เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 364 ฆ่าคนที่นี่ไม่มีใครรู้หรอก
ตอนที่ 364 ฆ่าคนที่นี่ไม่มีใครรู้หรอก
…………….
ตอนที่เดินออกมาจากตลาดมืด ซ่งจื่อเซวียนก็พูดว่า “เหลียงฮั่น นายคอยกันอยู่ที่นี่ก่อนนะ รอฉันขึ้นรถแล้วนายค่อยไป”
“เข้าใจแล้วครับนายท่านรอง!”
ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกถึงแสงสีเขียวจากดวงตาของคนคนนั้น หนวดพญามังกรราคาหกสิบล้านหยวน…พวกเขาจะไม่มาแย่งได้จริงๆ เหรอ
คนอื่นไม่ต้องพูดถึง แต่ไม่ขาดคนอย่างนายท่านงูคนนั้นอยู่แล้ว!
โชคดีที่รถจอดอยู่ใกล้กับตลาดมืดมาก ตอนนี้ ซางเทียนซั่วก็กลับมาและรออยู่ในรถนานแล้ว
เดินออกมาไม่กี่ก้าว ซ่งจื่อเซวียนก็ตรงไปขึ้นรถ
และตอนที่เหลียงฮั่นกำลังจะวิ่งออกมาขึ้นรถ ก็เห็นพวกท่านชายไป๋ไล่ตามออกมาจากตลาด
เห็นดังนั้น เหลียงฮั่นก็เร่งฝีเท้า แต่เหมือนจะยังช้าไปก้าวหนึ่ง
“เหอะๆ คิดจะหนีเหรอ”
เหลียงฮั่นกำลังตั้งท่า พวกท่านชายไป๋ก็พุ่งออกมา
ชายอ้วนคนนั้นกำลังเผชิญหน้ากับเหลียงฮั่น
เขาเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย “เมื่อกี้ไม่สะดวกลงมือ ดวลหน่อยไหม”
เหลียงฮั่นหัวเราะเบาๆ มองรถของซ่งจื่อเซวียนทันที “นายท่านรองไปก่อนเลยครับ คนพวกนี้ผมเอาอยู่”
“นายท่านรอง เหลียงฮั่นไม่มีปัญหากับการจัดการคนพวกนี้หรอกครับ เราไปกันก่อนเถอะ” ฟางรุ่ยพูด
ซ่งจื่อเซวียนดูเวลา แล้วมองสถานการณ์ของทางเหลียงฮั่น
“ไม่ต้องรีบหรอก รอเขาหน่อย”
ตอนนี้ เหลียงฮั่นถูกคนพวกนั้นบีบออกมาจนถึงหน้าประตู
ท่านชายไป๋พูด “ต้าจง แกจัดการไอ้นี่ คนอื่นๆ ไปสกัดรถคันนั้น!”
สิ้นเสียง คนพวกนั้นก็พุ่งมาที่รถของซ่งจื่อเซวียน แต่เหลียงฮั่นก้าวไปดักพวกเขาไว้
ขณะที่พูด เขาก็เงื้อมือขึ้น หนึ่งหมัดชกไปที่ลูกน้องของท่านชายไป๋จนสลบเหมือด
ท่านชายไป๋อึ้ง นี่เป็นบอดี้การ์ดที่เงินเดือนห้าหมื่นหยวนเลยนะ นี่แม่งสร้างมาจากกระดาษหรือไง
“ต้าจง แกทำอะไรเนี่ย!”
ท่านชายไป๋ตะคอก ชายอ้วนคนนั้นก็ชกไปที่เหลียงฮั่น
เหลียงฮั่นคิ้วกระตุก อาศัยกระแสลมที่มาจากหมัดก็รับรู้ได้ว่าพละกำลังของผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดา
ถ้าคนทั่วไปโดนรังแก อย่าว่าแต่น็อกคาที่เลย อาจจะตายคาที่ในหมัดเดียวเลยก็ได้
เห็นเพียงจู่ๆ ร่างของเหลียงฮั่นก็ถอยไป ความเร็วนั้นเหมือนว่าจะทำให้ต้าจงไม่ทันตั้งตัว
และถัดมา เหลียงฮั่นก็ต่อยไปที่ท้องของต้าจง
ถ้าบอกว่าพละกำลังของต้าจงเยอะมาก เช่นนั้นการต่อยคราวนี้ของเหลียงฮั่นก็เรียกได้ว่าพละกำลังแยกภูเขาได้
ตุบ!
เสียงอุดอู้ดังขึ้น ทั้งใบหน้าของต้าจงเปลี่ยนไปเป็นหน้าเขียวทันที ลูกตาเริ่มถลนออกมา
ดวงตาเหลียงฮั่นฉายแววโหดเหี้ยม ถัดมาก็กระแทกเข่าเหล็กไปที่หน้าอกของต้าจง
“อั้ก…”
ต้าจงกระอักเลือดออกมาทันที ทั้งร่างงอไปด้านหน้า
วินาทีถัดมา เหลียงฮั่นก็สับไปที่หลังคอของต้าจงด้วยมือเดียว
พอฟาดลงไป ต้าจงก็สลบเหมือดที่พื้นทันที
ท่านชายไป๋กัดฟัน “แม่งเอ๊ย ไม่ต้องสนใจเขาไปเอาของมา!”
เห็นพวกท่านชายไป๋พุ่งไป เหลียงฮั่นก็จะขวางไว้ แต่ตอนนี้ฟางรุ่ยก็ลดกระจกลงตะโกนมา
“เหลียงฮั่น รีบขึ้นรถ!”
เหลียงฮั่นได้ยินก็กระโดดพุ่งไปด้านหน้า ผ่านพวกท่านชายไป๋ไปทันที
ค้อมตัวลงมุดเข้าไปที่ที่นั่งข้างคนขับ
“มีเวลาไม่มากแล้ว รุ่ยจื่อ ขับรถไปเลย คนพวกนั้นก็จะได้ตามมาไม่ทัน”
บรื้น…
เสียงสตาร์ตรถดังขึ้น รถของซ่งจื่อเซวียนพลันเตรียมออกตัว
ส่วนท่านชายไป๋ก็ไม่คิดมาก ยืนอยู่หน้ารถ “ไอ้หนู ถ้าไม่เอาหนวดพญามังกรออกมา แกก็ไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!”
“นายท่านรอง…”
“แม่งเอ๊ย ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียเลย อาจารย์ จัดการพวกเขาเลยเถอะ!” ซางเทียนซั่วพูด
ซ่งจื่อเซวียนมองพวกท่านชายไป๋หน้ารถด้วยสีหน้าบึ้งตึง ตอนนี้คนพวกนี้ล้อมเข้ามา เตรียมจะทุบรถ
“รุ่ยจื่อ เหยียบให้มิดเลย!”
“ครับ!”
สำหรับคำสั่งของซ่งจื่อเซวียน ฟางรุ่ยไม่ถามอะไรเพิ่มอยู่แล้ว
ตอนนี้ พอได้ยินว่าเหยียบให้มิด รถก็พุ่งไปด้านหน้าอย่างบ้าคลั่ง
เห็นดังนั้น ท่านชายไป๋ก็ท่าทีเปลี่ยนไป เขาเบิกตากว้าง ไหนเลยจะคิดว่าอีกฝ่ายจะขับรถชนจริงๆ
“ท่านชายไป๋หลบไป!”
ลูกน้องคนหนึ่งตะโกน
ท่านชายไป๋ไม่มีเวลาฟังแม้แต่น้อย กระโจนหลบไปข้างๆ แทบจะกระโดดสูงเพื่อหลบรถที่พุ่งมาชน
วินาทีถัดมา
เสียงพลั่กดังขึ้น ท่านชายไป๋ล้มกระแทกพื้นอย่างจัง
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นมา เห็นรถคันนั้นหายไป เหลือแค่เงาไฟท้ายรถสีแดง
ตอนนี้หน้าเขามีแต่รอยถลอก ฟันก็หักมาซี่หนึ่ง ริมฝีปากบวมเป่ง บวกกับเลือดกำเดาไหลลงมา…
ดูสะบักสะบอมไปหมด
“แม่งเอ๊ย สารเลว ไม่คิดว่าจะชนจริง!”
“ท่านชายไป๋ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ เรายังต้องตามไปอีกไหม”
“ตาม…ตามหาแม่แกเหรอ ไม่เห็นเหรอว่าสภาพฉันเป็นยังไง!”
ท่านชายไป๋พูดพลางยันตัวขึ้นมา มองไปที่ต้าจงและอันธพาลที่กองอยู่กับพื้น
“ไม่ประโยชน์ แม่งไม่มีประโยชน์เลย เลี้ยงพวกแกนี่เสียข้าวสุกจริงๆ!”
ท่านชายไป๋ถอนหายใจยาวๆ ออกมา เขารู้ว่าคราวนี้เขาไม่มีโอกาสได้หนวดพญามังกรแล้ว
ออกมาจากตลาด เขาเป็นคนแรกที่สกัดเอาไว้ ถ้าสำเร็จ ต่อให้มีคนมาแย่งต่อก็น่าจะไม่มีโอกาส
แต่เขาพลาดโอกาสนี้ไปแล้ว ผลประโยชน์หลายสิบล้าน…จากเขาไปไกลแล้ว
บนรถ ซางเทียนซั่วหัวเราะลั่นแล้วพูด “ฮ่าๆๆ แม่งโคตรมีความสุขเลยว่ะ เมื่อกี้อาจารย์เห็นไหม”
“หืม”
“ไอ้คนที่ใส่สูทสีขาวนั่นไง แม่งอย่างกับหนูแน่ะ ตกใจจนวิ่งไปเลย โคตรตลก”
ฟางรุ่ยก็หัวเราะออกมาเช่นกัน “นายท่านรองรู้ว่าพวกเขารักตัวกลัวตาย ตายไม่ได้ ถ้าไม่เหยียบคันเร่งพุ่งไป น่าจะยังชุลมุนกันอยู่”
เหลียงฮั่นก็พยักหน้า “นายท่านรองหลักแหลม แต่ตอนนี้นับว่าเราหลบพ้นหรือยัง”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็จุดบุหรี่ “นับได้แค่ว่าหลบพ้น”
ขณะที่ซ่งจื่อเซวียนพูด ก็เน้นย้ำทีละคำ
“หืม นายท่านรอง พวกเขา…ยังตามมาอีกเหรอครับ” เหลียงฮั่นพูด
ซ่งจื่อเซวียนส่ายหน้า “ไม่หรอก แต่…นายคิดดูนะ คนพวกนั้นจะปล่อยให้พวกเราไปง่ายๆ หรือไง ฉันเดาว่าใกล้จะได้เจอแล้วล่ะ”
“ข้างหน้าเหรอ แต่ว่า…” เหลียงฮั่นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็เหมือนจะเข้าใจคำพูดของซ่งจื่อเซวียน
เมื่อครู่อย่างไรก็พูดได้ว่าถ่วงเวลาครู่หนึ่ง
แน่นอนว่ามีคนที่ไม่ได้โง่มาสกัดหน้าตลาดเหมือนท่านชายไป๋
“ถ้าออกจากตลาดมาปล้นเรา อย่างงั้นก็ถือว่าพวกเขาทำสำเร็จแล้ว และต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้คนต่อไป
และการปะทะกันแต่ละครั้ง กำลังก็จะลดทอนลงไป เพราะงั้นคนที่มีสมอง…จะไม่เปลืองแรงอยู่ตรงนั้นแน่นอน”
ซ่งจื่อเซวียนพูดจบ พวกเขาก็พยักหน้า
ตอนนี้เอง ฟางรุ่ยก็พูด “นายท่านรอง ข้างหน้ามีแสงไฟครับ
“น่าจะเป็นไฟสูงด้วย!”
ตอนนี้รถกำลังเข้าโค้งที่ภูเขาลูกหนึ่ง ซ่งจื่อเซวียนก็ประเมินได้ทันทีว่าแสงไฟส่องมาจากทางโค้ง
และตอนที่ขับผ่านไป แสงก็ไม่ใช่แค่แสงแล้ว น่าจะเป็นรถยนต์ที่เปิดไฟสูง!
ตามคาด ตอนที่เมอร์เซเดส-เบนซ์เขาโค้ง ก็เห็นรถจอดอยู่สองสามคัน กำลังเปิดไฟส่องมาทางนี้
ถนนเส้นนี้นับว่าเป็นเส้นที่เปลี่ยว ต้องขับออกไปพักหนึ่งถึงจะออกไปถนนหลักได้
ดังนั้นบวกกับเวลาตอนนี้ ก็ไม่มีทางมีคนผ่านมาที่นี่อยู่แล้ว
คนที่มาสกัดตรงนี้มั่นใจว่าบนรถของคนที่มาทางนี้จะต้องมีหนวดพญามังกรแน่
“แม่งก็พุ่งผ่านไปเลยสิ!” ซางเทียนซั่วมองไฟสูงด้านหน้า เอามือบังดวงตาพูด
“พุ่งผ่านไปอะไรเล่า แบบนั้นรถพวกเขายับ เราก็ยับด้วยเหมือนกัน!” ฟางรุ่ยพูด
ซ่งจื่อเซวียนมองรถสามคันนั้น ถึงจะมีไฟสูงบดบังทัศนวิสัย ก็ยังมองเห็นรถเอสยูวีสองคัน และตรงกลางเป็นรถเก๋ง
การวางตำแหน่งแบบนี้…
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มน้อยๆ นายท่านงู!
“เอาเถอะ ยังไงก็ต้องเผชิญหน้า รุ่ยจื่อ หยุดรถให้ห่างจากพวกเขาประมาณสิบเมตรนะ แบบหยุดทันทีน่ะ”
“ครับนายท่านรอง!”
เห็นเมอร์เซเดส-เบนซ์พุ่งมา พวกคนที่ยืนอยู่ด้านหน้ารถก็ค่อนข้างลนลาน
“นายท่านงู พวกเขาไม่กลัวตายหรือไงครับ พุ่งมาทางนี้แล้ว!”
เดิมนายท่านงูกำลังกินส้มสบายใจอยู่ในรถ พอได้ยินก็ลนลาน มองไปทางรถที่มาทันที
รถเข้ามาใกล้เรื่อยๆ นายท่านงูเบิกตากว้าง รีบวิ่งลงมาหลบหลังรถเอสยูวี หมอบพลางชะเง้อออกมามองด้านนอก
ทันใดนั้น รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ก็เปิดไฟสูง พวกเขาอดยกมือขึ้นป้องดวงตาสองข้างไม่ได้
และตอนนี้เอง เสียงเบรกกะทันหันก็ดังขึ้นเสียดหู
ซ่งจื่อเซวียนเห็นดังนั้นก็ยิ้ม “รุ่ยจื่อ อย่าปิดไฟนะ ใช้ไฟสูงส่องพวกเขา เราลงจากรถกัน!”
พูดจบ ซ่งจื่อเซวียนก็เปิดประตูลงจากรถ ถัดมา ฟางรุ่ย เหลียงฮั่นและซางเทียนซั่วก็ลงจากรถตามมา
เห็นซ่งจื่อเซวียนจอดรถ นายท่านงูถึงตั้งสติ เดินออกมาเช่นกัน
ซ่งจื่อเซวียนประสานหมัดก่อนพูด “นายท่านงู คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าเราจะได้เจอกันอีก”
นายท่านงูก็หัวเราะออกมาเช่นกัน “ฮ่าๆๆ เมืองตู้เหมินมีนายท่านรองปรากฏตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร วันนี้ฉันได้เปิดหูเปิดตาแล้ว”
“ท่าทางนายท่านงูจะไม่ใช่คนในพื้นที่”
“คนที่มาตลาดมืดจะมีคนตู้เหมินสักเท่าไรเชียว ขอแค่มีทรัพยากรดีๆ ฉันก็ชอบหมดแหละ!” นายท่านงูพูดด้วยรอยยิ้มบาง
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าน้อยๆ “เอาล่ะ ทักทายก็ทักทายแล้ว ไม่อย่างนั้นนายท่านงูก็ให้ลูกน้องขยับรถหลบไปหน่อยสิครับ พวกคุณดักกันแบบนี้ ผมกลับบ้านไม่ได้น่ะสิ”
“ฮ่าๆๆๆ กลับบ้านเหรอ พวกแกได้ยินที่เขาพูดไหม เขาจะกลับบ้านเหรอวะ”
นายท่านงูมองซ่งจื่อเซวียน หุบยิ้มทันที “กลับบ้าน? กลับไปนอนกับเมียเหรอ อ้อ ไม่สิ เพื่อนตัวน้อย แกน่าจะยังไม่ได้แต่งงานสินะ
“ใช่ครับ ผมจะกลับไปหาแม่น่ะ นายท่านงูหลีกทางให้หน่อยเถอะ”
“หลีกทาง เพื่อนตัวน้อย แกจะกลับบ้านไปกินนมแม่เหรอ อาก็ชอบนะ กินด้วยกันไม่ได้เหรอ”
ได้ยินคำพูดเย้ยหยันของนายท่านงู ใบหน้าซ่งจื่อเซวียนก็เย็นชาขึ้นมา
คนที่รู้จักเขารู้กันหมดว่าซ่งจื่อเซวียนเป็นคนขี้เล่น แต่มีขีดจำกัดหนึ่ง นั่นก็คือครอบครัว
โดยเฉพาะแม่!
แม่ที่เลี้ยงลูกสองคนให้เติบโตขึ้นมาด้วยตัวคนเดียว ตอนนี้ถูกคนอื่นหยิบยกขึ้นมาสบประมาทเหรอ
ตอนนี้เอง ฟางรุ่ยก็เตรียมตัวจะลงมือแล้ว
“นายท่านงู ต้องชดใช้ที่พูดไปเรื่อยนะครับ” ซ่งจื่อเซวียนกัดฟันพูด
ขณะที่พูด สองตาของเขาก็มองพื้นด้านหน้า กระทั่งคร้านจะไปมองนายท่านงูนานๆ
“งั้นเหรอ ไอ้หนู แกมองไม่เห็นลูกน้องฉันหรือไง คิดจะไป…ได้ ก็ทิ้งของไว้ที่นี่สิ!”
นายท่านงูไม่ล้อเล่นอีกแล้ว เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ถ้าผมไม่ทำล่ะครับ”
“งั้น…วันนี้พวกแกน่าจะไปไหนไม่ได้แล้วล่ะ” นายท่านงูพูด
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ดูคุณพูดเข้าสิ คิดจะฆ่าคนที่นี่เหรอครับ”
“ฮ่าๆๆ ฉันคิดว่าก็ทำได้นะ แกว่าที่นี่มืดไปหมด ไม่มีไฟตามทาง ไม่มีกล้องวงจรปิด คนตายสี่คน ใครจะสนใจล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนมองเสยไปที่คนเบื้องหน้า นายท่านงูพาอันธพาลมาด้วยประมาณสิบกว่าคน
“เอาล่ะ อย่างที่คุณพูดเลย ตายสิบกว่าคนก็ไม่มีใครรู้เหมือนกัน!”
ซ่งจื่อเซวียนพูดพลางกำหมัดสองข้าง
……………………………………
…………….