกด้วย
แต่ตอนนี้…ดูเหมือนว่าจะได้ผลตรงข้ามกันเสียแล้ว
หวงฟาเดินเข้าใกล้เผยเทียนหู่ทีละก้าว ทันใดนั้นก็เก็บรอยยิ้มเสแสร้งก่อนหน้านี้ไป และเผยอำนาจที่มีเฉพาะเจ้าพ่อเท่านั้นออกมา
“เผยเทียนหู่ ครั้งนี้นายแพ้แล้ว ยอมไหม”
เผยเทียนหู่อึ้งงันไปครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดก็พยักหน้า
“ฉันยอม!”
หวงฟายิ้มบางๆ “นายท่านรองบอกว่าอยากได้ตลาดสือโจว นายรู้ใช่ไหมว่าต้องทำยังไง”
เผยเทียนหู่ค่อยๆ มองไปทางซ่งจื่อเซวียน
เขาคิดในใจว่าข้อผิดพลาดเดียวในครั้งนี้คือการมองข้ามบุคคลนี้ไป
ชายหนุ่มที่ตู้อวิ๋นเลี่ยงเอ่ยถึงคือคนที่สามารถผลาญเงินหกสิบล้านหยวนได้ตามใจชอบ เขา…มีภูมิหลังอย่างไรกันแน่
แต่ตอนนี้เรื่องเหล่านี้ไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว เรื่องที่สำคัญคือ…เขาแพ้แล้ว
ยุทธภพก็เป็นเช่นนี้ เมื่อพ่ายแพ้ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะคิดอย่างไร แต่ขึ้นอยู่กับความคิดของคนอื่น
ในเวลานี้ ซ่งจื่อเซวียนก็ยืนขึ้นและเอ่ย “เผยเทียนหู่ ฉันต้องการทรัพยากรในตลาดของนายที่สือโจวภายในสามวัน เสี่ยหวงจะดูแลเรื่องทั้งหมดเอง ถ้าทำได้ไม่ดี ฉันจะไปสือโจวเอง!”
ได้ยินเช่นนี้ เผยเทียนหู่ก็ใจสั่น
มองไปยังคนที่อายุประมาณยี่สิบปีกลับเหมือนมองคนแข็งแกร่งที่มีประสบการณ์โชกโชนอย่างไรอย่างนั้น
ดูเหมือนเขาจะไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยซ้ำ
เขาจึงพยักหน้า “ฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังไง”
จากนั้นซ่งจื่อเซวียนก็มองไปที่หวงฟา “เสี่ยหวง ผมฝากเรื่องนี้ไว้กับคุณด้วยนะครับ อีกไม่กี่วันผมจะไปปักกิ่งกับท่านเป้ยเล่อ ส่วนสือโจว…ผมจะได้วางใจ”
“วางใจเถอะนายท่านรอง ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง เรื่องส่วนแบ่งฉันจะทำให้ดี”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มมุมปากเล็กน้อยและพูดขณะที่เดินไปทางริมทะเลสาบ “เรื่องเก็บกวาดฝากคุณด้วยแล้วกันนะครับเสี่ยหวง!”
“วางใจได้นายท่านรอง!”
เมื่อเห็นพวกซ่งจื่อเซวียนจากไป หวงฟาก็สั่งให้คนเริ่มสะสางเรื่องที่นี่ แน่นอนว่าเขาพาคนของเผยเทียนหู่กลับไปด้วยเช่นกัน
สองวันต่อมา หวงฟาก็มาถึงเมืองสือโจว และรับช่วงต่อทรัพยากรส่วนหนึ่งในตลาดของเผยเทียนหู่ไป
ส่วนเขาทำอะไรนั้น เขาย่อมทำตามความต้องการของซ่งจื่อเซวียน ทั้งหมดที่เขาทำล้วนเป็นธุรกิจที่ถูกกฎหมาย
ดูเหมือนรายได้จะลดลง แต่ก็ค่อนข้างมั่นคง อย่างไรนี่คือโชคลาภที่ไม่คาดฝัน หวงฟาก็ไม่ได้คิดว่ามันน้อยไปเลย
รายได้ส่วนหนึ่งเขาจะมอบให้ซ่งจื่อเซวียน ในอนาคตจะโอนเข้าบัญชีของซ่งจื่อเซวียนทุกเดือน
ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้ปฏิเสธเรื่องนี้ ถือว่าเขาสมควรจะได้รับ
เมื่อคำนวณเวลาก็ใกล้จะถึงวันที่ต้องรายงานตัวกับวิทยาลัยอาหารแล้ว
ซ่งจื่อเซวียนทำข้าวผัดจักรพรรดิและเครื่องเคียงไม่กี่อย่างตั้งแต่เช้าเพื่อไปส่งให้เจ้าถิงถิง และถือโอกาสบอกลา
เห็นเจ้าถิงถิงทานอาหารอร่อยขึ้นเรื่อยๆ ซ่งจื่อเซวียนก็ดีใจ
นึกถึงท่าทางของเจ้าถิงถิงเมื่อก่อน เธอดูต่างจากตอนนี้อย่างสิ้นเชิง
หลังจากผ่านการรักษาก็เห็นได้ว่ารูปร่างของเจ้าถิงถิงมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง แม้ว่าเธอจะผอม แต่สุขภาพของเธอก็ดีขึ้นอย่างชัดเจน
“จื่อเซวียน เครื่องเคียงอร่อยมากเลย นายทำเองเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มและพยักหน้า “สิ่งสำคัญคือการเรียกน้ำย่อย ตอนนี้เธอมีความอยากอาหารเพิ่มขึ้นเยอะ เครื่องเคียงเรียกน้ำย่อยพวกนี้เลยมีประโยชน์มาก”
หลังจากศึกษาหนังสือสูตรอาหารในช่วงนี้ แม้ว่าเขาจะยังไม่เข้าใจมังกรทะยานสี่ย่านน้ำซึ่งเป็นเมนูใหม่ แต่ก็ช่วยพัฒนาฝีมือการทำอาหารของเขาไม่น้อย
ซ่งจื่อเซวียนค้นพบว่าหนังสือสูตรอาหารราชวงศ์ชิงเล่มนี้ไม่ได้มีเพียงอาหารสองสามอย่าง แต่ในนั้นยังมีทักษะการทำอาหารที่อธิบายได้ยากประกอบอยู่ด้วย
ตราบใดที่ศึกษาอย่างต่อเนื่องก็จะพัฒนาทักษะการทำอาหารในทุกด้าน
“เหอะๆ มันอร่อยจริงๆ ช่วงนี้ฉันกินจนอยากไปเรียนทำอาหารแล้ว นี่จื่อเซวียน ให้ฉันเรียนจากนายเถอะนะ!”
เห็นท่าทางไร้เดียงสาของเจ้าถิงถิง ซ่งจื่อเซวียนก็อยากจะตอบตกลงจริงๆ
เพียงแต่…เธอเป็นลูกสาวของผู้นำ จะใช้ให้เธอทำอาหารเหรอ เขาคงต้องบ้าไปแล้ว…
“เหอะๆ เธอน่ะไปตั้งใจเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยเถอะ แค่นั้นผู้นำเจ้ากับคุณป้าฉินก็พอใจแล้ว”
เจ้าถิงถิงทำหน้ามุ่ย “แต่ฉันอยากเรียนทำอาหารจริงๆ นะ”
“เอาน่า ช่วงนี้พ่อแม่ของเธอกังวลมาก พวกเขาน่ะอยากให้เธอตั้งใจเรียนหนังสือ!”
เจ้าถิงถิงก้มศีรษะลงเล็กน้อยเมื่อได้ยิน
“จริงสิถิงถิง ที่ฉันมาครั้งนี้…เพราะฉันอยากจะบอกลาเธอด้วย”
“หืม บอกลาเหรอ นายจะไปไหน”
เจ้าถิงถิงพลันเงยหน้าถาม
หลังจากได้รู้จักกันในช่วงนี้ เจ้าถิงถิงก็รู้สึกว่าเธอต้องพึ่งพาซ่งจื่อเซวียน
เธอยอมรับการจากลาที่กะทันหันไม่ได้จริงๆ
“ครั้งก่อนบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันจะไปวิทยาลัยอาหารสักพัก มีช่วงที่กลับมาเหมือนกัน แต่…กลัวว่าฉันจะเอาอาหารมาให้เธอบ่อยๆ ไม่ได้แล้ว”
“อย่างนี้นี่เอง…งั้นฉันไปเยี่ยมนายที่ปักกิ่งได้ไหม”
“ได้อยู่แล้ว ถ้าฉันไม่มีธุระอะไร ฉันจะไปเที่ยวเล่นกับเธอนะ” ซ่งจื่อเซวียนพูดยิ้มๆ
เจ้าถิงถิงได้ยินเช่นนี้ก็ยิ้มร่า แต่เธอยังดูทำใจไม่ได้เล็กน้อย
“งั้น…พรุ่งนี้นายจะไม่เอาอาหารมาให้ฉันแล้วใช่ไหม”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ใช่ ฉันต้องไปรายงานตัวแล้วเข้าฝึกอบรม คืนนี้ก็คงต้องไปแล้ว”
ใบหน้าน้อยๆ ของเจ้าถิงถิงเศร้าหมองทันที
“งั้น…ก็ได้ จื่อเซวียน นายปิดตาสิ ฉันจะให้ของขวัญนาย”
“หืม ปิดตาเหรอ”
“ใช่น่ะสิ รีบปิดเร็วๆ!”
ซ่งจื่อเซวียนจึงหลับตาลงตามที่เธอบอก
เจ้าถิงถิงยิ้มบางๆ รอยยิ้มของเธอหวานล้ำ
เธอยืนขึ้นและก้าวไปข้างหน้า จากนั้นก็หอมแก้มของซ่งจื่อเซวียนอย่างแผ่วเบา
ซ่งจื่อเซวียนตกใจทันที แม้ว่าเขาจะไม่มีปฏิกิริยามากนัก แต่นั่นเป็นเพราะเธอเป็นลูกสาวของผู้นำเจ้า
ถึงจะเป็นอย่างนั้น เขาก็ยังกระอักกระอ่วนเช่นเคย
“เอ่อ…”
เห็นซ่งจื่อเซวียนหน้าแดง เจ้าถิงถิงก็ชอบใจ
“ดูนายสิ เขินอะไรขนาดนั้น ฉันแค่อยากจะขอบคุณที่ช่วงนี้นายดูแลฉันไง!”
“หา อ๋อๆ เหอะๆ นี่คือ…การหอมแก้มแบบเพื่อน ใช่ไหม แหะๆ…”
ซ่งจื่อเซวียนไม่รู้จะพูดอะไรอยู่พักหนึ่ง เขาจึงเกาหลังศีรษะแล้วยิ้มอย่างไร้เดียงสา
เห็นท่าทางไร้เดียงสาของเขา เจ้าถิงถิงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ราวกับว่าซ่งจื่อเซวียนดูยอดเยี่ยมในสายตาเธอยิ่งไปอีก
เขาประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานตั้งแต่อายุยังน้อย ทำสิ่งต่างๆ ด้วยความพิถีพิถัน อ่อนโยน และยังน่ารักมาก
เจ้าถิงถิงรู้สึกว่าเธอกำลังหลงใหล ทำไมเธอถึงได้พบกับผู้ชายที่ดีขนาดนี้ ช่างเป็นพรจากฟ้าจริงๆ
…
ตกเย็น ซ่งจื่อเซวียนและท่านเป้ยเล่อคุยกันผ่านทางโทรศัพท์
ท่านเป้ยเล่อได้จองโรงแรมที่ใกล้วิทยาลัยอาหารปักกิ่งมากที่สุด พวกเขาพักแค่หนึ่งคืนและจะไปรายงานตัวในวันรุ่งขึ้น
เวลารายงานตัวคือเก้าโมงเช้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทางระยะไกลในช่วงชั่วโมงเร่งด่วนตอนเช้า ซ่งจื่อเซวียนจึงมาถึงล่วงหน้าหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นจะได้สะดวก
หน้าประตูสวนสวินเฟิง ถังหย่าฉีกอดซ่งจื่อเซวียนแน่นทั้งน้ำตา
“จื่อเซวียน นายจะกลับมาเมื่อไร” ถังหย่าฉีถามปนน้ำเสียงร้องไห้
ซ่งจื่อเซวียนลูบผมยาวของถังหย่าฉี “ไม่นานหรอก ไม่ใช่ว่าฉันจะกลับกลางคันไม่ได้สักหน่อย ฉันกลับมาได้ทุกสัปดาห์”
“ก็ยังนานเกินไปอยู่ดี เราไม่เคยแยกจากกันนานขนาดนี้นี่”
ได้ยินคำพูดนี้ของเธอ ซ่งจื่อเซวียนก็รู้สึกขมขื่น อันที่จริงตั้งแต่เขากับถังหย่าฉีคบกัน ทั้งสองแทบไม่เคยแยกจากกันเลย
แม้ว่าถังหย่าฉีไปเรียนหนังสือ ซ่งจื่อเซวียนก็จะไปส่งเธอและอยู่ด้วยกันทุกวัน
“เอาน่ายัยเด็กน้อย อย่าเสียใจเลย ฉันสัญญาว่าพอถึงเวลากลับบ้าน ฉันจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด!”
ถังหย่าฉีเงยหน้ามองซ่งจื่อเซวียน “พูดคำไหนต้องคำนั้นนะ!”
“อืม คำไหนคำนั้น”
พูดจบ ถังหย่าฉีก็กอดซ่งจื่อเซวียนแน่นอีกครั้งและไม่ยอมปล่อย
ไต้ทงที่อยู่ด้านข้างก็ถอนหายใจ หย่าฉีตกอยู่ในห้วงรักจริงๆ หวังว่าพวกเขาจะไปกันต่อได้
จนกระทั่งท่านเป้ยเล่อโทรมาอีกครั้ง ทั้งคู่จึงบอกลากัน
จากนั้นซ่งจื่อเซวียนก็สั่งให้เหลียงฮั่นคอยดูแลสวนสวินเฟิงและร้านอาหารร่ำรวย
อย่างไรที่เขาไปวิทยาลัยครั้งนี้ เขาสามารถพาคนติดตามไปได้แค่คนเดียวเท่านั้น ฟางรุ่ยเป็นคนที่ไป ดังนั้นก็เหลือเพียงเหลียงฮั่นคนเดียว
เมื่อรถสตาร์ต ซ่งจื่อเซวียนก็ไม่ได้หันกลับไป เขารู้จุดประสงค์ในการไปปักกิ่งครั้งนี้ของตัวเอง
แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อไปเป็นครูผู้สอนในวิทยาลัยทำอาหาร แต่เพื่อเข้าใจแก่นแท้ของ ‘บันทึกหย่งซั่น’!
ตู้เหมินอยู่ไม่ไกลจากปักกิ่ง หากเดินทางด้วยรถยนต์ใช้เวลาเพียงชั่วโมงกว่าเท่านั้น
ในไม่ช้า ซ่งจื่อเซวียนก็มาถึงหน้าโรงแรมที่ท่านเป้ยเล่อกล่าวถึง
เขาลงจากรถก็มองดูและพบว่าไม่ได้เป็นโรงแรมระดับสูงมาก ดูไม่สอดคล้องกับรสนิยมของท่านเป้ยเล่อ
แต่พักแค่คืนเดียวเท่านั้น บางทีท่านเป้ยเล่ออาจจะไม่ชอบความยุ่งยากจึงเลือกโรงแรมที่ใกล้ที่สุด
หลังจากมาถึงชั้นที่ได้บอกไว้ ท่านเป้ยเล่อก็กำลังรออยู่ที่หน้าประตูลิฟต์แล้ว
เมื่อเขาเห็นซ่งจื่อเซวียน เขาก็เป็นฝ่ายเริ่มกอดทักทาย “ฮ่าๆ น้องชาย มาช้านะเนี่ย”
“เหอะๆ ผมบอกลากับคนสนิทอยู่ครับ รายงานตัววันพรุ่งนี้เราต้องเตรียมอะไรไปบ้างครับ”
“ไม่ต้องเตรียม แต่ฉันได้ยินมาว่าระยะเวลาการฝึกอบรมสั้นลงเหลือหนึ่งสัปดาห์ และมีการประเมินหลังหนึ่งสัปดาห์”
“หา?”
เรื่องนี้ทำให้ซ่งจื่อเซวียนประหลาดใจ เพราะเขาก็ไม่ค่อยเข้าใจระดับมาตรฐานที่วิทยาลัยอาหารกำหนด
ดังนั้นใช้เวลาในการฝึกนานขึ้นอีกสักหน่อยก็จะเป็นประโยชน์กับเขามากกว่า
แต่ตอนนี้เหลือเพียงหนึ่งสัปดาห์ ทำให้ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกไม่มั่นใจเล็กน้อย
…………………………………………..
…………….