เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 383 รอเสี่ยหู่มาหา
ตอนที่ 383 รอเสี่ยหู่มาหา
…………….
คำพูดของหวงฟาทำให้ตู้อวิ๋นเลี่ยงมึนงงไปหมด
เขาเบิกตากว้าง เมื่อครู่ยังนั่งนิ่งๆ ตอนนี้พลันลุกขึ้นมา
“เสี่ยหวง คุณ…”
“เหอะๆ คนแซ่ตู้ ฉันกับนายไม่ได้สนิทอะไรกัน นายมาทำลายชื่อเสียงนายท่านรองต่อหน้าฉันแบบนี้ ฉันจะยอมนายได้เหรอ”
ได้ยินประโยคนี้ ตู้อวิ๋นเลี่ยงก็ตัวแข็งค้างไป
“นะ…นายท่านรองเหรอ”
“ตอนนี้ยังมีใครไม่รู้จักนายท่านรองซ่งของเมืองตู้เหมินด้วยเหรอ หรือก็คือพวกนายตระกูลตู้ไม่แหกตาดูเลย!”
ตู้อวิ๋นเลี่ยงพูดไม่ออก
แต่เขาแอบบ่นในใจ พลาดแล้ว นี่ตกลงไปยุ่งกับใครเข้าล่ะเนี่ย
เขาไม่ได้อยู่ที่ตู้เหมินมานาน ไม่รู้จักนายท่านรองวัยหนุ่มคนนี้อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ประเด็นคือ…
คิดไม่ถึงว่าพี่ใหญ่ของตนก็ไม่รู้เหมือนกัน
แบบนี้แย่เกินไปมั้ง แม้แต่เสี่ยหวงยังเรียกเขาว่านายท่านรองเลย ไอ้เด็กนี้ไม่ใช่คนธรรมดาจริงด้วย
ขณะที่กำลังคิด ลูกน้องหวงฟาสองสามคนก็พุ่งเข้ามา กดตู้อวิ๋นเลี่ยงอยู่ตรงนั้นทันที
ตู้อวิ๋นเลี่ยงตอนนี้ไม่แม้แต่จะต่อต้าน ที่นี่เป็นถิ่นของหวงฟา เขารู้อำนาจของเสี่ยหวงอยู่แล้ว
ไม่ต่อต้านตอนนี้ก็ไม่ต้องทรมานเกินไป ไม่อย่างนั้น…ก็พูดยากแล้ว
ตู้อวิ๋นเลี่ยงจึงถูกมัดไว้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย
หวงฟาเหลือบมองเขา “พาลงไป รอนายท่านรองมา ให้เขาดูว่าจะทำยังไงแล้วกัน”
“ครับเสี่ย!”
ขณะกำลังจะถูกพาออกไป ตู้อวิ๋นเลี่ยงก็พูดขึ้นมา “เสี่ยหวง คุณ…ไม่ไว้หน้าเสี่ยหู่ขนาดนี้เลยเหรอ”
ได้ยินประโยคนี้ ในใจตู้อวิ๋นเลี่ยงเหมือนกับเกิดแผ่นดินไหวขึ้นมา
เขา? ไอ้เด็กหนุ่มนั่นน่ะนะ ที่ตู้เหมินคำพูดเขาถือเป็นคำขาดเหรอ
ตกลงนี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย…
โดนพาออกมาจากห้องทำงานของหวงฟา ตู้อวิ๋นเลี่ยงรู้สึกแค่ว่าเหมือนเป็นฝันฉากหนึ่ง
ฝันฉากนี้ เริ่มตั้งแต่เขากลับมาตู้เหมินครั้งที่แล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่จบ…
อีกด้าน ซ่งจื่อเซวียนตอบรับคำขอของเจ้าถิงถิง ครั้งนี้ไม่ใช่แค่เอาน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายมาเท่านั้น ยังเอาข้าวผัดจักรพรรดิมาที่หนึ่งด้วย
จากที่เจ้าถิงถิงฟื้นฟูดีขึ้นเรื่อยๆ ก็เริ่มกินอาหารจานหลักได้บ้างแล้ว
เพียงแต่ข้าวผัดจักรพรรดินี้ไม่เหมือนกับทั่วๆ ไป หรือก็คือซ่งจื่อเซวียนตั้งใจทำมาเป็นพิเศษ
ก่อนอื่นเม็ดข้าวหุงมาได้นุ่มมาก ไม่ทันข้ามคืน ก็เอามาผัดเลย
เป็นเพราะกลัวเม็ดข้าวจะแข็งไปบ้าง
โดยหลักแล้ว รสปากของคนส่วนใหญ่ยังหวังให้ข้าวยังเป็นเม็ดๆ กินเข้าไปแล้วยังมีความเหนียวนุ่มและเนื้อสัมผัสดีอยู่
แต่เจ้าถิงถิงไม่ใช่แบบนั้น ถึงจะฟื้นตัวมากแล้ว แต่ความสามารถในการย่อยของกระเพาะ รวมถึงการรองรับของหลอดอาหารยังค่อนข้างอ่อนแอ
ซ่งจื่อเซวียนจึงคิดจะทำให้มันนุ่มสักหน่อย
ต่อให้เป็นแบบนี้ รสชาติก็ยังยอดเยี่ยมแน่นอน
อย่างไรนี่ก็ไม่ใช่แบบสำเร็จรูปที่หลี่เหยียนทำออกมา แต่เป็นข้าวผัดที่ซ่งจื่อเซวียนทำเองกับมือ
จะว่าไป ซ่งจื่อเซวียนก็ไม่ได้ทำข้าวผัดจักรพรรดิมานานแล้ว ตอนนี้ได้กินที่เขาทำเอง โชคดีจริงๆ
เจ้าถิงถิงกินข้าวผัดไปประมาณหนึ่งในสี่ ก็ค่อนข้างอิ่มแล้ว
นี่ก็ไม่ได้แปลกอะไร อย่างไรก็ไม่ได้กินอาหารมาเป็นเวลานาน ต่อให้เป็นช่วงก่อนหน้านี้ ก็กินซุปเป็นหลักเสียส่วนใหญ่
กินข้าวเสร็จ ฉินลี่ก็รีบเก็บกวาด เพราะตอนนี้ผู้นำเจ้าจะมากินข้าวมื้อเย็นทุกวัน
“ฉันเก็บกวาดก่อนนะ พวกเธอก็คุยกันไปก่อน”
พูดจบ ฉินลี่ก็เดินออกจากห้องไป รีบหลีกทางให้ลูกสาว
คนเป็นแม่อย่างเธอรู้ดีว่าลูกสาวรอคอยเวลานี้อยู่ทุกวัน วันที่จะได้คุยกับซ่งจื่อเซวียน
ท่ามกลางแสงอาทิตย์ เจ้าถิงถิงยืนขึ้นอย่างลำบากเล็กน้อย พิงกับราวระเบียง มองออกไปด้านนอก
เธอสูดลมหายใจลึกๆ คลี่ยิ้มบางๆ ออกมา
“อากาศนี่หอมจริงๆ จื่อเซวียน ขอบคุณนายนะ ที่ให้พลังฉันน่ะ”
“ฉันเหรอ เหอะๆ เธอให้พลังตัวเองต่างหากล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางพิงราวระเบียง
“ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปน่าจะดีมากเลยเนาะ” เจ้าถิงถิงพูดด้วยรอยยิ้มเล็กๆ
“หืม ก็ฟื้นฟูดีแล้วนี่”
เจ้าถิงถิงได้ยินก็ส่ายหน้า “ไม่ใช่ แบบนั้นฉันน่าจะต้องไปเรียน นายก็จะไม่ได้มาแล้ว”
ซ่งจื่อเซวียนไม่รู้ว่าจะตอบอะไรไปชั่วขณะ ยังไงเขาก็ไม่คิดจะดูแลเจ้าถิงถิงไปตลอดชีวิตนะ
“จื่อเซวียน ถ้าฉันหายแล้ว นายจะยังมาหาฉันไหม”
“มาหาอยู่แล้วสิ”
เจ้าถิงถิงยิ้มจนตาเป็นพระจันทร์เสี้ยว “งั้นดีเลย ที่นายบอกว่ามีที่ตั้งมากมายที่ฉันไม่เคยไป ถึงตอนนั้นนายพาฉันไปได้ไหม”
“เอ่อ…นั่นเป็นย่านสลัมทั้งนั้นเลยนะ ไม่เหมาะกับเธอเท่าไร”
“เหอะๆ ฉันไม่สนหรอก ที่นายพูดมันสุดยอดขนาดนั้น ฉันจะไป!” เจ้าถิงถิงมุ่ยปากพูด
หลายวันมานี้ เจ้าถิงถิงน้ำหนักขึ้นเล็กน้อย ถึงจะผอมไปหน่อย แต่ที่หน้าก็เริ่มมีน้ำมีนวล น่ารักขึ้นหลายส่วน
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม ความจริงสถานที่พวกนั้นก็คือเรื่องราวที่ซ่งจื่อเซวียนเล่าเรื่องของตนไว้ก่อนหน้านี้
เช่นร้านอาหารเหล่าปาที่เสี่ยเฉิงปาเปิด โรงอาบน้ำที่เจอเคอซานครั้งแรก แล้วก็ยังมีจัตุรัสเล็กๆ ที่แข่งขันกับเลคริเซียส
สถานที่เหล่านั้นไม่เหมาะกับคนที่มีสถานะอย่างเจ้าถิงถิง
เจ้าถิงถิงพูดพลางหน้าแดงขึ้นมา ไม่กล้ามองซ่งจื่อเซวียนอีก ได้แต่มองไปที่ไกลๆ
ซ่งจื่อเซวียนกลับชะงักไป
อยู่ต่อหน้าถังหย่าฉี เขาอาจจะทึ่มอยู่บ้าง แต่ปกติไม่ได้เป็นแบบนั้น
ความคลุมเครือในคำพูดของเจ้าถิงถิง ซ่งจื่อเซวียนฟังออกทันที
ถ้าคนอื่นๆ ได้ยินประโยคนี้ เดาว่าคงฟินจนขึ้นสวรรค์
นี่เป็นโอกาสที่ดีมาก ได้เป็นลูกเขยของผู้นำเจ้า นั่นคือการได้เปลี่ยนเป็นมังกรในพริบตาไม่ใช่เหรอ
ที่เมืองนี้ ยังจะมีใครกล้ายุ่งด้วยเหรอ
เงิน…นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญแล้ว ตำแหน่งก็ต้องสูงอย่างแน่นอน!
ทว่าซ่งจื่อเซวียนไม่ใช่แบบนั้น สำหรับเขาแล้ว ไม่ใช่แค่ไม่สบายใจ กลับลนลานด้วย
เจ้าถิงถิงคิดกับตนแบบนั้นงั้นเหรอ
แบบนี้ก็แย่น่ะสิ อย่างไรก็เป็นลูกสาวของผู้นำเจ้า ทำดีกับเธอ นั่นเป็นไม่ได้แน่นอน
อย่างไรตนก็ยังมีถังหย่าฉีอยู่
แต่ปฏิเสธไปตรงๆ นั่นแทบจะเท่ากับรนหาที่ตายเลย!
ทำให้เจ้าถิงถิงปวดใจ เกรงว่าในอนาคตจะทำเรื่องดีๆ มากแค่ไหน ตอนนี้ได้อันตรธานหายไปหมดแน่นอน
กลับกันจะกลายเป็นศัตรูของตระกูลเจ้าเสียด้วย
น่ากลัวกว่าการเป็นศัตรูของเผยเทียนหู่อะไรนั่นเยอะ
อีกทั้งจนถึงตอนนี้ไม่ใช่แค่ตนน่าจะต้องโชคร้าย แม้แต่ลู่ลี่จวินก็จะเดือดร้อนไปด้วย
ซ่งจื่อเซวียนแอบคิดในใจ ท่าทาง…ต้องหาเหตุผลที่เหมาะสมสักอย่างรักษาระยะห่างกับเจ้าถิงถิงแล้ว
“ถิงถิง อาหารวันนี้ถูกปากไหม” ซ่งจื่อเซวียนรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนา
เจ้าถิงถิงพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “อืม อร่อยมาก แต่น่าเสียดายฉันกินได้ไม่เยอะเท่าไร…”
“เหอะๆ ไม่เป็นไร ค่อยๆ ก็ได้ แต่ตอนนี้จากความเร็วในการฟื้นฟูของเธอก็น่าจะเปลี่ยนพวกอาหารได้แล้วล่ะ กินแต่ซุปนี่ไม่เลี่ยนเหรอ”
ความหมายของซ่งจื่อเซวียนคืออยากให้เจ้าถิงถิงบอกว่าเลี่ยน ถ้าเป็นเช่นนั้น ก็ไม่ต้องเอาน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายมาให้แล้ว
แต่เจ้าถิงถิงกลับส่ายหน้าทันที “ไม่มีทาง อร่อยมากเลยนะ จื่อเซวียน ขอแค่นายเป็นคนทำ ฉันกินทั้งชีวิตก็ไม่เลี่ยนหรอก”
ซ่งจื่อเซวียนกระอักกระอ่วนทันที ทั้งชีวิต…
ยังเป็นแค่เด็กสาวคนหนึ่งจริงๆ ราวกับในใจของเด็กสาวทุกคนจะมีฝันหวานดั่งเทพนิยาย ความฝันแบบนี้ทำให้พวกเธอไม่ทันไรก็พูดคำว่าทั้งชีวิตออกมา
“ฮ่าๆๆ ตลอดชีวิตไม่ได้หรอก เดี๋ยวก็เลี่ยนแล้ว” ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะแห้งๆ
เจ้าถิงถิงกลับค่อนข้างร้อนรน พูดว่า “จื่อเซวียน นาย…นายไม่อยากทำให้ฉันใช่ไหม”
“หา? เป็นอย่างนั้นที่ไหนล่ะ ไม่ใช่แบบนั้นหรอก…” ซ่งจื่อเซวียนรีบอธิบาย เขาไม่อยากชัดเจนเกินไป
“ฮึ งั้นก็ดี จริงสิ ปกตินายก็ทำอาหารทุกวันเหรอ”
“ใช่ ฉันก็เป็นเชฟคนหนึ่งนะ ไม่ทำอาหารแล้วจะทำอะไรล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนจงใจพูดแบบนี้ ก็เพื่อออกห่างจากลูกสาวเศรษฐีท่านนี้
“ดีจัง ผู้ชายที่จดจ่อแบบนี้ได้หายากจริงๆ ตอนนี้ส่วนใหญ่จะไม่หนักแน่นกันหมด”
แม่จ๋า…
“ทำงานอย่างหนึ่งได้ไม่ดี ก็คิดถึงอย่างอื่น สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จสักเรื่อง”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มเจื่อน…
ตอนออกมาจากบ้านเจ้าถิงถิง เห็นได้ชัดว่าเจ้าถิงถิงค่อนข้างอาลัยอาวรณ์
ก่อนจะไปยังต้องออกมาส่งเขา บอกว่าอยากมองให้มากหน่อย ซ่งจื่อเซวียนรีบให้เธอกลับไปนั่ง กำชับให้เธอพักผ่อนเยอะๆ
เห็นลูกสาวมีความสุข ฉินลี่ก็ดีใจแทบแย่ ไปส่งซ่งจื่อเซวียนหน้าประตู
ทำให้ภรรยาของผู้นำระดับสูงมาส่งด้วยตนเองได้ มองไปทั้งตู้เหมิน น่าจะมีไม่กี่คน…
ตอนนี้ออกมาแล้ว ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกว่าหลังของตัวเองเปียกชุ่ม ไม่ใช่เพราะร้อน แต่เป็นเพราะเครียดอย่างชัดเจน…
จากนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ให้ฟางรุ่ยขับรถไปที่ตึกจวี้เฟิง
หลังจากเรื่องเลคริเซียส หวงฟาก็ย้ายกลับมาที่ชั้นที่สิบหกของตึกจวี้เฟิง
เข้าไปในห้องทำงาน หวงฟาก็รีบชงชาให้ซ่งจื่อเซวียน
“นายท่านรอง มาได้จังหวะพอดีเลย”
ซ่งจื่อเซวียนอึ้ง “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ คนของเผยเทียนหู่มาแล้วเหรอ”
หวงฟายิ้ม “ทำไมนายเดาได้ล่ะเนี่ย คนคนนี้นายรู้จักแน่นอน”
ซ่งจื่อเซวียนทำหน้าไม่เข้าใจ
หวงฟาตบมือสามครั้ง ไม่นาน เถียนเหวินคุ่ยก็ให้คนพาตู้อวิ๋นเลี่ยงเข้ามา
พอเห็นตู้อวิ๋นเลี่ยง ซ่งจื่อเซวียนก็อดหัวเราะออกมาเบาๆ ไม่ได้
“คนรู้จักเก่าจริงด้วย…”
“นายท่านรอง ผมไม่ได้ตั้งใจนะ ผมไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเสี่ยหวง…”
พอตู้อวิ๋นเลี่ยงเห็นซ่งจื่อเซวียนก็รีบอธิบายทันที
ก่อนหน้านี้เขาไม่กล้าต่อต้านหวงฟา อธิบายไปก็ไม่มีประโยชน์ อย่างไรหวงฟาก็พูดแล้วว่า รอนายท่านรองมาจัดการ
ตอนนี้ซ่งจื่อเซวียนมาแล้ว อาจจะเป็นโอกาสเดียวที่เขาจะได้อธิบายก็ได้
ผ่านเรื่องคราวก่อน เขาไม่อยากโดนกระทืบแล้วจริงๆ…
“เหอะๆ ไม่ได้ตั้งใจเหรอ ไม่รู้ความสัมพันธ์ระหว่างฉันกับเสี่ยหวงเหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม ลุกขึ้นเดินเข้าไปหาตู้อวิ๋นเลี่ยง
“ถ้าฉันไม่ได้รู้จักกับเสี่ยหวงล่ะ อย่างนั้นวันนี้พวกนายก็น่าจะร่วมมือกันพาตัวฉันไปสินะ”
ประโยคนี้ของซ่งจื่อเซวียนทำให้ตู้อวิ๋นเลี่ยงเงียบปาก เห็นได้ชัดว่าคำตอบคือใช่แน่นอน
“คนแซ่ตู้ คราวก่อนฉันปล่อยนายไป นายไม่ยอมอยู่เงียบๆ แถมยังจะกลับมาจัดการฉันอีกเหรอ”
ตู้อวิ๋นเลี่ยงกระอักกระอ่วน “นายท่านรอง ผม…ไม่ใช่ผม เป็นเถ้าแก่ของผม รู้ว่าคุณเอาหนวดพญามังกรไป เพราะงั้น…”
“นั่นไม่ใช่เพราะนายเอาไปพูดกับเถ้าแก่นายเหรอ”
ตู้อวิ๋นเลี่ยงไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร ราวกับเรื่องมาถึงตรงนี้แล้ว อธิบายอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์
หวงฟาจุดบุหรี่ พูดว่า “นายท่านรอง จะจัดการยังไง ให้เขากลับไปบอกเสี่ยหู่ไหม”
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด ส่ายหน้าน้อยๆ
“เหอะๆ เรื่องของผมเดี๋ยวผมจัดการเองแล้วกัน รุ่ยจื่อ!”
“นายท่านรอง!” ฟางรุ่ยก้าวเข้ามาหา
“นายกับเหลียงฮั่นพาเขาออกไป ฉันต้องการให้หลังจากนี้เขาไม่มีทางหาทางแก้แค้นฉันได้อีก!”
“รับทราบครับ นายท่านรอง”
พูดจบ ฟางรุ่ยกับเหลียงฮั่นก็พาตู้อวิ๋นเลี่ยงออกไปกระทืบ
“นายท่านรอง อย่า…อย่าเลยนะครับนายท่านรอง ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริงๆ…”
ได้ยินเสียงร้องขอคร่ำครวญของตู้อวิ๋นเลี่ยง ท่าทีของซ่งจื่อเซวียนไม่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย แต่จุดบุหรี่สูบอย่างเย็นชา
หวงฟาแอบพยักหน้า ซ่งจื่อเซวียนหนอซ่งจื่อเซวียน เหี้ยมโหดจริงๆ
โชคดี…ที่ฉันเลือกอยู่ข้างเขา
“นายท่านรองจะทำยังไงต่อไปล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “รอเสี่ยหู่นั่นมาหาแล้วกัน เสี่ยหวง เรื่องนี้ไม่มีทางเดือดร้อนถึงคุณแน่!”
“เรื่องนี้…นายท่านรองพูดไปไกลแล้ว คำพูดของนายที่ตู้เหมินถือเป็นคำขาด ประโยคเดียว หวงฟาอย่างฉันก็ทำ!”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มบางเบา
……………………………………..
…………….