เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 382 ขออภัยที่ฉันหยาบคาย
ตอนที่ 382 ขออภัยที่ฉันหยาบคาย
…………….
ตู้อวิ๋นเลี่ยงดีใจจะแย่ ท่าทางแค้นนี้จะยังได้เอาคืน
พี่ชายและหลานชายของตนโดนกระทืบ ตนก็โดนกระทืบไปรอบหนึ่ง ตู้อวิ๋นเลี่ยงมีชีวิตมานานปีขนาดนี้ ยังไม่เคยรู้สึกอัดอั้นแบบนี้มาก่อน
เดิมเขายังกังวลว่าลูกพี่ของตนจะสนใจเรื่องนี้ไหม คิดไม่ถึงว่าจะตอบรับอย่างเต็มที่แบบนี้
อีกทั้งยังติดต่อหวงฟาที่ตู้เหมินด้วย
ต้องรู้ว่า ชื่อเสียงเลื่องลือของหวงฟาก็โด่งดังในมณฑลอวิ๋นอันมาก
อย่างไรอวิ๋นอันกับตู้เหมินและปักกิ่งก็ติดกัน ขาใหญ่แต่ละเมืองเลื่องชื่อมากทั้งนั้น
วันนั้น เผยเทียนหู่ก็ติดต่อไปหาหวงฟา ส่วนตู้อวิ๋นเลี่ยงก็เดินทางไปตู้เหมินทันที
สำหรับเขา กระทั่งอดรนทนไม่ไหวอยู่บ้างแล้ว
…
วิลล่าตระกูลถัง
ห้องหนังสือของวิลล่าว่างมานานแล้ว
ตอนนี้ถังหย่าฉีเรียนอยู่ชั้นปีที่หนึ่ง ที่จริงการเรียนไม่นับว่าหนักหนาอะไรมาก จึงแทบจะไม่ได้ใช้ห้องหนังสือเลย
แต่ตอนนี้ ถังจวิ้นนั่งอยู่ที่โต๊ะ ดูแล้วเหมือนจะเข้ากับห้องหนังสือนี้ไม่น้อย
เขายกจอกชาขึ้นจิบ เอ่ยถามว่า “นานเท่าไรแล้ว”
ไต้ทงที่อยู่ตรงหน้ายืนก้มหน้ามาตลอด ถูกเจ้านายเรียกเข้ามานานแล้ว อีกฝ่ายก็ไม่พูด เขาค่อนข้างจะสับสนจริงๆ
ได้ยินดังนั้น ได้ทงก็เงยหน้า “บอสครับ ที่จริง…ผมเคยเรียนให้บอสทราบแล้ว ก็ตอนนั้น…”
ถังจวิ้นครุ่นคิด “ฉันนึกออกละ ตอนนั้นฉันบอกนายว่าไม่ต้องกังวล ไม่ต้องขัดขวางการคบหาแบบทั่วไปใช่ไหม”
“ใช่ครับบอส”
“ใช่กับผีสิ นายดูสิว่าตอนนี้พวกเขาคบหากันแบบปกติไหม พวกเขาเป็นแฟนกันชัดๆ เลย!”
ไต้ทงตกใจจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว
เทียบกันเรื่องพละกำลัง ถังจวิ้นไม่ได้มีพละกำลังอะไรเลย แต่เทียบกันเรื่องความสามารถ ไต้ทงรู้สึกแตกต่างกันลิบลับ
อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ เขายังอาศัยรายได้ที่ถังจวิ้นให้กินข้าวอยู่
“พวกเขา…เคยทำอะไรแบบนั้นไปหรือยัง” ถังจวิ้นมองไปทางไต้ทง พูดจริงจัง
“หา? ไม่ๆ รับรองว่าไม่ครับ!”
ถังจวิ้นขมวดคิ้วเล็กน้อย แอบคิดในใจว่า ไม่เหรอ ซ่งจื่อเซวียนหนอซ่งจื่อเซวียน นายออกจะดูฉลาดมาก ทำไมถึงโง่แบบนี้
ลูกสาวฉันท่าทางถ้าไม่ใช่นายก็ไม่คิดแต่งงานขนาดนั้น นายจะยังไม่แน่ใจอีกเรอะ
ขยะ! ขยะจริงๆ!
“อ้อ…แบบนี้นี่เอง งั้นก็ดี ยังไงหลังจากนี้ก็ดูแลหย่าฉีอย่างใกล้ชิดด้วย!”
“ครับ ท่านประธานถัง แต่ว่า…เด็กหนุ่มซ่งจื่อเซวียนคนนั้นไม่เลวเลยนะครับ!”
“ทำไมนายถึงพูดมากขนาดนี้ ออกไปเลย!”
“ครับ ท่านประธานถัง!”
เห็นเจ้านายอารมณ์ไม่ดี ไต้ทงก็รีบหุบปาก หันหลังจากไป
ถังจวิ้นกลับมานั่งที่โต๊ะ เงียบอยู่ครู่หนึ่ง อดยิ้มออกมาไม่ได้
“ท่าไม่ดีแล้ว เป็นเขยเต่าทองคำจริงด้วย ความสามารถไม่ธรรมดาเลย…
เพียงแต่…โง่เกินไปหน่อย หย่าฉีหนอหย่าฉี จะจับเขาไว้ได้ไหม ก็ต้องดูที่ความสามารถลูกแล้ว!”
พูดจบ ถังจวิ้นก็หยิบเอกสารชุดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าหนังที่พกติดตัว
ในเอกสารมีรูปถ่ายใบหนึ่ง เป็นภาพถ่ายตัวซ่งจื่อเซวียนอย่างชัดเจน
และในตารางด้านล่าง มีโครงการอย่างร้านอาหารร่ำรวย สวนสวินเฟิง และบริษัทชิงอวี่เป็นต้น
“อายุยี่สิบ…ถังจวิ้นอย่างฉันเทียบไม่ติดเลย”
ขณะที่กำลังพูด เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง คนที่เข้ามาก็คือถังหย่าฉี
“อืม นั่งสิ!”
ถังจวิ้นทำท่าทางบึ้งตึงทันที
“พ่อคะ เรื่องวันนี้…”
“อ้อ พ่อก็อยากคุยเรื่องนี้กับลูกเหมือนกัน”
ถังจวิ้นพูดพลางลุกขึ้นให้ถังหย่าฉีนั่งที่เก้าอี้กลมข้างๆ ส่วนตนก็นั่งลงเช่นกัน
“หย่าฉี ครั้งนี้พ่อจริงจังนะ ลูกโตขนาดนี้แล้ว พ่อไม่เคยตกลงกับลูกมาก่อนเลย”
ถังหย่าฉีพยักหน้าน้อยๆ “หนูรู้ค่ะ แต่ว่า…”
“แต่ว่าลูกกลัวว่าพ่อจะเสียใจเหรอ”
ถังหย่าฉีค่อนข้างรู้สึกผิด แต่ก็ยังพยักหน้า
“วางใจเถอะ พรุ่งนี้พ่อจะกลับปักกิ่งแต่เช้า เสียใจไปก็ทำอะไรไม่ได้”
ได้ยินดังนั้น หน้าของถังหย่าฉีก็มีแววตกใจระคนดีใจแวบหนึ่งพาดผ่าน
“ดีใจเรอะ พ่อของลูกกลับไปแล้วลูกดีใจมากสินะ หย่าฉี เราสองคนพ่อลูกไม่ได้เจอกันมานานแค่ไหนแล้วเนี่ย”
หย่าฉีมุ่ยปาก “เปล่าสักหน่อย…แค่…หนูไม่อยากไปต่างประเทศจริงๆ นี่คะ”
ความจริงก่อนหน้านี้ ถังจวิ้นยังแน่วแน่มาก อย่างไรเขาก็คิดว่าลูกสาวยังเด็ก ต้องได้รับการศึกษา และต้องการประสบการณ์
ดังนั้นถึงได้วางแผนให้ถังหย่าฉีไปต่างประเทศ อีกทั้งในช่วงเวลานี้ ถังจวิ้นก็จะดูแลกิจการของอเมริกาให้มากขึ้นด้วย
ถ้าอย่างนั้น ก็จะได้อยู่ใกล้ลูกสาวขึ้นสักหน่อย เขาก็สบายใจ
แต่เห็นได้ชัดว่าการปรากฏตัวของซ่งจื่อเซวียนเปลี่ยนแปลงความคิดเดิมที่เขามี
ถังหย่าฉีโตแล้ว เหมือนว่าจู่ๆ ก็เติบโตพรวดพราดจริงๆ
แน่นอนว่าอาจจะเกี่ยวกับซ่งจื่อเซวียนมากทีเดียว
แต่ไม่ว่าอย่างไร ลูกสาวของตนเปิดร้านที่มีรายรับหลักล้านต่อปี เหนือกว่าที่เขาจินตนาการไว้เป็นร้อยๆ เท่า
อย่างไรก็ไม่สู้มีประสบการณ์ที่โชกโชนต่อไป
แต่สิ่งที่ถังจวิ้นกังวลคือความยิ่งใหญ่แบบนี้จะยังต่อเนื่องไปได้ไหม หากทำได้ ถังจวิ้นก็จะสบายใจอย่างมาก
แต่หากทำไม่ได้ เช่นนั้นก็พิสูจน์ได้แค่ว่าผลงานของพวกเขาคือเรื่องบังเอิญ ไม่ใช่ความสามารถที่แท้จริง
ดังนั้น ครั้งนี้ถังจวิ้นจึงทำข้อตกลงกับพวกเขา ภายนอกคือการทดสอบถังหย่าฉี
ส่วนแก่นแท้คือการทดสอบซ่งจื่อเซวียน ดูว่าเขามีความสามารถที่จะปกป้องลูกสาวของตนได้หรือไม่
“พ่อรู้ เพราะงั้นเราถึงมีข้อตกลงนี่กันไง ถ้าพวกลูกทำไม่ได้…หย่าฉี ลูกก็ต้องไปอเมริกากับพ่อ”
ถึงแม้ถังหย่าฉีจะไม่เต็มใจ แต่ก็ยังพยักหน้า อย่างไรเสียก็ตกลงไปแล้ว
“ลูกกับซ่งจื่อเซวียนนั่น…รู้จักกันมานานแค่ไหนแล้วล่ะ”
“ไม่ถึงปีมั้งคะ” ถังหย่าฉีตอบ
ถังจวิ้นพยักหน้า “อย่างนี้นี่เอง…เขาเป็นเชฟมาตลอดเลยเหรอ”
“ไม่ใช่ค่ะ ฐานะทางบ้านของจื่อเซวียนไม่ดี บ้านจน เรียนไม่จบมัธยมปลายด้วยซ้ำ เลยไปทำงานเบ็ดเตล็ดในร้านอาหารก่อนค่ะ”
ถังจวิ้นค่อยๆ สูดลมหายใจ “ที่แท้เรื่องก็เป็นแบบนี้…เด็กบ้านจนที่พึ่งพาตนเองได้ตั้งแต่เนิ่นๆ นี่เอง”
ถังหย่าฉีพยักหน้าน้อยๆ
ถังจวิ้นเห็นท่าทีของเธอกลับอึ้งไป
ดูท่า…หย่าฉีจะไม่รู้พื้นเพของซ่งจื่อเซวียนสินะ งั้นขนาดของบริษัทชิงอวี่ก็ธรรมดาหรอกเหรอ
ซ่งจื่อเซวียนคนนี้ปกปิดเรื่องนี้กับลูกสาวตน ถังจวิ้นรู้สึกระแวงขึ้นมาเล็กน้อยทันที
ถ้ารักหย่าฉีจริงๆ ทำไมต้องปกปิดเธอด้วย
คิดถึงตรงนี้ ถังจวิ้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ท่าทาง…ยังต้องกำชับไต้ทงให้มากขึ้นสักหน่อยแล้ว
เช้าวันถัดมา ถังจวิ้นก็ออกจากตู้เหมิน กลับปักกิ่ง
ส่วนไต้ทงก็ได้รับภารกิจใหม่จากเจ้านาย นั่นคือปกป้องถังหย่าฉี ห้ามไม่ให้เธอค้างแรมด้านนอกเด็ดขาด
ขณะเดียวกัน ยังต้องขยายการตรวจสอบซ่งจื่อเซวียนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ให้ละเอียดมากที่สุด
ที่จริงสำหรับไต้ทงแล้ว…ภารกิจนี้ไม่ได้นับว่ายาก ทุกวันเขาตามแต่ถังหย่าฉี ก็ได้รู้จักซ่งจื่อเซวียนไม่น้อย
…
ตอนเช้าหลังส่งถังหย่าฉีที่มหาวิทยาลัยหนานกวนแล้ว ซ่งจื่อเซวียนก็มาที่ร้านสวนสวินเฟิง
ความจริงตอนนี้ซ่งจื่อเซวียนอยู่ที่สวนสวินเฟิงอย่างสบายใจมาก ทำอาหารออกเสิร์ฟก็มีเจิ้งฮุยทีมครัวด้านหลังเป็นคนจัดการ น้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายก็ยกให้ซางเทียนซั่วดูแล
ตอนนี้เขาสามารถวิจัยสูตรอาหารในห้องทำงานได้ทุกวัน พยายามทำความเข้าใจโต้วหลงเหมินเวอร์ชันอัปเกรด และมังกรทะยานสี่ย่านน้ำ
แต่เพิ่งรินชาเสร็จ เตรียมจะอ่านตำราสูตรอาหาร โทรศัพท์ของซ่งจื่อเซวียนก็ดังขึ้น
“เสี่ยหวง โทรหาผมเช้าขนาดนี้ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”
ซ่งจื่อเซวียนพูดยิ้มๆ
ช่วงนี้สภาพจิตใจของเขาดีไม่หยอก สถานการณ์ของทางเจ้าถิงถิงก็มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ แถมยังได้หนวดพญามังกรมาอีก
บวกกับตอนนี้ถังหย่าฉีไม่ต้องไปไหนแล้ว เรียกได้ว่าสุขสมหวังอย่างแท้จริง
แต่น้ำเสียงของหวงฟากลับไม่ได้สบายอกสบายใจขนาดนั้น
“นายท่านรอง ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องดีอะไรจริงๆ นายรู้จักเผยเทียนหู่ไหม”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ชะงักไป ชื่อนี้…เหมือนจะไม่คุ้นจริงๆ
“ไม่รู้จักครับ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับเสี่ยหวง”
“เมื่อคืน เผยเทียนหู่โทรมาหาฉัน ให้ฉันจัดการนายที่ตู้เหมิน แถมยังให้ส่งนายไปที่สือโจวด้วย”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินประโยคนี้ก็ขมวดคิ้ว
นี่มันนั่งอยู่เฉยๆ ศัตรูก็มาหาถึงที่จริงๆ นี่นา
“เสี่ยหวง เผยเทียนหู่นี่เป็นใครเหรอ”
“เป็นเจ้าพ่อวงการใต้ดินของสือโจว พูดถึงตำแหน่ง ความอาวุโสอยู่สูงกว่าฉันหมด ฉันต้องเรียกเขาว่าอาก็ไม่ใช่เรื่องเกินไปเลย
เผยเทียนหู่คนนี้จัดการเรื่องราวนับว่าโหมเหี้ยมอำมหิต หลายปีมานี้เรื่องอะไรก็แทบจะทำรุนแรงถึงขีดสุดไปหมด
ตามหลักแล้วศัตรูน่าจะมีอยู่ไม่น้อย แต่ตำแหน่งของเขาเป็นอุปสรรค จึงไม่มีใครกล้าแก้แค้น ง่ายๆ…คนคนนี้ไม่ธรรมดา”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าน้อยๆ “เหอะๆ ผมไปยุ่งเกี่ยวกับผู้ยิ่งใหญ่อีกแล้ว เสี่ยหวงเคยติดต่อกับเขาไหมครับ”
“เมื่อก่อนมีอยู่ครั้งหนึ่ง เรื่องสินค้าทางทะเลชิ้นหนึ่งน่ะ ฉันช่วยเขารับสินค้า จากนั้นเขาก็ใจกว้าง โอนเงินเข้าบัญชีฉันหลายล้านเลย”
“ร่ำรวยจริงๆ เสี่ยหวงคิดจะทำยังไงครับ”
หวงฟาชะงัก “นายท่านรอง เรื่องใหญ่ขนาดนี้ฉันมาแจ้งให้นายรู้ก่อนนะ นายก็อย่าเห็นเป็นเรื่องสนุกสิ”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะออกมา “ฮ่าๆๆ เสี่ยหวงเครียดอะไรครับเนี่ย เขาไม่ได้บอกเหรอครับว่าทำไมถึงจะให้คุณจัดการผมน่ะ”
“ไม่ได้บอกชัดเจน บอกแค่ว่านายเอาของที่ไม่สมควรเอาไป นายท่านรอง ของนั่นมันคืออะไร…”
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด ก็ไม่ค่อยเข้าใจ
“เอาล่ะ เสี่ยหวง เรื่องนี้คุณทำเป็นไม่สนใจไปได้ไหมครับ”
“ได้น่ะได้ แต่พวกคนที่จะมาพาตัวนายไปจะมาวันนี้ ฉันน่าจะต้องต่อรองสักหน่อย”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “เป็นทางการกันจริงๆ มีคนมารับตัวผมด้วย เอาอย่างนี้แล้วกันครับเสี่ยหวง ตอนบ่ายผมจะไปหาคุณ มีเรื่องอะไรค่อยคุยกันตรงๆ ต่อหน้า”
“นายท่านรองจะมาไม้แข็งเหรอ” หวงฟาถาม
“เหอะๆ มาก็ต้องเผชิญหน้า ไม่อย่างนั้นจะแก้ปัญหาได้ยังไง เจอกันตอนบ่ายครับ!”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็วางสาย
ตอนนี้เขายังต้องไปส่งอาหารให้เจ้าถิงถิง พูดง่ายๆ ก็คือไปส่งที่บ้านผู้นำเจ้า
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ จะเลื่อนไม่ได้
ไม่ต้องพูดถึงเผยเทียนหู่ที่เป็นเสือ ต่อให้เป็นเผยเทียนหลงที่เป็นมังกร ก็ต้องจัดการทีหลัง…
…
ตึกจวี้เฟิง
หลังจากวางสาย หวงฟาก็สบายใจ
ถ้าซ่งจื่อเซวียนอยากเจอคนของเผยเทียนหู่ เช่นนั้นหวงฟาอย่างเขาก็ไม่มีอะไรต้องสนใจมากมาย
หลังจากนี้คนอย่างเขาถูกกำหนดไว้ว่าต้องอยู่ที่ตู้เหมิน ดังนั้นครั้งนี้เขาต้องเลือกอยู่ข้างซ่งจื่อเซวียน
ต่อให้เผยเทียนหู่จะแกร่งแค่ไหน เขาก็จะไม่หวั่นไหว ครั้งนี้…เป็นการร่วมมือกันต่อต้านกับคนนอกอีกครั้ง
หลังจากผ่านพ้นเรื่องของเลคริเซียสมา ทำให้หวงฟาแน่วแน่ขึ้นมากในเรื่องนี้
ถ้าบอกว่าเผยเทียนหู่เป็นเจ้าพ่อระดับอาวุโส อย่างนั้นเลคริเซียสก็คือไอ้บ้าคนหนึ่ง
เขาไม่ใช่แค่มีลูกน้องที่ฝีมือแกร่งกล้า ทั้งยังไม่สนใจใยดีอะไรด้วย เทียบกันแล้ว เหมือนจะน่ากลัวยิ่งกว่า
เพียงแต่พูดถึงรากฐาน…ที่จีนแผ่นดินใหญ่ ดูถูกเผยเทียนหู่ไม่ได้จริงๆ
ขณะที่กำลังครุ่นคิด เสียงเคาะประตูห้องทำงานก็ดังขึ้น เถียนเหวินคุ่ยเดินเข้ามา
“เสี่ยครับ คนของเสี่ยหู่มาแล้วครับ”
“เร็วขนาดนี้เชียว…ให้เขาเข้ามา” หวงฟาไม่ค่อยสบายใจ ตกลงมีเรื่องแค้นใจอะไรกัน ถึงทำให้คนของเสี่ยหู่รีบร้อนขนาดนี้
ไม่นานนัก ตู้อวิ๋นเลี่ยงก็เดินเข้ามาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม
แต่เห็นรอยแผลบนหน้าเขา หวงฟาก็แปลกใจเล็กน้อย
“เสี่ยหวง” ตู้อวิ๋นเลี่ยงทักทายด้วยรอยยิ้ม
“นี่นาย…”
“โธ่ เรื่องมันยาวน่ะครับ…”
ตู้อวิ๋นเลี่ยงนั่งลงก็เล่าเรื่องบุญคุณความแค้นของซ่งจื่อเซวียนรอบหนึ่ง
หวงฟาถึงได้รู้ว่าซ่งจื่อเซวียนไม่ใช่แค่กระทืบคนตระกูลตู้นี่เท่านั้น ยังแย่งหนวดพญามังกรของเผยเทียนหู่ไปด้วย
“เสี่ยหวง เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละครับ เสี่ยหู่หวังว่าคุณจะจัดการให้เรียบร้อยสักหน่อย ผมจะได้รีบพาซ่งจื่อเซวียนกลับไป!”
ได้ยินดังนั้น หวงฟาก็ส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าเป็นแบบนี้…น่าจะต้องขออภัยที่ฉันหยาบคายแล้วล่ะ ใครสักคนมานี่ซิ จับไว้!”
………………………………………
…………….