เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 371 พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
ตอนที่ 371 พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
…………….
ได้ยินประโยคนี้ ท่านเป้ยเล่อก็ตะลึงงันไป
ดูเหมือนจะพลันเข้าใจความรุนแรงของปัญหานี้แล้ว
“หืม เกิดอะไรขึ้นกันแน่ บางทีฉันอาจจะช่วยนายได้นะ”
จากนั้น ซ่งจื่อเซวียนกับท่านเป้ยเล่อจึงเดินออกจากหอหงเยวี่ยก่อน พอเข้าไปในรถ เขาถึงค่อยเปิดปาก
เขาเล่าเรื่องที่ตัวเองมีปากเสียงกับต่งหมิงครั้งที่แล้วให้ท่านเป้ยเล่อฟัง แล้วจึงพูดสิ่งที่หลี่ม่านหงพูดเมื่อครู่
ท่านเป้ยเล่อฟังแล้วก็เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยว่า “เรื่องนี้…จัดการยาก แต่ไม่น่าถึงขั้นต้องท้อนะ”
“หืม ยังไงครับ”
“จื่อเซวียน ตำแหน่งของผู้นำหลี่คนนี้วางอยู่ตรงนั้น พวกเราไม่สามารถแตะต้องได้”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า”ผมรู้ครับ”
“แต่ตอนนี้นายมีไพ่ตายอยู่สองใบ
ใบแรก คือนายช่วยรักษาโรคเบื่ออาหารของลูกสาวผู้นำเจ้าได้แล้ว ก็ต้องรักษาต่อไป ซึ่งก็คือนายกับผู้นำเจ้าได้สร้างความสัมพันธ์กันในระดับหนึ่งแล้ว
ใบที่สองคือนายกำลังจะเข้าคลาสอบรมของวิทยาลัยอาหารปักกิ่ง”
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด “อันแรกผมพอเข้าใจ อันที่สอง…”
“สถานะของวิทยาลัยอาหารปักกิ่งไม่ได้น้อยเลยนะ ช่วงนี้ประเทศจีนมีการพัฒนาที่ดีมาก ผู้คนยกย่องวัฒนธรรมอาหารจีนในระดับใหม่
ข้าราชการชั้นสูงของประเทศจีนให้ความสำคัญด้านอาหารเป็นอย่างมาก และอาจารย์ของวิทยาลัยอาหารปักกิ่งถูกหน่วยราชการกำหนดให้เป็นบุคคลที่มีความสามารถด้านอาหาร
ถ้านายได้สถานะของอาจารย์มา ร้านของนาย…ผู้นำหลี่คงไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม”
ซ่งจื่อเซวียนเบิกตาโตทั้งสองข้าง “ให้ตายสิ นี่…วิทยาลัยอาหารปักกิ่งมีข้อได้เปรียบตรงนี้ด้วยเหรอ ขอแค่ได้เป็นอาจารย์เนี่ยนะครับ”
“ถูกต้อง แต่ปัญหาตอนนี้คือ นายยังไม่ใช่อาจารย์ ซึ่งหมายความว่า ยังเหลือเวลาอีกหนึ่งเดือนกว่านายจะได้เป็นอาจารย์
ซ่งจื่อเซวียนฟังแล้วจึงทำท่าครุ่นคิด “แต่ว่า…พวกเขาถึงขนาดต้องระดมกำลัง…เพื่อร้านอาหารของผมจริงๆเหรอ”
ท่านเป้ยเล่อยิ้มบางๆ พลางจุดบุหรี่ “น้องชาย ในวงการนี้มีอะไรง่ายบ้าง ถ้าฉันเดาไม่ผิดล่ะก็ เป้าหมายของพวกเขาไม่ใช่นายหรอก!”
ซ่งจื่อเซวียนเงียบอยู่นานสองนาน ก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านอธิบดีลู่!”
“ฉลาด!”
“นี่ควรเป็นเรื่องของแวดวงราชการ ส่วนนาย…เป็นเพราะปะทะกันครั้งก่อน เลยถูกอีกฝ่ายเลือกเป็นตัวรับกระสุน
นายก็คือตัวล่อ ขอเพียงร้านอาหารของนายเกิดปัญหาอะไรสักอย่าง ท่านอธิบดีลู่ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยง”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว นี่คือความชั่วร้ายของไอ้พวกนี้”
“เหอะๆ แวดวงราชการเหมือนสนามรบ จื่อเซวียน ภายในหนึ่งเดือนนี้ ถ้านายต้องการรับประกันว่าร้านสวนสวินเฟิงจะไม่มีปัญหา ก็ต้องอาศัยอธิบดีลู่กับผู้นำเจ้าแล้ว”
“อืม ผมจะพยายามครับ ถ้าผู้นำเจ้ายอมออกโรง น่าจะไม่ต้องใช้สถานะของอาจารย์”
“ถูกแล้ว ดังนั้นอย่าเพิ่งท้อใจ เรื่องนี้มีวิธีจัดการ!”
ซ่งจื่อเซวียนคิดในใจ ดูท่า…ต้องพึ่งเจ้าถิงถิงแล้ว
วันถัดมา ซ่งจื่อเซวียนทำโต้วหลงเหมินเสร็จแล้ว ก็มุ่งตรงไปที่บ้านของผู้นำเจ้า
เดิมทีเขาอยากไปกับลู่ลี่จวิน แต่ลู่ลี่จวินต้องไปรับท่านผู้นำตอนเช้า บวกกับจัดการเรื่องได้เกือบเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว เขาจึงปล่อยให้ซ่งจื่อเซวียนไปด้วยตัวเอง
ถึงแม้เจ้าถิงถิงในวันนี้จะยังซูบผอม แต่สีหน้าดีขึ้นไม่น้อย
อาจจะเป็นเพราะอาหารที่ทานเข้าไป อย่างไรการดื่มกินก็เป็นรากฐานของการมีชีวิตอยู่ของมนุษย์
เมื่อเห็นซ่งจื่อเซวียน เจ้าถิงถิงก็ดีใจมากเป็นพิเศษ
“ซ่งจื่อเซวียน นายยังไม่รู้ ฉันกินน้ำแกงที่นายให้ฉันหมดแล้วนะ!” เจ้าถิงถิงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
ซ่งจื่อเซวียนก็หัวเราะออกมา
“อย่างนั้นก็ดีเลย เอ้า ของใหม่มาอีกแล้ว”
“ฉันว่าฉันติดใจน้ำแกงที่นายทำให้แล้วล่ะ มันอร่อยมากจริงๆ แถมยังมหัศจรรย์มากอีกด้วย”
“มหัศจรรย์เหรอ” ซ่งจื่อเซวียนถาม
“ใช่แล้ว ก่อนหน้านี้ ฉันไม่เคยเชื่อว่าจะมีของที่ฉันอยากกินอยู่บนโลกใบนี้ แบบนี้ไม่มหัศจรรย์เหรอ”
ซ่งจื่อเซวียนพูดยิ้มๆ “อ้อๆ แบบนั้นก็น่ามหัศจรรย์จริงๆ เป็นยังไงบ้าง ความอยากอาหารของเธอวันนี้โอเคไหม”
“ฮ่าๆๆ ฉันรู้สึกว่ากินได้สามชามใหญ่เลยล่ะ!”
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะอย่างเข้าใจ ไม่พูดอะไรอีก ได้แต่มองเจ้าถิงถิงกินน้ำแกง
“ซ่งจื่อเซวียน น้ำแกงที่นายเอามาเมื่อวานซืน ฉันกินหมดแล้วนะ พ่อของฉันยังกินผักที่อยู่ในน้ำแกงด้วย” เจ้าถิงถิงเอ่ย
“อ้อ พ่อของเธอพูดว่ายังไงบ้างล่ะ”
“ไม่ได้พูดอะไร แต่พ่อของฉันกินหมดเลย ตอนเย็นดื่มเหล้าไปนิดหน่อย ฉันเดาว่าคงรู้สึกว่าอร่อยมากจริงๆ แหละ”
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะออกมา ผู้นำเจ้าชอบอาหารของตน นับว่าเป็นเกียรติจริงๆ
ความรู้สึกยินดีในตอนนี้ ชวนให้ฮึกเหิมยิ่งกว่าตอนที่ลู่ลี่จวินบอกว่าน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายของตัวเองอร่อยเสียอีก
ในไม่ช้า เจ้าถิงถิงก็กินน้ำแกงหมดครึ่งชามแล้ว จากนั้นจึงตบท้อง “ฉันไม่ไหวแล้วจริงๆ อิ่มมากเลย”
“ถูกแล้วถิงถิง ถ้ายึดตามความเร็วนี้ ดูท่าฉันต้องเอามาส่งให้เธอหนึ่งชุดทุกวัน”
เจ้าถิงถิงฟังแล้วรู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง
“ซ่งจื่อเซวียน วัตถุดิบที่ใส่ข้างในนี้ก็ต้องจ่ายเงิน ฉันรู้สึกว่า…ฉันต้องสั่งอาหารกับนายนะ ไม่งั้นก็ดูจะไม่เหมาะสมเกินไป”
ซ่งจื่อเซวียนหัวเราะ “ไม่เป็นไรหรอกคุณหนู เธอกินได้ก็พอแล้ว ผู้นำเจ้าคงจะมีความสุขมากเลย”
เจ้าถิงถิงทำปากจู๋ขึ้นมา แล้วค่อยๆ ก้มหน้า
“ซ่งจื่อเซวียน ฉันรู้สึกว่านายไม่เหมือนคนอื่นเลย”
“หืม ไม่เหมือนตรงไหน”
“คนอื่นมาบ้านของฉัน จะมาหาพ่อของฉันเพื่อคุยธุระ แต่นาย…ฉันรู้สึกเหมือนไม่ได้มีความต้องการอะไร แค่อยากรักษาฉันเท่านั้น ฉันไม่รู้ว่าควรจะขอบคุณนายยังไงดี”
อันที่จริงเจ้าถิงถิงพูดถูก ตอนแรกซ่งจื่อเซวียนเป็นฝ่ายอยากช่วยเธอก่อน เพราะรู้สึกว่าเธอน่าสงสารเกินไป
แต่ตอนนี้ ก็ยังเป็นเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
หากไม่อาศัยความช่วยเหลือจากผู้นำเจ้า ร้านสวนสวินเฟิงต้องเจอความลำบากแน่นอน
ไม่ว่าจะเป็นผู้นำหลี่หรือต่งหมิง พวกเขาล้วนไม่ใช่คนที่รับมือง่าย
“เอ่อ…เหอะๆ ถิงถิง ประเด็นหลักคือฉันไม่อยากให้ผู้หญิงดีๆ อย่างเธอมีร่างกายแย่ๆ อีกแล้ว”
เจ้าถิงถิงมองซ่งจื่อเซวียนน้ำตาคลอ เอ่ยว่า “จื่อเซวียน ฉันรับปากนาย ฉันจะต้องดีขึ้นแน่นอน”
เดิมทีซ่งจื่อเซวียนอยากจะบอกสถานการณ์ของตัวเองให้เจ้าถิงถิงรับรู้ หวังว่าผู้นำเจ้าจะสามารถช่วยเหลือได้
แต่สุดท้ายเขากลับพูดไม่ออก
เห็นเจ้าถิงถิงเชื่อมั่นในตัวเองขนาดนี้ เขาก็ทนกลายเป็นคนที่ทำอะไรสักอย่างเพราะมีจุดประสงค์ไม่ได้
หลังออกมาจากบ้านตระกูลเจ้าแล้ว ซ่งจื่อเซวียนจึงไปที่ร้านสวนสวินเฟิงทันที
ส่วนเรื่องในใจ เขาตัดสินใจไปบ่นให้ลู่ลี่จวินฟังก่อน
อย่างแรก เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของลู่ลี่จวินโดยตรง อย่างที่สอง หากพูดออกจากปากของเขา ย่อมดีกว่าที่ตัวเองพูดกับเจ้าถิงถิงแน่นอน
ตอนเย็นวันนั้น ซ่งจื่อเซวียนนัดลู่ลี่จวินมาที่ร้านสวนสวินเฟิง
ภายในห้องส่วนตัว ลู่ลี่จวินพูดยิ้มๆ ว่า “จื่อเซวียน ครั้งนี้นายทำความดีความชอบอย่างใหญ่หลวงแล้วนะ”
“ครับ? แหะๆ ท่านอธิบดีลู่ มีเรื่องอะไรทำให้คุณมีความสุขขนาดนี้ครับ”
“ผู้นำเจ้ามาตรวจสอบที่สำนักงานวันนี้ บอกว่าจะให้ความสำคัญกับแผนกและหน่วยงานของพวกเรา แถมยังอนุมัติเงินสนับสนุนให้หนึ่งก้อนด้วยนะ”
ลู่ลี่จวินหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มหนึ่งที “นี่เป็นเพราะความดีความชอบของนายล้วนๆ”
“เหอะๆ ความคิดของท่านอธิบดีลู่ล้วนอยู่กับงาน ถ้าผู้นำทุกคนเป็นเหมือนคุณ การพัฒนาของเมืองตู้เหมินก็ต้องดีขึ้นแน่นอน
อ้อใช่ครับท่านอธิบดีลู่ ผมมีเรื่องหนึ่งเกรงว่าต้องพูดกับคุณหน่อยครับ”
“หืม มีอะไร ความสัมพันธ์ของพวกเรายังต้องพูดจาอิดออดทำไม พูดมาตามตรงเลย!” ลู่ลี่จวินกล่าว
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า จากนั้นเขาจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในร้านหอหงเยวี่ย รวมถึงพูดการวิเคราะห์ของตัวเองออกมา
ลู่ลี่จวินฟังแล้วจึงนิ่งอึ้งไปทั้งตัว
เขาจะคิดถึงได้อย่างไร ตัวเองอุตส่าห์ตั้งใจทำงาน แต่ฝ่ายนั้นคิดจะเอาผู้นำหลี่มาจัดการตน…
“แม่งเอ๊ย ต่งหมิงคนนี้ร้ายจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าแอบลอบกัดฉัน!”
ลู่ลี่จวินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“ท่านอธิบดีลู่ หากมองอย่างผิวเผินตอนนี้เหมือนจะหาเรื่องร้านสวนสวินเฟิงของผม แต่ก้าวต่อไปของพวกเขา…เกรงว่าอาจจะเปลี่ยนห้องทำงานให้คุณหรือเปล่าครับ”
ซ่งจื่อเซวียนเกรงใจที่จะพูดกับเจ้าถิงถิง แต่พูดกับลู่ลี่จวิน เขากล้าที่จะพูดตรงประเด็นมากกว่า
“แน่นอนอยู่แล้ว เห็นกันอยู่ทนโท่ จื่อเซวียน ตอนนี้พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้วนะ
ร้านสวนสวินเฟิง…ฉันจะปกป้องอย่างสุดชีวิต!”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ท่านอธิบดีลู่พูดเช่นนี้ผมก็วางใจแล้วครับ”
“อืม ต่งหมิงคนเดียวคงสร้างความเคลื่อนไหวอะไรไม่ได้ ถ้าเขาเล่นตุกติกอะไรกับนาย นายก็รีบโทรหาฉันทันทีเลยนะ”
“เข้าใจแล้วครับ!” ซ่งจื่อเซวียนตอบรับ
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าตำแหน่งนี้จะมีไว้แค่นั่งเฉยๆ เท่านั้น!” ลู่ลี่จวินพูดอย่างกระฟัดกระเฟียด
ความประทับใจที่ลู่ลี่จวินมอบให้ซ่งจื่อเซวียนยามปกติคือความสง่าและสุขุมรอบคอบ แต่เวลานี้กลับพูดจาหยาบคายออกมา
“ท่านอธิบดีลู่ครับ แต่ฝั่งของผู้นำหลี่…”
ลู่ลี่จวินครุ่นคิด “ทางนั้นก็เป็นคนหัวแข็งเหมือนกัน…
ตอนแรก ต่งหมิงน่าจะทำเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ยังไงเขาก็ไม่อยากเสียชื่อว่าทำอะไรไม่เคยสำเร็จหรอก ถ้าเรื่องอะไรก็ต้องถึงผู้นำเจ้า แบบนั้นก็เรียกว่าไร้ความสามารถ
ถ้าฉันเข้าไปยุ่ง เขาอาจจะไปพูดกับผู้นำหลี่ ถึงตอนนั้นฉันก็จะออกหน้าปกป้องร้านสวนสวินเฟิง ถ้าไม่ได้จริงๆ…”
ลู่ลี่จวินสูบบุหรี่เต็มแรงหนึ่งที “ฉันก็จะพูดกับผู้นำเจ้าอีกที เรื่องนี้ปล่อยให้ล่าช้ายิ่งดี พอเรื่องถึงผู้นำใหญ่ก็จะยิ่งมีน้ำหนักมาก”
ซ่งจื่อเซวียนแอบพยักหน้า ขิงแก่อย่างไรก็ร้อนแรง ลู่ลี่จวินแทบจะคิดเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่ ประตูห้องส่วนตัวก็ถูกผลักออก ถังหย่าฉียกน้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายที่หนึ่งเดินเข้ามา
พอได้กลิ่น ลู่ลี่จวินรู้สึกสดชื่นทันที “โอ้ เป็นกลิ่นที่คุ้นเคย จื่อเซวียน ไอ้หนูคนนี้ นายไม่ได้เอามาเสิร์ฟฉันสองครั้งแล้วนะ”
ถังหย่าฉีพูดยิ้มๆ “เอามาให้แล้วไงคะท่านอธิบดีลู่ วันนี้น้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายขายดีมากค่ะ เหลือแค่ที่เดียว จื่อเซวียนได้สั่งไว้แล้วว่าห้ามขายให้ใคร เพราะเก็บไว้ให้คุณค่ะ”
ได้ยินดังนั้น ลู่ลี่จวินจึงหัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆๆๆ จื่อเซวียน คนรอบตัวนายพูดเก่งกันทั้งนั้นเลยนะ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มบางๆ “ท่านอธิบดีลู่ นี่คือแฟนของผมครับ ถังหย่าฉี”
“หา? ไฮ ฉันคิดว่าพวกเธอเป็นเพื่อนธรรมดามาตลอด ไม่คิดว่า…จะเป็นแฟนกัน”
ถังหย่าฉีหน้าแดง “ท่านอธิบดีลู่ค่อยๆ ทานนะคะ ฉันขอตัวออกไปก่อนค่ะ”
เมื่อเห็นถังหย่าฉีเดินออกไปแล้ว ซ่งจื่อเซวียนจึงพูดว่า “ขอโทษท่านอธิบดีลู่ด้วยนะครับ เธอหน้าบาง ขี้อายครับ”
“เป็นเรื่องปกติ จื่อเซวียน ผู้หญิงดีๆ แบบนี้นายต้องจับไว้ให้แน่นๆ นะ สวยขนาดนี้ เก่งขนาดนี้ นายโชคดีจริงๆ“
“ฮ่าๆๆ ขอให้เป็นดั่งที่คุณพูดครับ ผมจะต้องคว้าเธอมาไม่ช้าก็เร็วครับ!”
ทั้งสองคนหัวเราะเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง
คนที่ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์เช่นนี้ แต่ยังสามารถพูดคุยกันได้อย่างสนุกสนาน บางทีอาจจะมีแค่ลู่ลี่จวินกับซ่งจื่อเซวียนเท่านั้น
……………………………………….