เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 361 กำลังจะพลุ่งพล่าน
ตอนที่ 361 กำลังจะพลุ่งพล่าน
…………….
“นายท่านงูมาแล้ว ฮ่าๆ รอสักครู่นะครับ คุณต้องได้นั่งที่นั่งพิเศษ”
ระหว่างที่พูด ก็เห็นเพียงเหล่าซุนเดินไปที่มุมร้าน ลากเก้าอี้ไท่ซือมาตัวหนึ่ง
เก้าอี้ไท่ซือตัวนี้ก็นับว่าเล็ก แต่จริงๆ น้ำหนักไม่ได้เบาเลย เดิมเหล่าซุนอยากจะยกแต่ไม่มีแรง จึงอาศัยได้แค่ลากมา
นายท่านงูนั่งลง สองแขนเท้าอยู่ตรงที่วางแขน เชิดคางขึ้นเล็กน้อย “เริ่มเถอะ”
เห็นท่าทางของนายท่านงู ซ่งจื่อเซวียนก็คิดว่าบางทีนี่อาจจะเป็นพี่ใหญ่จริงๆ
เพียงแต่…ที่จริงไม่ได้ต่างอะไรกับพวกท่านชายไป๋เลย
โอ้อวดเกินไป กระทั่งโอ้อวดมากกว่า
ตอนนี้ เหล่าซุนก็เปิดฝากล่องไม้นั่น หยิบขวดแก้วใบหนึ่งออกมาจากด้านใน
ขวดแก้วสูงประมาณสามสิบเซนติเมตร มีถาดไม้รองก้น ปากขวดมีจุกไม้
ส่วนด้านในขวด ใส่โสมรากหนึ่งเอาไว้
โสมนี้ดูจากภายนอกนั้นดูไม่ออกว่าเป็นโสมอะไร ยิ่งมองคุณค่าของมันไม่ออก
แต่คนในวงการกลับสนใจ
ลักษณะของโสมรากนี้อวบอ้วน แม้แต่รากแขนงนับไม่ถ้วนยังอ้วนมาก รอยตะปุ่มตะป่ำหลายจุดยิ่งเป็นเครื่องยืนยันคุณภาพ
ที่สำคัญที่สุดก็คือส่วนรากหลักและปลายรากแตกต่างกันอย่างชัดเจน มีลักษณะคล้ายรูปร่างมนุษย์ ถ้าบอกว่าเหมือนกับมีชีวิต ก็ไม่เกินไปเลยจริงๆ
ดังนั้น ขอแค่สายตาดีสักหน่อย เห็นหนวดพญามังกรต้นนี้ เป็นต้องสูดปาดทันทีแน่
เห็นได้ชัดว่าความคุ้มค่าเกินจินตนาการของพวกเขาไปแล้ว
“สวรรค์ นี่…คิดไม่ถึงว่าโสมคนจะมีคุณภาพแบบนี้ด้วย”
“ได้ยินมาว่าหนวดพญามังกรนี่เป็นโสมน้ำนะ”
“ใช่ แวบแรกเห็นเป็นโสมน้ำ อวบอ้วนมากเลย”
“ไม่ พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว โสมน้ำนี่ไม่ใช่โสมน้ำแบบนั้น โสมน้ำนี่หมายความว่าเป็นโสมที่โตในน้ำ”
“อะไรนะ ล้อเล่นหรือเปล่า ข้าอายุขนาดนี้แล้ว ยังไม่เคยได้ยินว่าโสมคนนี้ไม่ได้โตในดินแต่โตในน้ำมาก่อนเลยนะ”
“เพราะงั้นถึงได้พบเห็นได้น้อยไง คุณเข้าใจอะไรที่เรียกว่าของหายากไหม โสมที่โตในน้ำประเภทนี้เดิมก็มีน้อยอยู่แล้ว ความคุ้มค่าแบบนี้หายากยิ่งกว่าอีก”
“เชี่ย ฉันก็เคยได้ยินมาก่อน เพียงแต่ฉันไม่เชื่อเลยว่ามันจะมีโสมที่โตในน้ำจริงๆ!”
“จะไม่มีได้ยังไง ประเด็นคือโตมาจนได้คุณภาพแบบนี้ไม่ได้เห็นบ่อยๆ ตามปกติมีแค่โตในดินเท่านั้นถึงจะเป็นแบบนี้ได้”
ได้ยินเสียงซุบซิบรอบด้าน ซ่งจื่อเซวียนก็ถามขึ้นว่า “เสี่ยหวัง โสมรากนี้โตในน้ำเหรอ”
หวังเฉิงยงพยักหน้า “มีโสมประเภทนี้อยู่ แต่เจอไม่บ่อย นี่เป็นของล้ำค่าอย่างหนึ่งจริงๆ”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็มองหวังเฉิงยงอย่างไม่ชอบเล็กน้อย
“ตาแก่หวัง วันนี้เป็นอะไรเนี่ย คนที่มาคนนั้นคุณก็บอกว่าเป็นพี่ใหญ่ ดูของก็บอกว่าเป็นของล้ำค่า ไม่ใช่นิสัยของคุณเลย”
หวังเฉิงยงยิ้ม “ถึงขั้นทำให้นายที่ซื้อหญ้าราคาสองล้านตกใจเลยหรือไง!”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินก็ยิ้มออกมา
“อย่าเป็นแบบนี้สิ ปกติอะไรก็ไม่เข้าตานี่”
“ฮ่าๆ งั้นก็ต้องดูว่าเป็นอะไร ฉันจะบอกนายเรื่องนายท่านงูนั่น คราวก่อนประมูลเห็ดหลินจือไปห้าสิบล้าน เป็นพี่ใหญ่ไหมล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนอึ้ง ห้าสิบล้าน…
เงินก้อนนั้นไม่ใช่น้อยๆ จริงๆ
แต่เขาประเมินโสมรากนี้ด้วยสายตา…ห้าสิบล้านก็เพียงพอจะประมูลไปได้
ที่บอกแบบนี้ สำหรับเขาแล้ว วันนี้ต่อให้นายท่านงูเสนอราคาออกมา ก็เป็นไปไม่ได้ว่าจะไม่มีใครแย่งกับเขา
หรือพูดอีกอย่าง ต่อให้เป็นเขาเอง…ก็เริ่มพร้อมจะตั้งรับความโกลาหลแล้ว
“จริงสิไอ้หนู ไอ้เด็กขี้โวยวายนั่นไปไหนแล้วล่ะ เมื่อกี้ฉันยังเห็นเขาอยู่เลย”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ้ม “เขาเหรอ ตอนนี้ใกล้จะกลับมาแล้วล่ะ”
ซ่งจื่อเซวียนขยับเข้าใกล้หูของหวังเฉิงยง พูดว่า “ผมให้เขาเอาหญ้านั่นส่งกลับไปก่อน”
หวังเฉิงยงได้ยินก็เผยรอยยิ้มพิลึก “ไอ้เด็กแสบ เจ๋งจริงๆ”
หวังเฉิงยงก็ย่อมรู้กฎของตลาดมืดนี้อยู่แล้ว ยิ่งรู้ธรรมเนียมด้วย ซื้อของดีๆ แล้วคิดจะไปแบบทางสะดวกเหรอ ไม่มีทาง!
โดยเฉพาะของที่ราคาทะลุหลักล้านไปพวกนั้น ถ้าไม่มีความสามารถมากพอ เดาว่าออกไปจะต้องโดนปล้นแน่
แต่เด็กแสบนี่ยังดี ไม่ทันได้รู้สึกตัว…ก็เอาของส่งกลับไปก่อนแล้ว
ผู้คนดูหนวดพญามังกรเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหล่าซุนพูดว่า “ทุกท่าน หนวดพญามังกรนี้ปล่อยออกมาแล้ว เชื่อว่าในใจทุกท่านก็น่าจะมีแผนแล้วเช่นกัน
คำกล่าวที่ว่าคุณภาพต่างกันเพียงหนึ่ง ราคาต่างกันเป็นพันลี้ ของยิ่งดีเท่าไรยิ่งมีน้อย ของดีย่อมแพงเป็นเรื่องธรรมชาติ
ดังนั้นคืนนี้ราคาเริ่มต้นของหนวดพญามังกรนี้อยู่ที่ หนึ่งล้านห้าแสนหยวนครับ!”
เหล่าซุนพูดจบ ผู้คนก็เริ่มซุบซิบกันอีกครั้ง
“อะไรนะ หนึ่งล้านห้าแสนหยวนเหรอ เชี่ย ราคานี้ฉีกไปหน่อยมั้ง”
“นั่นสิ โสมคุณภาพสูงปกติ รากหนึ่งสองสามหมื่นหยวน ฉันยังนึกว่าหนวดพญามังกรนี่มากสุดจะอยู่ที่แสนสองแสนสามเสียอีก”
“นี่ยังราคาเริ่มต้นนะโว้ย วันนี้หอเยวี่ยซีโหดไปหรือเปล่าเนี่ย”
“ฮ่าๆ พอเถอะน่า โหดไม่โหดแล้วเกี่ยวอะไรกับคุณเล่า โสมนี้จะเท่าไรสุดท้ายคุณก็ประมูลไปไม่ได้อยู่ดี!”
จริงอย่างที่คนคนนี้พูด ขอแค่เป็นการประมูล ไม่มีทางที่แค่เสนอราคาก็ได้มาอยู่แล้ว
อีกทั้งหากประมูลไม่ถึงราคามือที่สามก็จะล้มการประมูล นี่เป็นกฎเหล็กของวงการประมูลสินค้า
“เหอะๆ ทุกท่าน ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ราคานี้แหละครับ” เหล่าซุนยิ้ม ถือหนวดพญามังกรเดินไปด้านหน้า “รบกวนทุกท่านถอยไปสักเล็กน้อย ให้คนที่สนใจประมูลเขยิบขึ้นมานะครับ”
เขาพูดจบ กลุ่มคนก็มีการเปลี่ยนแปลงทันที
บางคนซื้อไม่ไหวแน่นอน จึงถอยไปด้านหลัง คนด้านหลังก็มีสองสามคนที่ก้าวขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าอยากประมูลกันทั้งนั้น
เหล่าซุนพยักหน้า “งั้นเราเริ่มเลยไหมครับ ทุกรอบเสนอราคาเพิ่มได้ตามต้องการ แต่ต้องไม่ต่ำกว่าหนึ่งหมื่นนะครับ”
พูดจบ เหล่าซุนก็หันหลังไปวางหนวดพญามังกรไว้บนแท่น
ตอนนี้ ถึงในหอเยวี่ยซีจะวางของมีค่าไว้รอบด้าน แต่ก็ไม่มีใครไปดูแล้ว สายตาทุกคู่รวมกันอยู่ที่หนวดพญามังกร
“หนึ่งล้านห้าแสนหยวน!”
คนแรกที่เสนอราคาเป็นคนที่ยืนอยู่ในฝูงชน
ไม่แสดงอาการใดๆ ถึงจะยืนอยู่ แต่พอเปิดปากก็หนึ่งล้านห้าแสนหยวนเลย ในตลาดมืดนี่ถิ่นเสือหลบมังกรซ่อนจริงๆ
แต่ท่านชายไป๋กลับยิ้ม “ลงสักรอบก่อนแล้วกัน หนึ่งล้านห้าแสนหนึ่งหมื่นหยวน!”
ซ่งจื่อเซวียนมองไปทางท่านชายไป๋ ราคานี้ใจแคบจริงๆ แต่เหมือนว่าอีกฝ่ายจะชอบแบบนี้
คราวก่อนก็ประมูลแข่งกับหวังต้าลี่แบบนี้เหมือนกัน
เหล่าซุนกลับไม่ได้สนใจ ยังคงยิ้มบาง
เขารู้ว่าพอใกล้จบการประมูล ราคาก็น่าจะไม่มีทางเพิ่มทีละหนึ่งหมื่นแน่นอน
“หนึ่งล้านหกแสน!” คนที่เสนอราคาคนแรกเสนอราคาอีกครั้ง
เหล่าซุนยิ้มพลางพยักหน้าเล็กน้อย “เยี่ยมครับ ราคาที่คุณเฝิงเสนอมาเป็นราคามือที่สาม คืนนี้หนวดพญามังกรนี่ไม่ล้มการประมูลแล้วครับ”
ที่เรียกว่าล้ม ในสถานการณ์ปกติจะหมายถึงมีการประมูลราคาไม่ถึงสามครั้ง หรือก็คือไม่ถึงสามมือ
หากไม่ถึงสามมือ จะต้องถอดถอนสินค้าประมูลกลับมา หรือก็คือการประมูลครั้งนี้เป็นโมฆะ
“หนึ่งล้านหกแสนหนึ่งหมื่น!” ท่านชายไป๋เสนอราคาอีกครั้ง!
“หนี่งล้านเจ็ดแสน!”
“หนึ่งล้านเจ็ดแสนหนึ่งหมื่น!”
ท่านชายไป๋เสนอราคาจบ คุณเฝิงคนนั้นก็ค่อนข้างไม่สบอารมณ์แล้วอย่างเห็นได้ชัด ขมวดคิ้ว “สองล้านหยวน!”
พอเสนอราคานี้ไป คนไม่น้อยก็มองไปกันหมด
อาศัยความอาจหาญนี้ ก็ทำให้คนไม่น้อยยกนิ้วโป้งให้
อย่างไรในสังคมแบบนี้ มีเงินถึงจะเป็นผู้ที่เหนือกว่า นายท่านท่านนี้ก็เป็นเช่นนั้นอย่างชัดเจน
“สองล้านของคุณเฝิงครับ ทุกท่านยังมีคนจะเสนอราคาเพิ่มไหมครับ” เหล่าซุนยิ้มถาม
ท่านชายไป๋บิดขี้เกียจ “เฮ้อ สองล้านหนึ่งหมื่น!”
ถึงการเสนอราคาของท่านชายไป๋จะทำให้คนไม่น้อยรู้สึกไม่สบอารมณ์ แต่เขาเป็นแบบนี้มาตลอด ทุกคนก็ชินแล้ว
ตอนนี้เอง นายท่านงูก็กลอกตาใส่ท่านชายไป๋ “ไอ้หนู เล่นพอหรือยัง”
ได้ยินดังนั้น ท่านชายไป๋ก็แย้มยิ้มออกมาทันที “หา? แหะๆ นายท่านงู ผมก็แค่เล่นๆ น่ะครับ”
“รู้ก็ดี!” นายท่านงูพูด
“แหะๆ ถ้าคุณร่วมด้วย ผมก็ไม่เล่นแล้ว ยังไงก็เล่นได้ไม่เท่าคุณหรอก!”
นายท่านงูเหลือบมองเขา “สาม!”
นายท่านงูบอกแค่สาม ย่อมไม่ใช่สามหยวน แต่เป็นสามล้านหยวน
ตอนนี้ ในร้านเงียบลงไม่น้อย
สามล้านหยวน…
เพิ่มเป็นทวีคูณแล้ว
นายท่านงูมองซ้ายมองขวา แค่นหัวเราะ
“เบื่อจัง ตั้งแต่ท่านผู้เฒ่าเฉิงไม่มา การประมูลนี่ก็ไม่มีความหมาย”
ได้ยินดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ้ม คนคนนี้โอ้อวดจริงๆ ไม่กลัวเสียหน้าเลยหรือไง
อย่างน้อย…ตอนนี้เพิ่งจะเสนอถึงสามล้าน อวดร่ำอวดรวยเร็วไปหน่อยมั้ง
เหล่าซุนพยักหน้า “นั่นสิครับ ทุกท่านรู้ความสามารถของนายท่านงูดีอยู่แล้ว งั้น…ยังจะมีคนเสนอราคาอยู่ไหมครับ”
ขณะที่เหล่าซุนพูด ก็มองซ่งจื่อเซวียนแวบหนึ่งโดยไม่รู้ตัว
เหมือนเขารอให้มีคนสู้กับนายท่านงูได้สักหน่อย
ตามคำพูดของเถ้าแก่ นายท่านรองผู้ลึกลับท่านนี้ควรจะลงมือได้แล้วมั้ง
แต่ซ่งจื่อเซวียนกลับไม่มีวี่แววจะเปิดปากเลย
เขาไม่ชอบความวุ่นวาย ตอนนี้เสนอราคาไป ยื้อแย่งกับอีกฝ่ายไปก็ไม่มีความหมาย อย่างไรก็เหมือนกับตัวตลก
เสนอราคาช่วงสุดท้าย ถ้าสูงเกินไป ซ่งจื่อเซวียนอย่างเขาก็ไม่เข้าร่วมมันเลยแล้วกัน
แต่ถ้าราคารับได้ ลองสักหน่อยก็ไม่เลว
เห็นซ่งจื่อเซวียนไม่พูดอะไร เหล่าซุนค่อนข้างผิดหวัง บางที…เถ้าแก่อาจจะประเมินเขาสูงไปล่ะมั้ง
หรือบางที…เขาอาจจะไม่สนใจหนวดพญามังกรนี่จริงๆ เพราะก่อนหน้านี้เขาก็พูดแล้วว่าไม่ได้สนใจหนวดพญามังกร
“หากไม่มีใครเสนอราคาเพิ่ม งั้นหนวดพญามังกรนี้ก็จะเป็นของนายท่านงูแล้วนะครับ นายท่านงูครั้งที่หนึ่ง นายท่านงู…”
ขณะที่กำลังพูด เสียงเสียงหนึ่งก็หยุดเขาไว้
“สามล้านห้าแสน!”
ตอนนี้ สายตาของทุกคนมองตามไป
คนที่เสนอราคาสู้ก็คือตู้อวิ๋นเลี่ยงนั่นเอง!
ซ่งจื่อเซวียนชำเลืองมอง เขาก็เข้าใจทันทีว่าที่เจอกับตู้อวิ๋นเลี่ยงเป็นเพียงเรื่องบังเอิญจริงๆ
วันนี้เป้าหมายของอีกฝ่ายก็คือหนวดพญามังกร สู้ราคากับตน…เป็นการหาเรื่องล้วนๆ
นายท่านงูมองไปทางตู้อวิ๋นเลี่ยง ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่คุ้นเลย”
เหล่าซุนยิ้ม “คุณกล้าหาญมาก ขอทราบชื่อคุณได้ไหมครับ”
“ตู้!”
ตู้อวิ๋นเลี่ยงตอบกลับไปแค่หนึ่งคำเท่านั้น
อย่างไรก็เคยติดต่อกับขาใหญ่และผู้นำระดับสูงไม่น้อย วิสัยทัศน์ของตู้อวิ๋นเลี่ยงก็นับว่าใช้ได้
ตอนนี้การวางเดิมพันทีเดียวหนึ่งพันตำลึง ต่อให้ไม่ได้ใช้เงินตัวเอง อย่างน้อยก็ต้องทำตัวเจ๋งบ้าง
ส่วนท่าทางที่เขาแสดงออกมาทั้งหมดไม่ใช่การอวดอ้าง แต่เป็นเงียบ เงียบจนคร้านจะพูดให้มากความ
สิ่งนี้เกินครึ่งก็เรียนมาจากพวกขาใหญ่นั่นแหละ
“ที่แท้ก็นายท่านตู้นี่เอง ตอนนี้ราคาที่สูงที่สุดเป็นสามล้านห้าแสนหยวนของนายท่านตู้นะครับ!” เหล่าซุนพูดทันที
นายท่านงูแค่นหัวเราะ “สี่ล้าน!”
สี่ล้านสำหรับนายท่านงูเป็นเรื่องเล็ก สำหรับเขา วันนี้ต้องชนะ
แต่ไม่รอให้เหล่าซุนพูด ตู้อวิ๋นเลี่ยงก็พูดขึ้นทันที “สี่ล้านห้าแสน!”
หวังเฉิงยงข้างๆ พูดเสียงเบา “ไอ้หนู เห็นหรือยัง สองคนนี้หยิกกันแล้ว”
ซ่งจื่อเซวียนเพียงยิ้มไม่พูดอะไร เหมือนเขาจะเห็นอะไรบางอย่างแล้ว ตอนนี้…เพิ่งจะเริ่มเท่านั้น
ตอนที่หยิกกันยังหยิกกันข้างหลังนะ
เห็นภาพนี้ จู่ๆ ซ่งจื่อเซวียนก็รู้สึกเลือดร้อนขึ้นมา บวกกับที่วิธีการบ่มหนวดพญามังกรในหม้อที่หวังเฉิงยงพูดถึง
ใจที่พร้อมจะรับมือกับความโกลาหล…กำลังจะพลุ่งพล่าน!
………………………………………
…………….