เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 380 ข้อตกลง
ตอนที่ 380 ข้อตกลง
…………….
ซ่งจื่อเซวียนไม่ได้สนใจว่าถังจวิ้นจะมองตัวเองอย่างไร เป้าหมายของเขามีเพียงอย่างเดียว คือรั้งถังหย่าฉีเอาไว้ให้ได้
ที่จริงซ่งจื่อเซวียนพอจะทราบเรื่องในครอบครัวของถังหย่าฉีอยู่บ้าง
ถังจวิ้นพูดมานานแล้วว่าอยากให้ถังหย่าฉีไปอยู่ต่างประเทศ
ด้วยเหตุนี้ถังหย่าฉีจึงมาร้องไห้ และเมาหัวราน้ำอยู่ที่ร้านอาหารร่ำรวย
แต่สิ่งที่ซ่งจื่อเซวียนคาดไม่ถึงคือ ถังจวิ้นมีความมุ่งมั่นมากกว่าที่เขาคิด ราวกับว่าได้ตัดสินใจไปแล้ว ใครก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้อีก
นี่เป็นนิสัยของจอมบงการอย่างไม่ต้องสงสัย และที่เขาเป็นแบบนี้ก็เพราะตำแหน่งประธานบริษัทถังกรุ๊ป
“คุณอาครับ หย่าฉีเป็นผู้ใหญ่ ที่จริงคุณควรจะเข้าใจว่าเธอก็มีความพยายามของเธอ ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะควบคุมได้
ก็เหมือนกับการตัดสินใจของคุณ ที่ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงได้”
ถังจวิ้นยิ้ม “งั้นเหรอ แต่นี่มันต่างกัน เพราะฉันเป็นพ่อของเธอและเธอเป็นลูกสาวของฉัน”
“หึๆ เพราะแบบนี้คุณถึงเอาชนะหย่าฉีไม่ได้ไงครับ”
“พูดอะไรของนาย” ถังจวิ้นถาม
ซ่งจื่อเซวียนเห็นถังหย่าฉีร้องไห้แล้วรู้สึกปวดใจ
“คุณอา คุณคิดว่าหย่าฉีจะต้องเชื่อฟังคุณ ส่วนหย่าฉีก็คิดว่าเธอต้องยึดมั่นในความคิดของตัวเอง คุณคิดว่าผลลัพธ์มันจะเป็นยังไงครับ”
“เธอจะต้องฟังฉัน” ถังจวิ้นเชิดศีรษะขึ้นเล็กน้อย
“แสดงว่าคุณไม่สนใจความเจ็บปวดของเธอ หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็จะบังคับให้เธอทำตามที่คุณบอกให้ได้งั้นเหรอครับ”
ถังจวิ้นเว้นจังหวะครู่หนึ่ง แล้วมองซ่งจื่อเซวียน “ฉันคิดว่าต้องเป็นแบบนั้น ต่อให้เจ็บปวดมันก็แค่ชั่วคราว เธอไม่เข้าใจว่าชีวิตคืออะไร”
“แล้วคุณเข้าใจเหรอครับ”
ถังจวิ้นค่อนข้างตกตะลึงกับคำพูดนี้ของซ่งจื่อเซวียน ถังหย่าฉีเองก็เงยหน้าขึ้นมาเพราะคำถามดังกล่าว
น้ำตาที่คลออยู่ที่หางตา เห็นแล้วปวดใจเหลือเกิน
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มน้อยๆ “ไม่หรอกครับ เรื่องของหย่าฉีก็เป็นเรื่องของผมเหมือนกัน คุณอา ตัวคุณเองยังไม่กล้าพูดเลยว่าเข้าใจชีวิต มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าหย่าฉีไม่เข้าใจล่ะครับ”
ถังจวิ้นที่ถูกซ่งจื่อเซวียนบีบเค้น แค่นหัวเราะออกมา “พอได้แล้ว ฉันไม่อยากจะเสวนากับนายอีก หย่าฉีไปกันได้แล้ว”
“หนูไม่ไปค่ะพ่อ”
“ลูก…” ถังจวิ้นเริ่มจะโมโห
ถ้าซ่งจื่อเซวียนไม่อยู่ตรงนั้น เขาอาจจะใจเย็นมากกว่านี้
แต่ในสายตาของเขาตอนนี้ ถังหย่าฉีกำลังทำให้เขาขายขี้หน้าต่อหน้าคนอื่น
จากนั้น เขาก็ตรงไปคว้าข้อมือของถังหย่าฉีไว้ แล้วลากเธอออกไป
ทว่าซ่งจื่อเซวียนกลับเดินเข้ามาขวางตรงหน้าถังจวิ้น
ถังจวิ้นอึ้งไปแล้ว นี่คิดจะขวาง…งั้นเหรอ
“หึๆ ไอ้หนุ่ม เงินค่าอาหารฉันจ่ายให้ก็ได้ จะเรียกกี่เท่าก็ว่ามา แต่นาย…ขวางฉันไม่ได้!”
ซ่งจื่อเซวียนพูดแกมหัวเราะ “งั้นเหรอครับ แต่ผมอยากลองนะ”
“ได้ งั้น…ก็ลองดูสิ” ถังจวิ้นพูดพร้อมกับตัดสินใจแน่วแน่
ยังไงวันนี้เขาก็จะพาลูกสาวของเขาไปให้ได้ ถ้าไอ้หนุ่มนี่คิดจะขวาง เขาไม่ลังเลที่จะเล่นไม้แข็ง
ทว่าในขณะที่เขากำลังจะโทรศัพท์ ซ่งจื่อเซวียนกลับพูดขึ้นอีกครั้ง
“คุณอาถัง ผมขอโทษนะครับ ลูกน้องของคุณรวมถึงไต้ทงถูกผมควบคุมไว้หมดแล้ว”
ถังจวิ้นดวงตาเบิกกว้างพลางหันไปมองซ่งจื่อเซวียน ดูเหมือนว่า…เขาจะประเมินเจ้าเด็กนี่ต่ำเกินไป
ต้องทราบก่อนว่าลูกน้องของเขาแต่ละคนไม่ธรรมดา โดยเฉลี่ยพวกเขาถูกจัดอันดับในการแข่งขันต่อสู้ระดับชาติด้วย
ไอ้หนูนี่มันเก่งถึงขั้นนั้นเชียวหรือ
ต้องบอกเลยว่าถ้ามีความสามารถระดับนั้นจริง เขาสามารถปกป้องถังหย่าฉีได้โดยไม่มีปัญหา
แต่ถังจวิ้นยังไม่เชื่อ ยืนกรานที่จะโทรอยู่ดี
ดูเหมือนว่า…จะเป็นเรื่องจริง
“ไอ้หนู นายคิดว่าฉันจะปล่อยให้นักเลงอย่างนายปกป้องลูกสาวฉันเหรอ”
“หึๆ ขอแค่หย่าฉีอยู่ที่นี่ต่อไปได้ ผมไม่สนใจหรอกว่าคุณจะมองผมยังไง”
ถังจวิ้นพยักหน้าช้าๆ “ดูเหมือนว่า…ฉันจะไม่มีทางเลือกแล้วสินะ”
ขณะพูด ถังจวิ้นนั่งลงอีกครั้ง คนของเขาถูกอีกฝ่ายจัดการไปแล้ว ตอนนี้เขาเองก็ต้องหาทางออกให้กับตัวเอง
“ไอ้หนุ่ม ฉันมีข้อเสนอ!”
ซ่งจื่อเซวียนพลันยิ้ม มุกนี้ดูจะโบราณไปหน่อยนะ
ถังหย่าฉีที่อยู่ข้างๆ แสดงสีหน้าหงุดหงิดใจออกมา คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าพ่อของตัวเองจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา…
“ข้อเสนออะไรครับ” ซ่งจื่อเซวียนแกล้งทำเป็นไม่รู้
“ฉันเชื่อว่าที่หย่าฉีไม่ยอมไปจากตู้เหมิน นายน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย แต่ไม่สำคัญ ถ้านายได้ข้อสรุปแล้ว ฉันจะทำให้นายพอใจ”
“จากนั้นล่ะ”
“จากนั้นนายก็ปล่อยหย่าฉีไป แล้วฉันจะพาเธอกลับไปที่ปักกิ่ง ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างพวกนาย ฉันจะไม่ถาม”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าช้าๆ แล้วหันไปมองถังหย่าฉีอีกครั้ง
“ถ้าเป็นผู้หญิงทั่วไป ผมว่าเจ็ดสิบแปดสิบล้านก็น่าจะพอ แต่กับหย่าฉี…”
ถังจวิ้นผงะ เจ็ดสิบแปดสิบล้าน? ทำไมไม่บอกว่าเจ็ดร้อยแปดร้อยล้านไปเลยล่ะ
“คุณอาถัง สักพันล้าน โอเคไหมครับ”
“แก…ไอ้หนู มันจะมากไปหน่อยแล้ว!”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มบางๆ “แค่พันล้านเองนะครับ คุณอาจ่ายได้อยู่แล้วนี่ หรือคุณคิดว่า…หย่าฉีมีค่าไม่ถึงพันล้านเหรอครับ”
ถังจวิ้นโกรธมาก จนตอบโต้ไม่ถูกไปครู่หนึ่ง
แค่…พันล้าน ทั้งประเทศนี้มีสักกี่คนที่จะควักเงินมากขนาดนั้นออกมาได้สบายๆ
แต่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ เพราะเท่ากับเป็นการบอกว่าลูกสาวของเขาไม่มีค่า
ไอ้เด็กคนนี้ฝีปากร้ายกาจ ดูเหมือนว่าการเจรจากับเขาจะไม่ใช่ความคิดที่ดี
“ไอ้หนู ฉันดูออกนะว่าแกไม่อยากให้หย่าฉีไป แต่ว่า…ฉันไม่อยากให้แกมาขัดขวางอนาคตของหย่าฉี เข้าใจไหม”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินดังนั้นก็มองไปทางถังหย่าฉี ซึ่งเธอกำลังสั่นศีรษะอย่างแรง
“คุณอา ที่จริงถ้าหย่าฉีตัดสินใจที่จะไปต่างประเทศเอง ผมก็คงไม่ขวาง
แต่…ตอนนี้คุณกำลังบังคับให้เธอไป ผมไม่อยากให้ใครมารังแกหย่าฉี รวมทั้งพ่อแท้ๆ ของเธอด้วย”
ซ่งจื่อเซวียนเอ่ยด้วยความหนักแน่น
“แก…ฉันเนี่ยนะรังแกลูก”
“ก็เห็นๆ กันอยู่ครับ”
ถังจวิ้นเหลืบมองลูกสาวของเขา และพูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง
เหตุผลหลักๆ ที่ทำให้เขาหมดสิทธิ์พูดในตอนนี้ คือลูกน้องของเขาโดนคุมตัวหมดแล้ว จุดนี้ทำให้เขาอ่อนแอลง
เห็นสถานการณ์ดังนั้นแล้ว ซ่งจื่อเซวียนก็พูดต่อ “คุณอา ไม่งั้น…คุณลองตั้งเงื่อนไขขึ้นมาสิ ต้องทำยังไงหย่าฉีถึงจะอยู่ที่นี่ต่อไปได้”
ได้ยินดังนั้น ถังจวิ้นก็รู้สึกขอบคุณซ่งจื่อเซวียนเล็กน้อย แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยถูกชะตากับไอ้หนุ่มคนนี้สักเท่าไร
แต่ตอนนี้ซ่งจื่อเซวียนกำลังมอบทางออกให้กับถังจวิ้น
อย่างน้อยก็ไม่ต้องใช้ไม้แข็งกันอีกต่อไป
ถังจวิ้นครุ่นคิด “ไอ้หนุ่ม นายชื่ออะไร”
“ซ่งจื่อเซวียนครับ”
“ชื่อไม่เลว แต่เสียดายทำตัวเป็นสวะสังคมไปหน่อย”
ซ่งจื่อเซวียนไม่สนใจ แต่ถังหย่าฉีกลับเอ่ยปากขึ้นว่า “พ่อคะ พ่อแก่แล้ว มองคนยังมองไม่ขาดเลย จื่อเซวียนไม่ใช่สวะสังคม แต่เขาเป็นถึงคนมีการศึกษานะคะ!”
“ฮ่าๆ คนมีการศึกษางั้นเหรอ เรียนจบม.ปลายจากที่ไหนมาล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ “คุณอา ผมเรียนไม่จบมัธยมครับ”
“ฉันพอจะมองออกแล้วล่ะ ไอ้คนมีการศึกษาที่ไม่เคยเรียนมหา’ลัย”
“พ่อคะ วุฒิการศึกษาไม่ได้เป็นทุกอย่างนะคะ จื่อเซวียนเขามีความรู้เรื่องอดีตจนถึงปัจจุบัน คนที่เรียนมหา’ลัยมีใครเทียบกับเขาได้บ้าง”
ถังหย่าฉีพูดแก้ตัวแทนซ่งจื่อเซวียนอีกครั้ง
“หึๆ ต่อให้เป็นคนมีการศึกษา แต่ควบคุมลูกน้องของฉันได้ ถ้ามันไม่ยืมมือคนใต้ดินมา มันจะทำได้ไหม”
ถังหย่าฉีคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ซ่งจื่อเซวียนห้ามเธอไว้ก่อน
“หึๆ ที่คุณอาพูดมาก็ถูกครับ บอกเงื่อนไขของคุณมาดีกว่า”
ถังจวิ้นแค่นหัวเราะ รู้สึกเหมือนได้เอาคืนยกหนึ่ง
“ที่ฉันให้หย่าฉีเดินทางไปต่างประเทศ ก็เพื่อมอบอนาคตที่ดีที่สุดให้กับเธอ นายทำได้หรือเปล่า”
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้า “ผมไม่ทราบครับ เพราะผมไม่รู้ว่าอนาคตที่ดีคือแบบไหน คุณอาคิดว่ายังไงล่ะครับ
ไปเรียนรู้วัฒนธรรมตะวันตกเหรอครับ ประเทศจีนคุณยังไม่รู้จักดีเลย คิดว่าคุณจะเป็นคนตะวันตกได้เหรอครับ
หรือ…ต้องหาเงินสักร้อยล้าน พันล้าน หรือแม้แต่หมื่นล้าน ทำงานงกๆ ไปทั้งชีวิต สุดท้ายก็มีแต่ตัวเลขงั้นเหรอครับ
หรือคุณอยากให้เธอกลายเป็นผู้นำบริษัทล่ะ และต้องเป็นบริษัทถังกรุ๊ปเท่านั้นด้วยเหรอ บริษัทอื่นที่ดีกว่านี้ไม่ได้เหรอครับ”
ถังจวิ้นอึ้งกับคำพูดเหล่านี้
ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าซ่งจื่อเซวียนคนนี้มีความสามารถจริงๆ และดูเหมือนว่าเขาจะถามคำถามได้ตรงเผงทีเดียว
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวถังจวิ้นเองไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
ที่จริง เขาหวังว่าลูกสาวจะไปเรียนรู้วัฒนธรรมตะวันตก แต่ตามคำพูดของซ่งจื่อเซวียน…แค่ความรู้ในประเทศเธอยังไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้เลย
หาเงินเหรอ อันที่จริงก็ไม่จำเป็น ทรัพย์สินของตระกูลถังนั้นเพียงพอที่จะให้ลูกสาวอยู่เฉยๆ ไม่ต้องทำงานไปตลอดชีวิต
ส่วนบริษัท…เขาหวังว่าสักวันลูกสาวจะมารับช่วงต่อ เพราะนี่เป็นบริษัทที่เขาสร้างมากับมือ
เขาย่อมไม่อยากให้คนนอกเข้ามานั่งตำแหน่งประธานบริหาร และเก็บเกี่ยวน้ำพักน้ำแรงของเขาไป
“ซ่งจื่อเซวียน นายคิดว่า…หย่าฉีอยู่ที่นี่แล้วจะได้อะไร”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ผมมีข้อพิสูจน์ให้กับคำถามนี้ครับ”
“ว่ามา”
“ในสายตาของคุณอาถัง คนต่างชาติต้องดีกว่าคนจีนเหรอครับ”
ถังจวิ้นอ้าปากค้าง จากใจของเขา เขาคิดว่าหลายสิ่งหลายอย่างในโลกตะวันตกนั้นดีกว่า
แต่เขาไม่สามารถพูดแบบนั้นออกไปได้ นั่นเป็นการบ่งบอกความคิดชื่นชมต่างประเทศของเขาด้วย
“ไม่เสมอไป”
“โอเคครับ ที่จริงผมรู้สึกว่า ของในประเทศสวยงามกว่า มีรสนิยมมากกว่า เป็นมรดกต่อทอดมาจากบรรพชนของเรา
มรดกเหล่านี้มีจิตวิญญาณ มีวัฒนธรรม ทำไมพวกเราถึงเพิกเฉยต่อสิ่งเหล่านี้ ดั้นด้นข้ามน้ำข้ามทะเลไปศึกษาสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเขาทิ้งไว้แทนล่ะครับ” ซ่งจื่อเซวียนเอ่ยถาม
ถังจวิ้นกระแอมไอเบาๆ “เอ่อ…วัฒนธรรมไม่มีพรมแดน พวกเราเองก็ได้รับความรู้และประสบการณ์ที่ดีนี่”
“ในประเทศไม่มีเหรอครับ คุณอา อย่างน้อยๆ ให้หย่าฉีทำความเข้าใจเรื่องในประเทศก่อนดีไหมครับ”
“ฮ่าๆ แล้วต้องรอไปถึงเมื่อไรล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนกล่าว “คุณก็รู้ว่าวัฒนธรรมจีนนั้นยิ่งใหญ่ ลึกซึ้งแค่ไหน แต่คำพูดของคุณหมายความได้อย่างหนึ่ง คือการเรียนรู้วัฒนธรรมจีน ทำให้การเรียนรู้วัฒนธรรมตะวันตกล่าช้าลง คุณรอให้หย่าฉีเรียนรู้เรื่องของอเมริกาแทบไม่ไหวแล้ว”
ถังจวิ้นพูดไม่ออกไปชั่วครู่ เขารู้สึกว่ากำลังโดนชายหนุ่มคนนี้สั่งสอน
แม้จะควบคุมสีหน้าไม่อยู่ แต่คำพูดของเขา…ดูเหมือนจะถูกต้องทีเดียว
ตัวเขาเองคิดจริงๆ หรือว่าวัฒนธรรมจีนไม่มีประโยชน์? คิดจริงๆ หรือว่าวัฒนธรรมตะวันตกนั้นทำให้คนเยี่ยมยอดกว่า?
ในความเป็นจริงไม่ใช่แบบนั้น เพียงแต่เขาไหลไปตามกระแสแค่ชั่วคราวเท่านั้น
ตอนนี้บรรดาเศรษฐีต่างส่งลูกไปต่างประเทศ ถังจวิ้นเองก็เหมือนจะหลีกหนีจากค่านิยมนั้นไม่ได้เช่นกัน
“คุณอา ลองทำข้อตกลงกับหย่าฉีดูไหมครับ ถ้าหย่าฉีทำได้ดี คุณก็สัญญาว่าจะให้เธอเติบโตในประเทศต่อไป เป็นยังไงครับ”
ฟังจบ ถังจวิ้นก็นิ่งอึ้งไป ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งจะรู้สึกตัวจากการทบทวนตัวเอง
“ข้อ ข้อตกลงเหรอ”
พูดแล้วถังจวิ้นก็มองไปทางลูกสาวของตนโดยไม่รู้ตัว ถังหย่าฉีเองก็พยักหน้าด้วยความคาดหวัง ดูเหมือนว่าเธอจะยินดีรับการทดสอบจากพ่อของเธอ
…………………………………………………
…………….