เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 360 นายท่านงูมาถึงแล้ว
ตอนที่ 360 นายท่านงูมาถึงแล้ว
…………….
ต้องยอมรับว่าอาหารในตำราสูตรอาหารราชวงศ์ชิงส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นยา
ตั้งแต่น้ำแกงเกล็ดปลาทองห้าสายถึงโต้วหลงเหมิน ต่างมียาจีนโบราณเป็นส่วนผสมที่ไม่อาจมองข้ามได้
เมนู ‘มังกรทะยานสี่ย่านน้ำ’ เป็นเมนูเวอร์ชั่นปรับปรุงของโต้วหลงเหมิน คาดว่าสรรพคุณทางยาน่าจะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในเมนูนี้
ไม่เพียงเท่านั้น แม้จะเป็นเมนูหนึ่งเดียวที่ไม่ใส่สมุนไพรอย่างข้าวผัดจักรพรรดิ ก็ยังมีสรรพคุณช่วยบำรุงร่างกาย
ถ้าเป็นตามที่พูด หากซ่งจื่อเซวียนได้หนวดพญามังกรมา คงจะช่วยได้มากทีเดียว
หากใช้กระทะที่เคยแช่หนวดพญามังกรไว้ สรรพคุณในการบำรุงกำลังน่าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
นอกจากนี้ วิธีผลิตเช่นนี้ มุ่งเน้นไปที่การบำรุงด้วยความอบอุ่นเป็นหลัก สรรพคุณทางยาฤทธิ์แรงทั้งหลายจะถูกเผาผลาญไปเป็นจำนวนมาก บางส่วนมีฤทธิ์ให้ความอบอุ่น
ดังนั้น ต่อให้ลูกค้าบริโภคเข้าไป ก็ไม่มีผลในด้านบำรุงกำลัง และไม่ทำให้คนสุขภาพไม่ดีได้รับฤทธิ์ยาแรงเกินไป หรือร่างกายเกิดอาการร้อนในเนื่องจากสรรพคุณทางยา
เมื่อคิดได้ดังนี้ ซ่งจื่อเซวียนก็สูดลมหายใจเข้าช้าๆ ขณะเดียวกันก็ตัดสินใจกับตัวเอง
แน่นอนว่าการตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่การตัดสินใจที่เด็ดขาด หากราคาของหนวดพญามังกรสูงเกินไป หรือสูงเกินราคาที่เขาจะจ่ายไหว
ซ่งจื่อเซวียนก็คงไม่ยอมจ่าย
ในขณะเดียวกัน ณ ชั้นสองของหอเยวี่ยซี
หอเยวี่ยซีชั้นสองแบ่งออกเป็นสามส่วน
เมื่อก้าวพ้นบันไดออกมา สองฝั่งจะเป็นคลังสินค้าขนาดใหญ่
คลังสินค้าส่วนใหญ่เก็บสมุนไพรที่หาได้ทั่วไป เนื่องจากสามารถเก็บไว้ในปริมาณมากได้ ทำให้ราคาขายต่ำกว่าร้านขายยาแผนจีนโบราณข้างนอก
ลึกเข้าไปข้างในอีกหน่อยจะเป็นคลังสินค้าขนาดเล็ก ที่นี่จะเก็บสมุนไพรหายาก รวมไปถึงสมุนไพรที่เถ้าแก่เก็บสะสมไว้เป็นพิเศษ
และด้านในสุดคือห้องทำงานขนาดใหญ่
แต่อาจเป็นความตั้งใจ การตกแต่งภายในจึงดูสดใหม่มาก
มีโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ตั้งติดกับผนังกลางห้อง บนโต๊ะมีตุ๊กตาน่ารักๆ วางประดับหลายตัว
มีชั้นหนังสือวางอยู่ที่ด้านหนึ่งของโต๊ะทำงาน ซึ่งมีหนังสือวางอยู่ไม่มากนัก ยังเหลือพื้นที่ว่างอีกมาก
บริเวณอื่นๆ นอกจากจะมีโต๊ะน้ำชาพร้อมด้วยเก้าอี้เท้าแขนสี่ตัววางชิดสี่ด้าน ยังมีต้นไม้เขียวชอุ่มอีกนับไม่ถ้วน
ต้นไม้เหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นต้นไม้ที่หายากตามท้องตลาด สีสันสดใส ลักษณะตั้งตรง
และเนื่องจากปลูกอยู่ใต้ดิน เจ้าของห้องทำงานแห่งนี้จึงติดตั้งไฟยูวีบีเหนือต้นไม้เป็นพิเศษ
สิ่งนี้ใช้เพื่อให้สารอาหารกับต้นไม้แทนแสงแดด อาจจะไม่ได้ผลดีเท่ากับแสงแดดโดยตรง แต่ก็ทำให้ห้องทำงานใต้ดินแห่งนี้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด
ด้านหลังโต๊ะทำงานมีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ ท่วงท่าสง่างาม ใบหน้าทรงเสน่ห์ ดูท่าทางอายุเพียงยี่สิบต้นๆ เท่านั้นเอง
ขณะนี้ เธอกำลังอ่านสมุดบัญชีในมือ
“เขาซื้อหญ้าสวินหย่งต้นเดียวด้วยเงินสองล้านเชียวเหรอ…ฮ่าๆ น่าสนใจจริงๆ”
“ใช่ครับ เถ้าแก่ ผมเองก็คิดไม่ถึงว่าเขาจะใช้อารมณ์ขนาดนี้ ทั้งที่จริงๆ แล้วหญ้าสวินหย่งนี่ขายได้สักสามแสนหยวนก็ถือว่าอัศจรรย์แล้ว”
หญิงสาวระบายยิ้มน้อยๆ “คงทนไม่ได้ที่มีคนมาแย่งไปน่ะสิ เพราะมีคนมาหาเรื่องแท้ๆ ราคาเลยดีดขึ้นไปอย่างน้อยแปดแสนหยวนจนถึงหนึ่งล้านหยวน”
“ถูกต้องเลยครับ นายท่านรองโชคไม่ดีเลย ไม่อย่างนั้นคงได้จ่ายเงินน้อยลงล้านกว่าหยวนแล้ว”
“หึๆ เขาไม่สนใจเงินสองล้านนี่หรอก เหล่าซุน อีกเดี๋ยวลงไปแล้ว เรียกเขาว่านายท่านรองซ่งด้วยล่ะ”
“นายท่านรองซ่ง?”เหล่าซุนตะลึง “เถ้าแก่ นี่แสดงว่า…คุณรู้จักเขาหรือครับ”
หญิงสาวเงยหน้ามองเหล่าซุนแวบหนึ่ง เหล่าซุนเข้าใจในทันทีว่าตนปากมากเกินไป
“อ้อๆ ครับๆ ผมจะทำตามที่เถ้าแก่สั่ง”
“เชิญหนวดพญามังกรออกมาหรือยัง”
บรรดาผู้ที่คร่ำหวอดในวงการแพทย์แผนจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดมืด ยังคงให้ความเคารพต่อวัตถุดิบหายาก
“ครับ เถ้าแก่” ขณะพูด เหล่าซุนก็ก้มมองนาฬิกาข้อมือของตนไปด้วย “เหลือเวลาอีกสิบนาที พวกเราไปเตรียมตัวกันเลยดีไหมครับ”
หญิงสาวพยักหน้าหน้าช้าๆ “อืม ราคาขั้นต่ำอยู่ที่แปดแสนหยวนใช่ไหม”
“ครับ”
“วันนี้มีคนมาเยอะกว่าที่คิด เปลี่ยนเป็นหนึ่งล้านห้าแสนหยวนก็แล้วกัน”
“ได้ครับ ไม่มีปัญหา ตอนนี้ยังไม่เริ่มประกาศราคาครับ” เหล่าซุนกล่าว
หญิงสาวยิ้มบางๆ “แต่วันนี้มีลูกค้ารายใหญ่นี่”
“หือ? เถ้าแก่ คุณหมายถึง…นายท่านรองเหรอครับ”
หญิงสาวโบกมือ “นายท่านงูต่างหากล่ะ”
“อะไรนะครับ นายท่านงูมาแล้วเหรอครับ ผมยังไม่เห็นเลยนะครับ” เหล่าซุนเอ่ย
“เมื่อกี้ตอนที่สินค้าเข้ามา ฉันเห็นรถของเขาน่ะ ฉันบอกแล้วไง ทว่าตราบใดที่มีของหายากจริงๆ ยังไงก็ต้องมีลูกค้ารายใหญ่”
พูดจบ หญิงสาวก็กล่าวเสริมอีกประโยค “ส่วนนายท่านรองซ่งคนนั้น…หึๆ เขาเป็นลูกค้าใหญ่แบบลับๆ วันนี้เรามาดูกันซิว่า เขาจะแข็งแกร่ง หรือนายท่านงูแข็งแกร่งกว่า”
เมื่อหญิงสาวพูดจบ เหล่าซุนก็อึ้งงันอยู่นาน
นายท่านงูได้รับการยกย่องว่าเป็นลูกค้ารายใหญ่ของตลาดมืดแห่งนี้ เขาเคยประมูลเห็ดเพลิงปฐพีต้นหนึ่งไปจากหอเยวี่ยซี
ตอนนั้นราคาขั้นต่ำอยู่ที่หนึ่งล้านหยวน ตอนที่ราคาพุ่งไปแตะสิบสองล้านคนส่วนใหญ่ก็เริ่มถอดใจ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีใครยอมซื้อเห็ดหลินจือในราคาสูงเช่นนี้
สุดท้ายก็เหลือเพียงสองคนเท่านั้น หนึ่งคือนายท่านงู และอีกหนึ่งคนคือท่านผู้เฒ่าเฉิงจากเมืองฮว๋ายซี
ทั้งสองคนเสนอราคาจนถึงยี่สิบสามล้าน นายท่านงูเหมือนจะขี้เกียจเสนอราคาแล้ว จึงเสนอราคาทีเดียวสูงถึงห้าสิบล้านหยวน
ทุกคนในที่นั้นต่างตกตะลึง รวมไปถึงท่านผู้เฒ่าเฉิงผู้มากชื่อเสียงด้วย
สุดท้ายนายท่านงูก็ได้มันไปครอบครอง เมื่อบวกกับเงินที่เขาใช้จ่ายไปก่อนหน้านั้น ทำให้เขาได้รับบัตรลูกค้าวีไอพีระดับพรีเมี่ยมไปทันที
บัตรลูกค้าวีไอพีระดับพรีเมี่ยมสามารถใช้เป็นส่วนลดได้สิบห้าเปอร์เซ็นต์
เมื่อใดที่นายท่านงูมาประมูลด้วย คนทั่วไปต่างก็ถอยไปอยู่แถวหลังๆ
ยิ่งไปกว่านั้นนายท่านงูยังแข็งแกร่งมาก จนไม่มีใครอาจหาญไปแย่งสินค้าจากเขา ทุกครั้งที่มาเขาจะยกโขยงกองทัพมาคุ้มครองกว่ายี่สิบคันรถ ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
ตั้งแต่นั้นมาท่านผู้เฒ่าเฉิงก็ไม่มาตลาดมืดอีกเลย อาจจะเป็นเพราะไม่เคยมีคนตบหน้าเขาแบบนี้มาก่อน พอโดนครั้งหนึ่งก็เข็ดขยาดไปเลย
แต่ด้วยเหตุนี้ เหล่าซุนจึงตกใจเมื่อได้ยินหญิงสาวกล่าวว่านายท่านรองคนนี้อาจจะเป็นคู่แข่งของนายท่านงูได้
เพราะในแง่ของอายุ…ซ่งจื่อเซวียนน่าจะเด็กกว่านายท่านงูอย่างน้อยๆ ก็ยี่สิบปี
เขาเป็นลูกหลานเศรษฐีงั้นเหรอ หรือลูกชายของข้าราชการอาวุโส ทำไมถึงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมาก่อน…
เวลาห้าทุ่มห้าสิบห้านาที ป้ายประกาศหน้าหอเยวี่ยซีก็สว่างขึ้น
ขณะเดียวกัน แสงสีแดงจากโคมไฟใต้ป้ายประกาศก็เริ่มสว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆ
นี่เป็นสัญญาณที่คนวงในต่างรู้กันว่าการประมูลกำลังจะเริ่มต้นแล้ว
ป้ายของร้านค้าเหล่านี้มักจะติดโคมไฟ เวลาที่ร้านไหนจัดประมูลก็มักจะจุดโคมไฟเช่นนี้
แน่นอนว่าเมื่อเทียบกันเรื่องความแข็งแกร่ง ไม่มีร้านไหนที่จะเทียบหอเยวี่ยซีได้ เรื่องความถี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
เมื่อเห็นโคมไฟสว่างขึ้น แทบทุกคนต่างวิ่งกรูกันไปที่หอเยวี่ยซี
คนที่อยู่ใกล้ย่อมหาที่นั่งดีๆ ได้ คนที่มาช้าทำได้แค่รับชมรับฟังความบันเทิงจากภายนอกเท่านั้น
แต่ก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป เช่นเดียวกับคนที่มีพลังอำนาจอย่างท่านชายไป๋
แม้ว่าเขาจะยืนด้านหลัง แต่ลูกน้องของเขาย่อมหาทางแทรกให้เจ้านายของตนได้ที่นั่งดีๆ จนได้
ในไม่ช้า ก็มีคนเข้ามานั่งในหอเยวี่ยซีหลายคน ด้านนอกยืนกันจนแน่นร้าน
ในตอนนี้เอง ท่านชายไป๋ก็หันไปมองซ่งจื่อเซวียน “เพื่อน ฉันจะประมูลของ”
ซ่งจื่อเซวียนปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “แล้วยังไง”
“หึๆ ช่วยยกที่นั่งของให้ฉันด้วย” ท่านชายไป๋กล่าว
ซ่งจื่อเซวียนยิ้มน้อยๆ “ขอโทษที ผมยกให้ไม่ได้ ผมเองก็จะประมูลเหมือนกัน”
หวังเฉิงยงที่นั่งข้างๆ กล่าว “ว่าไงนะ มาช้าแล้วยังคิดจะแย่งที่นั่งคนอื่นอีกงั้นเหรอ ไปรอข้างนอกโน่นเลยไป!”
ท่านชายไป๋โมโหมาก แต่ใบหน้ายังคงประดับรอยยิ้มดังเดิม “ฮ่าๆ ขออภัยที่ล่วงเกิน ดูไม่คุ้นหน้าพวกนายเลย”
“เพิ่งเคยมาครั้งแรกน่ะ”
ท่านชายไป๋ไม่ได้ระบายความโกรธของเขาใส่หวังเฉิงยง
เพราะอีกฝ่ายอายุมากแล้ว เขาเองก็ไม่คิดจะรังแกคนแก่ อีกอย่างเขาก็เคยเจอหวังเฉิงยงที่ในตลาดมืดแห่งนี้บ่อยๆ
ส่วนซ่งจื่อเซวียน เขามาเมื่อวานแล้วครั้งหนึ่ง แถมยังมาแบบเงียบๆ อยู่ไม่นานก็จากไป
ท่านชายไป๋พยักหน้า “หึๆ เพื่อน หนวดพญามังกรที่เปิดประมูลคราวนี้ราคาอาจจะถึงหนึ่งล้านหยวนเชียวนา ถ้าจ่ายไม่ไหว ก็ยกที่นั่งให้ฉันเถอะ”
“ผมจ่ายไหว”
เหงื่อผุดบนใบหน้าของท่านชายไป๋ นี่กำลังยั่วโมโหฉันอยู่ใช่ไหม เพิ่งมาครั้งแรกไม่รู้จักฉันหรือไง
ในตอนนี้เอง บอดี้การ์ดที่อยู่ด้านหลังของเขาก็ทนไม่ไหว ชายร่างใหญ่เดินพรวดพราดเข้ามาทันที
ทว่าเขายังไม่ทันเข้ามาประชิดตัว เหลียงฮั่นก็ยืนขวางหน้าซ่งจื่อเซวียน และยื่นมือไปแตะที่อกของอีกฝ่าย
ชายร่างใหญ่มองเหลียงฮั่น ดวงตาของเขาสั่นไหว
ต้องยอมรับว่าทั้งสองคนนี้ตัวใหญ่มหึมา แต่เมื่อเทียบพละกำลังกันแล้ว…เหลียงฮั่นชนะใสๆ
ลำพังแค่ใบหน้าที่เยือกเย็นของเขา ก็เหมือนว่าเขาเกิดมาพร้อมกับรังสีสังหารแล้ว
ขณะที่ชายร่างใหญ่กำลังตกตะลึงขยับเขยื้อนไม่ได้นั้น ท่านชายไป๋เห็นสถานการณ์ก็เอ่ยขึ้น “ก็ได้ ฉันไปหาที่นั่งเองก็ได้”
สุดท้ายท่านชายไป๋ก็แย่งที่นั่งมาจนได้ เพราะคนที่มาก่อนไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งเสมอไป
แม้ว่าจะได้ที่นั่งมา ก็ต้องยอมแพ้ไป เพราะถึงจะไม่โดนหาเรื่องในตลาดมืด แต่พอออกไปแล้วยังไงก็ต้องโดนกระทืบอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น มีหลายคนที่รู้จักท่านชายไป๋ ถึงขั้นกระดิกหางให้ด้วยซ้ำ
หลังจากนั่งลงแล้ว ท่านชายไป๋ก็เหลือบมองซ่งจื่อเซวียนแวบหนึ่ง แต่อีกฝ่ายไม่ได้หันมาสบตา ยังคงนั่งหลับตาผ่อนคลายอารมณ์เหมือนเดิม
จากนั้นท่านชายไป๋ก็กวาดตามองฝูงชนรอบๆ สายตาพลันเหลือบไปมองเห็นหวังต้าลี่
หวังต้าลี่รีบหลบสายตา ไม่สบตากับท่านชายไป๋อีก
เหล่าซุนเห็นว่าทุกคนอยู่ประจำที่แล้ว ก็เดินก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับหัวเราะ
“ท่านสุภาพสตรีและสุภาพบุรุษที่คุ้นหน้าคุ้นตาทุกท่าน วันนี้หอเยวี่ยซีของเราได้รับสมบัติล้ำค่ามาแล้วครับ
กระผมเชื่อว่าทุกคนคงทราบกันแล้วว่าคือหนวดพญามังกรอายุนับพันปี ลำดับต่อไปพวกเราจะเชิญหนวดพญามังกรออกมา ให้ทุกท่านได้ยลโฉม!”
พูดจบ เหล่าซุนก็เดินไปที่เคาน์เตอร์
บนเคาน์เตอร์ในเวลานี้มีกล่องไม้สีแดงวางอยู่ ตัวกล่องไม้แม้จะดูค่อนข้างเก่าแก่ แต่ด้านในกลับดูหรูหราอย่างยิ่ง
ในขณะที่ชายชรากำลังจะเปิดกล่องนั้นเอง ก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นจากนอกประตู
“เดี๋ยวก่อน นายท่านงูมาถึงแล้ว!”
เมื่อได้ยินดังนี้ หลายคนก็เริ่มขยับหลีกทางทันที
ชายคนหนึ่งในเสื้อคอจีนเดินนำหน้ามา และมีคนเดินตามหลังอีกประมาณสี่ห้าคน
ชายฉกรรจ์ท่าทางอายุราวๆ สี่สิบกว่าปี เรือนผมเป็นสีดำแซมขาว ถูกหวีปัดไปด้านหลังเรียบร้อย
ใบหน้าจัดได้ว่าหล่อเหลา ทว่าแฝงด้วยความแข็งกร้าว ดูท่าทางไม่ใช่คนที่จะล้อเล่นด้วยง่ายๆ
ชายคนนั้นเดินเข้าไปในหอเยวี่ยซี ลูกเหล็กในมือสองลูกกระทบกัน
“เหล่าซุน เอาเก้าอี้มา” ชายผู้นั้นกวาดตามองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีที่นั่งแล้ว จึงพูดขึ้น
ในตอนนี้เอง ซ่งจื่อเซวียนก็สังเกตเห็นว่า ที่อกเสื้อด้านซ้ายของเขาปักลายเป็นรูปงูสีขาว แค่มองลายปักนั้นก็รู้ได้ว่าเป็นงานฝีมือ
ราคาของชุดนี้คงจะแพงน่าดู
“นายท่านงูเหรอ” ซ่งจื่อเซวียนพึมพำ
หวังเฉิงยงปิดปากพูด “ไอ้หนู ระวังหน่อย คนนี้ระดับพี่ใหญ่เลยนะ”
ซ่งจื่อเซวียนตะลึงงันไปเล็กน้อย คนที่หวังเฉิงยงเรียกว่าพี่ใหญ่ได้…หายากจริงๆ
…………………………………………
…………….