เส้นทางเศรษฐีของ(ว่าที่)เชฟเหรียญทอง - ตอนที่ 359 หนวดพญามังกร
ตอนที่ 359 หนวดพญามังกร
……….
ในความคิดของหวังเฉิงยง เขามาที่นี่เพื่อช่วยไอ้หนูนี่ได้สิ่งที่ต้องการ แต่ไอ้เด็กนี่ดันเสนอราคาซะสูงลิ่วเนี่ยนะ
ทีแรกเขากะจะพูดว่า ตามใจเลย ข้าไม่สนแล้ว แต่เมื่อคิดถึงนิสัยตามปกติของซ่งจื่อเซวียน เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
ซ่งจื่อเซวียนเป็นพวกไม่ยอมให้เงินกระเด็นออกจากกระเป๋าง่ายๆ แต่ที่วันนี้ยอมจ่ายหนักถึงขนาดนี้ แสดงว่าต้องมีเหตุผล
ซ่งจื่อเซวียนในตอนนี้กำลังจ้องมองตู้อวิ๋นเลี่ยงอย่างใจเย็น รอให้เขาเสนอราคาอีกครั้ง
แต่ตู้อวิ๋นเลี่ยงกลับผงะไปเล็กน้อย
ทีแรกเขาคิดว่าตัวเองจะเสนอได้ถึงหนึ่งล้านหยวน เพื่อข่มอีกฝ่ายด้วยสถานะการเงิน และไม่ลำบากตัวเองมากเกินไป
แต่ใครจะคิดว่าซ่งจื่อเซวียนจะเสนอสองล้านมาโต้งๆ แบบนี้ ทำเอาเขาเหวอไปชั่วขณะ
เมื่อเห็นสีหน้าของตู้อวิ๋นเลี่ยง ซ่งจื่อเซวียนก็รู้ได้ทันทีว่าราคาที่ตนเสนอไปทำให้เขาหวาดหวั่นเลยทีเดียว
ถ้าตู้อวิ๋นเลี่ยงจะเกทับอีก ถือว่ากล้าเสี่ยงเอาเรื่อง
ไอ้หนู ยอมใจแกเลย บ้าไปแล้วหรือไง ซื้อหญ้าก้านเดียวจ่ายตั้งสองล้านเชียวเหรอ
บอกตามตรงว่าเขายังอยากเสนอราคาอีก ไม่ยอมปล่อยให้ไอ้เด็กนี่มันทำตัวจองหองอีกต่อไป
แต่ถ้าเขาเสนอราคาจริงๆ แล้วไอ้เด็กนั่นยอมแพ้ไป ก็แสดงว่าเขาต้องจ่ายเงินมากกว่าสองล้านหยวนเพื่อซื้อสิ่งที่ไร้ประโยชน์กับเขา
“คุณผู้ชาย ถ้าไม่เสนอราคาต่อ หญ้าสวินหย่งจะเป็นของนายท่านรองนะครับ”
ชายชราเห็นว่าตู้อวิ๋นเลี่ยงไม่พูดไม่จา จึงเอ่ยขึ้น
ตู้อวิ๋นเลี่ยงมองซ่งจื่อเซวียนแล้วพูดลอดไรฟันออกมา “สองล้านหนึ่งแสน!”
เขาปั่นราคาประมูลขึ้นเพราะไม่อยากยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ในความเป็นจริง…ตู้อวิ๋นเลี่ยงกำลังแบกรับความเสี่ยงมหาศาล
เขาไม่รู้ว่าหนวดพญามังกรจะปิดดีลที่ราคาเท่าไร แต่ถ้าเงินที่จะซื้อหนวดพญามังกรต้องขาดไปเพราะหญ้าสวินหย่งนี่ละก็…
เขาต้องรับกรรมที่ตามมาอย่างแน่นอน…
อีกอย่างถ้าจ่ายมากกว่าเดิมประมาณหนึ่งล้านแปดแสนหยวน เถ้าแก่อาจจะไม่สังเกตเห็น แต่ถ้ามากกว่าสองล้าน…ยากที่จะทำเป็นมองไม่เห็น
ดังนั้น เสี้ยววินาทีที่เขาเสนอราคาไป เขาก็คาดหวังว่าซ่งจื่อเซวียนจะรีบเสนอราคาต่อทันที
ความคิดของตู้อวิ๋นเลี่ยงเปลี่ยนจากให้ตายยังไงก็ไม่ยอมให้ซ่งจื่อเซวียนได้สมบัติชิ้นนี้ไป กลายไปหวังว่าจะเพิ่มราคาขึ้น เพื่อให้อีกฝ่ายได้สมบัติชิ้นนี้ไปในราคาสูงลิบลิ่วแทน
เมื่อเห็นสีหน้ากังวลของตู้อวิ๋นเลี่ยง ซ่งจื่อเซวียนก็ยิ้มบางๆ ออกมา “คุณอยากได้มันขนาดนั้นเลยเหรอ”
“ก็ไม่เท่าไร แต่ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้แกได้ไปเด็ดขาด”
“หึๆ งั้นก็ตามประสงค์เลยครับ”
ตู้อวิ๋นเลี่ยงตะลึงงัน ไอ้เด็กนี่…ไม่อยากได้แล้วงั้นเหรอ
หวังเฉิงยงที่อยู่ข้างๆ ระเบิดหัวเราะออกมาทันที “ฮ่าๆ ไอ้เด็กนี่มันแสบเว้ยเฮ้ย ฉันนึกว่านายจะจ่ายสองล้านจริงๆ ซะแล้ว ถึงขั้นกล้าไปปั่นราคากับเจ้านี่”
“แก…” ตู้อวิ๋นเลี่ยงชี้นิ้วใส่หวังเฉิงยง “ตาเฒ่า ถ้ายังพูดจาพล่อยๆ อีก ฉันจะไม่ไว้หน้าแล้วนะ”
“ช่างหัวแกสิ ถ้าแกกล้าลงมือกับฉันในตลาดมืดแห่งนี้ ก็เอาสิวะ!”
หวังเฉิงยงหันไปพูดกับตู้อวิ๋นเลี่ยง เห็นได้ชัดว่าไม่ได้จริงจังกับอีกฝ่ายเลย
ตู้อวิ๋นเลี่ยงพยักหน้าแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ได้ ไอ้หนู ฉันยอมให้ก็ได้ แต่ว่า…หึๆ ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้นล่ะ ไม่ได้ต้องการของพรรค์นี้จริงๆ หรอก”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ ชายชราผู้ดูแลร้านก็ถึงกับอึ้ง เขาพูดขึ้นมาทันควัน “คุณผู้ชาย ถ้าทำแบบนี้ หอเยวี่ยซีของเราจะลงประวัติว่าคุณเป็นลูกค้าที่ไม่น่าไว้วางใจ คุณจะไม่สามารถทำธุรกรรมใดๆ กับเราได้อีกในอนาคตนะครับ”
ตู้อวิ๋นเลี่ยงผงะ ตอนนี้เขาลงจากหลังเสือไม่ได้แล้ว…
ถ้าซื้อหญ้าสวินหย่งไป เขาคงจะอธิบายกับเบื้องบนไม่ได้ แต่ถ้าไม่ซื้อ…ตอนนี้เขาก็กลับคำไม่ได้เสียแล้ว
ตอนนี้ทางที่ดีที่สุดคือต้องควักกระเป๋าตัวเองเพื่อซื้อหญ้าสวินหย่ง
ทว่าตู้อวิ๋นเลี่ยง…แอบรู้สึกเสียดาย เงินตั้งสองล้านเพื่อหญ้าแค่ก้านเดียวเนี่ยนะ
ซ่งจื่อเซวียนแค่นหัวเราะออกมา “ช่างเถอะ จะอะไรกันนักหนา สองล้านหนึ่งแสนหนึ่งหมื่น ถ้าคุณยังเสนอราคาอีก ก็ยกให้คุณเลย!”
นั่นเงินตั้งสองล้านเชียวนะ…
ถ้าเขาเอาอารมณ์โกรธเป็นที่ตั้ง อย่าว่าแต่สองล้านเลย ยี่สิบล้านเขาก็เสนอได้
แต่ใจเย็นๆ ก่อน…มีอะไรที่เงินสองล้านซื้อไม่ได้บ้าง
มันมากพอที่จะซื้อคอนโดแถวๆ เมืองระดับสาม กับเลี้ยงเมียน้อยได้เป็นปีๆ
จากนั้น ตู้อวิ๋นเลี่ยงก็ไม่ปริปากพูดอีก
ชายชราเองพอมองออกจึงพยักหน้า “นายท่านรอง งั้นเชิญจ่ายเงินเลยครับ”
ซ่งจื่อเซวียนเดินตามชายชราไป แล้วยื่นบัตรวางที่เคาน์เตอร์ หลังจากรูดบัตรจ่ายเงินเรียบร้อย ซ่งจื่อเซวียนค่อยสบายใจขึ้นมา
ซ่งจื่อเซวียนถือกล่องใส่หญ้าสวินหย่ง ในหัวมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น คือรีบไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
วันนี้คนส่วนใหญ่มาที่ตลาดเพื่อหนวดพญามังกร ถ้าไปเสียตั้งแต่ตอนนี้ น่าจะปลอดภัย
พวกเขาไม่น่าจะไปจากตลาดเพื่อหญ้าสวินหย่งก้านเดียว
เมื่อคิดได้ดังนั้น ซ่งจื่อเซวียนก็หยิบหญ้าสวินหย่งเดินจากไป
ก่อนที่จะเดินออกจากร้าน เขาหันไปสบตากับตู้อวิ๋นเลี่ยง
“ไอ้หนู ยอมใจแกจริงๆ ใช้เงินสองล้านซื้อหญ้าต้นเดียว แกหาเงินจนหลอนไปแล้วหรือไง” ตู้อวิ๋นเลี่ยงเอ่ย
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “กำลังทรัพย์เรามันต่างกัน คุณไม่มีวันเข้าใจหรอก”
“แก…เหอะ เอาเถอะ ฉันเชื่อว่าพวกเราจะได้เจอกันอีกเร็วๆ นี้”
“หึๆ ผมจะรอนะ”
ซ่งจื่อเซวียนกำลังจะก้าวออกจากร้าน พลันได้ยินเสียงหนึ่งลอยมา
“เดี๋ยวก่อนนายท่านรอง!”
ชายชราวิ่งตามมา แล้วหยิบบัตรสีฟ้าออกมา
“นายท่านรอง นี่เป็นบัตรลูกค้าวีไอพีของหอเยวี่ยซีเรา เนื่องจากคุณใช้จ่ายครบสองล้านหยวน ถือว่าเป็นลูกค้าวีไอพีระดับสามครับ”
ซางเทียนซั่วที่ยืนข้างๆ เอ่ยถาม “แค่ระดับสามเองเหรอ แล้วระดับสูงสุดของพวกนายอยู่ที่เท่าไร”
ชายชรายิ้ม “ระดับสูงสุดคือระดับพรีเมี่ยม ต้องใช้จ่ายครบแปดสิบล้านหยวนถึงจะได้บัตรครับ”
“แปดสิบล้าน?”
พวกเขารู้สึกประหลาดใจอย่างอดไม่ได้ โดยเฉพาะตู้อวิ๋นเลี่ยง เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริงๆ แปดสิบล้าน…ฉันกลายเป็นคนจนไปเลย
สีหน้าของซ่งจื่อเซวียนกลับค่อนข้างเรียบเฉย
อย่ามองว่าเขาเป็นคนขี้เหนียว ถ้ามีเรื่องจำเป็นจริงๆ เงินแปดสิบล้านสำหรับเขาขนหน้าแข้งก็ไม่ร่วง
นอกจากมูลค่าตลาดของสวนสวินเฟิงและร้านอาหารร่ำรวยแล้ว ลำพังแค่ทรัพย์สินของบริษัทชิงอวี่ แปดสิบล้านนั้นหาได้สบายๆ
แต่แน่นอนว่าเขาต้องดูด้วยว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์หรือไม่ สำหรับของที่มีประโยชน์นั้น ซ่งจื่อเซวียนไม่เคยตระหนี่
เมื่อเห็นสีหน้าของซ่งจื่อเซวียน ชายชราก็พยักหน้าช้าๆ
แม้ว่านายท่านรองจะอายุน้อย แต่ก็เป็นคนที่มีจิตใจดี และมีรัศมีที่ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
ซ่งจื่อเซวียนรับบัตรมา “ขอบคุณครับ”
“จริงสินายท่านรอง อีกเดี๋ยวก็จะเปิดตัวหนวดพญามังกรแล้วนะครับ ถ้าคุณยังไม่กลับไปตอนนี้ อาจจะยังมีที่นั่งดีๆ อยู่นะครับ”
“หือ? ผมไม่อยากได้หนวดพญามังกรครับ” ซ่งจื่อเซวียนกล่าว
ชายชรายิ้ม “ลองไปดูสนุกๆ ก็ไม่เสียหายนี่ครับ ข้างนอกนั่นก็มีแต่คนมาดูเอาสนุกทั้งนั้น”
ซ่งจื่อเซวียนครุ่นคิด แล้วมองหวังเฉิงยง ฝ่ายหลังตอบกลับ “ฉันเป็นหนี้นายแล้ว!”
ซ่งจื่อเซวียนกล่าวยิ้มๆ “งั้นก็โอเคครับ”
เนื่องจากเพิ่งทำการซื้อขายสินค้ามูลค่าสองล้านมา ชายชราจึงให้ซ่งจื่อเซวียนและหวังเฉิงยงนั่งรอที่ด้านหนึ่ง
เพราะอีกสักพักอย่าว่าแต่ที่นั่งเลย แม้แต่ทางเข้ายังหาแทบไม่เจอ
ทว่าฝั่งตู้อวิ๋นเลี่ยงไม่ได้รับการปฏิบัติแบบเดียวกัน เมื่อได้ยินว่าอีกสักพักจะนำหนวดพญามังกรออกมา
เขาก็ไม่หายไปไหน แต่ทำได้แค่ยืนรอ
“นายท่านรอง คุณผู้ชายท่านนี้ กรุณารอสักครู่นะครับ ผมขอไปเตรียมตัวเดี๋ยวเดียว”
“ขอบคุณมากครับ” ซ่งจื่อเซวียนพูด
จากนั้นชายชราก็เดินขึ้นบันไดไป
หอเยวี่ยซีเป็นร้านค้าร้านเดียวที่มีสองชั้น ซ่งจื่อเซวียนรู้สึกสงสัย ชั้นนี้เต็มไปด้วยสินค้าหายากนานาชนิด
ที่ชั้นสอง…จะเป็นแบบไหนนะ
เป็นโกดัง หรือเป็นพื้นที่สำนักงาน
ว่าแต่สินค้าเมื่อครู่นี้เอามาจากไหน
กับร้านอื่นๆ ซ่งจื่อเซวียนไม่ค่อยอยากรู้นัก
แต่สำหรับหอเยวี่ยซีนั้น…เขาสนใจจริงๆ
“ไอ้หนู ที่นายซื้อมามันคืออะไรน่ะ ตั้งสองล้านกว่า ไม่ใช่นิสัยนายเลยนะ”
ซ่งจื่อเซวียนยิ้ม “ซื้อมาขำๆ น่ะครับ จริงสิเสี่ยหวัง คุณมาที่นี่เพื่อมาดูหนวดพญามังกรเหรอครับ”
“แหงสิ บอกว่าหนวดพญามังกรปรากฏ ฉันต้องมาดูสักหน่อยว่าจริงหรือเปล่า”
“หืม? คุณรู้จักหนวดพญามังกรดีงั้นเหรอครับ แล้วตกลงมันคืออะไรล่ะ” ซ่งจื่อเซวียนถามด้วยความสนใจ
“ยาอายุวัฒนะ” หวังเฉิงยงนั่งไขว่ห้าง พลางจุดบุหรี่ขึ้นสูบ “ยาอายุวัฒนะที่เสริมสร้างร่างกาย แต่มีสรรพคุณทางยาที่แรงมาก”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้าช้าๆ “งั้นคนที่มาแข่งประมูลหนวดพญามังกรคราวนี้ ก็น่าจะมีแต่คนสายแพทย์แผนจีนทั้งนั้นเลยใช่ไหมครับ”
“ไอ้หนูนายไม่เข้าใจหรอก ยาแผนจีน…มีเงินแล้วใช่ว่าจะซื้อยาอายุวัฒนะแพงๆ แบบนี้ได้”
ซ่งจื่อเซวียนได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้ว “เสี่ยหวัง ช่วยชี้แนะด้วยครับ”
“หึๆ อะไรเป็นสิ่งที่ทำกำไรได้มากที่สุดล่ะ การขายต่อเป็นสิ่งที่ทำกำไรได้มากที่สุด แต่พวกเขาจะเอาไปขายให้ใครล่ะ ไอ้หนู รู้หรือเปล่าว่ามีสักกี่คนที่อยากได้หนวดพญามังกรนี่ เพราะเป็นของหายาก ร้อยปีจะโผล่มาให้เห็นสักครั้ง ไม่ใช่เพราะสรรพคุณทางยา”
“นี่มัน…”
ซ่งจื่อเซวียนสูดหายใจเข้าลึกๆ จริงอย่างที่เสี่ยหวังพูด มันเหมือนกับของโบราณ ใครจะสะสมของเก่าเพื่อเอาไว้ใช้งานกัน
มีแต่ซื้อมาเพื่อจะเอาไว้ขายต่อเก็งกำไร ไม่ก็เก็บสะสมไว้เฉยๆ
ถ้าจะถามว่าเก็บไว้เฉยๆ ไปเพื่ออะไร ก็ไม่มีทางที่จะอธิบายให้คนธรรมดาเข้าใจได้
สะสม เพื่อสะสมเท่านั้นเลย การครอบครองของล้ำค่าเช่นนี้นำมาซึ่งความสุข แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจ
“ถ้าอย่างนั้น…มันก็เหมือนกับสิ่งของ ที่บางคนอยากเก็บมันไว้เฉยๆ งั้นเหรอครับ”
หวังเฉิงยงยิ้ม “เป็นไปได้ แต่คนที่ต้องการใช้เป็นยาก็มี เจ้าหน้าที่รัฐเองก็รวบรวมยาหายากหลายชนิด แถมให้ราคาที่ไม่ต่ำกว่าที่แต่ละคนเสนอไปเลย”
“ที่แท้ก็มีเรื่องแบบนี้อยู่นี่เอง มิน่าล่ะคนที่ซื้อสินค้ามาขายต่อในตลาดมืดถึงได้รวยเอาๆ ที่แท้ก็หาคนซื้อง่ายแบบนี้นี่เอง”
“ไม่ใช่แบบนั้น…นายต้องเรียนรู้อีกหน่อยนะไอ้หนู แต่ว่า…ของพวกนี้เป็นประโยชน์กับการทำอาหารนะ”
“กับการทำอาหารเหรอครับ”
ซ่งจื่อเซวียนเริ่มสนใจและถามทันที
“ใช่ โสมใช้บำรุงร่างกายได้อย่างน่ามหัศจรรย์ สรรพคุณของมันไม่มีอะไรมากไปกว่าการบำรุงลมปราณ เสริมสร้างม้าม กระเพาะอาหาร กระตุ้นน้ำลาย ช่วยทำให้จิตใจสงบ
แต่ในความเป็นจริงแล้ว โสมยังมีคุณค่าในการรักษาความดันโลหิต ฟื้นฟูการทำงานของหัวใจ และแม้แต่การรักษาพวกโรคประสาทอ่อนได้
ถึงจะพูดได้ไม่เต็มปากว่ามันเป็นยาวิเศษหรือรักษาได้ผลชะงัด แต่ถึงยังไงก็ตาม โสมก็เป็นสมบัติล้ำค่าของประเทศจีน โดยเฉพาะโสมแก่ที่มีอายุยาวนาน”
ซ่งจื่อเซวียนพยักหน้า “ก็จริงนะครับ แต่เจ้านี่มันเกี่ยวกับการทำอาหารตรงไหน”
หวังเฉิงยงยิ้ม “ในช่วงกลางราชวงศ์ชิงมีพ่อครัวคนหนึ่งชื่อว่าหวังปิง เขาเริ่มต้นจากการเปิดร้านอาหารต๊อกต๋อย แต่ภายหลังเขาหันมาทำอาหารบำรุงร่างกายจนกลายเป็นพ่อครัวผู้มีชื่อเสียง
ตำนานเล่าขานกันว่าเขาทำสำเร็จได้ด้วยหนวดพญามังกรเหง้าเดียว”
“อะไรนะ หนวดพญามังกรเหง้าเดียวเหรอครับ เขาทำอาหารทั้งชีวิตด้วยโสมเหง้าเดียวเนี่ยนะ” ซ่งจื่อเซวียนเอ่ยถามด้วยความมึนงง
“ฟังก่อนสิ โสมแก่นี่ห้ามใช้มั่วซั่วเด็ดขาด สรรพคุณทางยาแรง และใครๆ ต่างรู้กันดีว่าถ้าไม่เติมวัตถุดิบเสริมจะกลายเป็นโทษแทน”
หวังเฉิงยงพูดต่อ “ดังนั้น เขาจึงนำหนวดพญามังกรหนึ่งเหง้านั้นไปแช่น้ำ จากนั้นก็ปล่อยน้ำนั้นแช่ในหม้อต่อไปอีกสี่สิบเก้าวัน
สี่สิบเก้าวันต่อมา ตัวยาก็ซึมเข้าไปในหม้อ เขาจึงตั้งไฟแรงต้มน้ำโสมอีกครั้ง
เพื่อไม่ให้สารสกัดจากโสมระเหยไป เขาจึงคลุมหม้อไว้ด้วยผ้าดิบและต้มทิ้งไว้จนกว่าหม้อจะแห้ง และเหลือหนวดพญามังกรเพียงเหง้าเดียว”
เมื่อฟังจบ ซ่งจื่อเซวียนก็เบิกตากว้างอย่างอดไม่ได้ “จริงเหรอครับ…หนวดพญามังกรนั่นยังใช้ได้ผลอีกเหรอครับ”
“หึๆ หนวดพญามังกรเส้นสุดท้ายนั่นไม่มีรสชาติเหลืออยู่เลย รสสัมผัสเหนียว ตัวยาสำคัญทั้งหมดซึมอยู่ในหม้อหมดแล้ว”
ฟังจบแล้ว…ซ่งจื่อเซวียนถึงกับนิ่งเงียบไปชั่วขณะ
…………………………………………….
……….